หลายเดือนที่ทุ่มเทซ้อม...หลายภูเขาที่ข้ามผ่าน...หลายสนามแข่งที่ตั้งใจ
ก็เพื่อวิ่งเข้าเส้นชัยที่ Hong Kong 100 อย่างสวยงาม
สวัสดีค่ะ อุ๊บอิ๊บ (ออ.) เองค่ะ
อุ๊บอิ๊บเป็นนักวิ่งอัลตร้าเทรล ถ้าใครเคยติดตามจะพอทราบว่าอิ๊บเคยผ่านการแข่งขันอัลตร้ามาบ้าง
100 Km The North Face Thailand
100 Km TMBT มาเลย์
80 Km ญี่ปุ่น
และอื่นๆเช่น ฟิลิปปินส์ เนปาล ฮ่องกง
อ่านดูอาจจะเหมือนอุ๊บอิ๊บเก่งนะ...แต่อิ๊บก็เหมือนนักวิ่งเทรลทั่วไปแหละค่ะ
ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่อิ๊บเพียงแค่พยายามมากก็เท่านั้น
รายการแข่ง HK100 เป็นรายการวิ่งเทรลดังที่เป็น 1 ใน Ultra trail world tour
ระยะทางทั้งหมด 100 Km เวลา cut off 30 ชม.(ถือว่าเป็นเวลาที่มากพอสมควร)
ออ.ติดตามการแข่งขันของคนไทยเมื่อปี 2015 และตั้งใจว่าปี 2016 จะถึงคราวของ ออ.บ้าง
ด้วยการสนับสนุนจากเครื่องดื่มเกลือแร่ซันโว ที่อยากให้นักวิ่งไทยได้มีโอกาสได้ไปแข่งยังต่างประเทศ
ออ.เป็นหนึ่งในนักวิ่งนั้นที่ได้รับการสนับสนุน

หลังจากที่ทราบว่าตัวเองได้slotจากการสมัคร บอกได้คำเดียวว่าดีใจมาก
ศึกษาสนามว่ายากระดับไหนจากโค้ชรอนที่เคยไปแข่งมาเมื่อปีที่แล้ว
โค้ชอธิบายสนามให้อย่างละเอียด การเตรียมตัว การวางแผน ฯลฯ
และที่สำคัญ งานนี้ถ้าหากวิ่งเข้ามาภายใน 16 ชม. ทุกคนจะได้ Trophy เป็นตุ๊กตานักวิ่งสีทอง
ภายใน 20 ชม. จะได้ตุ๊กตาสีเงิน และภายใน 24 ชม. จะได้ตุ๊กตาสีทองแดง
แต่หลังจาก 24 ชม-30 ชม. ทุกคนที่เข้าเส้นชัย จะได้รับเหรียญที่เป็นสัญลักษณ์ว่า “คุณทำสำเร็จแล้ว”
ก่อนเดินทาง โค้ชช่วย ออ.หลายอย่าง
อุปกรณ์ทุกอย่างที่ทางงานระบุว่านักแข่งต้องมี โค้ชจัดหามาให้ ออ.หมด
รวมไปถึงทำเอกสารบอกวิธีการออกจากสนามบิน วิธีติดต่อซื้อบัตรOctopus วิธีเดินทางไปโรงแรม
แม้กระทั่งเดินทางไปรับเบอร์วิ่งยังไง เดินลงรถไฟใต้ดินสถานีไหน ประตูไหน
เรียกได้ว่า ออ.จะอยู่ฮ่องกงได้อย่างปลอดภัยและไม่หลงแน่นอน 555
วันเดินทางมาถึง ออ.เดินทางมากับ”ติ๊ก" เพื่อนของออ.
