เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปทำการ
โอนชื่อเจ้าของเบอร์ ที่ค่ายโทรศัพท์ค่ายหนึ่ง
เนื่องจากเบอร์นี้เราใช้มานานและชื่อเจ้าของเบอร์เป็นชื่อคุณพ่อ(ตอนนั้นยังเด็ก พ่อเป็นคนเปิดเบอร์ให้)
ทำให้เวลาไปเดินเรื่องต่างๆ ทำได้ลำบาก
จึงได้สอบถามข้อมูลจากทางศูนย์พบว่าถ้าเรามีใบเสร็จการชำระค่าโทร 2 เดือนมาให้กับทางศูนย์
จะสามารถดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของเบอร์ได้โดยคุณพ่อไม่ต้องมาเดินเรื่องด้วยได้
เราจึงเตรียมใบเสร็จค่าโทร 2 เดือนล่าสุดไป
พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้องยินยอมให้เปลี่ยนเบอร์ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(เผื่อพนักงานต้องการ)
เราได้ไปดำเนินเรื่องที่สาขา สาขาสยาม พารากอน
พนักงาน : ติดต่อเรื่องอะไรคะ
เรา : มาโอนชื่อเจ้าของเบอร์ค่ะ
จากนั้นพนักงานได้สอบถามจนรู้ว่าเราคือผู้ที่มาดำเนินเรื่อง โอนเบอร์จากชื่อคุณพ่อเป็นชื่อเรา และคุณพ่อไม่ได้มาด้วย
พนักงาน : ขอเอกสารยินยอมด้วยค่ะ
เรา : อ่อ ใช้เป็นใบเสร็จค่าโทรศัพท์ 2 เดือนได้ใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ได้ค่ะ
เราจึงยื่นใบเสร็จค่าโทรศัพท์ให้ไป จากนั้นมีบัตรประชาชน ซิมเบอร์ที่ต้องการเดินเรื่อง
พนักงาน : ลูกค้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในเดือนนี้ และเดือนที่ทำการเปลี่ยนแล้วนะคะ
เรา : ยังไงอะคะ

เราทำหน้างง พนักงานจึงอธิบายจนเราพอเข้าใจว่า ปกติเราใช้แพคเกจ XXX บาทซึ่งจะตัดรอบบิลวันที่ 11
แต่ที่เรามาเดินเรื่องเป็นวันที่ 20กว่าๆ แต่เราต้องจ่ายเต็มเดือน ไม่ได้หารเป็นวันเหมือนกรณีอื่น
เนื่องจากทำการโอนชื่อเจ้าของเบอร์ และหลังจากโอนเปลี่ยนแล้วเดือนหน้าเราก็ต้องจ่ายเต็ม XXX บาทเหมือนเดิม
ที่จริงอันนี้เราก็งงๆ แต่อยากให้มันจบๆไป

ละก็ด้วยซิมนี้เราไม่ได้ใช้อยู่ เพราะเราเอาโทรศัพท์ไปเคลม
ซึ่งใช้เวลาหลายวัน เราว่าไม่คุ้มที่จะจ่าย XXX บาท เราจึงสอบถามโปรโมชั่นที่ใช้แล้วคุ้มกับพนักงาน (ถูกๆ)
เรา : อย่างนี้เปลี่ยนโปรโมชั่นได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ)
ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกเราเดินเข้าไปด้วยอารมณ์ที่ปกติ ขอเอกสารอะไรเราก็ให้พร้อมระหว่างหยิบเอกสารเราก็พูด “แปบนึงนะคะ”
