http://m.pantip.com/topic/34770739?
นี่เป็นลิ้งค์กระทู้แรกนะคะ

จากหนังสือของจอห์น บีเวียร์นักประกาศใหญ่ชาวคริสเตียน ผู้ที่เลือกที่จะมีชีวิตติดตามพระเยซูเพื่อนำคนมากมายมารู้จักกับพระเยซูเพื่อเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ที่ๆจะมีสันติสุขนิรันดร์กับพระเจ้า
หนังสือเล่มนี้แอดมินไม่ได้ซื้อนะคะ เขามาแจกฟรีแสดงให้เห็นถึงความรักของพี่น้องชาวคริสเตียนที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อ่านแล้วเข้าใจถึงความจริงเลย แอดมินเองเป็นคริสเตียนยังวางไม่ลงเลย และเข้าใจความจริงในหลายๆอย่าง
มาต่อกันค่ะ ก็กระทู้ที่แล้วได้บอกว่าคนที่จะสามารถเข้าอาณาจักรพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อพระเยซูและต้องมีความตั้งใจที่จะละตัวเก่าที่ไม่ดี หนังสือได้เล่าเป็นนิทาน ยกตัวอย่างของคนมาทั้งหมด6คน ผ่านไปแล้ว3คน จากนี้มาต่ออีก3คนที่เหลือนะคะ
4. นายสองหน้า
นายสองหน้าเป็นอาจารย์ที่มีตำแหน่งใหญ่ สอนพระคัมภีร์ในคริสจักร หรืออาจจะเป็นศิษยาภิบาล(หัวหน้าใหญ่สุดในคริสจักร)เขารู้ทุกอย่างในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่เขาไม่ทำ เขาไปนอนกับผู้หญิงหลายคน ทำร้ายจิตใจของผู้หญิงเหล่านั้น หนึ่งในนั้นคือนางสาวใจอ่อนเมื่อกระทู้ที่แล้ว เมื่อเขามายืนอยู่หน้าบัลลังค์ของพระเจ้า เขาเป็นลม เพราะเขารู้พระคัมภีร์ไบเบิ้ล และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอหน้าพระเจ้า เมื่อมาเจอพระเจ้า พระองค์เปิดหนังสือแห่งชีวิตและพบว่าไม่มีชื่อเขา เขาร้องไห้โฮ และขอพระเจ้าให้โอกาส ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว พระเจ้าพิพากษาให้เขาโดนโทษหนักกว่าคนอื่น เพราะเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าแต่ความประพฤติเขากลับสวนทางกัน เขาถูกทูตสวรรค์พาเขาไปในนรกที่ๆลึกที่สุด ร้อนที่สุด ทรมานที่สุด เขาไม่ได้ยินเสียงใครเลย นอกจากเสียงแห่งความเจ็บปวดของตัวเอง ดังที่ว่าไว้ในพระคัมภีร์ว่า ถ้าใครที่รู้ความจริงของพระเจ้าแล้วไม่ปฏิบัติ เขาจะได้รับโทษหนักเป็นสองเท่าของคนที่ไม่รู้
- ลูกา 12:47–48 “บ่าวนั้นที่ได้รู้ใจนายและมิได้เตรียมตัวไว้ มิได้กระทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้ที่มิได้รู้ แล้วได้กระทำสิ่งซึ่งสมจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย"
ประเด็นที่สงสัยกันคือ ทำไมเขารู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะโดนโทษหนัก แต่เขาก็ยังตั้งใจทำบาป ลองย้อนกลับมาถามตัวเราเองว่าบางครั้งบางอย่างพระเจ้าไม่ชอบแต่ก็ยังทำ เอาง่ายๆเรื่องการเป็นชู้กัน รู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ยังตามใจตัวเองเพราะ เขาไม่ได้กลัวพระเจ้าจริงๆ เขาคิดว่ายังไงพระเจ้าก็ต้องให้อภัยเขาเมื่อเขาคุกเข่าสารภาพบาป แต่แท้จริงแล้วทุกๆการกระทำจะต้องมารายงานต่อหน้าพระเจ้า เขาไม่ได้กลับใจจากความบาปจริงๆ ยังตั้งใจทำบาปต่อไป เขาก็ไม่รอด เขาคิดว่าจะกลับมาเป็นคนดีเลิกทำบาปทีหลัง แต่เขากลับเสียชีวิตก่อน เพราะเราทุกคนไม่มีใครรู้อายุขัยของตัวเองว่าจะตายเมื่อไหร่ ดังนั้นจงใช้ชีวิตบนความไม่ประมาท และกลับใจจากความบาปในทุกๆวัน เพื่อไม่ให้พระเจ้าเสียใจนะคะ
5. นายเห็นแก่ตัว
