ปฐมบท
ผมชื่อ ณัฏฐ์ ปิ่นโพธิวงศ์ ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ตามจริง โดยขอปิดชื่อ-สกุลจริงของคนในเรื่องไว้(ยกเว้นตัวผมเอง) เพื่อความรัดกุมทางกฎหมาย ส่วนหมายจับ(ความอาญา คดีฉ้อโกง)ของผู้ต้องหาดูได้เฟสผมครับ เรื่องโดยย่อหาอ่านจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ได้หลายฉบับ โดยพิมพ์ชื่อ-สกุลของผมในgoogle http://www.thairath.co.th/content/488578

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อประมาณพ.ค.2556 ผมอยู่ที่เชียงใหม่ ทำงานเกี่ยวกับค้าปลีก มีผู้หญิงคนนึงเข้ามาทักผมทางinternet ชื่อเล่นว่า ขิง จบ ป.โท พูดอังกฤษปร๋อ (ข้อสังเกต)เป็นคนผิวสองสีและไม่สูงมากนักประมาณ155cm.ได้ เธอมีสุนัขพันธุ์ปั๊กสีฟางข้าวอยู่ 1 ตัวชื่อเมอร์ฟี่ บ้านเธออยู่ อำเภอเมือง ลพบุรี เธอบอกว่าทำงานที่สำนักพิมพ์มีชื่อแห่งหนึ่งทำงานด้านตรวจสอบต้นฉบับ งานทางinternetไม่ต้องไปทำงานที่ออฟฟิศ นานๆถึงจะไปประชุมที่กรุงเทพฯ และเป็นตัวแทนของบริษัทฯ ติดต่องานกับลูกค้าในเขตภาคเหนือ เงินเดือน 60,000 บาท และมีร้านเสื้อผ้าชื่อร้านใบขิงแถวร่มเกล้า(เค้าเคยเอารูปให้ดู) พ่อชื่อพันโทพยัคฆ์ แม่นามสกุลเดิม เป็นนามสกุลมีชื่อในลพบุรี พ่อเค้าลาออกจากราชการแล้วมาทำธุรกิจเต็นท์รถมือสอง เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนั้น มีหุ้นส่วนในค่ายมวย เคยเป็นหัวคะแนนให้นักการเมืองท้องถิ่น แล้วก็มีมินิมาร์ท 2 ที่ ปั๊มเชลล์ 2 ที่ มีไร่ทานตะวันและไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่ และเค้าผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นกำลังซื้อบ้านซื้อรถอยู่ด้วยกัน แต่ต้องเลิกราเพราะฝ่ายชายกลับไปคบกับแฟนเก่า
คือตอนที่คุยๆกันก็คิดว่าชอบหนังสือเหมือนๆกัน ไม่เที่ยวไม่สูบหรี่ ไม่สังคมจ๋า เค้าถามผมว่าลองคบกันไหม ผมก็ดูแล้วน่าจะพอไปกันได้เลยลองคบกัน พอได้ลองคบระยะนึงก็เริ่มเห็นว่าเธออารมณ์แปรปรวน เกรี้ยวกราด เสียงดังโวยวาย หาเรื่องทะเลาะได้บ่อยมาก ตอนนั้นเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยจนผมอึดอัดแล้ว ผมคุยกับเธอว่าถ้าปรับตัวเข้าหากันไม่ได้เราเว้นระยะหรือไปหาคนที่ทำอย่างที่เธอต้องการดีกว่าไหม ก็จนเลิกกันไป ตอนนั้นคิดว่าจบกันด้วยดี ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้
ผมเห็นในเฟส เธอโพส check in ว่าพันโทพยัคฆ์ มาที่ภาค5 (สำนักงานตำรวจภาค5)เหมือนรู้จักกับตำรวจระดับสูงในนั้น เมื่อผ่านมา จึงมาเยี่ยม(ตอนนั้นไม่ได้เก็บภาพไว้ แต่ตอนนี้ถูกลบออกจากเฟสของเธอไปแล้ว) จนประมาณปลายเดือน ก.