วัดลมหายใจ TRUE-JAS วิ่งพล่านหาเงิน เดิมพันอนาคต 4G


วัดลมหายใจ TRUE-JAS วิ่งพล่านหาเงิน เดิมพันอนาคต 4G
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

          หลังการประมูลครั้งประวัติศาสตร์สัญญาณ 4G คลื่นความถี่ 900 MHz จบสิ้นไปในช่วงปลายปี'58 กับราคาใบอนุญาต 2 รายที่พุ่งกระฉูดไปถึงรายละกว่า 7 หมื่นล้านบาท ทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ที่มีการประมูลคลื่นความถี่ด้วยราคาสูงสุด

          เวลานี้ผู้ชนะประมูลใบอนุญาต (ไลเซนส์) จึงต้องกลับมาสะสางค่าไลเซนส์ โดยต้องหาเงินจ่ายค่าประมูลงวดแรกพร้อมยื่นหนังสือ ค้ำประกันจากสถาบันการเงิน (แบงก์ การันตี) ของวงเงินประมูลที่เหลือทั้งหมด ให้ทันภายใน 90 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มี.ค. ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนด

          ด้วยเหตุนี้ ผู้ชนะการประมูลคลื่น 900 MHz ทั้ง 2 ราย ได้แก่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่ส่ง "บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด" ชิงใบอนุญาตมาได้ในราคา 76,298 ล้านบาท และ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ส่ง "บริษัท แจส โมบาย บอร์ดแบนด์ จำกัด" ในราคา 75,654 ล้านบาท จึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อหาแหล่งเงินทุน

          แม้ทั้ง 2 บริษัทจะมีงบการเงินเป็นบวกและอัตราส่วนทางการเงินไม่เลวนักก็ตามแต่ มูลค่าใบอนุญาตที่สูงทำให้ผู้ชนะทั้ง 2 ราย ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากมิใช่น้อย

          เมื่อเปรียบเทียบราคาใบอนุญาตกับมูลค่าตามราคาตลาดรวมของหุ้น (มาร์เก็ตแคป) พบว่า JAS มีเพียง 21,401 ล้านบาท ขณะที่ TRUE มีอยู่ราว 162,412 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.พ. 59) หมายความว่า การลงทุนชิงใบอนุญาตที่เกิดขึ้นมีมูลค่าสูงกว่าขนาดของกิจการในกรณีของ JAS ขณะที่ TRUE ก็มีภาระปริ่ม ๆ คอ ยิ่งเมื่อรวมราคาใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz ที่ TRUE ชนะประมูลมาได้ ก็ทำให้ต้องหาเงินจ่ายค่าใบอนุญาต 2 คลื่นความถี่สูงถึง 116,090 ล้านบาท (TRUE ชนะประมูลคลื่น 1800 MHz เมื่อเดือน พ.ย. 58 ด้วยราคา 39,792 ล้านบาท)

          เมื่อต้องใช้เงินทุนถึงแสนล้านบาท แม้จะสามารถทยอยจ่ายในเวลา 4 ปีได้ แต่ผู้ได้ใบอนุญาตก็มิอาจอยู่นิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนได้

          TRUE เพิ่มทุน 6 หมื่นล้าน
          ล่าสุดจึงเห็นความเคลื่อนไหวของ TRUE ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติเพิ่มทุน 60,000 ล้านบาท จากเดิมมีทุนจดทะเบียน 98,431 ล้านบาท มาเป็น 158,431 ล้านบาท ด้วยการ "ออกหุ้น เพิ่มทุน" จำนวน 15,000 ล้านหุ้น เพื่อ เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ตามมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 4 บาท ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มเป็น 39,607 ล้านหุ้น จากเดิมที่มีอยู่ 24,607 ล้านหุ้น

          ตรงกับที่ "ศุภชัย เจียรวนนท์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ TRUE กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีแหล่งเงินทุนหลากหลายที่จะนำมาชำระค่าใบอนุญาตและพัฒนาเครือข่าย 4G ทั้งจากกระแสเงินสด เงินกู้ สินเชื่อจากสถาบันการเงิน รวมถึงการจำหน่ายสินทรัพย์เพิ่มเติมเข้ากองทุนและหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) ฯลฯ

          ส่วน JAS มีกระแสว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันจากธนาคารพาณิชย์ที่จะออกแบงก์การันตีให้ ซึ่งจะทำให้มีความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินสนับสนุนการจ่ายค่าไลเซนส์

          ขณะที่ "พิชญ์ โพธารามิก" ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ JAS กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ไม่มีแผนเพิ่มทุน เพราะเชื่อมั่น ว่ามีแหล่งเงินทุนเพียงพอ รวมทั้งมีแผนร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจในเอเชีย ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าธุรกิจนี้ได้เต็มที่

          ทั้งนี้ ผลประกอบการของ JAS งวดสิ้นปี 58 มีกำไรสุทธิ 15,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 3,270 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า

          3-4 แบงก์ร่วมปล่อยกู้ TRUE
          อย่างไรก็ตาม การหาแหล่งเงินทุน ของ TRUE ล้ำหน้ากว่า JAS หลายช่วงตัว เพราะมีแบงก์ยืนยันร่วมปล่อยกู้ร่วมตามที่ "อาทิตย์ นันทวิทยา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SBC) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าบอร์ดได้พิจารณาปล่อยสินเชื่อให้กับ TRUE แล้ว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถระบุวงเงินได้ เนื่องจากการสินเชื่อชุดนี้ได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากแบงก์ขออนุญาตปล่อยกู้ให้ธุรกิจในกลุ่มซีพี ซึ่งติดเงื่อนไขเกินเกณฑ์กำกับลูกหนี้รายใหญ่ (Single Lending Limit)

