คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
อ้าววววววววววววววววววววววววว....
แบบนี้มีเรื่องสิครับ บังอาจหล่อกว่าได้ไง
ฉายา "หล่อขวัญ" ไม่ได้มาเพราะจับสลากนะคร้าบบบบบบบบบ...
แต่เพราะเรื่องจำนำข้าวนี่แหละ ที่ผมจะยอมขี้เหร่ เพราะมึน

ก็อย่างที่คุณ จขกท. ว่านั่นแหละครับ คดีมัน "มึน" มาตั้งแต่เริ่ม
คืออีรุงตุงนังไปหมด ไม่รู้อะไรยังไงแน่
เด๋วว่าก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ระงับยับยั้ง ทุจริตทุกขั้นตอน ปล่อยปละละเลย
แต่ก็บอกว่า ไม่ได้ทุจริต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ปล่อยปละละเลย ถือว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
เสียหายหลายแสนล้าน
ก็มึนตึ๊บ เพราะคำว่าทุจริตทุกขั้นตอน กลายเป็นว่าเงินใช้ในโครงการแปดแสนกว่าล้าน
มีเรื่องจีทูจีปลอมสามหมื่นกว่าล้าน
ทุจริตทุกขั้นตอนทั้งที มีแค่เรื่องจีทูจีปลอม
....
พอ ๆ ยิ่งว่ายิ่งมึน
มาถึงวันนี้ กลับบอกว่าตัวโครงการไม่มีอะไรเสียหาย
แปลง่าย ๆ ก็คือ รถดี แต่คนขับไม่ดี
ก็แปลซ้ำอีกทีว่า ขับรถสะเปะสะปะ ชนนั่นชนนี่ รถเสียหาย คนขับต้องรับผิดชอบ
แต่พอถามว่า แล้วรถเสียหายตรงไหนบ้าง
ไม่มีคำตอบ !!!
อย่างมากก็อ้างเรื่องจีทูจีปลอม ที่ยังอยู่ในชั้นศาล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลอมจริงหรือปลอมปลอม
(นี่ เล่นคำให้หายมึน)
ถ้าจะว่า มีความเสียหายจากค่าดำเนินการ
อ้าว ไม่มีค่าดำเนินการโครงการแล้วจะมีค่าอะไร
การบริหารจัดการไม่ดี เกิดความเสียหาย เรื่องอย่างนี้ต้องดูที่ "เจตนา" เป็นหลัก
ดู "พฤิตการณ์" ว่า มีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหายไหม
หากไม่มีเจตนา แต่เสียหายเพราะระดับเจ้าหน้าที่ หากเสียหายเพราะตัวโครงการมีข้อผิดพลาด
จะเอาผิดเขาได้ไง
เมื่อมาชี้ว่า "ผิดที่พฤิตการณ์" แปลว่า มีการกระทำที่แสดงเจตนาทำให้เสียหาย
ฟ้องทางอาญา บอกว่าผิดมาตรา 157 และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1
คือเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นี่แหละ เลยต้องบอกว่า "ผิดที่พฤติการณ์" เพื่อให้ข้อกล่าวหาทางอาญากับทางละเมิดไปด้วยกันได้
และเมื่อประธานข้อกล่าวหาทางละเมิด นายจิรชัย มูลทองโร่ย ขึ้นเป็นพยานให้การในชั้นศาลในอีกไม่กี่วันนี้
จะได้อ้างเรื่องความเสียหายเป็นหลักฐานเพิ่มน้ำหนักข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
แต่ก็แปลก
อาญามาตรา 157 กฎหมาย ป.ป.ช. 123/1 นั้น ต้องใช้ "เจตนา" เป็นหลักในการดำเนินการเอาผิด
เช่น รู้ว่ามีการทุจริต เกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ปล่อยปละละเลย
เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
แต่กลับไปเล่นเรื่องประมาทเลินเล่อ (ประมาทคือไม่รู้ ไม่เกี่ยว แต่ไม่ตรวจสอบให้ดี)
แล้วไอ้การประมาทเลินเล่อ มันกลายเป็นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปได้อย่างไร
เพราะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คือรู้เห็นเป็นใจ เจตนาปฏิบัติมิชอบ
แบบนี้ หากรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าโครงการใด ๆ
หากตัวโครงการมีปัญหา (เช่น ไทยเข้มแข็งสี่แสนล้าน เชคช่วยชาติ จำนำยุ้งฉาง ตำบลละห้าล้าน ฯลฯ)
ก็คงต้องรับผิดชอบหมด แม้ไม่มีเจตนาทำให้เสียหาย
เรื่องหนีทุนที่กำลังกระหึ่มอยู่นี่ คณะกรรมการมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนก็โดนหมด
พอแระ
จบ มึน
แบบนี้มีเรื่องสิครับ บังอาจหล่อกว่าได้ไง
ฉายา "หล่อขวัญ" ไม่ได้มาเพราะจับสลากนะคร้าบบบบบบบบบ...