ค.2556 เธอโทรมาหาผม บอกว่าเธอท้อง ผมตกใจแล้วก็คิดว่าเป็นไปได้ยังไง เพราะป้องกันทุกครั้ง จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มีความสัมพันธ์ ผมป้องกันแล้วแต่เธอดึงออก แต่ก็คิดว่าไม่น่า แต่ก็นั่นละ ร่างกายเธอ ชีวิตเธอ เธอเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรคืออะไร ตอนนั้นคิดว่าถ้าต้องให้รับผิดชอบก็ได้ แม่ผมอยากอุ้มหลานอยู่แล้ว แต่คิดกังวลเรื่องสิ่งที่เค้าเป็น เกรี้ยวกราด เสียงดังโวยวาย ถ้าเกิดมีลูกแล้วทนกันไม่ได้มันจะไปกันใหญ่ เค้าเองก็ว่าเค้ายังไม่พร้อมไม่อยากให้พ่อกับแม่เค้ารู้ จึงตัดสินใจร่วมกัน คือผมซื้อยาให้เธอ ตอนนั้นผมเจ็บใจและโกรธเธอมากทั้งที่ผมป้องกันแล้ว (ตอนนั้นผมไม่ได้ตรวจสอบอะไร) แต่ก็เห็นใบตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นผมค่อนข้างเชื่อ เพราะเค้าว่าไปสถานลดน้ำหนักเข้าโปรแกรมแล้วน้ำหนักไม่ลด ทางพนักงานให้ลองใช้ชุดตรวจ ก็เลยหยุดโปรแกรมลดน้ำหนักไว้แค่นั้น ที่ central airport เชียงใหม่ ตอนนั้น เธอขอให้ผมกลับไปคบเธอเหมือนเดิม แล้วเธอจะปรับปรุงตัวให้ไม่มีปัญหาทะเลาะกันอีก ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดไหม แต่ก็สงสารเธอ ที่ต้องเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ ความรู้สึกดีๆก็ยังคงอยู่ ก็ให้โอกาสกันลองคบกันใหม่อีกครั้ง
ช่วงนั้นเธอเล่าว่า เธอมีลูกน้องเป็นคนเชียงใหม่อายุมากกว่า ทำห้องพักให้เช่าชื่อพี่กุ้ง พี่กุ้งพาเธอไปหายายของพี่กุ้ง ยายเธอดูหมอได้ แล้วดูให้เธอว่า ผมกับเธอเป็นคู่เวรคู่กรรมกัน ชาติก่อนเธอชื่อทับทิม มีพี่สาวชื่อแก้วแล้วผมในชาตินั้นก็มาคบกับแก้ว และก็แอบได้เสียกับทับทิม แล้วหนีหายไป แก้วเสียใจมาก ฆ่าตัวตาย และยังไม่ไปเกิด หลังจากที่ยายของพี่กุ้งคุยเรื่องนี้กับเธอไม่กี่วัน ยายก็เสีย ช่วงนั้นผมยังพักอยู่ที่บ้านพักของบริษัท หลังจากที่เธอเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง เธอบอกว่า เธอเห็นวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นแก้ว เธอเล่าให้ฟังว่าผู้หญิงคนนี้เคยมาเข้าฝัน เอาดอกไม้มาให้ เธอบอกว่าแก้วคงจะมาเกิดกับเธอ ช่วงนั้นเธอว่าฝันถึงพระรูปนึงว่าให้ไปจุดธูปขอขมาวิญญาณที่ทำให้เค้าไม่ได้เกิด ผมลองเอารูปหลวงปู่ดู่ที่ผมนับถือให้ดู เธอว่าใช่ ตอนนั้นผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นช่วงที่พ่อผมเสีย ผมเลยคิดจะบวชให้ช่วงเดือนธันวาคม 2556
ตอนนั้นเธอพักอยู่ที่กองแก้วเฮือนคำ ค่าเช่า12,000บาท/เดือน สักพัก เธอก็บอกว่ามีธุระต้องกลับบ้านของเธอ หลังจากนั้น มีผู้หญิงคนนึงทักผมมาในเฟสชื่อหวาน เธอว่าเธอทำงานที่ Isuzu ดอนจั่น เชียงใหม่ คุยกันสักพัก เธอบอกว่าเธอมาลองสืบเรื่องผมเพราะเธอเป็นเพื่อนขิง และพ่อของหวานก็เป็นทหารรุ่นน้องของพันโทพยัคฆ์ รู้จักกันมาแต่เด็ก แล้วก็มีบ้านในหมู่บ้านเดียวกันในกรุงเทพฯอีกด้วย หวานบอกว่า พันโทพยัคฆ์ตามใจขิงมาก อยากได้อะไรก็ไม่เคยขัดแล้วหวานก็ส่งภาพพันโทพยัคฆ์มาให้ผมหลายรูป..
