นับจากวันที่สอบจบวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ เรามีเวลาแก้เอกสารที่กรรมการคอมเม้นต์ระยะเวลาสุดๆ 1 เดือน จากนั้นเรายื่นเอกสารขอจบการศึกษา กรณีแผน ข หากแผน ก ก็นำเสนอผลงานวิชาการ ตีพิมพ์ก็ว่ากันไป จุดสำคัญคือหลังจากยื่นเอกสารขอจบหรือขออนุมัติปริญญาต่างๆให้กับคณะแล้ว คณะและมหาวิทยาลัยดำเนินการช้ามากทั้งกระบวนการและเจ้าหน้าที่ คือคณะจะประชุมรับรองอนุมัติปริญญา 1 เดือนต่อครั้ง ซึ่งหมายความว่า สมมติหากคณะประชุมวันที่ 12 ของเดือน แล้วเรายื่นเอกสารวันที่ 13 หรือหลังจากวันที่ 12 เป็นต้นไป เราต้องตกอยู่ในสถานะตกรถไฟ รอการประชุมครั้งถัดไปในอีก 1 เดือนข้างหน้า เช่นกันเมื่อเรื่องเสร็จออกจากคณะ ก็จะไปต่อยังมหาวิทยาลัย ซึ่งบางครั้ง(ซึ่งเป็นส่วนมาก)เจ้าหน้าที่ดำเนินการส่งหนังสือเพื่อเดินทางไปยังส่วนกลางของมหาวิทยาลัยใช้เวลานานกว่าที่ควร ขั้นต่อมาก็คือการประชุมคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัยประชุมเพื่อรับรองจบซึ่งประชุม 1 ครั้งต่อเดือนเช่นกัน หากบังเอิญเกิดความผิดพลาด เราก็รอรอบต่อไปอีก 1 เดือน ด่านอรหันต์สุดท้ายคือการประชุมคณะกรรมการสภาของมหาวิทยาลัยประชุมเพื่อรับรองจบ ซึ่งก็มีเพียง 1 รอบต่อเดือนเช่นกัน จากนั้นเราก็ต้องรอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่า คุณพี่เจ้าหน้าที่จะขยันพอที่จะปรับสถานะในระบบงานทะเบียนการศึกษาของเราว่ามี สถานะจบการศึกษา หรือยัง ถ้าพี่เขาไม่ทำ เราคงต้องเสียสละไปตามเรื่องถึงที่ทำงาน พร้อมบอกว่า พี่ครับ ปรับสถานะให้ทีครับ ที่กล่าวมาก มันเป็นอุปสรรคของคนที่ต้องการใบรับรองจบการศึกษา และใบทรานสคลิปต์เพื่อที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการสมัครงานในช่วงระยะเวลาที่เขารับสมัคร(ซึ่งบางที่เปิดสมัครแค่ไม่ถึง 1 สัปดาห์) และอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยครับ ทางออกของปัญหาผมว่าควรที่จะมีการประชุมเพื่ออนุมัติปริญญา ของทุกระดับ คณะ กรรมการผู้บริหาร สภามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะ 2 รอบต่อเดือน พูดง่ายๆก็รายปักษ์นะครับ เพราะกลัวคนตกรอบรถไฟ เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร
ทำไมมหาวิทยาลัย(ของรัฐส่วนใหญ่)ใช้เวลาในการอนุมัติปริญญา 3-4 เดือน ควรปรับเปลี่ยนกระบวนการ ขั้นตอนไหม