ติ๊กบอกว่าอยากช่วยSupport ออ.ในจุด CheckPoint ที่สามารถเข้าไปได้
ออ.อุ่นใจที่มีแผนของโค้ชอยู่ในมือ แถมยังมีติ๊กคอยดูแลด้วย
แม้ตัวเองจะซ้อมมาดีแค่ไหน แต่ลึกๆก็ยังมีความหวั่นใจอยู่พอสมควร
100 Km ที่กำลังจะมาถึง เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
พยากรณ์อากาศบอกว่า วันแข่งจะมีพายุเข้าบนยอดเขา อากาศจะหนาวมาก หนาวมากที่สุดในรอบ 40 ปีของฮ่องกง หนาวถึงขั้นมีหิมะได้เลย
แม้จะกลัวและกังวล ... แต่ออ.คุยกับโค้ชตลอด
โค้ชบอกให้ว่า เสื้อผ้า อุปกรณ์ให้ความอบอุ่นของ ออ.มากพอสำหรับการแข่งขันแล้ว
ไม่ต้องกลัว...เธอแค่ทำให้ดีที่สุด
แม้รายการแข่งจะให้เวลาถึง 30 ชม. แต่ความตั้งใจของ ออ. มีเพียง 22 ชม.เท่านั้น
22 ชม. ออ.ต้องก้าวเข้าเส้นชัยแล้ว
“ออ.หวังไว้แบบนั้น”
ทุกวันที่อยู่ฮ่องกงอากาศหนาวมาก ฝนตกตลอด
ออ.ต้องทดลองแต่งชุดแบบที่จะแข่ง ลองไปวิ่งเพื่อเช็คดูว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่อบอุ่นพอไหม
ทุกวันที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปบนยอดตึกหรือยอดเขาสูงๆ แทบมองไม่เห็นอะไรเลย
เมฆหมอกปกคลุมเต็มไปหมด
อากาศข้างล่างที่ว่าหนาวแล้ว ข้างบนเขาจะหนาวแค่ไหน ... แทบไม่อยากจะคิด
วันก่อนแข่งเดินเที่ยวหาขนมทานกันช่วงเช้าก่อนกลับมาเตรียมจัดข้าวของต่อในห้อง
ลองเสื้อ ทำนู่นทำนี่
วันแข่งมาถึง
อากาศหนาวจับหัวใจเลยค่ะ ออ.สั่นกึกๆๆๆอยู่ที่จุดStart
การอยู่นิ่งๆ ยิ่งทำให้ร่างกายทนต่อความหนาวไม่ได้

ออ.ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหนาขนาดเสื้อขนเป็ดหรือนวมหนาๆ
มี base layer เสื้อทีมและเสื้อกันฝนเท่านั้น
โค้ชบอกออ.ว่า เธอจะหนาวตอนอยู่นิ่งๆ แต่เธอจะโอเคเมื่อเธอเริ่มวิ่งแล้ว

(ติ๊กมาส่งที่เส้น Start)
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
ออ.วิ่งไปแต่ละ CP ด้วยความรู้สึกที่ไม่หนาวมาก (แต่ก็หนาวอยู่พอสมควรในระดับที่ยังทนไหว)
ลมบางช่วงแรงมาก แรงถึงขนาดที่ผู้หญิงตัวใหญ่ๆอย่าง ออ. สามารถถูกลมพัดเซไปชนนักวิ่งจีนข้างๆได้เลย
ช่วงที่ลมแรงๆประทะมาด้านข้าง ออ.จะวิ่งออกแรงสู้กลับเพื่อไม่ให้ตัวเองเซไปตามแรงลม
เป็นการวิ่งที่เพิ่งเคยทำ แปลก แต่ก็สนุกดี
ผ่าน CP1 (CP=Check Point ทั้งสนามมีทั้งหมด 9 CPก่อนเข้าเส้นชัย ) ออ.วิ่งได้ดีกว่าเวลาที่วางแผนไว้
อย่างที่บอก...ออ.ตั้งใจกับมันมาก
ก่อนถึง CP2 ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เข่าซ้าย เจ็บ...วิ่งทางเรียบได้ ขึ้นเขาได้ แต่ตอนลงจะเจ็บจี๊ดๆทุกก้าวที่ลงเลย
นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านั้น ออ.วิ่งลงเร็วเกินไป