แต่เพราะเรื่องจำนำข้าวนี่แหละ ที่ผมจะยอมขี้เหร่ เพราะมึน

ก็อย่างที่คุณ จขกท. ว่านั่นแหละครับ คดีมัน "มึน" มาตั้งแต่เริ่ม
คืออีรุงตุงนังไปหมด ไม่รู้อะไรยังไงแน่
เด๋วว่าก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ระงับยับยั้ง ทุจริตทุกขั้นตอน ปล่อยปละละเลย
แต่ก็บอกว่า ไม่ได้ทุจริต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ปล่อยปละละเลย ถือว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
เสียหายหลายแสนล้าน
ก็มึนตึ๊บ เพราะคำว่าทุจริตทุกขั้นตอน กลายเป็นว่าเงินใช้ในโครงการแปดแสนกว่าล้าน
มีเรื่องจีทูจีปลอมสามหมื่นกว่าล้าน
ทุจริตทุกขั้นตอนทั้งที มีแค่เรื่องจีทูจีปลอม
....
พอ ๆ ยิ่งว่ายิ่งมึน
มาถึงวันนี้ กลับบอกว่าตัวโครงการไม่มีอะไรเสียหาย
แปลง่าย ๆ ก็คือ รถดี แต่คนขับไม่ดี
ก็แปลซ้ำอีกทีว่า ขับรถสะเปะสะปะ ชนนั่นชนนี่ รถเสียหาย คนขับต้องรับผิดชอบ
แต่พอถามว่า แล้วรถเสียหายตรงไหนบ้าง
ไม่มีคำตอบ !!!
อย่างมากก็อ้างเรื่องจีทูจีปลอม ที่ยังอยู่ในชั้นศาล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลอมจริงหรือปลอมปลอม
(นี่ เล่นคำให้หายมึน)
ถ้าจะว่า มีความเสียหายจากค่าดำเนินการ
อ้าว ไม่มีค่าดำเนินการโครงการแล้วจะมีค่าอะไร
การบริหารจัดการไม่ดี เกิดความเสียหาย เรื่องอย่างนี้ต้องดูที่ "เจตนา" เป็นหลัก
ดู "พฤิตการณ์" ว่า มีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหายไหม
หากไม่มีเจตนา แต่เสียหายเพราะระดับเจ้าหน้าที่ หากเสียหายเพราะตัวโครงการมีข้อผิดพลาด
จะเอาผิดเขาได้ไง
เมื่อมาชี้ว่า "ผิดที่พฤิตการณ์" แปลว่า มีการกระทำที่แสดงเจตนาทำให้เสียหาย
ฟ้องทางอาญา บอกว่าผิดมาตรา 157 และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1
คือเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นี่แหละ เลยต้องบอกว่า "ผิดที่พฤติการณ์" เพื่อให้ข้อกล่าวหาทางอาญากับทางละเมิดไปด้วยกันได้
และเมื่อประธานข้อกล่าวหาทางละเมิด นายจิรชัย มูลทองโร่ย ขึ้นเป็นพยานให้การในชั้นศาลในอีกไม่กี่วันนี้
จะได้อ้างเรื่องความเสียหายเป็นหลักฐานเพิ่มน้ำหนักข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
แต่ก็แปลก
อาญามาตรา 157 กฎหมาย ป.ป.ช. 123/1 นั้น ต้องใช้ "เจตนา" เป็นหลักในการดำเนินการเอาผิด
เช่น รู้ว่ามีการทุจริต เกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ปล่อยปละละเลย
เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
แต่กลับไปเล่นเรื่องประมาทเลินเล่อ (ประมาทคือไม่รู้ ไม่เกี่ยว แต่ไม่ตรวจสอบให้ดี)
แล้วไอ้การประมาทเลินเล่อ มันกลายเป็นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปได้อย่างไร
เพราะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คือรู้เห็นเป็นใจ เจตนาปฏิบัติมิชอบ
แบบนี้ หากรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าโครงการใด ๆ
หากตัวโครงการมีปัญหา (เช่น ไทยเข้มแข็งสี่แสนล้าน เชคช่วยชาติ จำนำยุ้งฉาง ตำบลละห้าล้าน ฯลฯ)
ก็คงต้องรับผิดชอบหมด แม้ไม่มีเจตนาทำให้เสียหาย
เรื่องหนีทุนที่กำลังกระหึ่มอยู่นี่ คณะกรรมการมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนก็โดนหมด
พอแระ
จบ มึน

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
หากนโยบายนี้สำเร็จ ตอกฝาโลงพรรคโบราณไปตลอดกาล
ดูจาก 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP และอีกสารพัดนโยบาย
ทั่วโลกมีแต่ต้องให้พยานหลักฐานครบ จึงตัดสินคดีใดๆ ได้
แต่ที่นี่ตัดสินไปก่อนแล้วค่อยหาอะไรประหลาดๆ มารองรับ
เรื่องสำคัญ คนสำคัญ ระดับประเทศยังทำกันแบบนี้
ไม่สงสัยแล้วทำไมสาวกถึงนิสัยแบบนั้นเช่นกัน
กล่าวหาด้วยความเกลียดชัง โดยขาดหลักฐาน ความจริง และความรับผิดชอบ !!!
