สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เราว่าต้นตอปัญหาจริงๆก็น่าจะมาจากตัวคุณด้วยส่วนนึง ที่อาจจะไม่ได้แสดงความเป็นมิตรกับคนแถวบ้านซักเท่าไหร่ จะอ้างว่าเค้าพูดภาษาอีสาน เลยไม่ได้เข้าไปคุย เราว่าแนวคิดคุณแสดงถึงความไม่อยากผูกมิตรกับคนแถวบ้าน คืออยู่แบบตัวใครตัวมันไม่สนใจใคร ที่เราเขียน เราไม่ได้หมายความว่าให้คุณเข้าไปสนิทสนมถึงขนาดว่าต้องคุยภาษาอีสานกับเค้านะคะ แค่หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส เจอหน้ากัน ยิ้มทักทายกันบ้าง สวัสดีค่ะบ้าง ทักทายสไตล์คนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน เราว่าสถานการณ์มันก็น่าจะดีกว่านี้นะคะ
อย่างจากสถานการณ์ที่คุณเล่ามา เรื่องลูกคุณเป่าฟองสบู่ บางทีมันอาจจะเกือบเข้าตาลูกเค้าจริงๆก็ได้ ทำไมถึงคิดเองว่าลูกก็อยู่ห่าง ไม่ได้เข้าใกล้ลูกเค้าเลย คือคุณไม่ได้อยู่ ณ เหตุการณ์ตอนนั้น คุณออกไปดูเมื่อได้ยินเสียงเค้าห้ามลูกคุณแล้ว ตามมารยาทคุณควรจะบอกขอโทษแม่เค้า ที่ลูกคุณอาจจะไปเผลอทำร้ายลูกเค้า แล้วสอนลูกคุณว่า เป่าไกลๆน้องหน่อย เดี๋ยวเข้าตาน้องเค้านะ เราเชื่อว่าถ้าคุณทำแบบนั้นสถานการณ์มันจะเปลี่ยนค่ะ ไม่ใช่คิดเข้าข้างตัวเองว่าลูกคุณมีสิทธิ์จะเป่าหน้าบ้าน ใครไม่ชอบก็ต้องหลบไป ไม่ใช่ให้ลูกเราเลิกเล่น
อาจด้วยเหตุนั้น เลยทำให้แม่ของเด็กๆไม่พอใจ จึงสอนลูกเค้าไม่ให้เล่นใกล้ลูกคุณอีก อันนี้เราอาจจะคิดเอง แต่มันก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมาลูกคุณเล่นกับเด็กคนอื่นได้ไม่มีปัญหา แต่นับจากเกิดเรื่องนั้น แล้วลูกคุณโดนแปลกแยกไม่มีใครเล่นด้วย เพราะอะไร
เพื่อนบ้านผูกมิตรไว้ไม่เสียหาย อย่างน้อยเค้าก็จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้คุณด้วย ในเวลาที่ลูกคุณเล่นนอกบ้านคนเดียว
อย่างจากสถานการณ์ที่คุณเล่ามา เรื่องลูกคุณเป่าฟองสบู่ บางทีมันอาจจะเกือบเข้าตาลูกเค้าจริงๆก็ได้ ทำไมถึงคิดเองว่าลูกก็อยู่ห่าง ไม่ได้เข้าใกล้ลูกเค้าเลย คือคุณไม่ได้อยู่ ณ เหตุการณ์ตอนนั้น คุณออกไปดูเมื่อได้ยินเสียงเค้าห้ามลูกคุณแล้ว ตามมารยาทคุณควรจะบอกขอโทษแม่เค้า ที่ลูกคุณอาจจะไปเผลอทำร้ายลูกเค้า แล้วสอนลูกคุณว่า เป่าไกลๆน้องหน่อย เดี๋ยวเข้าตาน้องเค้านะ เราเชื่อว่าถ้าคุณทำแบบนั้นสถานการณ์มันจะเปลี่ยนค่ะ ไม่ใช่คิดเข้าข้างตัวเองว่าลูกคุณมีสิทธิ์จะเป่าหน้าบ้าน ใครไม่ชอบก็ต้องหลบไป ไม่ใช่ให้ลูกเราเลิกเล่น