ออ.ไม่เคยเจอปัญหานี้ตอนซ้อม เพราะตอนซ้อมไม่เคยวิ่งลงเร็วขนาดนั้น ออ.ต้องเซฟข้อเท้าตัวเอง เนื่องจากการแข่งขันต่างๆที่ผ่านมา ทำให้เอ็นข้อเท้าของออ.ขาดไปบางเส้น เหลืออยู่เพียงบางเส้น
หากเกิดการพลิกมาอีก เส้นสุดท้ายขาด...ออ.คงต้องเลิกวิ่งเพื่อทำการผ่าตัดเลย
เมื่อเจ็บเข่าขวาก็ประคองตัวเองมาจนถึงCP2 เวลายังดีกว่าที่วางแผนไว้
ออ.ดีใจมากที่ติ๊กมารออยู่ที่ปากทาง
ติ๊กรีบเติมน้ำในเป้ให้อย่างรวดเร็ว
ออ.บอกติ๊กว่าเจ็บเข่า...เวลาที่วิ่งมาดีๆอาจจะช้าลง
แผนที่วางไว้อาจทำได้ดีไม่เท่านะ ... ติ๊กส่งข่าวให้โค้ชด้วยนะ
กอดติ๊กแน่นๆ1ครั้งแล้วออ.ก็วิ่งออกจากCP2 ไป
เจอกันอีกทีCP5นะ ... ติ๊กตะโกนไล่หลังมา
CP3 CP4ก่อนเข้ามาเจอติ๊กที่ CP5
ออ.บอกเลยว่า แม้จะเจ็บ แต่ออ.อดทน
ถ้าเห็นรูปถ่ายในงานนี้ที่ช่างภาพถ่ายมา จะรู้เลยว่า ออ.ไม่สนใจมองกล้องเลย
ก้มหน้าก้มตาวิ่ง
ออ.ต้องสู้กับทุกสิ่ง ...ทั้งความหนาว ทั้งความชัน ทั้งเข่าที่เจ็บ
น้ำมูกออ.ไหลตลอดทาง เอาผ้าที่ข้อมือคอยเช็ดน้ำมูกจนหนังบริเวณใต้จมูกถลอกไปหมด
สิ่งเหล่านี้มันยิ่งทำให้ ออ.รู้ว่า ลึกๆแล้วตัวเองมีความอดทนมากแค่ไหน
ณ Km ที่40 ก่อนไปถึงCP5 ระหว่างวิ่งลงทางเทรลแคบๆที่มีคนวิ่งข้างหน้าและคนวิ่งตามหลังมา
ออ.ก้าวเท้าซ้ายลงหินสูงๆก้อนหนึ่ง ทันทีที่เท้าแตะพื้น ข้อเท้าซ้าย ออ.ก็พลิกครึ๊ก!!! ลงไปนั่งกองอยู่บนดินข้างทาง
โอ๊ย!!
นักวิ่งข้างหน้าตกใจหันหลังมามองออ. "R U OK!!?" นักวิ่งที่ตามมาหยุดมองแต่ก็ไม่กล้าแตะ
ออ.กัดฟันลุกขึ้นแล้วบอก "OK...I’m OK" ก่อนพวกเขาจะวิ่งต่อไป ทิ้งไว้แค่ ออ.ที่เดินกระเผลกๆอยู่ข้างหลัง
ตายล่ะ...ทำยังไงดี ตอนนั้นน้ำตาไหลเลย
ก้มมองนาฬิกา...เวลาที่ทำไว้ดีอยู่ด้วย
และนี่มันก็เพิ่งวิ่งได้ 40 Km เอง...จะเจ็บแล้วจริงๆเหรอ?
จับความรู้สึกไปที่ข้อเท้าซ้าย
เจ็บ

หวังว่าเอ็นที่เหลืออยู่จะปลอดภัยนะ
กระดึ๊บๆ กระเผลกๆไปตามทางจนความรู้สึกที่มีเริ่มชา เลยตัดสินใจเริ่มวิ่งอีกครั้ง
ทีนี้ออ.ไม่ได้เจ็บแค่เข่าซ้ายแล้วสิ ยังมีข้อเท้าซ้ายเพิ่มมาด้วย
จึงต้องตั้งใจและโฟกัสตัวเองมากขึ้น
พอเริ่มวิ่งไปสักพักมันก็เหมือนจะอยู่ตัว
แม้อาการเจ็บมันจะไม่หาย แต่กลายเป็น ออ.เองที่อยู่กับมันได้
ความเจ็บจ๋า...เราจะอยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละนะ เราจะเจ็บไปด้วยกันนะ
CP5 ติ๊กมารอ ออ.อยู่ตามที่บอก จัดการเติมน้ำให้ออ. ส่วน ออ.ก็รีบไปหาบะหมี่ทาน
(งานจัดดีมาก แต่ละ CP จะมีอาหาร มีขนมมากมายบริการให้นักวิ่ง)
โค้ชบอก ออ.ว่าให้หยุดทานบะหมี่ที่ CP5 เพราะเธอจะมาถึงตอนเย็น(ตอนนั้นเวลาประมาณ16:00-17:00)
ทานเสร็จจะได้มีแรงไปต่อ

( หน้า ออ ชาไปหมด หนาว แถมบวมจากเกลือแร่ที่ทาน แต่ใจสู้มากๆค่ะ )
ออ.ภูมิใจในตัวเองที่พอมาถึงCP5 ผ่านมา 50 กว่ากิโลแล้ว ออ.ยังวิ่งเวลาดีกว่าที่วางแผนไว้ครึ่งชม.