นายเห็นแก่ตัวเป็นคนที่มีอำนาจในโลกใบนี้ ถ้าพูดให้เห็นภาพคือนายกรัฐมนตรี เขาเชื่อพระเยซู เขาบริจาคเงินช่วยเหลือสังคมมากมาย เขาอุทิศตัวทำงานเพื่อประชาชน มีครั้งหนึ่งเขานำที่ดินที่ควรจะสร้างเป็นคริสจักรนำไปสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าเพื่อผลประโยชน์แก่ตัวเอง หลังจากนั้นเขาสำนึกผิดเขาแจกเงินให้เด็กยากไร้ในภายหลัง เขามาคริสจักร และมีส่วนในกิจการของพระเจ้ามากมาย เมื่อเขาตายไป เขามั่นใจมากว่าเขาจะได้เป็นชนชั้นสูงที่ปกครองสวรรค์เคียงข้างพระเยซู
เมื่อมาถึงที่หน้าบรรลังค์ของพระเจ้า เขาหมดความมั่นใจทันที เพราะสิ่งที่เขาทำไปมากมายนั้นเพื่อตัวเขาเอง เขาไม่ได้ทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า เขาทำไปเพราะต้องการการยอมรับจากคนอื่น ต้องการมีชื่อเสียง มีเงินเยอะๆ เขาให้เงินบริจาคแก่เด็กยากไร้ก็จริง แต่ชีวิตส่วนใหญ่เขาใช้เวลาอยู่กับคนที่มีเงิน เขาไม่ได้มีใจที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ แต่เขาต้องการให้คนอื่นมายกย่องเขา แทนที่เขาจะยกย่องพระเจ้า เขาไม่ได้มีส่วนที่จะนำคนมาแผ่นดินสวรรค์ พูดง่ายๆคือเขาไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูให้กับใคร ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาจึงร้องไห้แล้วพูดด้วยใจสำนึกผิดว่า "สมควรแล้วที่เขาจะต้องอยู่ในแดนมรณา เพราะทุกอย่างที่เขาทำๆเพื่อตัวเองทั้งนั้น" น้ำตาไหลอาบเต็มแก้มของเขา
พระเจ้าตรัสว่า "ยินดีด้วย ขอต้อนรับสู่อาณาจักรสวรรค์ของเรา" นายเห็นแก่ตัวแปลกใจมาก ว่าทำไมเขาถึงได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์..เพราะว่า เขามีความสำนึกผิดในบาปของเขา เขารู้ว่าเขาช่วยตัวเองให้กลายเป็นคนดีไม่ได้ เขาต้องพึ่งพระเจ้า สังเกตุตอนที่เขาแจกตังค์ให้เด็กยากไร้ เพราะเขาสำนึกผิดที่นำพื้นที่ไปทำห้าง แทนที่จะเป็นคริสจักร
แต่แรงจูงใจที่ผิดของเขา คือเขาทำเพื่อตัวเองไม่ได้ทำเพื่อพระเจ้า เขาเลยได้บำเหน็จน้อย เขาไม่ได้อยู่เป็นชนชั้นสูงในสวรรค์ เขาอยู่ในพื้นที่ๆห่างไปจากบัลลังค์ของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าจะแวะเวียนไปหาเค้าเป็นบางครั้ง เขาไม่ได้มีทรัพย์มากเหมือนกับตอนที่เขาอยู่บนโลกหรือที่เขาบริจาค แต่เขาก็มีบ้านบนสวรรค์ที่มีสันติสุข
ก่อนที่เขาจะจากบัลลังค์ไปอยู่ในบ้านนิรันทร์ของเขา พระเจ้าได้ให้เขากินผลไม้แห่งสวรรค์ ความเห็นแก่ตัว ความโอ้อวด และความเศร้าในใจเขาได้หายไป ตอนนี้เขามีร่างกายใหม่ ใจใหม่ที่เต็มไปด้วยสันติสุข ความชื่นชมยินดี เขาก็ไปทำหน้าที่ของเขาในสวรรค์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ตลอดนิตย์นิรันทร์
จากชีวิตของนายเห็นแก่ตัวจะสังเกตุได้ว่า เขาเป็นผู้เชื่อที่ดี พระเจ้าให้เขาได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์เพราะเขามีความรู้สึกผิดในบาปของเขา คิดที่จะกลับใจจากความบาป พึ่งพระเจ้า แต่ทรัพย์สมบัติในสวรรค์เขาน้อยเพราะ
- แรงจูงใจผิด การที่ทำดีทุกอย่างหากไม่ได้ทำเพื่อพระเจ้า แต่ทำเพื่อตัวเอง อาจจะเป็นผลประโยชน์ เกียรติยศ ชื่อเสียงของตัวเอง ก็จะไม่ได้อะไรเลย
- การไม่ถ่อมใจอย่างแท้จริง คิดว่าทุกๆอย่างที่ได้มามาจากตัวเองทั้งนั้น คิดว่าไม่ได้มาจากพระคุณพระเจ้า ก็จะไม่ได้อะไรเลยเช่นกัน