.. จากรูป พันโทพยัคฆ์ดูเป็นผู้มีอิทธิพลจริงๆ ขิงเคยบอกว่าตอนนี้พ่อเค้าวิ่งเรื่องงานประมูลเกี่ยวกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่ากว่า1,000ล้าน ได้ส่วนแบ่งค่าวิ่งงานประมาณ 3% ในพม่าให้กลุ่มทุนในไทยโดยมีนักการเมืองที่เราๆคุ้นหน้าเป็นเจ้านายของพันโทพยัคฆ์อีกที หวานบอกว่าตัวเธอมีแฟนชื่อพี่เป้เป็นพนักงานส่วนงานขายของ Isuzu ดอนจั่นเชียงใหม่ มีอยู่วันนึง หวานเฟสมาบอกว่าแม่ของขิงโดนรถชน เสียชีวิต รู้ไหม ผมก็ว่ายังไม่รู้ หลังจากนั้นไม่กี่วันขิงก็ติดต่อมาบอกว่าแม่ขิงไปดูแลร้านมินิมาร์ท แล้วแถวนั้นเป็นวงเวียนแม่ขับรถยนต์ตามวงเวียนปกติแต่มีวัยรุ่นขับรถกระบะ ทวนวงเวียนเพราะมักง่าย จึงชนรถยนต์ที่แม่ขับ แม่ขิงอยู่ICUไม่กี่วันก็เสีย ผมก็ถามว่าแล้วพันโทพยัคฆ์ทำยังไงกับวัยรุ่นพวกนั้น ขิงว่าเก็บไปแล้ว(ยิงทิ้ง)ทั้ง2คน ผมถามว่าไม่กลัวกฎหมายเหรอ เค้าว่าก็ให้ครอบครัวพวกวัยรุ่นพวกนั้นหาทางพิสูจน์เอาเองซิ ตอนนั้นขิงว่าจะต้องไปดูแลกิจการแทนแม่แล้วจะบวชชี(แบบไม่โกนผม)ให้แม่ด้วย ยังไม่กลับมาเชียงใหม่
ช่วงประมาณกันยายน2556 ขิงโทรมาหาผมว่าเธอคุยเรื่องเช่าห้องพักกับคอนโดที่เชียงใหม่ที่นึง(ทัชฮิล คอนโด) ให้ผมไปติดต่อแล้วถ่ายรูปส่งให้ดู จนได้ตัดสินใจเช่าที่นี่ในที่สุด ค่าเช่าประมาณ16,000บาท/เดือน

ขิงพยายามให้ผมย้ายไปอยู่กับเค้าให้ได้ เธอเคยบอกว่าจะมาดีๆหรือให้คนไปรับ(หมายถึงคนของพันโทพยัคฆ์) ตอนนั้นผมเริ่มกลัวแล้วว่าจะทำอะไรวุ่นวายให้กับคนในที่พักของบริษัทผมไหม จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ทัชฮิล โดยที่ของส่วนตัวส่วนใหญ่ยังอยู่ในห้องพักของบริษัท เพราะคิดว่าคงจะขอไปๆมาๆ ช่วงนั้นขิงเริ่มพูดถึงอิทธิพลของพันโทพยัคฆ์มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เล่าว่าเธอมีพี่น้องรวมตัวเธอเป็น 3 คน น้องสาวคนกลางชื่อดาว แล้วน้องชายคนสุดท้องชื่อไผ่ น้องชายเป็นคนเกเร ตีรันฟันแทงกับคนอื่นบ่อย แม่ขิงร้องไห้ทุกวัน เคยมีกรณีรุมโทรมผู้หญิง แล้วผู้หญิงบอกว่าจะเอาเรื่อง เลยตีจนตายแล้วหนี แต่พันโทพยัคฆ์ก็ให้ลูกน้องไปล้อมจับแล้วเอาไปไว้ที่ safe house แล้วเคลียคดีให้ ขิงว่าพันโทพยัคฆ์บอกว่าให้หนีไปเถอะ ในประเทศสามารถหาได้หมดและยังบอกอีกว่าเคลียได้ทุกคดี ยกเว้นคดียาเสพติด ขิงเคยให้ดูบันทึกว่าช่วงที่เลิกคบกันครั้งแรกกับผม เธอให้คนมีสีที่รู้จักของพันโทพยัคฆ์หาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวผม มีทั้งเบอร์ผม น้องผม แม่ผม แล้วเบอร์บ้านทุกเบอร์ทั้ง 2 ที่ รวมทั้งรู้แม้กระทั่งชื่อแมวที่มาอาศัยอยู่เองในบ้านด้วย(ชื่อมดดำ)
เธอเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อเธอกว้างขวาง รู้จักคนในหลายวงการ เธอเคยโอนเงินเข้าผิดบัญชี (โอนทางเน็ต) ตอนนั้นเป็น ธ.กสิกร แล้วบอกผมว่าถ้าใช้วิธีการปกติจะเสียเวลากว่าจะได้เงินคืน เธอโทรไปหาพันโทพยัคฆ์ให้จัดการให้ (เหมือนให้คนในระดับสูงในธนาคารให้จัดการระบบให้โอนกลับโดยไม่ต้องยื่นคำร้องหรือเขียนเอกสารใดๆ) บางช่วงเธอว่าไปทำงานในลำปาง เชียงราย กับพี่กุ้งหรือไปต่างประเทศกับหัวหน้าเธอ(ชื่อพี่ป๋อ) ผมก็กลับไปพักที่บ้านพักของบริษัท เธอเคยบอกว่าบริษัทจะให้เธอไปทำงานที่ออสเตรเรีย แต่ก็ปฏิเสธไปเพราะอยากอยู่กับผมที่เชียงใหม่มากกว่า ช่วงที่เธอไปทำงานต่างจังหวัด บางที เธอชอบโทรมาบ่นว่าเธออยู่นอกเมือง หาธนาคารยาก จะทำธุรกรรมไม่สะดวก เลยบอกว่าจะฝากเงินทิ้งไว้ให้ผมประมาณหนึ่งแสน เพื่อให้โอนเข้าบัญชีที่เธอบอก(แต่ก็ไม่เคยฝากเงินจำนวนนั้นให้ผมทำธุรกรรมดังว่า)
ช่วงนั้นเธอว่า ได้รับตำแหน่งใหม่สามารถตัดเอาหนังสือของบริษัทฯที่ตกรุ่นแล้วไปขายได้กำไรตั้งแต่15 20 30แม้กระทั่ง50%ในเวลาไม่นาน (เฉลี่ยส่วนใหญ่ไม่เกิน45วัน)

เธอบอกว่าหัวหน้าเธอโดยตรงที่ชื่อพี่ป๋อกับคนที่มีตำแหน่งแบบเธอประมาณ4-5คนสามารถทำแบบนี้ได้ พี่ป๋อสามารถส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้เพราะวิธีการแบบนี้ ตอนนั้นเธอกางสมุดจดให้ดู มีคนที่ชื่อพี่เอ อยู่ชลบุรี เหมือนเธอรู้จักแล้วชวนลงทุนก็ได้กำไรไปมากมาย เธอชวนผมลงทุน ผมก็เริ่มลงทุนกับเธอ เท่าที่พอจะมีเงิน ช่วงนั้นก็มีปากมีเสียงกันเรื่อยเหมือนเดิม จนมีอยู่วันนึงจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ผมอดทนไม่ไหวจริงๆ ทำเสียงเอะอะดังให้ข้างห้องหรืออาจจะทั้งชั้นของคอนโดได้ยิน ผมจะกลับไปนอนที่บ้านพักบริษัทละ เธอวิ่งไปเอามีดในครัวพร้อมกับโทรศัพท์ไปหาใครบางคน ท่าทางเหมือนกับว่า วันนั้นถ้าเธอทำร้ายผมหรือเก็บผม เธอจะไม่ต้องรับผิดชอบประมาณนั้น

วินาทีนั้นความคิดหลายๆอย่างพรั่งพรูเข้ามาในหัวผม กะว่าถ้ารอดไปได้คงไปแจ้งความแล้ว ไม่ทนอีกแล้ว ตอนนั้นคิดว่าถ้าผมได้เลือดหรือถูกแทงตาย เธอก็ต้องโดนแบบนั้นบ้างเหมือนกัน จบๆกันเสียที แต่พอลองคิดกว้างๆก็กังวลว่า ถ้ารอดไปแล้วเกิดไม่จบ แล้วเค้าไปบอกพ่อเค้าให้จัดการจะเป็นอย่างไร กลัวไปทำอะไรที่ ร้านที่ผมดูแล หรือไปก่อกวนคนในที่พักของบริษัทผม หรือคนที่บ้านผม เค้าบอกว่า ถ้าเค้าไม่คิดจะเลิกกับผม อย่าหวังว่าจะออกไปจากชีวิตเค้าได้ ตอนนั้นเหมือนชีวิตผมถูกครอบงำเบ็ดเสร็จ ไม่กล้าขยับอะไรเพราะกลัวไปต่างๆนาๆ ตอนนั้นคิดว่า ก็ตามๆน้ำไป อดทนไว้ จนวันนึงเค้าเบื่อ คงปล่อยเราไปเอง
ช่วงนั้นผมก็สังเกตเห็นกล่องใส่ทองหลายกล่อง แต่ไม่เห็นทอง (ขิงถ่ายส่งให้ดู) ขิงบอกว่ารวมๆน้ำหนักประมาณ30กว่าบาท

ช่วงเดือนธันวาคม2556 ผมก็บวช

จนหลังปีใหม่ เค้าบอกว่า พ่อเค้าฝากคนเข้าเป็นทหารให้ และได้มอเตอร์ไซค์ป้ายแดง 1 คัน ตอบแทน

เอามาไว้ใช้ขี่ใกล้ๆแถวคอนโด(จำไม่ได้ว่าเป็นคนเชียงใหม่หรือที่ไหน ไม่เห็นตัว) ช่วงนั้นเค้าให้ผมไปเป็นเพื่อนพาดูรถในระดับ camry ก็ไปลองหลายค่ายจนมาลงที่ camry hybrid ตัว Top สีดำ จ่ายสด คันละล้านแปดกว่า