แม้ว่าจะเหลืออีกเกือบครึ่งทาง เข่าจะเจ็บ ข้อเท้าจะเจ็บ
ออ.ไม่ท้อ จะไปต่อ และจะตั้งใจเหมือนเดิม
++++
ออกวิ่งไปCP6 ท้องฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มเย็นลงหนักกว่าเดิม
ออ.เอาถุงอุ่น(Hand warmer)ออกมายัดใส่ถุงมือ
ครึ่งทางหลังเป็นเขาส่วนมาก เขาหลายลูก
และจะสูงที่สุดที่เขาลูกสุดท้ายหลังผ่านCP9 เข้าเส้นชัย
ออ.ไม่กลัวภูเขาชันๆ ให้เลือกระหว่างวิ่งทางเรียบกับขึ้นเขา
ออ.ขอเลือกขึ้นเขา
แต่ ณ ตอนนั้น คิดในใจ
ขึ้นอย่างเดียวได้มั้ย...ลงไม่ไหว...เข่า ออ.เจ็บ ><
CP6 ไป 7 ไป 8 มีหลายจุดที่ยาก แต่ออ.ผ่านมันไปได้ดี อยู่หน้าเวลาที่วางแผนไว้เกือบ ชม.แล้ว
ยอดเขาบางลูกเป็นเขาโล่งๆ ทางวิ่งเป็นทางแคบๆเส้นเดียว (คล้ายๆเขาช้างเผือกประมาณนั้น)
แต่มืดและลมแรงมาก พอลมแรงก็จะพัดตัวออ.ให้เซออกจากเส้นทางแคบๆนั้นจนเกือบตกไหล่เขา
ออ.ต้องวิ่งออกแรงด้านข้างต้านทางลมเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดออกเส้นทางวิ่งไป
ออ.ไม่เอา Trekking pole มา ( ไม้เท้าที่เป็นอุปกรณ์ช่วย)
นานๆ ออ.จะใช้ Trekking pole ทีเพราะ ส่วนตัวชอบวิ่งด้วยขาของตัวเองมากกว่า
และบางสนามแข่ง(เช่นญี่ปุ่น)จะไม่อนุญาตให้นักวิ่งใช้เพราะปลายแหลมๆของไม้ อาจจะไปทำร้ายพืชพรรณต่างๆในป่าได้
พอไม่มี Trekking pole คอยค้ำสู้กับลม ตัวเรานี่แหละที่จะต้องสู้เอง
หลายครั้งที่มีนักวิ่งใช้ไม้ค้ำตัวเองแซง ออ.ไปขณะขึ้นเขา จิ้ม-ก้าว จิ้ม-ก้าว
ส่วนตัวเอง กดเข่าตัวเองขึ้นเอง ทีละก้าว ทีละก้าว
มองตามแล้วแอบอิจฉา 555
ออ.ผ่านจุดทรมานมาเยอะ
เครียดมากที่ต้องลงทางชันๆทั้งๆที่เข่าเจ็บเสียดๆตลอดเวลา
พอฝนเริ่มตก ก็ยิ่งหนาวหนักกว่าเดิม
หลายอย่างที่ประทังเข้ามาในช่วงที่กำลังวิ่ง แม้ว่ามันจะหนักแค่ไหน มันไม่ทำให้ออ.หยุดวิ่งได้เลย
ออ.สู้จริงๆ และยิ่งเห็นเวลาที่ทำได้ดีกว่าที่ตั้งใจไว้ด้วยแล้วยิ่งดีใจใหญ่
ออ.คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงโค้ช คิดถึงพี่ๆที่คอยติดตาม ออ.อยู่ที่ไทย
(รายการนี้จะบอกผลทาง Online ถ้าหาก ออ.ไปถึงที่ CP ไหนแล้ว ผลเวลาจะขึ้นทันทีในเวปไซต์ที่ให้ติดตาม โดยการเอาหมายเลข BIB ไปเชคดู )
ทุกครั้งที่วิ่งผ่านจุด Scan BIB ออ.จะตื่นเต้นมาก “ทุกคนที่ไทยต้องเฮแน่นอนที่เห็น ออ.มาถึงที่จุดนี้แล้ว ^^
ถึง CP 9 แล้วค่ะ 90 Km แล้ว
