คือ โดนจีนบี้มาตลอดจากความเร็วสูงเป็นเร็วปานกลาง (ธรรมดานั่นแหละ กลัวโดนด่าเพราะลดสเปคเยอะ) มาเป็นรางคู่ แล้วก็แปรธาตุไปสารพัดรูปแบบโครงการและการลงทุน โดนบี้เรื่องอัตราดอกเบี้ยอีก แต่ก็ต้องง้อเพราะไทยเราไม่มีเงินสักกะบาท ญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยอยากจะคุยด้วย คือ ไม่มีทางไปว่างั้น
ล่าสุด ตอนนี้เหลือทางเดี่ยว แถมยังขอให้จีนลงทุนเพิ่มและครอบคลุมมากขึ้น(ก็เพราะไทยไม่มีศักยภาพเรื่องเงินทุนเหมือนเดิม)
ผมว่า โครงการพวกนี้ เอามาคิดใหม่เถอะว่าคุ้มไม่คุ้ม เพราะตอนนี้มันแปรสภาพไปเยอะ จนมันใช้ feasibility เดิมไม่ได้แล้ว แต่คิดว่ารัฐบาลคงเดินหน้าต่อเพราะต้องการเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่โครงการเงินทุนมหาศาลแบบนี้ คิดให้ดีก่อนดีกว่าครับ อีกอย่าง มันกลายเป็นโครงการธรรมดาไปแล้ว อาจจะไม่มีผลกับชีวิตคนไทยเลยก็ได้ ขนาดจำนวนผู้โดยสารก็ยังไม่รู้ว่าจะมีแค่ไหนเลยตามข่าว
บางคนบอกว่า เราอย่าเป็นขี้ข้าอเมริกา แต่ผมว่าไอ้กันมันยังดีกว่าจีนเยอะ เป็นตลาดใหญ่ของเราอันดับ 1-3 มาตลอดหลายสิบปี ให้เงินช่วยเหลือโดยเฉพาะช่วงสงครามเย็น มีการลงทุนขนาดใหญ่จากยักษ์ใหญ่ของอเมริกาทำให้เกิดการสร้างงาน ฯลฯ
แล้วจีนมันทำอะไรให้ไทยบ้างครับ มันเพิ่งมาโผล่หัวมาไม่นานนี้เอง การลงทุน? ความช่วยเหลือ? ตลาด? มันทำอะไรบ้างครับ นอกจากคิดดอกเบี้ยแพงๆ มีแต่สร้างสินค้ามาตีตลาดไทย ยางพาราทำให้คนไทยเงิบทั้งแผ่นดินเพราะมันผลิตเองแล้ว
เราไม่ได้เป็นขี้ข้าจีนนะครับ
----------------------------------------------------------
ช็อก! รถไฟไทย-จีน เหลือแค่ทางเดี่ยว จากแผนเดิมสร้างเป็นทางคู่-รอดูจำนวนผู้โดยสารก่อน
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน ว่า ฝ่ายไทยได้เสนอรูปแบบการลงทุนใหม่ โดยขอปรับสัดส่วนการลงทุนให้จีนลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมไทยมีสัดส่วนการลงทุน 40% จีน 60% เป็นไทย 30% จีน 70% และขอให้การลงทุนครอบคลุมถึงการก่อสร้างด้วย จากเดิมครอบคลุมเฉพาะเรื่องการเดินรถ ฝ่ายจีนมีข้อเสนอเช่นกัน คือให้ปรับช่วงการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพื่อเป็นการลดต้นทุนการดำเนินการก่อสร้าง
โดยระยะแรกจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง คือกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน หลังจากนั้นก็ดำเนินการก่อสร้างในช่วงที่ 2 คือ นครราชสีมา-หนองคาย โดยจะมีการหารือกับจีนให้ปรับการก่อสร้างเป็นทางเดี่ยว ขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรไปก่อน จากแผนเดิมจะเป็นทางคู่ เพื่อศึกษาถึงจำนวนปริมาณของผู้โดยสารว่ามีมากเพียงพอหรือไม่
นอกจากนี้ จีนยังได้เร่งรัดให้ไทยสรุปรูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับจีนภายใน 2 สัปดาห์เพื่อให้สามารถลงนามบันทึกข้อตกลงได้ในการประชุมร่วมกันปลายเดือน กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนนั้นก็คงเป็นแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ (เอสพีวี)