ซึ่งตอนแรกที่รู้จักกัน(ตอนนั้นยังไม่ได้เจอตัวขิง)เค้าเคยโพสในเฟสเป็น camry hybrid คันสีขาว เป็นภาพมีคำบรยายเหมือนกำลังอยู่ที่คาร์แคร์ล้างรถ แต่ไม่เห็นตัวเค้าคู่กับรถ พอได้เจอตัวกัน ตอนนั้นผมก็ไม่เห็นคันสีขาวนั้นแล้ว เค้าว่า แม่เค้าไปหาหมอดูแล้วบอกว่า สีขาวไม่ถูกโฉลกกับเค้าเลยเอากลับบ้าน ช่วงนั้นดูเค้าอู้ฟู่มาก ไปกินข้างนอกกันก็จ่ายเป็นพันทุกครั้ง ไปถอนเงินสดๆหลายๆแสนมา บอกว่าจะย้ายไปใส่บัญชีอื่น ช็อปปิ้งวันนึงเป็นแสนก็มี
วิญญาณ..กลโกง..และความกล้า..(จากหน้าหนังสือพิมพ์ออนไลน์)
ผมชื่อ ณัฏฐ์ ปิ่นโพธิวงศ์ ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ตามจริง โดยขอปิดชื่อ-สกุลจริงของคนในเรื่องไว้(ยกเว้นตัวผมเอง) เพื่อความรัดกุมทางกฎหมาย ส่วนหมายจับ(ความอาญา คดีฉ้อโกง)ของผู้ต้องหาดูได้เฟสผมครับ เรื่องโดยย่อหาอ่านจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ได้หลายฉบับ โดยพิมพ์ชื่อ-สกุลของผมในgoogle http://www.thairath.co.th/content/488578
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อประมาณพ.ค.2556 ผมอยู่ที่เชียงใหม่ ทำงานเกี่ยวกับค้าปลีก มีผู้หญิงคนนึงเข้ามาทักผมทางinternet ชื่อเล่นว่า ขิง จบ ป.โท พูดอังกฤษปร๋อ (ข้อสังเกต)เป็นคนผิวสองสีและไม่สูงมากนักประมาณ155cm.ได้ เธอมีสุนัขพันธุ์ปั๊กสีฟางข้าวอยู่ 1 ตัวชื่อเมอร์ฟี่ บ้านเธออยู่ อำเภอเมือง ลพบุรี เธอบอกว่าทำงานที่สำนักพิมพ์มีชื่อแห่งหนึ่งทำงานด้านตรวจสอบต้นฉบับ งานทางinternetไม่ต้องไปทำงานที่ออฟฟิศ นานๆถึงจะไปประชุมที่กรุงเทพฯ และเป็นตัวแทนของบริษัทฯ ติดต่องานกับลูกค้าในเขตภาคเหนือ เงินเดือน 60,000 บาท และมีร้านเสื้อผ้าชื่อร้านใบขิงแถวร่มเกล้า(เค้าเคยเอารูปให้ดู) พ่อชื่อพันโทพยัคฆ์ แม่นามสกุลเดิม เป็นนามสกุลมีชื่อในลพบุรี พ่อเค้าลาออกจากราชการแล้วมาทำธุรกิจเต็นท์รถมือสอง เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนั้น มีหุ้นส่วนในค่ายมวย เคยเป็นหัวคะแนนให้นักการเมืองท้องถิ่น แล้วก็มีมินิมาร์ท 2 ที่ ปั๊มเชลล์ 2 ที่ มีไร่ทานตะวันและไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่ และเค้าผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นกำลังซื้อบ้านซื้อรถอยู่ด้วยกัน แต่ต้องเลิกราเพราะฝ่ายชายกลับไปคบกับแฟนเก่า
คือตอนที่คุยๆกันก็คิดว่าชอบหนังสือเหมือนๆกัน ไม่เที่ยวไม่สูบหรี่ ไม่สังคมจ๋า เค้าถามผมว่าลองคบกันไหม ผมก็ดูแล้วน่าจะพอไปกันได้เลยลองคบกัน พอได้ลองคบระยะนึงก็เริ่มเห็นว่าเธออารมณ์แปรปรวน เกรี้ยวกราด เสียงดังโวยวาย หาเรื่องทะเลาะได้บ่อยมาก ตอนนั้นเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยจนผมอึดอัดแล้ว ผมคุยกับเธอว่าถ้าปรับตัวเข้าหากันไม่ได้เราเว้นระยะหรือไปหาคนที่ทำอย่างที่เธอต้องการดีกว่าไหม ก็จนเลิกกันไป ตอนนั้นคิดว่าจบกันด้วยดี ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้