นาฬิกา ออ.แบตหมดแล้ว...รู้เพียงแต่ว่า เหลืออีกเพียง 10 Km เท่านั้นก็จะถึงเส้นชัย
ไม่รู้ว่าเวลาที่เข้ามาเท่าไหร่
รู้แต่ว่าอยู่ข้างหน้าเวลาที่ตั้งใจไว้พอสมควร
อากาศเย็นกว่าเดิม ออ.เอาเสื้อฟรีซมาใส่เพิ่ม ใส่ปลอกแขนกันหนาวเพิ่ม เอาถุงอุ่นออกมาเปลี่ยน ดื่มโกโก้ร้อน
เอาล่ะ
“ออกไปหาเส้นชัยได้แล้ว อุ๊บอิ๊บ"
(ต่อข้างล่างนะคะ )
สิ่งที่ยิ่งใหญ่...กว่าเส้นชัย 100 Km
ก็เพื่อวิ่งเข้าเส้นชัยที่ Hong Kong 100 อย่างสวยงาม
สวัสดีค่ะ อุ๊บอิ๊บ (ออ.) เองค่ะ
อุ๊บอิ๊บเป็นนักวิ่งอัลตร้าเทรล ถ้าใครเคยติดตามจะพอทราบว่าอิ๊บเคยผ่านการแข่งขันอัลตร้ามาบ้าง
100 Km The North Face Thailand
100 Km TMBT มาเลย์
80 Km ญี่ปุ่น
และอื่นๆเช่น ฟิลิปปินส์ เนปาล ฮ่องกง
อ่านดูอาจจะเหมือนอุ๊บอิ๊บเก่งนะ...แต่อิ๊บก็เหมือนนักวิ่งเทรลทั่วไปแหละค่ะ
ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่อิ๊บเพียงแค่พยายามมากก็เท่านั้น
รายการแข่ง HK100 เป็นรายการวิ่งเทรลดังที่เป็น 1 ใน Ultra trail world tour
ระยะทางทั้งหมด 100 Km เวลา cut off 30 ชม.(ถือว่าเป็นเวลาที่มากพอสมควร)
ออ.ติดตามการแข่งขันของคนไทยเมื่อปี 2015 และตั้งใจว่าปี 2016 จะถึงคราวของ ออ.บ้าง
ด้วยการสนับสนุนจากเครื่องดื่มเกลือแร่ซันโว ที่อยากให้นักวิ่งไทยได้มีโอกาสได้ไปแข่งยังต่างประเทศ
ออ.เป็นหนึ่งในนักวิ่งนั้นที่ได้รับการสนับสนุน
หลังจากที่ทราบว่าตัวเองได้slotจากการสมัคร บอกได้คำเดียวว่าดีใจมาก
ศึกษาสนามว่ายากระดับไหนจากโค้ชรอนที่เคยไปแข่งมาเมื่อปีที่แล้ว
โค้ชอธิบายสนามให้อย่างละเอียด การเตรียมตัว การวางแผน ฯลฯ
และที่สำคัญ งานนี้ถ้าหากวิ่งเข้ามาภายใน 16 ชม. ทุกคนจะได้ Trophy เป็นตุ๊กตานักวิ่งสีทอง
ภายใน 20 ชม. จะได้ตุ๊กตาสีเงิน และภายใน 24 ชม. จะได้ตุ๊กตาสีทองแดง
แต่หลังจาก 24 ชม-30 ชม. ทุกคนที่เข้าเส้นชัย จะได้รับเหรียญที่เป็นสัญลักษณ์ว่า “คุณทำสำเร็จแล้ว”
ก่อนเดินทาง โค้ชช่วย ออ.หลายอย่าง
อุปกรณ์ทุกอย่างที่ทางงานระบุว่านักแข่งต้องมี โค้ชจัดหามาให้ ออ.หมด
รวมไปถึงทำเอกสารบอกวิธีการออกจากสนามบิน วิธีติดต่อซื้อบัตรOctopus วิธีเดินทางไปโรงแรม
แม้กระทั่งเดินทางไปรับเบอร์วิ่งยังไง เดินลงรถไฟใต้ดินสถานีไหน ประตูไหน
เรียกได้ว่า ออ.จะอยู่ฮ่องกงได้อย่างปลอดภัยและไม่หลงแน่นอน 555
วันเดินทางมาถึง ออ.เดินทางมากับ”ติ๊ก" เพื่อนของออ.