- การใช้ทุกสิ่งที่เรามีไม่ว่าจะเป็น เงิน เวลา ความสามารถ ถ้าเราใช้เพื่อพระเจ้าก็จะได้บำเหน็จมาก ถ้าเราสัตย์ซื่อในสิ่งที่เรามี ทุกๆอย่างให้พระเจ้า แม้จะไม่ได้เก่ง แต่เต็มที่กับความสามารถทั้งหมดที่มี ก็อาจจะไ้ด้มากกว่าคนที่เก่งมาก แต่ใช้สิ่งที่มีไม่ได้เต็มที่กับพระเจ้า หรือใช้ความสามารถที่ได้ผิดวัตถุประสงค์
6. นางสาวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
คนนี้เป็นคนที่ใช้ชีวิตทั้งหมดทุ่มเทเพื่อพระเยซู เธอไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนในโลกนี้มากนัก เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่เชย แม้เธอจะถูกปฏิเสธจากคนในโลกนี้ แต่เธอก็รู้ว่าพระเจ้ายอมรับเธอและรักเธอมากเพียงใด เธอจึงยืนหยัดและติดตามพระเยซูอย่างไม่สงสัย ในโลกนี้เธอไม่ได้เป็นคนรวยหรือมีรายได้มาก ในบรรดาห้าคนที่กล่าวมานี้ เธอเป็นคนที่มีเงินน้อยที่สุด แต่เธอก็ถวายเงิน25%ให้พระเจ้าทุกเดือนด้วยความชื่นชมยินดี เธอประกาศข่าวเรื่องพระเยซูและนำคนมาเชื่อพระเยซูเสมอ เธอประกาศให้กับทุกๆคน แม้กระทั่งคนที่นิสัยไม่ดี อย่างนายโหดร้าย ซึ่งหลังจากนั้นนายโหดร้ายได้กลับใจมาเชื่อพระเยซู และได้พาคนมาเชื่ออีกถึง4000คน
เธอช่วยเหลือคนยากไร้เสมอ เธอชอบนำสิ่งของไปแจกคนยากไร้เสมอ ด้วยความรักที่พระเยซูมีให้เธอ เธอมีส่วนในงานของคริสจักรเสมอ เธอมีความสุขความชื่นชมยินดีในพระเจ้ามากใรการทำงานให้พระเจ้า เธออธิษฐานให้กับคนอื่นเสมอ และตอนนี้ืเธอทนที่จะรอพบพระเยซูไม่ไหวแล้ว
เมื่อนางสาวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ของพระเจ้า เธอไม่ได้สังเกตุเลยว่าคนในห้องประชุมแห่งการพิพากษากำลังโค้งคำนับเธอ เพราะเธอสนใจมองไปที่พระเยซู พระเยซูพูดว่า" เรารอเวลานี้มานานแล้วที่จะได้พบเจ้า" พระเยซูพูดให้เกียรติและยอมรับเธอตั้งแต่แรก เพราะเมื่ออยู่ในโลก เธอยอมรับพระเยซูต่อหน้าคนทั้งหลาย พระเยซูกล่าวว่าเมื่อพระองค์หิวเธอได้ช่วยพระองค์ เมื่อพระองค์ลำบากไม่มีเสื้อผ้าใส่เธอได้หาผ้าให้พระองค์ เธอก็งงว่าไปให้ตอน พระเจ้าจึงบอกว่าคนบากไร้ทุกคนก็เปรียบเหมือนพระเยซูปลอมตัวมา ดังพระวจนะ
- มัทธิว 25 : 35-36, 40
35 เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้
36 เราเปลือยกาย ท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วย ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในคุก ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา' 40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสตอบเขาว่า `เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ถึงแม้จะต่ำต้อย
แน่นอนพระเจ้าต้อนรับเธอเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ เธอได้รับบำเหน็จมากมาย เธอได้มงกุฏและคฑาที่ส่องแสงชั่วนิตย์นิรันทร์เพื่อส่องสว่างเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอ เธอได้บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ริมน้ำ เพราะเธอชอบเล่นน้ำเมื่ออยู่บนโลก และเป็นบ้านที่อยู่ใกล้บรรลังของพระเจ้า เธอมานมัสการพระเจ้าและเธอจะได้เจอพระองค์บ่อยๆ