พอหยิบให้ก็บอก “นี่ค่ะ” คือพูดดีมาตลอด แต่พนักงานเหมือนอารมณ์ไม่ดี หรือโกรธใครมาก่อนไม่ทราบ ไม่ค่อยยิ้มแย้ม
พร้อมตอบสั้นๆมาตลอด ไม่ให้คำแนะนำอะไร ตอนนี้เราจึงเริ่มอารมณ์ขึ้น จึงพูดไปว่า
เรา : ช่วยแนะนำโปรด้วยค่ะ

พนักงาน : ตอนนี้ก็มีโปร 4G ค่ะ
เรา : คือตอนนี้เบอร์นี้หนูไม่ได้ใช้ชั่วคราว ไม่ได้ใส่ซิมในโทรศัพท์ มีโปรโมชั่นที่คุ้มกว่านี้มั้ยคะ
พนักงานทำท่านึก ซึ่งปกติที่เราใช้บริการสาขานี้มาพนักงานจะรีบแนะนำให้เรา หลายคนจะรีบหยิบใบแสดงโปรโมชั่นต่างๆมานำเสนอ
ถ้าไม่มีใบก้อจะหากระดาษเปล่ามาจดให้ว่ารายละเอียดเป็นยังไง เห็นพนักงานนึกเลยบอกว่าเอาแบบถูกๆเลยค่ะ
เรา : ขอโปรโมชั่นแบบถูกๆอะค่ะ

พนักงาน : อ๋อ ก็จะมีโปร 250 ค่ะ
เรา :
นี่ถูกสุดแล้วใช่มั้ยคะ
พนักงาน :
ใช่ค่ะ
เรา : เป็นยังไงอะคะ
พนักงาน : ก็ เดือนละ 250 บาท โทรได้ 300 นาที เล่นเน็ตไม่ได้
เรา : งั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเติมเงินได้มั้ยคะ
พนักงาน :
ได้ค่ะ ขอใบยินยอมด้วยค่ะ
เรา : ฮะ ใบยินยอม

พนักงาน : ถ้าไม่มีก็เปลี่ยนไม่ได้ค่ะ
เรา : ถ้ามีก็เปลี่ยนได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ (น้ำเสียงห้วนมาก พร้อมจ้องตา)
เราเลยลองหยิบเอกสารที่เตรียมมาอีกใบคือ สำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้องยินยอมให้เปลี่ยนเบอร์ให้พนักงานไป
พนักงาน : ขออนุญาตไม่เดินเรื่องให้นะคะ เพราะถือว่าเป็น
การทุจริต
อึ้ง!!! ทุจริต!!!
ตอนนั้นอารมณ์ปี๊ดมากแต่ไม่อยากมีเรื่อง รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด
เราก็สอบถามดำเนินเรื่องตามที่พนักงานบอกทุกอย่าง คือถ้าผิดจริง หรือทำไม่ได้จริงๆ ก็ควรบอกตั้งแต่แรก
แต่นี่คือเราทำเรื่องตามเอาเอกสารให้เสร็จ บอกเราทุจริต!!! ขึ้นเลยค่ะ
นึกถึงคำพูดเพื่อนหลายๆคนที่ชวนย้ายค่าย ไปค่ายอื่นที่เน็ตแรงกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(เราจะบ่นกับเพื่อนบ่อยๆว่าเน็ตเราไม่ดีเลย
แม้พึ่งเริ่มรอบบิลใหม่เน็ตก็ไม่แรง)
เราไม่ย้ายค่ายและใช้บริการของเครือข่ายนี้มานานมาก เพราะถ้าไปในพื้นที่ห่างไกลจะสัญญาณดี
และชอบในบริการของสาขานี้ แต่พนักงานวันนี้บริการได้แย่มากๆ จึงคิดจะย้ายค่ายทันที!