ติ๊กบอกว่าอยากช่วยSupport ออ.ในจุด CheckPoint ที่สามารถเข้าไปได้
ออ.อุ่นใจที่มีแผนของโค้ชอยู่ในมือ แถมยังมีติ๊กคอยดูแลด้วย
แม้ตัวเองจะซ้อมมาดีแค่ไหน แต่ลึกๆก็ยังมีความหวั่นใจอยู่พอสมควร
100 Km ที่กำลังจะมาถึง เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
พยากรณ์อากาศบอกว่า วันแข่งจะมีพายุเข้าบนยอดเขา อากาศจะหนาวมาก หนาวมากที่สุดในรอบ 40 ปีของฮ่องกง หนาวถึงขั้นมีหิมะได้เลย
แม้จะกลัวและกังวล ... แต่ออ.คุยกับโค้ชตลอด
โค้ชบอกให้ว่า เสื้อผ้า อุปกรณ์ให้ความอบอุ่นของ ออ.มากพอสำหรับการแข่งขันแล้ว
ไม่ต้องกลัว...เธอแค่ทำให้ดีที่สุด
แม้รายการแข่งจะให้เวลาถึง 30 ชม. แต่ความตั้งใจของ ออ. มีเพียง 22 ชม.เท่านั้น
22 ชม. ออ.ต้องก้าวเข้าเส้นชัยแล้ว
“ออ.หวังไว้แบบนั้น”
ทุกวันที่อยู่ฮ่องกงอากาศหนาวมาก ฝนตกตลอด
ออ.ต้องทดลองแต่งชุดแบบที่จะแข่ง ลองไปวิ่งเพื่อเช็คดูว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่อบอุ่นพอไหม
ทุกวันที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปบนยอดตึกหรือยอดเขาสูงๆ แทบมองไม่เห็นอะไรเลย
เมฆหมอกปกคลุมเต็มไปหมด
อากาศข้างล่างที่ว่าหนาวแล้ว ข้างบนเขาจะหนาวแค่ไหน ... แทบไม่อยากจะคิด
วันก่อนแข่งเดินเที่ยวหาขนมทานกันช่วงเช้าก่อนกลับมาเตรียมจัดข้าวของต่อในห้อง
ลองเสื้อ ทำนู่นทำนี่
วันแข่งมาถึง
อากาศหนาวจับหัวใจเลยค่ะ ออ.สั่นกึกๆๆๆอยู่ที่จุดStart
การอยู่นิ่งๆ ยิ่งทำให้ร่างกายทนต่อความหนาวไม่ได้
ออ.ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหนาขนาดเสื้อขนเป็ดหรือนวมหนาๆ
มี base layer เสื้อทีมและเสื้อกันฝนเท่านั้น
โค้ชบอกออ.ว่า เธอจะหนาวตอนอยู่นิ่งๆ แต่เธอจะโอเคเมื่อเธอเริ่มวิ่งแล้ว
(ติ๊กมาส่งที่เส้น Start)
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
ออ.วิ่งไปแต่ละ CP ด้วยความรู้สึกที่ไม่หนาวมาก (แต่ก็หนาวอยู่พอสมควรในระดับที่ยังทนไหว)
ลมบางช่วงแรงมาก แรงถึงขนาดที่ผู้หญิงตัวใหญ่ๆอย่าง ออ. สามารถถูกลมพัดเซไปชนนักวิ่งจีนข้างๆได้เลย
ช่วงที่ลมแรงๆประทะมาด้านข้าง ออ.จะวิ่งออกแรงสู้กลับเพื่อไม่ให้ตัวเองเซไปตามแรงลม
เป็นการวิ่งที่เพิ่งเคยทำ แปลก แต่ก็สนุกดี
ผ่าน CP1 (CP=Check Point ทั้งสนามมีทั้งหมด 9 CPก่อนเข้าเส้นชัย ) ออ.วิ่งได้ดีกว่าเวลาที่วางแผนไว้
อย่างที่บอก...ออ.ตั้งใจกับมันมาก
ก่อนถึง CP2 ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เข่าซ้าย เจ็บ...วิ่งทางเรียบได้ ขึ้นเขาได้ แต่ตอนลงจะเจ็บจี๊ดๆทุกก้าวที่ลงเลย
นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านั้น ออ.วิ่งลงเร็วเกินไป