ผมเห็นในเฟส เธอโพส check in ว่าพันโทพยัคฆ์ มาที่ภาค5 (สำนักงานตำรวจภาค5)เหมือนรู้จักกับตำรวจระดับสูงในนั้น เมื่อผ่านมา จึงมาเยี่ยม(ตอนนั้นไม่ได้เก็บภาพไว้ แต่ตอนนี้ถูกลบออกจากเฟสของเธอไปแล้ว) จนประมาณปลายเดือน ก.ค.2556 เธอโทรมาหาผม บอกว่าเธอท้อง ผมตกใจแล้วก็คิดว่าเป็นไปได้ยังไง เพราะป้องกันทุกครั้ง จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มีความสัมพันธ์ ผมป้องกันแล้วแต่เธอดึงออก แต่ก็คิดว่าไม่น่า แต่ก็นั่นละ ร่างกายเธอ ชีวิตเธอ เธอเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรคืออะไร ตอนนั้นคิดว่าถ้าต้องให้รับผิดชอบก็ได้ แม่ผมอยากอุ้มหลานอยู่แล้ว แต่คิดกังวลเรื่องสิ่งที่เค้าเป็น เกรี้ยวกราด เสียงดังโวยวาย ถ้าเกิดมีลูกแล้วทนกันไม่ได้มันจะไปกันใหญ่ เค้าเองก็ว่าเค้ายังไม่พร้อมไม่อยากให้พ่อกับแม่เค้ารู้ จึงตัดสินใจร่วมกัน คือผมซื้อยาให้เธอ ตอนนั้นผมเจ็บใจและโกรธเธอมากทั้งที่ผมป้องกันแล้ว (ตอนนั้นผมไม่ได้ตรวจสอบอะไร) แต่ก็เห็นใบตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นผมค่อนข้างเชื่อ เพราะเค้าว่าไปสถานลดน้ำหนักเข้าโปรแกรมแล้วน้ำหนักไม่ลด ทางพนักงานให้ลองใช้ชุดตรวจ ก็เลยหยุดโปรแกรมลดน้ำหนักไว้แค่นั้น ที่ central airport เชียงใหม่ ตอนนั้น เธอขอให้ผมกลับไปคบเธอเหมือนเดิม แล้วเธอจะปรับปรุงตัวให้ไม่มีปัญหาทะเลาะกันอีก ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดไหม แต่ก็สงสารเธอ ที่ต้องเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ ความรู้สึกดีๆก็ยังคงอยู่ ก็ให้โอกาสกันลองคบกันใหม่อีกครั้ง
ช่วงนั้นเธอเล่าว่า เธอมีลูกน้องเป็นคนเชียงใหม่อายุมากกว่า ทำห้องพักให้เช่าชื่อพี่กุ้ง พี่กุ้งพาเธอไปหายายของพี่กุ้ง ยายเธอดูหมอได้ แล้วดูให้เธอว่า ผมกับเธอเป็นคู่เวรคู่กรรมกัน ชาติก่อนเธอชื่อทับทิม มีพี่สาวชื่อแก้วแล้วผมในชาตินั้นก็มาคบกับแก้ว และก็แอบได้เสียกับทับทิม แล้วหนีหายไป แก้วเสียใจมาก ฆ่าตัวตาย และยังไม่ไปเกิด หลังจากที่ยายของพี่กุ้งคุยเรื่องนี้กับเธอไม่กี่วัน ยายก็เสีย ช่วงนั้นผมยังพักอยู่ที่บ้านพักของบริษัท หลังจากที่เธอเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง เธอบอกว่า เธอเห็นวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นแก้ว เธอเล่าให้ฟังว่าผู้หญิงคนนี้เคยมาเข้าฝัน เอาดอกไม้มาให้ เธอบอกว่าแก้วคงจะมาเกิดกับเธอ ช่วงนั้นเธอว่าฝันถึงพระรูปนึงว่าให้ไปจุดธูปขอขมาวิญญาณที่ทำให้เค้าไม่ได้เกิด ผมลองเอารูปหลวงปู่ดู่ที่ผมนับถือให้ดู เธอว่าใช่ ตอนนั้นผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นช่วงที่พ่อผมเสีย ผมเลยคิดจะบวชให้ช่วงเดือนธันวาคม 2556
ตอนนั้นเธอพักอยู่ที่กองแก้วเฮือนคำ ค่าเช่า12,000บาท/เดือน สักพัก เธอก็บอกว่ามีธุระต้องกลับบ้านของเธอ หลังจากนั้น มีผู้หญิงคนนึงทักผมมาในเฟสชื่อหวาน เธอว่าเธอทำงานที่ Isuzu ดอนจั่น เชียงใหม่ คุยกันสักพัก เธอบอกว่าเธอมาลองสืบเรื่องผมเพราะเธอเป็นเพื่อนขิง และพ่อของหวานก็เป็นทหารรุ่นน้องของพันโทพยัคฆ์ รู้จักกันมาแต่เด็ก แล้วก็มีบ้านในหมู่บ้านเดียวกันในกรุงเทพฯอีกด้วย หวานบอกว่า พันโทพยัคฆ์ตามใจขิงมาก อยากได้อะไรก็ไม่เคยขัดแล้วหวานก็ส่งภาพพันโทพยัคฆ์มาให้ผมหลายรูป..