เธอได้ตำแหน่งเป็นชนชั้นสูงในสวรรค์ ได้ปกครองแผ่นดินสวรรค์ร่วมกับพระเยซู ที่นั่งก็อยู่ข้างๆพระเยซู เธอจะได้ร่วมงานกับพระองค์ทุกวันจลอดนิจนิรันทร์ หลังจากพระเจ้าประทานบำเหน็จให้เธอแล้ว เธอได้กินผลไม้แบบเดียวกับที่นายเห็นแก่ตัวได้กิน จากนั้นความเศร้าใจจากการที่เธอถูกปฏิเสธก็หายไป เธอมีชีวิตใหม่ จิตวิญญานใหม่ ที่เต็มไปด้วยความสุข สันติสุข เกินกว่าที่โลกจะบรรยายได้
จากชีวิตของนางวาวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชีวิตของเธอได้รับบำเหน็จมากมาย มาจาก
- เธออุทิศชีวิตเพื่อพระเจ้า เธอใช้ทุกอย่างที่เธอมีเพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติ
- ความเชื่อและความรักในพระเจ้า ถ้ามีมากก็จะมีเงินมากในแผ่นดินสวรรค์
- มัทธิว 6 : 19 จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่ตัวมอดและสนิมอาจทำลายเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในสวรรค์ ที่ตัวมอดและสนิมทำลายเสียไม่ได้ และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้
- การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ หรือคนที่โลกนี้มองว่าต่ำต้อย ให้เกียรติเขา ด้วยจิตใจที่เมตตา ช่วยเขา เพราะว่าอยากรักเขาแบบที่พระเยซูรัก
อยากให้เขาได้รับความรักที่พระเยซูมีให้เราส่งต่อไปสู่เขา ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ของตัวเอง
- จำนวนคนที่เข้าสวรรค์ได้เพราะเรา เราได้มีส่วนพาคนมาเชื่อพระเยซูหรือไม่ ถ้ามากก็ได้บำเหน็จมาก ถ้าน้อยก็ได้บำเหน็จน้อย ถึงยังไงก็ต้องมาดูแรงจูงใจอีกที
- มีทัศนคติต่อคนอื่น ต่องาน ถ้าทำงานพระเจ้าด้วยใจขมขื่น ก็จะไม่ได้อะไรเลย ถ้าทำงานพระเจ้าด้วยความเต็มใจ มีความชื่นชมยินดี แม้เป็นงานเล็กน้อยเช่น ทำความสะอาดก็จะได้บำเหน็จมาก
- เงินบริจาค ในศาสนาคริสต์เรียกว่าสิบลดคือหนึ่งในสิบของรายรับจะนำมาให้พระเจ้า เพื่อเป็นเงินที่จะอยู่ในสวรรค์และไม่มีวันหาย
- ยอมอดทนลำบากและละความสบายเพื่อพระเยซูหรือไม่ แน่นอนคริสเตียนขึ้นชื่อเรื่องการถูกข่มเหงเป็นประจำอยู่แล้ว หากทนได้ แท้ถูกเหยียดหยามบนโลกใบนี้ ก็จะได้มงกุฏแห่งเกียรติบนสวรรค์
สรุป หากเราอยากจะมีชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์แล้ว เราต้อง
1. เชื่อในพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อคุณเชื่อแล้วความบาปของคุณจะได้รับการล้างหมด คุณไม่ต้องตกนรก
2. ตั้งใจที่ละทิ้งชีวิตเดิมที่ไม่ดีทั้งหมด มีความตั้งใจว่าจะไม่กลับไปเป็นตัวเก่าอีกแล้ว
. 3. มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า ติดสนิทกับพระองค์ในทุกๆวัน
บำเหน็จ คือรางวัล บ้าน ทรัพย์สมบัติ ตำแหน่ง หน้าที่และเกียรติที่เราจะได้ในแผ่นดินนิจนิรันทร์มาจาก
1. แรงจูงใจที่แท้จริงเพื่อพระเจ้า
2. ความถ่อมใจในพระเจ้า
3. ตะลัน (ความสามารถ เงินที่มี เวลา)เพื่อพระเจ้า
4. ระดับความเชื่อและความรัก
5. การให้เกียรติและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทุกระดับ โดยเฉพาะคนยากไร้ ให้ทำด้วยใจเมตตา
6. จำนวนคนที่สามารถประกาศได้ พาเข้าสวรรค์ได้
7. ทัศนคติที่ถูกต้อง ทำทุกอย่างด้วยใจชื่นชมยินดี
8. เงินบริจาค(สิบลด) ที่ให้ด้วยความเต็มใจและความรัก ไม่ใช่โอ้อวด
9. การยอมอดทนและละความสบายเพื่อพระเยซู