ออ.ไม่เคยเจอปัญหานี้ตอนซ้อม เพราะตอนซ้อมไม่เคยวิ่งลงเร็วขนาดนั้น ออ.ต้องเซฟข้อเท้าตัวเอง เนื่องจากการแข่งขันต่างๆที่ผ่านมา ทำให้เอ็นข้อเท้าของออ.ขาดไปบางเส้น เหลืออยู่เพียงบางเส้น
หากเกิดการพลิกมาอีก เส้นสุดท้ายขาด...ออ.คงต้องเลิกวิ่งเพื่อทำการผ่าตัดเลย
เมื่อเจ็บเข่าขวาก็ประคองตัวเองมาจนถึงCP2 เวลายังดีกว่าที่วางแผนไว้
ออ.ดีใจมากที่ติ๊กมารออยู่ที่ปากทาง
ติ๊กรีบเติมน้ำในเป้ให้อย่างรวดเร็ว
ออ.บอกติ๊กว่าเจ็บเข่า...เวลาที่วิ่งมาดีๆอาจจะช้าลง
แผนที่วางไว้อาจทำได้ดีไม่เท่านะ ... ติ๊กส่งข่าวให้โค้ชด้วยนะ
กอดติ๊กแน่นๆ1ครั้งแล้วออ.ก็วิ่งออกจากCP2 ไป
เจอกันอีกทีCP5นะ ... ติ๊กตะโกนไล่หลังมา
CP3 CP4ก่อนเข้ามาเจอติ๊กที่ CP5
ออ.บอกเลยว่า แม้จะเจ็บ แต่ออ.อดทน
ถ้าเห็นรูปถ่ายในงานนี้ที่ช่างภาพถ่ายมา จะรู้เลยว่า ออ.ไม่สนใจมองกล้องเลย
ก้มหน้าก้มตาวิ่ง
ออ.ต้องสู้กับทุกสิ่ง ...ทั้งความหนาว ทั้งความชัน ทั้งเข่าที่เจ็บ
น้ำมูกออ.ไหลตลอดทาง เอาผ้าที่ข้อมือคอยเช็ดน้ำมูกจนหนังบริเวณใต้จมูกถลอกไปหมด
สิ่งเหล่านี้มันยิ่งทำให้ ออ.รู้ว่า ลึกๆแล้วตัวเองมีความอดทนมากแค่ไหน
ณ Km ที่40 ก่อนไปถึงCP5 ระหว่างวิ่งลงทางเทรลแคบๆที่มีคนวิ่งข้างหน้าและคนวิ่งตามหลังมา
ออ.ก้าวเท้าซ้ายลงหินสูงๆก้อนหนึ่ง ทันทีที่เท้าแตะพื้น ข้อเท้าซ้าย ออ.ก็พลิกครึ๊ก!!! ลงไปนั่งกองอยู่บนดินข้างทาง
โอ๊ย!!
นักวิ่งข้างหน้าตกใจหันหลังมามองออ. "R U OK!!?" นักวิ่งที่ตามมาหยุดมองแต่ก็ไม่กล้าแตะ
ออ.กัดฟันลุกขึ้นแล้วบอก "OK...I’m OK" ก่อนพวกเขาจะวิ่งต่อไป ทิ้งไว้แค่ ออ.ที่เดินกระเผลกๆอยู่ข้างหลัง
ตายล่ะ...ทำยังไงดี ตอนนั้นน้ำตาไหลเลย
ก้มมองนาฬิกา...เวลาที่ทำไว้ดีอยู่ด้วย
และนี่มันก็เพิ่งวิ่งได้ 40 Km เอง...จะเจ็บแล้วจริงๆเหรอ?
จับความรู้สึกไปที่ข้อเท้าซ้าย
เจ็บ
หวังว่าเอ็นที่เหลืออยู่จะปลอดภัยนะ
กระดึ๊บๆ กระเผลกๆไปตามทางจนความรู้สึกที่มีเริ่มชา เลยตัดสินใจเริ่มวิ่งอีกครั้ง
ทีนี้ออ.ไม่ได้เจ็บแค่เข่าซ้ายแล้วสิ ยังมีข้อเท้าซ้ายเพิ่มมาด้วย
จึงต้องตั้งใจและโฟกัสตัวเองมากขึ้น
พอเริ่มวิ่งไปสักพักมันก็เหมือนจะอยู่ตัว
แม้อาการเจ็บมันจะไม่หาย แต่กลายเป็น ออ.เองที่อยู่กับมันได้
ความเจ็บจ๋า...เราจะอยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละนะ เราจะเจ็บไปด้วยกันนะ
CP5 ติ๊กมารอ ออ.อยู่ตามที่บอก จัดการเติมน้ำให้ออ. ส่วน ออ.ก็รีบไปหาบะหมี่ทาน
(งานจัดดีมาก แต่ละ CP จะมีอาหาร มีขนมมากมายบริการให้นักวิ่ง)
โค้ชบอก ออ.ว่าให้หยุดทานบะหมี่ที่ CP5 เพราะเธอจะมาถึงตอนเย็น(ตอนนั้นเวลาประมาณ16:00-17:00)
ทานเสร็จจะได้มีแรงไปต่อ
( หน้า ออ ชาไปหมด หนาว แถมบวมจากเกลือแร่ที่ทาน แต่ใจสู้มากๆค่ะ )
ออ.ภูมิใจในตัวเองที่พอมาถึงCP5 ผ่านมา 50 กว่ากิโลแล้ว ออ.ยังวิ่งเวลาดีกว่าที่วางแผนไว้ครึ่งชม.