.. จากรูป พันโทพยัคฆ์ดูเป็นผู้มีอิทธิพลจริงๆ ขิงเคยบอกว่าตอนนี้พ่อเค้าวิ่งเรื่องงานประมูลเกี่ยวกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่ากว่า1,000ล้าน ได้ส่วนแบ่งค่าวิ่งงานประมาณ 3% ในพม่าให้กลุ่มทุนในไทยโดยมีนักการเมืองที่เราๆคุ้นหน้าเป็นเจ้านายของพันโทพยัคฆ์อีกที หวานบอกว่าตัวเธอมีแฟนชื่อพี่เป้เป็นพนักงานส่วนงานขายของ Isuzu ดอนจั่นเชียงใหม่ มีอยู่วันนึง หวานเฟสมาบอกว่าแม่ของขิงโดนรถชน เสียชีวิต รู้ไหม ผมก็ว่ายังไม่รู้ หลังจากนั้นไม่กี่วันขิงก็ติดต่อมาบอกว่าแม่ขิงไปดูแลร้านมินิมาร์ท แล้วแถวนั้นเป็นวงเวียนแม่ขับรถยนต์ตามวงเวียนปกติแต่มีวัยรุ่นขับรถกระบะ ทวนวงเวียนเพราะมักง่าย จึงชนรถยนต์ที่แม่ขับ แม่ขิงอยู่ICUไม่กี่วันก็เสีย ผมก็ถามว่าแล้วพันโทพยัคฆ์ทำยังไงกับวัยรุ่นพวกนั้น ขิงว่าเก็บไปแล้ว(ยิงทิ้ง)ทั้ง2คน ผมถามว่าไม่กลัวกฎหมายเหรอ เค้าว่าก็ให้ครอบครัวพวกวัยรุ่นพวกนั้นหาทางพิสูจน์เอาเองซิ ตอนนั้นขิงว่าจะต้องไปดูแลกิจการแทนแม่แล้วจะบวชชี(แบบไม่โกนผม)ให้แม่ด้วย ยังไม่กลับมาเชียงใหม่
ช่วงประมาณกันยายน2556 ขิงโทรมาหาผมว่าเธอคุยเรื่องเช่าห้องพักกับคอนโดที่เชียงใหม่ที่นึง(ทัชฮิล คอนโด) ให้ผมไปติดต่อแล้วถ่ายรูปส่งให้ดู จนได้ตัดสินใจเช่าที่นี่ในที่สุด ค่าเช่าประมาณ16,000บาท/เดือน
ขิงพยายามให้ผมย้ายไปอยู่กับเค้าให้ได้ เธอเคยบอกว่าจะมาดีๆหรือให้คนไปรับ(หมายถึงคนของพันโทพยัคฆ์) ตอนนั้นผมเริ่มกลัวแล้วว่าจะทำอะไรวุ่นวายให้กับคนในที่พักของบริษัทผมไหม จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ทัชฮิล โดยที่ของส่วนตัวส่วนใหญ่ยังอยู่ในห้องพักของบริษัท เพราะคิดว่าคงจะขอไปๆมาๆ ช่วงนั้นขิงเริ่มพูดถึงอิทธิพลของพันโทพยัคฆ์มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เล่าว่าเธอมีพี่น้องรวมตัวเธอเป็น 3 คน น้องสาวคนกลางชื่อดาว แล้วน้องชายคนสุดท้องชื่อไผ่ น้องชายเป็นคนเกเร ตีรันฟันแทงกับคนอื่นบ่อย แม่ขิงร้องไห้ทุกวัน เคยมีกรณีรุมโทรมผู้หญิง แล้วผู้หญิงบอกว่าจะเอาเรื่อง เลยตีจนตายแล้วหนี แต่พันโทพยัคฆ์ก็ให้ลูกน้องไปล้อมจับแล้วเอาไปไว้ที่ safe house แล้วเคลียคดีให้ ขิงว่าพันโทพยัคฆ์บอกว่าให้หนีไปเถอะ ในประเทศสามารถหาได้หมดและยังบอกอีกว่าเคลียได้ทุกคดี ยกเว้นคดียาเสพติด ขิงเคยให้ดูบันทึกว่าช่วงที่เลิกคบกันครั้งแรกกับผม เธอให้คนมีสีที่รู้จักของพันโทพยัคฆ์หาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวผม มีทั้งเบอร์ผม น้องผม แม่ผม แล้วเบอร์บ้านทุกเบอร์ทั้ง 2 ที่ รวมทั้งรู้แม้กระทั่งชื่อแมวที่มาอาศัยอยู่เองในบ้านด้วย(ชื่อมดดำ)
เธอเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อเธอกว้างขวาง รู้จักคนในหลายวงการ เธอเคยโอนเงินเข้าผิดบัญชี (โอนทางเน็ต) ตอนนั้นเป็น ธ.กสิกร แล้วบอกผมว่าถ้าใช้วิธีการปกติจะเสียเวลากว่าจะได้เงินคืน เธอโทรไปหาพันโทพยัคฆ์ให้จัดการให้ (เหมือนให้คนในระดับสูงในธนาคารให้จัดการระบบให้โอนกลับโดยไม่ต้องยื่นคำร้องหรือเขียนเอกสารใดๆ) บางช่วงเธอว่าไปทำงานในลำปาง เชียงราย กับพี่กุ้งหรือไปต่างประเทศกับหัวหน้าเธอ(ชื่อพี่ป๋อ) ผมก็กลับไปพักที่บ้านพักของบริษัท เธอเคยบอกว่าบริษัทจะให้เธอไปทำงานที่ออสเตรเรีย แต่ก็ปฏิเสธไปเพราะอยากอยู่กับผมที่เชียงใหม่มากกว่า ช่วงที่เธอไปทำงานต่างจังหวัด บางที เธอชอบโทรมาบ่นว่าเธออยู่นอกเมือง หาธนาคารยาก จะทำธุรกรรมไม่สะดวก เลยบอกว่าจะฝากเงินทิ้งไว้ให้ผมประมาณหนึ่งแสน เพื่อให้โอนเข้าบัญชีที่เธอบอก(แต่ก็ไม่เคยฝากเงินจำนวนนั้นให้ผมทำธุรกรรมดังว่า)