          ส่วน "สุวัฒน์ เตชะวัฒนวรรณา" ผู้ช่วย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ระบุว่า ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาปล่อยกู้ TRUE แต่ไม่สามารถระบุวงเงินได้ และเบื้องต้นคาดว่าจะมี 3-4 แบงก์ร่วมปล่อยกู้ ซึ่งมีรายหนึ่งเป็นแบงก์ต่างชาติที่มีผู้ถือหุ้นจากจีน

          ออกตั๋วแลกเงิน-หุ้นกู้ 3.3 หมื่นล.
          อีกด้านหนึ่ง เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า ตั้งแต่ ต้นปี "บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซลฯ"ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตโดยตรง ได้ยื่นแบบข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) แก่ ก.ล.ต. 2 รายการ ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน อายุ 270 วัน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 15 ม.ค. 59-14 ม.ค. 60 และหุ้นกู้ระยะสั้น อายุ 9 เดือน มูลค่า 20,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 3 ก.พ. 59-2 ก.พ. 60 ส่วน TRUE ยื่นไฟลิ่ง เสนอขายตั๋วแลกเงิน อายุ 9 เดือน มูลค่า 8,000 ล้านบาท ขายระหว่างวันที่ 2 ก.พ. 59-1 ก.พ. 60

          โดยทั้ง 3 รายการขายให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (ไฮเน็ตเวิร์ก)

          "วัฒนา ถิรานุชิต" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดอันดับความน่าเชื่อถือให้ TRUE เห็นว่า หากหลังจากนี้ TRUE บริหารสัดส่วนการหาแหล่งเงินทุนจากในฝั่งของหนี้ (Debt) และฝั่งของทุน (Equity) ได้ดี และมีแผนกลยุทธ์การแข่งขันที่เหมาะสม ก็น่าจะมีแนวโน้มของเครดิตเรตติ้งที่ดี จากปัจจุบันทั้ง TRUE และบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซลฯ มีอันดับเครดิต BBB+/Stable ส่วนอันดับเครดิตจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดนั้น อาจจะต้องใช้เวลาราว 1-2 ปี จึงจะสามารถประเมินได้อย่างชัดเจน

          ส่องโอกาสรอด TRUE-JAS
          "กวี ชูกิจเกษม" รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทยวิเคราะห์ว่า การระดมเงินทุนของ TRUE มีความเป็นไปได้ของการระดมทุนที่ดีกว่า เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่คือบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้แสดงท่าทีสนับสนุนอย่างเต็มที่

          แตกต่างจาก JAS ที่ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ทั้งในเรื่องของการเพิ่มทุน รวมถึงพันธมิตรที่ได้เคยประกาศข่าวไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ จึงส่งผลให้ JAS ยังคงน่าเป็นห่วง ว่าจะนำเงินจากแหล่งใดมาจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ที่ประมูลมาได้

          "กรณีของ TRUE น่าจะสามารถเพิ่มทุนได้ ทำให้อยู่ในสถานการณ์เจ็บครั้งเดียว จบครั้งเดียว ต่างจาก JAS ที่ยังไม่มีความชัดเจนทั้งในเรื่องพันธมิตร รวมถึงการหาแหล่งเงินอื่น ๆ และด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูงขนาดนี้ อาจทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่า JAS จะชนะการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างที่หวังหรือไม่" กวีกล่าว

          กองทุนเลี่ยงซื้อ-ถือกลุ่มสื่อสาร
          แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ลดการลงทุนหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เพราะมีประเด็นความเสี่ยงจากการประมูลรบกวนราคาให้มีความผันผวน ส่วนหุ้น TRUE ที่กำลังจะมีการเพิ่มทุนนั้น กองทุนไม่ได้เข้าไปซื้อเพิ่ม แม้การเพิ่มทุนได้สำเร็จจะส่งผลดีต่ออนาคตธุรกิจก็ตาม ทั้งนี้ เพราะ TRUE เป็นธุรกิจในเครือเดียวกับ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ซึ่งยังคงมีประเด็นด้านธรรมาภิบาล จึงทำให้กองทุนบางแห่งยังคงวิตกในเรื่องนี้

          ขณะที่ JAS ซึ่งยังมองไม่เห็นทางออกของการหาแหล่งเงินทุนมาจ่ายค่าใบอนุญาต รวมทั้งเป็นหุ้นที่มีฐานะทางการเงินแย่ที่สุดในบรรดาผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งในมุมมองของผู้จัดการกองทุนยังเห็นว่าไม่น่าสนใจ

          "สำหรับประเด็นที่กังวลว่ากองทุนจะขายหุ้นออกมา เพราะไม่ต้องการเพิ่มทุนให้ TRUE จนกดดันราคาหุ้น ส่วนตัวคิดว่า ไม่จริง เพราะที่ผ่านมากองทุนไม่ได้ถือ TRUE มากนัก หรือจะเรียกว่าลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นสื่อสารทั้งหมดเลยก็ได้ เนื่องจากกลุ่มนี้ยังมีปัญหารบกวนตลอด ดังนั้นในภาวะที่ตลาดปรับตัวลดลงแบบนี้ กองทุนจึงเลือกที่จะมองหาโอกาสในกลุ่มอื่นมากกว่า" แหล่งข่าวกล่าว

          ยิ่งใกล้ถึงเวลาเรียกเก็บค่าใบอนุญาตงวดแรกและแบงก์การันตีเข้ามา TRUE และ JAS ต่างรู้ดีว่า ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้...มาพร้อมกับภาระหนี้อันใหญ่ยิ่งไม่แพ้กัน

แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 หน้า 16, 15)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่