อาจด้วยเหตุนั้น เลยทำให้แม่ของเด็กๆไม่พอใจ จึงสอนลูกเค้าไม่ให้เล่นใกล้ลูกคุณอีก อันนี้เราอาจจะคิดเอง แต่มันก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมาลูกคุณเล่นกับเด็กคนอื่นได้ไม่มีปัญหา แต่นับจากเกิดเรื่องนั้น แล้วลูกคุณโดนแปลกแยกไม่มีใครเล่นด้วย เพราะอะไร
เพื่อนบ้านผูกมิตรไว้ไม่เสียหาย อย่างน้อยเค้าก็จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้คุณด้วย ในเวลาที่ลูกคุณเล่นนอกบ้านคนเดียว
แสดงความคิดเห็น
เมื่อต้องเจอปัญหากับเพื่อนบ้านและลูกของเค้า (ตัวเรากับลูกจะผ่าน หรือเผชิญกับปัญหานี้ยังไงดีคะ) รบกวนขอคำปรึกษาคะ
เราเป็นแม่ที่มีลูกสาว 6 ขวบ และลูกชายที่พึ่งเกิดได้ 7 เดือน เราทำงานอยู่บ้านคะโดยรับทำบัญชี ปกติลูกสาวคนโตจะขอออกไปวิ่งเล่นอยู่นอกบ้าน
โดยที่เราเองจะนั่งทำงานอยู่ในบ้านพร้อมกับเลี้ยงลูกคนเล็กไปด้วย จึงไม่ได้ออกไปยืนเฝ้าลูกเล่น เพราะเห็นว่าลูกเราก็โตแล้วก่อนหน้านี้ก็วิ่งเล่นเป็นปรกติ
แต่มีมาวันนึงค่ะ ลูกเราถือของเล่นออกไปเล่นนอกบ้าน เป็นตัวเป่าฟองแล้วจะลอยไปบนอากาศ ซึ่งเราเองก็จะแอบมองลูกเล่นอยู่เรื่อย ๆ ว่าจะไปกวนใครไหม ได้แต่มองห่าง ห่างคะ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเพื่อนบ้าน พูดขึ้นมาดัง ดัง ว่า...อย่าเล่นเป่าฟอง เดี๋ยวเข้าตาน้อง จังหวะนั้นก็ตะโกนถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกก็บอกว่า...ป้าไม่ให้เล่นเดี๋ยวเข้าตา (ลูกของเพื่อนบ้าน 3 ขวบคะ) เราก็ถามลูกว่าเข้าตาน้องไหม ลูกก็บอกว่า...ไม่ได้เข้า หนูเล่นอยู่ห่างจากน้อง
แต่ในสิ่งที่เราเห็นคือ แม่เข้ายืนคุยอยู่กับเพื่อนบ้านอีกหลังนึง โดยที่เค้าใช้เสียงเลี้ยงลูก เราก็บอกให้ลูกเราเข้าบ้าน เราก็คิดว่าลูกเราก็เหมาะถึงวัยที่จะเล่นเป่าฟองแล้ว ถ้าลูกเค้ายังไม่ถึงเวลาก็ไม่ควรให้มาเล่นใกล้กัน แล้วเราต้องบอกให้ลูกเราหยุดเล่นเพื่อลูกเค้าหรอ??? แม่เค้าก็พูดกับลูกเค้าว่า..บ้านเราก็มีเหมือนกัน ตอนนั้นก็สงสัยว่า..อ้าวถ้ามี หรือ ไม่มี แล้วจะพูดแบบนี้ทำไม แสดงว่าแม่เค้าต้องมีอะไรในใจแหละ เราก็มานั่งคิดว่าลูกเรามีของเล่นเยอะมาก เวลาที่เอาออกไปเล่น ลูกเค้าจะชอบมาแย่ง แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรก็แบ่งกันเล่นไป แต่ก็บอกลูกว่าให้รักษาของนะ น้องโตมาจะได้เล่นด้วยได้
2 วันถัดมา เด็กข้างบ้านหลังที่สอง ก็พูดกับพวกเด็กด้วยกันว่า เล่นเป่าฟองไม่ดีเดี๋ยวเข้าตา กลายเป็นลูกเราไม่มีใครเล่นด้วยเลย ทั้ง ทั้งที่ยังไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เราก็บอกกับลูกว่าไม่เป็นไรนะ ก็เล่นอย่างอื่นแทน ลูกเราเล่นได้ซักพัก แม่เค้าก็พาลูกเข้าบ้านกันทั้งที่เวลานั้น 17:30 น. ยังสว่างอยู่เลย ลูกเราก็วิ่งมาบอกว่า ...แม่ไม่มีใครเล่นกับหนูเลย เราเป็นแม่ก็เศร้าใจ ก็บอกลูกว่าไม่เป็นไรแม่จะเล่นด้วยเอง บังเอิญวันไหนลูกคนเล็กหลับอยู่พอดีเราเลยออกไปเล่นกับลูกได้