ช่วงนั้นเธอว่า ได้รับตำแหน่งใหม่สามารถตัดเอาหนังสือของบริษัทฯที่ตกรุ่นแล้วไปขายได้กำไรตั้งแต่15 20 30แม้กระทั่ง50%ในเวลาไม่นาน (เฉลี่ยส่วนใหญ่ไม่เกิน45วัน)
เธอบอกว่าหัวหน้าเธอโดยตรงที่ชื่อพี่ป๋อกับคนที่มีตำแหน่งแบบเธอประมาณ4-5คนสามารถทำแบบนี้ได้ พี่ป๋อสามารถส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้เพราะวิธีการแบบนี้ ตอนนั้นเธอกางสมุดจดให้ดู มีคนที่ชื่อพี่เอ อยู่ชลบุรี เหมือนเธอรู้จักแล้วชวนลงทุนก็ได้กำไรไปมากมาย เธอชวนผมลงทุน ผมก็เริ่มลงทุนกับเธอ เท่าที่พอจะมีเงิน ช่วงนั้นก็มีปากมีเสียงกันเรื่อยเหมือนเดิม จนมีอยู่วันนึงจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ผมอดทนไม่ไหวจริงๆ ทำเสียงเอะอะดังให้ข้างห้องหรืออาจจะทั้งชั้นของคอนโดได้ยิน ผมจะกลับไปนอนที่บ้านพักบริษัทละ เธอวิ่งไปเอามีดในครัวพร้อมกับโทรศัพท์ไปหาใครบางคน ท่าทางเหมือนกับว่า วันนั้นถ้าเธอทำร้ายผมหรือเก็บผม เธอจะไม่ต้องรับผิดชอบประมาณนั้น
วินาทีนั้นความคิดหลายๆอย่างพรั่งพรูเข้ามาในหัวผม กะว่าถ้ารอดไปได้คงไปแจ้งความแล้ว ไม่ทนอีกแล้ว ตอนนั้นคิดว่าถ้าผมได้เลือดหรือถูกแทงตาย เธอก็ต้องโดนแบบนั้นบ้างเหมือนกัน จบๆกันเสียที แต่พอลองคิดกว้างๆก็กังวลว่า ถ้ารอดไปแล้วเกิดไม่จบ แล้วเค้าไปบอกพ่อเค้าให้จัดการจะเป็นอย่างไร กลัวไปทำอะไรที่ ร้านที่ผมดูแล หรือไปก่อกวนคนในที่พักของบริษัทผม หรือคนที่บ้านผม เค้าบอกว่า ถ้าเค้าไม่คิดจะเลิกกับผม อย่าหวังว่าจะออกไปจากชีวิตเค้าได้ ตอนนั้นเหมือนชีวิตผมถูกครอบงำเบ็ดเสร็จ ไม่กล้าขยับอะไรเพราะกลัวไปต่างๆนาๆ ตอนนั้นคิดว่า ก็ตามๆน้ำไป อดทนไว้ จนวันนึงเค้าเบื่อ คงปล่อยเราไปเอง
ช่วงนั้นผมก็สังเกตเห็นกล่องใส่ทองหลายกล่อง แต่ไม่เห็นทอง (ขิงถ่ายส่งให้ดู) ขิงบอกว่ารวมๆน้ำหนักประมาณ30กว่าบาท
ช่วงเดือนธันวาคม2556 ผมก็บวช
จนหลังปีใหม่ เค้าบอกว่า พ่อเค้าฝากคนเข้าเป็นทหารให้ และได้มอเตอร์ไซค์ป้ายแดง 1 คัน ตอบแทน
เอามาไว้ใช้ขี่ใกล้ๆแถวคอนโด(จำไม่ได้ว่าเป็นคนเชียงใหม่หรือที่ไหน ไม่เห็นตัว) ช่วงนั้นเค้าให้ผมไปเป็นเพื่อนพาดูรถในระดับ camry ก็ไปลองหลายค่ายจนมาลงที่ camry hybrid ตัว Top สีดำ จ่ายสด คันละล้านแปดกว่า
ซึ่งตอนแรกที่รู้จักกัน(ตอนนั้นยังไม่ได้เจอตัวขิง)เค้าเคยโพสในเฟสเป็น camry hybrid คันสีขาว เป็นภาพมีคำบรยายเหมือนกำลังอยู่ที่คาร์แคร์ล้างรถ แต่ไม่เห็นตัวเค้าคู่กับรถ พอได้เจอตัวกัน ตอนนั้นผมก็ไม่เห็นคันสีขาวนั้นแล้ว เค้าว่า แม่เค้าไปหาหมอดูแล้วบอกว่า สีขาวไม่ถูกโฉลกกับเค้าเลยเอากลับบ้าน ช่วงนั้นดูเค้าอู้ฟู่มาก ไปกินข้างนอกกันก็จ่ายเป็นพันทุกครั้ง ไปถอนเงินสดๆหลายๆแสนมา บอกว่าจะย้ายไปใส่บัญชีอื่น ช็อปปิ้งวันนึงเป็นแสนก็มี