"ขับเคลื่อนโดยนิรันดร์2" ชีวิตคริสเตียนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ เพื่อสันติสุขในโลกแห่งนิรันกาล กระทู้ที่2
นี่เป็นลิ้งค์กระทู้แรกนะคะ
จากหนังสือของจอห์น บีเวียร์นักประกาศใหญ่ชาวคริสเตียน ผู้ที่เลือกที่จะมีชีวิตติดตามพระเยซูเพื่อนำคนมากมายมารู้จักกับพระเยซูเพื่อเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ที่ๆจะมีสันติสุขนิรันดร์กับพระเจ้า
หนังสือเล่มนี้แอดมินไม่ได้ซื้อนะคะ เขามาแจกฟรีแสดงให้เห็นถึงความรักของพี่น้องชาวคริสเตียนที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อ่านแล้วเข้าใจถึงความจริงเลย แอดมินเองเป็นคริสเตียนยังวางไม่ลงเลย และเข้าใจความจริงในหลายๆอย่าง
มาต่อกันค่ะ ก็กระทู้ที่แล้วได้บอกว่าคนที่จะสามารถเข้าอาณาจักรพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อพระเยซูและต้องมีความตั้งใจที่จะละตัวเก่าที่ไม่ดี หนังสือได้เล่าเป็นนิทาน ยกตัวอย่างของคนมาทั้งหมด6คน ผ่านไปแล้ว3คน จากนี้มาต่ออีก3คนที่เหลือนะคะ
4. นายสองหน้า
นายสองหน้าเป็นอาจารย์ที่มีตำแหน่งใหญ่ สอนพระคัมภีร์ในคริสจักร หรืออาจจะเป็นศิษยาภิบาล(หัวหน้าใหญ่สุดในคริสจักร)เขารู้ทุกอย่างในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่เขาไม่ทำ เขาไปนอนกับผู้หญิงหลายคน ทำร้ายจิตใจของผู้หญิงเหล่านั้น หนึ่งในนั้นคือนางสาวใจอ่อนเมื่อกระทู้ที่แล้ว เมื่อเขามายืนอยู่หน้าบัลลังค์ของพระเจ้า เขาเป็นลม เพราะเขารู้พระคัมภีร์ไบเบิ้ล และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอหน้าพระเจ้า เมื่อมาเจอพระเจ้า พระองค์เปิดหนังสือแห่งชีวิตและพบว่าไม่มีชื่อเขา เขาร้องไห้โฮ และขอพระเจ้าให้โอกาส ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว พระเจ้าพิพากษาให้เขาโดนโทษหนักกว่าคนอื่น เพราะเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าแต่ความประพฤติเขากลับสวนทางกัน เขาถูกทูตสวรรค์พาเขาไปในนรกที่ๆลึกที่สุด ร้อนที่สุด ทรมานที่สุด เขาไม่ได้ยินเสียงใครเลย นอกจากเสียงแห่งความเจ็บปวดของตัวเอง ดังที่ว่าไว้ในพระคัมภีร์ว่า ถ้าใครที่รู้ความจริงของพระเจ้าแล้วไม่ปฏิบัติ เขาจะได้รับโทษหนักเป็นสองเท่าของคนที่ไม่รู้
- ลูกา 12:47–48 “บ่าวนั้นที่ได้รู้ใจนายและมิได้เตรียมตัวไว้ มิได้กระทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้ที่มิได้รู้ แล้วได้กระทำสิ่งซึ่งสมจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย"
ประเด็นที่สงสัยกันคือ ทำไมเขารู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะโดนโทษหนัก แต่เขาก็ยังตั้งใจทำบาป ลองย้อนกลับมาถามตัวเราเองว่าบางครั้งบางอย่างพระเจ้าไม่ชอบแต่ก็ยังทำ เอาง่ายๆเรื่องการเป็นชู้กัน รู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ยังตามใจตัวเองเพราะ เขาไม่ได้กลัวพระเจ้าจริงๆ เขาคิดว่ายังไงพระเจ้าก็ต้องให้อภัยเขาเมื่อเขาคุกเข่าสารภาพบาป แต่แท้จริงแล้วทุกๆการกระทำจะต้องมารายงานต่อหน้าพระเจ้า เขาไม่ได้กลับใจจากความบาปจริงๆ ยังตั้งใจทำบาปต่อไป เขาก็ไม่รอด เขาคิดว่าจะกลับมาเป็นคนดีเลิกทำบาปทีหลัง แต่เขากลับเสียชีวิตก่อน เพราะเราทุกคนไม่มีใครรู้อายุขัยของตัวเองว่าจะตายเมื่อไหร่ ดังนั้นจงใช้ชีวิตบนความไม่ประมาท และกลับใจจากความบาปในทุกๆวัน เพื่อไม่ให้พระเจ้าเสียใจนะคะ