เรา : งั้นถ้าเดินเรื่องย้ายค่ายได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ
เราเคยพาเพื่อนมาทำเรื่องย้ายค่ายพวกนี้ และเคยได้ยินเค้าพูดกันว่า ถ้าไปคุยทำเรื่องย้ายค่าย
พนักงานจะถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงย้าย และพยายามเสนอโปรโมชั่นที่คุ้มกับการใช้งานของเรามาให้
แต่พนักงานคนนี้ตอบมาคำเดียวว่า “ค่ะ”
ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เราเลยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
เรา : เดินเรื่องย้ายค่ายตอนนี้ได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ
เป็นการยืนยันคำตอบเดิมที่หนักแน่นมาก เพื่อตัดปัญหาในเมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายค่าย และเปลี่ยนเป็นเติมเงินก็ไม่ได้
รายเดือนต่ำสุดก็ 250 บาท เอาก็เอา เลยบอกพนักงานไปว่า
เรา : ตกลงค่ะ
เปลี่ยนเป็นโปรที่ถูกที่สุด
พนักงาน : ค่ะ
รอพนักงานเดินเรื่องซักพัก
พนักงาน : เรียบร้อยแล้วค่ะ
เรา : โอเคค่ะ
เราจึงเดินออกจากศูนย์ไปยังเครือข่ายอื่นพร้อมทำเรื่องย้ายค่ายทันที ใจหายนิดๆ

555 มานึกได้ทีหลังว่า อ้าววววว
เราทำเรื่องโอนชื่อเจ้าของเบอร์แล้ว จะเปลี่ยนจากรายเดือนเป็นเติมเงินทำไมต้องใช้ใบยินยอมอีก และได้หาข้อมูลเพิ่มเติม
พบว่ามีโปรโมชั่นที่ถูกกว่า
250 บาท คือราคา
199 ก็มี
249 ก็มีและที่สำคัญเล่นเน็ตได้ด้วย!! อ่าว..
รู้สึกว่าเราโดนพนักงานด่าว่าทุจริต และโดนพนักงานหลอกเรื่องโปรโมชั่นอีก 
จึงตัดสินใจว่าจะไปเดินเรื่องในวันถัดไป
วันรุ่งขึ้นเรารีบไปเดินเรื่องพบว่าที่สาขานั้นมีนักแสดงชายชื่อย่อ จ. ไปถ่ายงานอยู่ไม่สะดวกให้บริการ
และพนักงานให้เราเข้าไปใช้บริการที่ serenade แทน เราจึงไปเดินเรื่องในนั้น
พนักงานให้บริการดีไม่ต่างกับ shop ที่เคยไปเดินเรื่องเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยกเว้นพนักงานเมื่อวานคนเดียว
เราจึงถามถึงการเปลี่ยนจากรายเดือนเป็นเติมเงิน ซึ่งได้ทำการโอนชื่อเจ้าของเรียบร้อยแล้ว พนักงานยืนยันว่า
“ไม่ต้อง” ใช้ใบยินยอม
เนื่องจากเปลี่ยนชื่อเจ้าของเป็นชื่อเราแล้ว และพูดถึงโปรโมชั่นว่ามีถูกกว่านี้แต่พนักงานนำเสนอโปรโมชั่นนี้ให้เรา
และตอนนี้เราได้ทำการเดินเรื่องย้ายค่ายเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาเดินเรื่อง 3 วัน
สรุป 3 วันเราต้องจ่าย 250 บาทยังไม่รวมภาษี โดยที่ไม่ได้ใช้บริการเลย พนักงานจึงเสนอว่าเราสามารถไม่ต้องจ่าย 250 บาท