ดูจาก 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP และอีกสารพัดนโยบาย
ทั่วโลกมีแต่ต้องให้พยานหลักฐานครบ จึงตัดสินคดีใดๆ ได้
แต่ที่นี่ตัดสินไปก่อนแล้วค่อยหาอะไรประหลาดๆ มารองรับ
เรื่องสำคัญ คนสำคัญ ระดับประเทศยังทำกันแบบนี้
ไม่สงสัยแล้วทำไมสาวกถึงนิสัยแบบนั้นเช่นกัน
กล่าวหาด้วยความเกลียดชัง โดยขาดหลักฐาน ความจริง และความรับผิดชอบ !!!

แสดงความคิดเห็น
....“จำนำข้าว”….ผมว่าผิดมาตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้วล่ะครับ อย่าอุธรณ์ อย่าฏีกาให้เสียเวลา...
จริงๆ เรื่องนี้ผมมึนตั้งแต่การพยายามจะตั้งข้อหา “ขาดทุน” แล้วล่ะ ตั้งข้อหากันอย่างนี้ ก็แสดงว่ารัฐบาลที่แล้วๆ มาฟันกำไรจากนโยบายช่วยเหลือคนจนมาตลอดสิขอรับะ?? หรือไง?? อย่างเรื่องการโปรยเช็ดคนละสองพันนั่นก็เป็นเรื่องของนโยบายขาดทุน/กำไรเลยนะนั่น .......ต่อมาตั้งธงข้อหา “ทุจริต”... แต่พอสาวเข้าจริงๆ....เจ้าคนที่เที่ยวตะโกนเย้ๆ ว่าทุจริตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กลับยิ้มแสยะๆ...ออกข่าวในทำนองว่า “เค้าไม่ได้ว่าทุจริตสักหน่อย มันก็แค่ “ส่อเค้า” ว่าจะทุจริตแค่นั้นเอง” เอากะเฮียแกสิ !! เมื่อวานเห็นโย้วๆ ว่าทุจริตๆๆๆๆๆ มาวันนี้กลับพลิกลิ้นหน้าตาเฉยเลย!! ก้อ... อย่างนี้แหละๆ....ที่คนหล่อๆ อย่างคุณตระกอง หรือหล่อมากๆ อย่างผมทนไม่ได้ เห็นมีแต่พวกขี้เหร่ๆ กระมัง?...ที่หลงใหลดมขี้ฟันเจ้าหมอนั่นแล้วชมป้อว่าหอมอยู่
มึนกับข้อหา “ส่อเค้าทุจริต” ยังไม่ทันหาย.....นู่น !มาอีกแระ ข้อหา “ผิดที่พฤติการณ์” โห..! เอากันด้านๆ อย่างนี้ คนหล่ออย่างผมเปิดพจนานุกรมแทบไม่ทันเลยนะเนี๊ยะ แหม... พระเดชพระคุณท่านก็ช่างสรรหา “วาทกรรม” มาไล่ประเคนใส่ซะเหลือเกิน เล่นงานซะถี่ยิบอย่างนี้ สงกะสัยว่าคงมี(วาทกรรม)ตุนท้องไว้อีกเยอะในกรณีที่ข้อหา “ผิดที่พฤติการณ์” แป้กอีก
อย่ากระนั้นเลขขอรับ.....กระผมว่าอย่ามามัวเสียเวลาเล่นวาทกรรมให้คนหล่อๆ ไล่เปิดพจนุกรมจนมือหงิกมืองอหมดหล่อไปเปล่าๆ เลยพระคุณท่าน กระผมตั้งข้อหานังปูว์ว่าผิดที่เกิดมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย..หรือจะเอาให้ขาดปั๊ดเลยก็บอกไปตรงๆ เลยขอรับว่าผิดมาตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้ว...มามัวแต่เล่นเกมส์ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถาอย่างนี้ กระผมขอเอาใบหน้าหล่อๆ นี้เป็นประกันว่า....ขืนเล่นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเกิด “วาทกรรม” ใหม่ๆ กลาดเกลื่อนแน่ๆ ครูสอนภาษาไทยจะตีมือเอาได้น๊าว่านอกจากจะใช้ตังค์ฟุ่มเฟือยแล้วยังใช้ภาษาฟุ่มเฟือย.....ถ้าไม่เห็นแก่ครูภาษาไทยก็นึกว่าเห็นแก่กระผมตาดำๆ เถิดขอรับ เพราะกะอีแค่ตีความหมายคำว่า “เผด็จการรัฐสภา” แค่นี้ ผมยังมืดแปดด้านอยู่จนทุกวันนี้ ไหนจะคำว่า “กระชับพื้นที่” “ส่อเค้าว่าทุจริต” แถม “ผิดที่พฤติการณ์” ห้อยท้ายมาอีกด้วย.........มึนขอรับ