5. นายเห็นแก่ตัว
นายเห็นแก่ตัวเป็นคนที่มีอำนาจในโลกใบนี้ ถ้าพูดให้เห็นภาพคือนายกรัฐมนตรี เขาเชื่อพระเยซู เขาบริจาคเงินช่วยเหลือสังคมมากมาย เขาอุทิศตัวทำงานเพื่อประชาชน มีครั้งหนึ่งเขานำที่ดินที่ควรจะสร้างเป็นคริสจักรนำไปสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าเพื่อผลประโยชน์แก่ตัวเอง หลังจากนั้นเขาสำนึกผิดเขาแจกเงินให้เด็กยากไร้ในภายหลัง เขามาคริสจักร และมีส่วนในกิจการของพระเจ้ามากมาย เมื่อเขาตายไป เขามั่นใจมากว่าเขาจะได้เป็นชนชั้นสูงที่ปกครองสวรรค์เคียงข้างพระเยซู
เมื่อมาถึงที่หน้าบรรลังค์ของพระเจ้า เขาหมดความมั่นใจทันที เพราะสิ่งที่เขาทำไปมากมายนั้นเพื่อตัวเขาเอง เขาไม่ได้ทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า เขาทำไปเพราะต้องการการยอมรับจากคนอื่น ต้องการมีชื่อเสียง มีเงินเยอะๆ เขาให้เงินบริจาคแก่เด็กยากไร้ก็จริง แต่ชีวิตส่วนใหญ่เขาใช้เวลาอยู่กับคนที่มีเงิน เขาไม่ได้มีใจที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ แต่เขาต้องการให้คนอื่นมายกย่องเขา แทนที่เขาจะยกย่องพระเจ้า เขาไม่ได้มีส่วนที่จะนำคนมาแผ่นดินสวรรค์ พูดง่ายๆคือเขาไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูให้กับใคร ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาจึงร้องไห้แล้วพูดด้วยใจสำนึกผิดว่า "สมควรแล้วที่เขาจะต้องอยู่ในแดนมรณา เพราะทุกอย่างที่เขาทำๆเพื่อตัวเองทั้งนั้น" น้ำตาไหลอาบเต็มแก้มของเขา
พระเจ้าตรัสว่า "ยินดีด้วย ขอต้อนรับสู่อาณาจักรสวรรค์ของเรา" นายเห็นแก่ตัวแปลกใจมาก ว่าทำไมเขาถึงได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์..เพราะว่า เขามีความสำนึกผิดในบาปของเขา เขารู้ว่าเขาช่วยตัวเองให้กลายเป็นคนดีไม่ได้ เขาต้องพึ่งพระเจ้า สังเกตุตอนที่เขาแจกตังค์ให้เด็กยากไร้ เพราะเขาสำนึกผิดที่นำพื้นที่ไปทำห้าง แทนที่จะเป็นคริสจักร
แต่แรงจูงใจที่ผิดของเขา คือเขาทำเพื่อตัวเองไม่ได้ทำเพื่อพระเจ้า เขาเลยได้บำเหน็จน้อย เขาไม่ได้อยู่เป็นชนชั้นสูงในสวรรค์ เขาอยู่ในพื้นที่ๆห่างไปจากบัลลังค์ของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าจะแวะเวียนไปหาเค้าเป็นบางครั้ง เขาไม่ได้มีทรัพย์มากเหมือนกับตอนที่เขาอยู่บนโลกหรือที่เขาบริจาค แต่เขาก็มีบ้านบนสวรรค์ที่มีสันติสุข
ก่อนที่เขาจะจากบัลลังค์ไปอยู่ในบ้านนิรันทร์ของเขา พระเจ้าได้ให้เขากินผลไม้แห่งสวรรค์ ความเห็นแก่ตัว ความโอ้อวด และความเศร้าในใจเขาได้หายไป ตอนนี้เขามีร่างกายใหม่ ใจใหม่ที่เต็มไปด้วยสันติสุข ความชื่นชมยินดี เขาก็ไปทำหน้าที่ของเขาในสวรรค์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ตลอดนิตย์นิรันทร์
จากชีวิตของนายเห็นแก่ตัวจะสังเกตุได้ว่า เขาเป็นผู้เชื่อที่ดี พระเจ้าให้เขาได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์เพราะเขามีความรู้สึกผิดในบาปของเขา คิดที่จะกลับใจจากความบาป พึ่งพระเจ้า แต่ทรัพย์สมบัติในสวรรค์เขาน้อยเพราะ
- แรงจูงใจผิด การที่ทำดีทุกอย่างหากไม่ได้ทำเพื่อพระเจ้า แต่ทำเพื่อตัวเอง อาจจะเป็นผลประโยชน์ เกียรติยศ ชื่อเสียงของตัวเอง ก็จะไม่ได้อะไรเลย
