คนหล่อตาย...คนสวยดับ ที่ตะกั่วป่า

กระทู้สนทนา
ร้านแห่งนี้ เคยเป็นศูนย์รวมเทรนด์แฟชั่นเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ในสมัยนั้นความนิยมในการตัดเสื้อผ้าแบบ Tailor's Made เป็นที่นิยมในกลุ่ม เถ้าเก๊ หรือเถ้าแก่ในภาษากลาง ยุคที่การเงินสะพีด คำสั่งง่ายๆ คือ เอาไซส์เดียวกัน ผ้าลายนี้มี่กี่สีเอาหมดตัดมาอย่างละหนึ่งตัว นับรวมๆ เถ้าเก๊หนึ่งครอบครัว อาจออเดอร์เสื้อผ้าจากที่ร้านร่วม 20 ตัวทีเดียว

สิ่งที่เห็นจนเจนตาคือ ความพลุกพล่านจอแจตั้งแต่ หกโมงเช้ายาวไปถึงเที่ยงคืน ที่ลูกค้าจะมาชุมนุมที่ร้านของพ่อและแม่ สมัยนั้นตัวร้าน ซึ่งได้เรับแรงบันดาลใจมาจากการตกแต่งเรือ Yacht มีขอบเพดานที่เข้ามุมกับผนังกำแพงทั้วสองด้าน ดีไม้เฉลียง 60 องศา กรุกระกระจกเงาต่อเนื่องตลอดแนว พื้นตาหมากรุกสีขาวดำ โถงกลางบ้านถัดจากตูโชว์ที่ยกพื้น จัดวางหุ่นหัวเหล็กสวมใส่เสื้อสูท คือโซฟาอาร์มแชร์สีเขียวตุ่น เข้าเซตกับโซฟายาว และโต๊ะกลาง ด้านข้างยังมีชั้นวางหนังสือแฟชั่นทุกหัวยอดนิยมในสมัยนั้น ตั้งแต่ ดิฉัน แพรว แฟชั่นรีวิว ผู้หญิง หญิงไทย กุลสตรี และมีแม้แต่ สตรีสาร ขวัญเรือน สกุลไทย หนังสือพิมพ์รายวัน เดลินิวส์ ไทยรัฐ

โถงกลางบ้านจึงไม่เคยว่างเว้นจากการกลายเป็นที่พบปะ สนทนาของกลุ่มลูกค้า

ความวุ่นวายโกลาหลที่ไม่เคยชินแม้เห็นมาตั้งแต่เกิด ทำให้ฉันปลีกตัวอยู่แต่ชั้นบนของบ้านกับพี่เลี้ยง และกลุ่มช้างเย็บร่วมยีาสิบชีวิตในส่วนท้ายๆ ของบ้านเสมอ

...เกลียดจัง ที่ีบ้านไม่เคยเป็นบ้านในฝันที่เงียบ สงบ ไร้ผู้คนขวักไขว่ ฉันได้แต่อธิษฐานในใจลึกๆ ว่า ขอให้ทุกสรรพสิ่งวุ่นวายจงหายไป
พ่อจุดบุหรี่ขึ้นสูบหนึ่งคำ ยืนอยู่หลังโต๊ะไม้สักเนื้อหนาขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า โต๊ะงาน ใช้ชอล์คและไม้บรรทัดรูปทรงต่างๆ ลากเส้นบนผืนผ้าที่กางเต็มพื้นที่ ส่วนชายด้นหนึ่งยังเป็นม้วนผ้าขนาดใหญ่ ทิ้งตัวลงบนพื้น พ่อมีสมาธิดีเสมอ แม้จะทั้งพ่นควันบุหรี่ สนทนากับนายหัวที่มาวัดตัว แล้วเลย นั่งคุยบนสตูลสูง อีกด้านของโต๊ะงาน กระนั้น แพทเทิร์นที่ขึ้นรูปเป็นอาภรณ์ฝีเข็มประณีต ก็ยังออกมารับร่างคนสวมอย่างสมบูรณ์แบบเสมอ

" มี Wrangler เพิ่งมาใหม่นะ กับเสื้อจากเนื้อผ้าจอเจีย"