หลายวันต่อมา ลูกเราก็ชวนกันมาเล่นที่หน้าบ้านเราเอง เด็กในกลุ่มนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า แม่ไม่ให้เล่นที่หน้าบ้านเรา แต่ให้ไปนั่งเล่นที่บ้านเด็ก ชื่อ .A. ได้
เราก็งงแล้วก็สงสัย ได้แต่ดูห่าง ห่าง เราได้ยินก็รู้สึกไม่ดี กลายเป็นว่าลูกเราต้องไล่ตามเค้า เราก็กลับมาสอนลูกใหม่ว่าหนูต้องอย่าตามเพื่อนมากนะ ต้องเป็นผู้นำบ้าง ลูกเราก็งง ว่าต้องทำยังไงไม่เข้าใจ เราเองก็อธิบายตั้งนานว่าที่ทำอยู่นี้ก็การเป็นผู้ตาม เราเองก็กังวลว่าถ้าเอาแต่ตามเพื่อนจะกลายติดเป็นนิสัย พอเข้าวัยรุ่นจะแก้นิสัยยาก (ตามสุภาษิตที่ว่า ไม้อ่อนด้นงาน ไม่แก่ดันยาก)
หลังจากนั้น ลูกคนเล็กก็เริ่มจะนั่งเก้าอี้หัดเดินได้ เราเองก็ตัดสินใจออกมาเล่นกับลูกเราเอง แล้วก็บอกกับลูกว่า ไม่เป็นไรนะหนูยังมีน้องอีกคน รอให้น้องโตกว่านี้ก่อน หนูก็จะมีน้องมาเล่นด้วย ตอนนี้เราไม่สนใจใครแล้ว กลายเป็นว่าเวลาที่เราออกไปเล่นกับลูกเรา แม่เค้าก็จะบอกลูกเค้าว่า..เราไม่ได้อยากเล่นกับลูกเค้า ซึ่งเค้าก็พูดใส่หน้าลูกเรา เราก็เลยพูดว่าหนูไม่เป็นไรนะมีแม่อยู่ทั้งคน แม่จะเป็นเพื่อนเล่นกับหนูเอง เรามีเพื่อนที่โรงเรียนตั้งเยอะ แล้วเราก็มาเล่นกับลูกปรกติ
หลังจากนั้น พวกเด็กก็ไม่มาเล่นกับลูกเราอีกเลย เราก็บอกลูกว่าถ้าลูกอยากเล่น ก็ออกมาเล่น เราต้องออกมาเผชิญกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า
(แต่ก็แอบเห็นแววตาที่ลูกเราก็อยากจะไปเล่นกับเด็กคนอื่นเหมือนกัน ) เราก็พยายามสอนให้ลูกเข้มแข็ง และก็ค่อยพูดว่าจริงแล้วหนูมีเพื่อนเยอะมากเลยนะ ตอนที่หนูมีกิจกรรมทำกับเพื่อนที่โรงเรียน หนูเล่น หนูรู้จักกับเพื่อนอีกตั้งหลายคน จะสนใจอะไรกับเด็กแค่ 3-4 คน
สิ่งที่กังวลเรื่องลูกคือ
1. จิตใจของลูกเราที่โดนผู้ใหญ่รังแก จะรู้สึกเสียใจลึก ลึก ไหม
2. ลูกจะขาดความมั่นใจไหม
3. ลูกคนเล็กที่กำลังจะโตขึ้นมาอีกล่ะ จะบอก จะพูดกับเค้ายังไงกับเพื่อนเด็กข้างบ้าน แล้วถ้าเค้าเจอเหมือนพี่เค้าล่ะ (ยิ่งเป็นเด็กเล็กยี่งอธิบายยาก)
เราไม่ได้คุยกับเพื่อนบ้านนะคะ เพราะโดยปกติก็ไม่ค่อยได้คุยคะ เพราะเค้าพูดภาษาอีสานคือเราฟังไม่เข้าใจ ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันคะ
แล้วพอมาเกิดเรื่องแบบนี้ เราเองยิ่งไม่อยากจะไปคุยด้วยเลย
รบกวนขอคำแนะนำด้วยคะ ขอบคุณคะ