แต่จะใช้บริการไม่ได้อยู่ในสถานะรอย้ายค่าย ถ้าใช้บริการเราจะโดนจ่ายเงินตามที่ใช้บริการ
เรารีบตอบตกลงเลย55

เพราะอย่างที่บอกเราเอาโทรศัพท์ไปเคลม ซึ่งใช้เวลาหลายวัน สรุปเราจ่ายแค่รอบบิลนี้ XXX บาท
โดยไม่ต้องจ่าย 250 บาทรอบบิลหลัง แค่ไม่ใช้โทรศัพท์จนกว่าจะย้ายค่ายสำเร็จ
จากนั้นเราเลยถามถึงเรื่องการเสนอแนะสำหรับการให้บริการ เพราะพนักงานเมื่อวานบริการแย่มากๆ
พนักงานแนะนำให้เราโทร 1175 ซึ่งถ้าโทรเบอร์นี้ก็จะเสียค่าบริการอีก55 เบอร์เราตอนนี้รอย้ายค่ายอยู่ไม่รู้ว่าจะเสียเป็นนาทีละเท่าไหร่
จึงเลือกที่จะมาเขียนลง pantip เผื่อเรื่องของเราจะเป็นประสบการณ์ให้กับใครหลายๆคนได้
และทางเครือข่ายจะได้รับรู้เรื่องและดำเนินการแก้ไขในส่วนนี้ด้วย
ประสบการณ์โดนพนักงานค่ายโทรศัพท์สีเขียว กล่าวหาว่าทุจริต
เนื่องจากเบอร์นี้เราใช้มานานและชื่อเจ้าของเบอร์เป็นชื่อคุณพ่อ(ตอนนั้นยังเด็ก พ่อเป็นคนเปิดเบอร์ให้)
ทำให้เวลาไปเดินเรื่องต่างๆ ทำได้ลำบาก
จึงได้สอบถามข้อมูลจากทางศูนย์พบว่าถ้าเรามีใบเสร็จการชำระค่าโทร 2 เดือนมาให้กับทางศูนย์
จะสามารถดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของเบอร์ได้โดยคุณพ่อไม่ต้องมาเดินเรื่องด้วยได้
เราจึงเตรียมใบเสร็จค่าโทร 2 เดือนล่าสุดไป
พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้องยินยอมให้เปลี่ยนเบอร์ได้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราได้ไปดำเนินเรื่องที่สาขา สาขาสยาม พารากอน
พนักงาน : ติดต่อเรื่องอะไรคะ
เรา : มาโอนชื่อเจ้าของเบอร์ค่ะ
จากนั้นพนักงานได้สอบถามจนรู้ว่าเราคือผู้ที่มาดำเนินเรื่อง โอนเบอร์จากชื่อคุณพ่อเป็นชื่อเรา และคุณพ่อไม่ได้มาด้วย
พนักงาน : ขอเอกสารยินยอมด้วยค่ะ
เรา : อ่อ ใช้เป็นใบเสร็จค่าโทรศัพท์ 2 เดือนได้ใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ได้ค่ะ
เราจึงยื่นใบเสร็จค่าโทรศัพท์ให้ไป จากนั้นมีบัตรประชาชน ซิมเบอร์ที่ต้องการเดินเรื่อง
พนักงาน : ลูกค้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในเดือนนี้ และเดือนที่ทำการเปลี่ยนแล้วนะคะ
เรา : ยังไงอะคะ
เราทำหน้างง พนักงานจึงอธิบายจนเราพอเข้าใจว่า ปกติเราใช้แพคเกจ XXX บาทซึ่งจะตัดรอบบิลวันที่ 11
แต่ที่เรามาเดินเรื่องเป็นวันที่ 20กว่าๆ แต่เราต้องจ่ายเต็มเดือน ไม่ได้หารเป็นวันเหมือนกรณีอื่น
เนื่องจากทำการโอนชื่อเจ้าของเบอร์ และหลังจากโอนเปลี่ยนแล้วเดือนหน้าเราก็ต้องจ่ายเต็ม XXX บาทเหมือนเดิม