- การไม่ถ่อมใจอย่างแท้จริง คิดว่าทุกๆอย่างที่ได้มามาจากตัวเองทั้งนั้น คิดว่าไม่ได้มาจากพระคุณพระเจ้า ก็จะไม่ได้อะไรเลยเช่นกัน
- การใช้ทุกสิ่งที่เรามีไม่ว่าจะเป็น เงิน เวลา ความสามารถ ถ้าเราใช้เพื่อพระเจ้าก็จะได้บำเหน็จมาก ถ้าเราสัตย์ซื่อในสิ่งที่เรามี ทุกๆอย่างให้พระเจ้า แม้จะไม่ได้เก่ง แต่เต็มที่กับความสามารถทั้งหมดที่มี ก็อาจจะไ้ด้มากกว่าคนที่เก่งมาก แต่ใช้สิ่งที่มีไม่ได้เต็มที่กับพระเจ้า หรือใช้ความสามารถที่ได้ผิดวัตถุประสงค์
6. นางสาวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
คนนี้เป็นคนที่ใช้ชีวิตทั้งหมดทุ่มเทเพื่อพระเยซู เธอไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนในโลกนี้มากนัก เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่เชย แม้เธอจะถูกปฏิเสธจากคนในโลกนี้ แต่เธอก็รู้ว่าพระเจ้ายอมรับเธอและรักเธอมากเพียงใด เธอจึงยืนหยัดและติดตามพระเยซูอย่างไม่สงสัย ในโลกนี้เธอไม่ได้เป็นคนรวยหรือมีรายได้มาก ในบรรดาห้าคนที่กล่าวมานี้ เธอเป็นคนที่มีเงินน้อยที่สุด แต่เธอก็ถวายเงิน25%ให้พระเจ้าทุกเดือนด้วยความชื่นชมยินดี เธอประกาศข่าวเรื่องพระเยซูและนำคนมาเชื่อพระเยซูเสมอ เธอประกาศให้กับทุกๆคน แม้กระทั่งคนที่นิสัยไม่ดี อย่างนายโหดร้าย ซึ่งหลังจากนั้นนายโหดร้ายได้กลับใจมาเชื่อพระเยซู และได้พาคนมาเชื่ออีกถึง4000คน
เธอช่วยเหลือคนยากไร้เสมอ เธอชอบนำสิ่งของไปแจกคนยากไร้เสมอ ด้วยความรักที่พระเยซูมีให้เธอ เธอมีส่วนในงานของคริสจักรเสมอ เธอมีความสุขความชื่นชมยินดีในพระเจ้ามากใรการทำงานให้พระเจ้า เธออธิษฐานให้กับคนอื่นเสมอ และตอนนี้ืเธอทนที่จะรอพบพระเยซูไม่ไหวแล้ว
เมื่อนางสาวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ของพระเจ้า เธอไม่ได้สังเกตุเลยว่าคนในห้องประชุมแห่งการพิพากษากำลังโค้งคำนับเธอ เพราะเธอสนใจมองไปที่พระเยซู พระเยซูพูดว่า" เรารอเวลานี้มานานแล้วที่จะได้พบเจ้า" พระเยซูพูดให้เกียรติและยอมรับเธอตั้งแต่แรก เพราะเมื่ออยู่ในโลก เธอยอมรับพระเยซูต่อหน้าคนทั้งหลาย พระเยซูกล่าวว่าเมื่อพระองค์หิวเธอได้ช่วยพระองค์ เมื่อพระองค์ลำบากไม่มีเสื้อผ้าใส่เธอได้หาผ้าให้พระองค์ เธอก็งงว่าไปให้ตอน พระเจ้าจึงบอกว่าคนบากไร้ทุกคนก็เปรียบเหมือนพระเยซูปลอมตัวมา ดังพระวจนะ
- มัทธิว 25 : 35-36, 40
35 เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้
36 เราเปลือยกาย ท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วย ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในคุก ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา' 40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสตอบเขาว่า `เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ถึงแม้จะต่ำต้อย
แน่นอนพระเจ้าต้อนรับเธอเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ เธอได้รับบำเหน็จมากมาย เธอได้มงกุฏและคฑาที่ส่องแสงชั่วนิตย์นิรันทร์เพื่อส่องสว่างเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอ เธอได้บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ริมน้ำ เพราะเธอชอบเล่นน้ำเมื่ออยู่บนโลก และเป็นบ้านที่อยู่ใกล้บรรลังของพระเจ้า เธอมานมัสการพระเจ้าและเธอจะได้เจอพระองค์บ่อยๆ