แม้ว่าจะเหลืออีกเกือบครึ่งทาง เข่าจะเจ็บ ข้อเท้าจะเจ็บ
ออ.ไม่ท้อ จะไปต่อ และจะตั้งใจเหมือนเดิม
++++
ออกวิ่งไปCP6 ท้องฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มเย็นลงหนักกว่าเดิม
ออ.เอาถุงอุ่น(Hand warmer)ออกมายัดใส่ถุงมือ
ครึ่งทางหลังเป็นเขาส่วนมาก เขาหลายลูก
และจะสูงที่สุดที่เขาลูกสุดท้ายหลังผ่านCP9 เข้าเส้นชัย
ออ.ไม่กลัวภูเขาชันๆ ให้เลือกระหว่างวิ่งทางเรียบกับขึ้นเขา
ออ.ขอเลือกขึ้นเขา
แต่ ณ ตอนนั้น คิดในใจ
ขึ้นอย่างเดียวได้มั้ย...ลงไม่ไหว...เข่า ออ.เจ็บ ><
CP6 ไป 7 ไป 8 มีหลายจุดที่ยาก แต่ออ.ผ่านมันไปได้ดี อยู่หน้าเวลาที่วางแผนไว้เกือบ ชม.แล้ว
ยอดเขาบางลูกเป็นเขาโล่งๆ ทางวิ่งเป็นทางแคบๆเส้นเดียว (คล้ายๆเขาช้างเผือกประมาณนั้น)
แต่มืดและลมแรงมาก พอลมแรงก็จะพัดตัวออ.ให้เซออกจากเส้นทางแคบๆนั้นจนเกือบตกไหล่เขา
ออ.ต้องวิ่งออกแรงด้านข้างต้านทางลมเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดออกเส้นทางวิ่งไป
ออ.ไม่เอา Trekking pole มา ( ไม้เท้าที่เป็นอุปกรณ์ช่วย)
นานๆ ออ.จะใช้ Trekking pole ทีเพราะ ส่วนตัวชอบวิ่งด้วยขาของตัวเองมากกว่า
และบางสนามแข่ง(เช่นญี่ปุ่น)จะไม่อนุญาตให้นักวิ่งใช้เพราะปลายแหลมๆของไม้ อาจจะไปทำร้ายพืชพรรณต่างๆในป่าได้
พอไม่มี Trekking pole คอยค้ำสู้กับลม ตัวเรานี่แหละที่จะต้องสู้เอง
หลายครั้งที่มีนักวิ่งใช้ไม้ค้ำตัวเองแซง ออ.ไปขณะขึ้นเขา จิ้ม-ก้าว จิ้ม-ก้าว
ส่วนตัวเอง กดเข่าตัวเองขึ้นเอง ทีละก้าว ทีละก้าว
มองตามแล้วแอบอิจฉา 555
ออ.ผ่านจุดทรมานมาเยอะ
เครียดมากที่ต้องลงทางชันๆทั้งๆที่เข่าเจ็บเสียดๆตลอดเวลา
พอฝนเริ่มตก ก็ยิ่งหนาวหนักกว่าเดิม
หลายอย่างที่ประทังเข้ามาในช่วงที่กำลังวิ่ง แม้ว่ามันจะหนักแค่ไหน มันไม่ทำให้ออ.หยุดวิ่งได้เลย
ออ.สู้จริงๆ และยิ่งเห็นเวลาที่ทำได้ดีกว่าที่ตั้งใจไว้ด้วยแล้วยิ่งดีใจใหญ่
ออ.คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงโค้ช คิดถึงพี่ๆที่คอยติดตาม ออ.อยู่ที่ไทย
(รายการนี้จะบอกผลทาง Online ถ้าหาก ออ.ไปถึงที่ CP ไหนแล้ว ผลเวลาจะขึ้นทันทีในเวปไซต์ที่ให้ติดตาม โดยการเอาหมายเลข BIB ไปเชคดู )
ทุกครั้งที่วิ่งผ่านจุด Scan BIB ออ.จะตื่นเต้นมาก “ทุกคนที่ไทยต้องเฮแน่นอนที่เห็น ออ.มาถึงที่จุดนี้แล้ว ^^
ถึง CP 9 แล้วค่ะ 90 Km แล้ว
นาฬิกา ออ.แบตหมดแล้ว...รู้เพียงแต่ว่า เหลืออีกเพียง 10 Km เท่านั้นก็จะถึงเส้นชัย
ไม่รู้ว่าเวลาที่เข้ามาเท่าไหร่
รู้แต่ว่าอยู่ข้างหน้าเวลาที่ตั้งใจไว้พอสมควร
อากาศเย็นกว่าเดิม ออ.เอาเสื้อฟรีซมาใส่เพิ่ม ใส่ปลอกแขนกันหนาวเพิ่ม เอาถุงอุ่นออกมาเปลี่ยน ดื่มโกโก้ร้อน
เอาล่ะ
“ออกไปหาเส้นชัยได้แล้ว อุ๊บอิ๊บ"
(ต่อข้างล่างนะคะ )