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1454495026
โครงการรถไฟไทย-จีน ถ้าลำบากนักก็ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ
ล่าสุด ตอนนี้เหลือทางเดี่ยว แถมยังขอให้จีนลงทุนเพิ่มและครอบคลุมมากขึ้น(ก็เพราะไทยไม่มีศักยภาพเรื่องเงินทุนเหมือนเดิม)
ผมว่า โครงการพวกนี้ เอามาคิดใหม่เถอะว่าคุ้มไม่คุ้ม เพราะตอนนี้มันแปรสภาพไปเยอะ จนมันใช้ feasibility เดิมไม่ได้แล้ว แต่คิดว่ารัฐบาลคงเดินหน้าต่อเพราะต้องการเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่โครงการเงินทุนมหาศาลแบบนี้ คิดให้ดีก่อนดีกว่าครับ อีกอย่าง มันกลายเป็นโครงการธรรมดาไปแล้ว อาจจะไม่มีผลกับชีวิตคนไทยเลยก็ได้ ขนาดจำนวนผู้โดยสารก็ยังไม่รู้ว่าจะมีแค่ไหนเลยตามข่าว
บางคนบอกว่า เราอย่าเป็นขี้ข้าอเมริกา แต่ผมว่าไอ้กันมันยังดีกว่าจีนเยอะ เป็นตลาดใหญ่ของเราอันดับ 1-3 มาตลอดหลายสิบปี ให้เงินช่วยเหลือโดยเฉพาะช่วงสงครามเย็น มีการลงทุนขนาดใหญ่จากยักษ์ใหญ่ของอเมริกาทำให้เกิดการสร้างงาน ฯลฯ
แล้วจีนมันทำอะไรให้ไทยบ้างครับ มันเพิ่งมาโผล่หัวมาไม่นานนี้เอง การลงทุน? ความช่วยเหลือ? ตลาด? มันทำอะไรบ้างครับ นอกจากคิดดอกเบี้ยแพงๆ มีแต่สร้างสินค้ามาตีตลาดไทย ยางพาราทำให้คนไทยเงิบทั้งแผ่นดินเพราะมันผลิตเองแล้ว
เราไม่ได้เป็นขี้ข้าจีนนะครับ
----------------------------------------------------------
ช็อก! รถไฟไทย-จีน เหลือแค่ทางเดี่ยว จากแผนเดิมสร้างเป็นทางคู่-รอดูจำนวนผู้โดยสารก่อน
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน ว่า ฝ่ายไทยได้เสนอรูปแบบการลงทุนใหม่ โดยขอปรับสัดส่วนการลงทุนให้จีนลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมไทยมีสัดส่วนการลงทุน 40% จีน 60% เป็นไทย 30% จีน 70% และขอให้การลงทุนครอบคลุมถึงการก่อสร้างด้วย จากเดิมครอบคลุมเฉพาะเรื่องการเดินรถ ฝ่ายจีนมีข้อเสนอเช่นกัน คือให้ปรับช่วงการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพื่อเป็นการลดต้นทุนการดำเนินการก่อสร้าง
โดยระยะแรกจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง คือกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน หลังจากนั้นก็ดำเนินการก่อสร้างในช่วงที่ 2 คือ นครราชสีมา-หนองคาย โดยจะมีการหารือกับจีนให้ปรับการก่อสร้างเป็นทางเดี่ยว ขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรไปก่อน จากแผนเดิมจะเป็นทางคู่ เพื่อศึกษาถึงจำนวนปริมาณของผู้โดยสารว่ามีมากเพียงพอหรือไม่
นอกจากนี้ จีนยังได้เร่งรัดให้ไทยสรุปรูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับจีนภายใน 2 สัปดาห์เพื่อให้สามารถลงนามบันทึกข้อตกลงได้ในการประชุมร่วมกันปลายเดือน กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนนั้นก็คงเป็นแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ (เอสพีวี)
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1454495026