เธอได้ตำแหน่งเป็นชนชั้นสูงในสวรรค์ ได้ปกครองแผ่นดินสวรรค์ร่วมกับพระเยซู ที่นั่งก็อยู่ข้างๆพระเยซู เธอจะได้ร่วมงานกับพระองค์ทุกวันจลอดนิจนิรันทร์ หลังจากพระเจ้าประทานบำเหน็จให้เธอแล้ว เธอได้กินผลไม้แบบเดียวกับที่นายเห็นแก่ตัวได้กิน จากนั้นความเศร้าใจจากการที่เธอถูกปฏิเสธก็หายไป เธอมีชีวิตใหม่ จิตวิญญานใหม่ ที่เต็มไปด้วยความสุข สันติสุข เกินกว่าที่โลกจะบรรยายได้
จากชีวิตของนางวาวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชีวิตของเธอได้รับบำเหน็จมากมาย มาจาก
- เธออุทิศชีวิตเพื่อพระเจ้า เธอใช้ทุกอย่างที่เธอมีเพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติ
- ความเชื่อและความรักในพระเจ้า ถ้ามีมากก็จะมีเงินมากในแผ่นดินสวรรค์
- มัทธิว 6 : 19 จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่ตัวมอดและสนิมอาจทำลายเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในสวรรค์ ที่ตัวมอดและสนิมทำลายเสียไม่ได้ และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้
- การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ หรือคนที่โลกนี้มองว่าต่ำต้อย ให้เกียรติเขา ด้วยจิตใจที่เมตตา ช่วยเขา เพราะว่าอยากรักเขาแบบที่พระเยซูรัก
อยากให้เขาได้รับความรักที่พระเยซูมีให้เราส่งต่อไปสู่เขา ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ของตัวเอง
- จำนวนคนที่เข้าสวรรค์ได้เพราะเรา เราได้มีส่วนพาคนมาเชื่อพระเยซูหรือไม่ ถ้ามากก็ได้บำเหน็จมาก ถ้าน้อยก็ได้บำเหน็จน้อย ถึงยังไงก็ต้องมาดูแรงจูงใจอีกที
- มีทัศนคติต่อคนอื่น ต่องาน ถ้าทำงานพระเจ้าด้วยใจขมขื่น ก็จะไม่ได้อะไรเลย ถ้าทำงานพระเจ้าด้วยความเต็มใจ มีความชื่นชมยินดี แม้เป็นงานเล็กน้อยเช่น ทำความสะอาดก็จะได้บำเหน็จมาก
- เงินบริจาค ในศาสนาคริสต์เรียกว่าสิบลดคือหนึ่งในสิบของรายรับจะนำมาให้พระเจ้า เพื่อเป็นเงินที่จะอยู่ในสวรรค์และไม่มีวันหาย
- ยอมอดทนลำบากและละความสบายเพื่อพระเยซูหรือไม่ แน่นอนคริสเตียนขึ้นชื่อเรื่องการถูกข่มเหงเป็นประจำอยู่แล้ว หากทนได้ แท้ถูกเหยียดหยามบนโลกใบนี้ ก็จะได้มงกุฏแห่งเกียรติบนสวรรค์
สรุป หากเราอยากจะมีชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์แล้ว เราต้อง
1. เชื่อในพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อคุณเชื่อแล้วความบาปของคุณจะได้รับการล้างหมด คุณไม่ต้องตกนรก
2. ตั้งใจที่ละทิ้งชีวิตเดิมที่ไม่ดีทั้งหมด มีความตั้งใจว่าจะไม่กลับไปเป็นตัวเก่าอีกแล้ว
. 3. มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า ติดสนิทกับพระองค์ในทุกๆวัน
บำเหน็จ คือรางวัล บ้าน ทรัพย์สมบัติ ตำแหน่ง หน้าที่และเกียรติที่เราจะได้ในแผ่นดินนิจนิรันทร์มาจาก
1. แรงจูงใจที่แท้จริงเพื่อพระเจ้า
2. ความถ่อมใจในพระเจ้า
3. ตะลัน (ความสามารถ เงินที่มี เวลา)เพื่อพระเจ้า
4. ระดับความเชื่อและความรัก
5. การให้เกียรติและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทุกระดับ โดยเฉพาะคนยากไร้ ให้ทำด้วยใจเมตตา
6. จำนวนคนที่สามารถประกาศได้ พาเข้าสวรรค์ได้
7. ทัศนคติที่ถูกต้อง ทำทุกอย่างด้วยใจชื่นชมยินดี
8. เงินบริจาค(สิบลด) ที่ให้ด้วยความเต็มใจและความรัก ไม่ใช่โอ้อวด
9. การยอมอดทนและละความสบายเพื่อพระเยซู