เสียงสดใสกะตือรือล้นของแม่ นำกลุ่มแม่บ้านคหบดี ที่ตามสามีมาวัดตัว และพลอยกลายเป็นการรวมกลุ่มสังคมเล็กๆ โดยมีร้านเป็นที่นัดพบ ภาพของแม่ซึ่งเพิ่งกลับจากไปร่วมงานมงคลสมรส ในชุดเดรสสีเนื้อทราย แทรกผ้าลูกไม้ลายละเอียดยิบ ในรองเท้าส้นสูง เดินนำเหล่าสตรีแต่งตัวเฉิดฉาย ลึกไปในบ้าน ถัดจากโซนรับแขก

กระจกเงาบานใหญ่เท่าผนังสะท้อนภาพห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ที่แม่สร้างสรรค์ขึ้นเอง ผนังท้ังซ้ายและขวา กลายเป็นชั้นวาง เสิ้อผ้า ของแต่งตัวสำหรับสุภาพสตรี ตรงกลาง มีราวเหล็กขนาดใหญ่ ข้างบนเป็นกงล้อหมุน แขวนเสื้อและกระโปรง สินค้าเทรนด์ใหม่จากประตูน้ำ รับกับช่อโคมไฟทรงเรโทรสีสันแสบตา ที่ห้อยเป็นพวงสูงต่ำ ผนังด้านในสุดที่เชื่อมกับกระจก บิลด์อินเป็นคู้โชว์มีกระจกเลื่อน และไฟสปอต ส่องจับ กางเหงยีนส์ Wrangler สองสามตัว ที่ถูกคลี่ ปักหมุด ตลอดตัวเพื่อดิสเพลย์ เรียงรายอย่างโก้หรู

" แม่ โคมไฟ หายไปไหนแล้ว "
" เก็บไม่ไหวก็ตัดใจทิ้งไปแยะ ไม่เหลือแล้ว"

ฉันยังจำวันหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงที่เคยเป็นชั้นวางราวหมุนในอีกหลายสิบปีถัดมาได้อย่างแจ่มชัด

" ทำไมเงียบจัง ห้าโมงเย็นเอง ปิดบ้านกันหมด"
" ไม่มีใครมาทำอะไรที่ตลาดเก่าแล้ว แร่หมด คนก็ไป"

ฉันเคยดีใจที่บ้านเงียบงัน ไร้ผู้คน ชอบความมืดครึ้มในวันตรุษจีนที่บ้าน หยุดกิจการชั่วคราว ตามเคล็ดของบรระบุรุษที่ห้ามทำงาน เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนเป็นที่สุด แต่กับความเงียบในวันนั้นเมื่อ พุธศักราช 2551 มันหดหู่โหดร้ายเกินกว่าจะนึกฝัน จนอยากย้อนเวลากลับไปทวนสิ่งที่ร้องขอ

" ป๋า ไม่อยู่แล้ว ร้านก็เหมือนตายไปด้วยเลยนะแม่"

แววตาทรหดสู้ชีวิตอย่างนักล่าฝันของแม่ สะท้อนกลับมาอย่างเลื่อนลอย ความเงียบ ยึดครองเวลาหนึ่งอย่างเนิบนานเกินจริง จนทรมาน

" แม่จะทำต่อ"

ฉันไม่รู้ว่า มันเป็นเพราะความผูกพันตลอดชีวิต หรือกิจการคือสิ่งเกาะเกี่ยวอดีต ที่ทำให้แม่ ไม่ยอมทิ้งร้าน แม้ว่าสภาพในวันนั้นจะยับเยินไม่ต่างกับโกดังเก่าเก็บ แต่แม่ก็ทำมันต่ออย่างที่ตั้งใจ

จนวันหนึ่งเมื่อสามปีก่อน เสียงในสายของแม่พูดอย่างเรียบเรื่อย

" แม่บอกคืนร้านเขาไปแล้วนะ"

45 ปี ในที่สุด มันก็ถึงกาลอวสาน บ้านเก่า เมืองแก่ กับแม่ที่ชรา คือปรัชญาที่ทำให้ฉันได้ตระหนักในความจริงที่ว่า เมื่อคนหล่อ ที่เคยก่อตั้งได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ Handsome ก็แก่และตายไปด้วยกัน นับจากวันนั้น
ภาพของแม่ในวันนี้ คือหญิงชรานัยน์ตาขุ่น นุ่งห่มเสื้อผ้าสมถะ ผิดอดีตสาวสังคมตลาดเก่า ที่เคยมีคนชื่นชมมากมาย คงเพราะ
คนหล่อไม่อยู่ แม่ไม่รู้จะแต่งสวยให้ใครชมอีก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่