ที่จริงอันนี้เราก็งงๆ แต่อยากให้มันจบๆไป
ซึ่งใช้เวลาหลายวัน เราว่าไม่คุ้มที่จะจ่าย XXX บาท เราจึงสอบถามโปรโมชั่นที่ใช้แล้วคุ้มกับพนักงาน (ถูกๆ)
เรา : อย่างนี้เปลี่ยนโปรโมชั่นได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกเราเดินเข้าไปด้วยอารมณ์ที่ปกติ ขอเอกสารอะไรเราก็ให้พร้อมระหว่างหยิบเอกสารเราก็พูด “แปบนึงนะคะ”
พอหยิบให้ก็บอก “นี่ค่ะ” คือพูดดีมาตลอด แต่พนักงานเหมือนอารมณ์ไม่ดี หรือโกรธใครมาก่อนไม่ทราบ ไม่ค่อยยิ้มแย้ม
พร้อมตอบสั้นๆมาตลอด ไม่ให้คำแนะนำอะไร ตอนนี้เราจึงเริ่มอารมณ์ขึ้น จึงพูดไปว่า
เรา : ช่วยแนะนำโปรด้วยค่ะ
พนักงาน : ตอนนี้ก็มีโปร 4G ค่ะ
เรา : คือตอนนี้เบอร์นี้หนูไม่ได้ใช้ชั่วคราว ไม่ได้ใส่ซิมในโทรศัพท์ มีโปรโมชั่นที่คุ้มกว่านี้มั้ยคะ
พนักงานทำท่านึก ซึ่งปกติที่เราใช้บริการสาขานี้มาพนักงานจะรีบแนะนำให้เรา หลายคนจะรีบหยิบใบแสดงโปรโมชั่นต่างๆมานำเสนอ
ถ้าไม่มีใบก้อจะหากระดาษเปล่ามาจดให้ว่ารายละเอียดเป็นยังไง เห็นพนักงานนึกเลยบอกว่าเอาแบบถูกๆเลยค่ะ
เรา : ขอโปรโมชั่นแบบถูกๆอะค่ะ
พนักงาน : อ๋อ ก็จะมีโปร 250 ค่ะ
เรา : นี่ถูกสุดแล้วใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ใช่ค่ะ
เรา : เป็นยังไงอะคะ
พนักงาน : ก็ เดือนละ 250 บาท โทรได้ 300 นาที เล่นเน็ตไม่ได้
เรา : งั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเติมเงินได้มั้ยคะ
พนักงาน : ได้ค่ะ ขอใบยินยอมด้วยค่ะ
เรา : ฮะ ใบยินยอม
พนักงาน : ถ้าไม่มีก็เปลี่ยนไม่ได้ค่ะ
เรา : ถ้ามีก็เปลี่ยนได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ (น้ำเสียงห้วนมาก พร้อมจ้องตา)
เราเลยลองหยิบเอกสารที่เตรียมมาอีกใบคือ สำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้องยินยอมให้เปลี่ยนเบอร์ให้พนักงานไป
พนักงาน : ขออนุญาตไม่เดินเรื่องให้นะคะ เพราะถือว่าเป็นการทุจริต
อึ้ง!!! ทุจริต!!!
เราก็สอบถามดำเนินเรื่องตามที่พนักงานบอกทุกอย่าง คือถ้าผิดจริง หรือทำไม่ได้จริงๆ ก็ควรบอกตั้งแต่แรก
แต่นี่คือเราทำเรื่องตามเอาเอกสารให้เสร็จ บอกเราทุจริต!!! ขึ้นเลยค่ะ
นึกถึงคำพูดเพื่อนหลายๆคนที่ชวนย้ายค่าย ไปค่ายอื่นที่เน็ตแรงกว่า[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราไม่ย้ายค่ายและใช้บริการของเครือข่ายนี้มานานมาก เพราะถ้าไปในพื้นที่ห่างไกลจะสัญญาณดี
และชอบในบริการของสาขานี้ แต่พนักงานวันนี้บริการได้แย่มากๆ จึงคิดจะย้ายค่ายทันที!
เรา : งั้นถ้าเดินเรื่องย้ายค่ายได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ
เราเคยพาเพื่อนมาทำเรื่องย้ายค่ายพวกนี้ และเคยได้ยินเค้าพูดกันว่า ถ้าไปคุยทำเรื่องย้ายค่าย
พนักงานจะถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงย้าย และพยายามเสนอโปรโมชั่นที่คุ้มกับการใช้งานของเรามาให้
แต่พนักงานคนนี้ตอบมาคำเดียวว่า “ค่ะ” ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เราเลยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
เรา : เดินเรื่องย้ายค่ายตอนนี้ได้เลยใช่มั้ยคะ
พนักงาน : ค่ะ
เป็นการยืนยันคำตอบเดิมที่หนักแน่นมาก เพื่อตัดปัญหาในเมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายค่าย และเปลี่ยนเป็นเติมเงินก็ไม่ได้
รายเดือนต่ำสุดก็ 250 บาท เอาก็เอา เลยบอกพนักงานไปว่า
เรา : ตกลงค่ะ เปลี่ยนเป็นโปรที่ถูกที่สุด
พนักงาน : ค่ะ
รอพนักงานเดินเรื่องซักพัก
พนักงาน : เรียบร้อยแล้วค่ะ
เรา : โอเคค่ะ
เราจึงเดินออกจากศูนย์ไปยังเครือข่ายอื่นพร้อมทำเรื่องย้ายค่ายทันที ใจหายนิดๆ
เราทำเรื่องโอนชื่อเจ้าของเบอร์แล้ว จะเปลี่ยนจากรายเดือนเป็นเติมเงินทำไมต้องใช้ใบยินยอมอีก และได้หาข้อมูลเพิ่มเติม
พบว่ามีโปรโมชั่นที่ถูกกว่า 250 บาท คือราคา 199 ก็มี 249 ก็มีและที่สำคัญเล่นเน็ตได้ด้วย!! อ่าว..
รู้สึกว่าเราโดนพนักงานด่าว่าทุจริต และโดนพนักงานหลอกเรื่องโปรโมชั่นอีก
วันรุ่งขึ้นเรารีบไปเดินเรื่องพบว่าที่สาขานั้นมีนักแสดงชายชื่อย่อ จ. ไปถ่ายงานอยู่ไม่สะดวกให้บริการ
และพนักงานให้เราเข้าไปใช้บริการที่ serenade แทน เราจึงไปเดินเรื่องในนั้น
พนักงานให้บริการดีไม่ต่างกับ shop ที่เคยไปเดินเรื่องเลย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราจึงถามถึงการเปลี่ยนจากรายเดือนเป็นเติมเงิน ซึ่งได้ทำการโอนชื่อเจ้าของเรียบร้อยแล้ว พนักงานยืนยันว่า “ไม่ต้อง” ใช้ใบยินยอม
เนื่องจากเปลี่ยนชื่อเจ้าของเป็นชื่อเราแล้ว และพูดถึงโปรโมชั่นว่ามีถูกกว่านี้แต่พนักงานนำเสนอโปรโมชั่นนี้ให้เรา
และตอนนี้เราได้ทำการเดินเรื่องย้ายค่ายเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาเดินเรื่อง 3 วัน
สรุป 3 วันเราต้องจ่าย 250 บาทยังไม่รวมภาษี โดยที่ไม่ได้ใช้บริการเลย พนักงานจึงเสนอว่าเราสามารถไม่ต้องจ่าย 250 บาท
แต่จะใช้บริการไม่ได้อยู่ในสถานะรอย้ายค่าย ถ้าใช้บริการเราจะโดนจ่ายเงินตามที่ใช้บริการ
เรารีบตอบตกลงเลย55
โดยไม่ต้องจ่าย 250 บาทรอบบิลหลัง แค่ไม่ใช้โทรศัพท์จนกว่าจะย้ายค่ายสำเร็จ
จากนั้นเราเลยถามถึงเรื่องการเสนอแนะสำหรับการให้บริการ เพราะพนักงานเมื่อวานบริการแย่มากๆ
พนักงานแนะนำให้เราโทร 1175 ซึ่งถ้าโทรเบอร์นี้ก็จะเสียค่าบริการอีก55 เบอร์เราตอนนี้รอย้ายค่ายอยู่ไม่รู้ว่าจะเสียเป็นนาทีละเท่าไหร่
จึงเลือกที่จะมาเขียนลง pantip เผื่อเรื่องของเราจะเป็นประสบการณ์ให้กับใครหลายๆคนได้
และทางเครือข่ายจะได้รับรู้เรื่องและดำเนินการแก้ไขในส่วนนี้ด้วย