*คนกีฬาร่วมใจ! พินิจฟันธงเลือกตั้ง 11 ก.พ. คว่ำแน่ เผยคนชนะทำงานไม่ได้ ด้านหรั่งลั่นถ้าได้ไม่ก็เอาเพราะไม่สง่างาม*

กระทู้สนทนา
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



เหลือเวลาอีกประมาณ 10 กว่าวันเท่านั้น ก็จะถึงกำหนดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 ก.พ. 2559 ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย

โดยตอนนี้สื่อต่างๆได้ติดตามสัมภาษณ์ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ และทาง ไทยรัฐทีวี ก็ได้เชิญผู้สมัคร 3 คน ที่ลงชิงตำแหน่งประมุขบอลไทย มาพูดคุยเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ผ่านทางรายการ ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วย พินิจ สะสินิน(ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ), พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัช ฤทธิ์เต็ม(ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ) และ วัชระ กรรณิการ์ ทีมงานของ "บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจจกุล(ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ)

พินิจ สะสินิน อดีตเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, และอดีตเลขาธิการของคณะกรรมการกลาง(FAT NC) ได้เริ่มกล่าวถึงการทำงานและอำนาจขอบเขตของคณะกรรมการกลางฯว่า "คณะกรรมการกลางฯมีอำนาจหลายอย่าง ข้อแรกคือ มีอำนาจตามข้อบังคับของสมาคมฯข้อที่ 35 ว่าด้วยเรื่องสภากรรมการ, ข้อ 2 ให้มาดูแลเรื่อง 30 เสียงลีกภูมิภาค ว่ามาตามข้อบังคับหรือไม่ ถ้ามีข้อบังคับ, 3 ระเบียบวิธีการเลือกตั้ง และ 4 ให้คณะกรรมการชุดนี้มาดูแลเรื่องการเลือกตั้ง แต่ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับงานของสำนักเลขาฯ เช่นการแข่งขัน และทีพีแอล นั่นหมายถึงคณะกรรมการมีหน้าที่แค่ดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น"

"การประชุมที่ผ่านมาของคณะกรรมการกลางฯก็เป็นไปตามปกติ และดำเนินไปตามที่ฟีฟ่าประกาศไว้ ซึ่งทุกอย่างก็ไม่ขัดต่อข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งฟีฟ่าเน้นย้ำว่า ห้ามทำอะไรที่จะขัดต่อข้อบังคับฯ"

"สาเหตุที่ผมลาออกจากคณะกรรมการกลางฯ เพราะทุกอย่างมันเสร็จแล้ว ทุกอย่างที่ฟีฟ่าให้มามันเสร็จแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้ทำ และควรจะทำคือ ไปดูว่าข้อบังคับของด.2 มีมั้ย และถ้ามีการได้มาซึ่ง 30 เสียง ถูกต้องหรือไม่ตามข้อบังคับ ซึ่งฟีฟ่าไม่ได้สั่งให้มาเลือกใหม่ เพียงแต่ฟีฟ่าให้มาตรวจสอบเท่านั้นว่าเป็นไปตามข้อบังคับหรือไม่ ซึ่งถ้ามันถูกต้องตามข้อบังคับ จะต้องให้ 30 เสียงนั่นแหละมาทำการเลือกตั้ง แต่ถ้าไม่ถูกตามข้อบังคับ ค่อยมาเลือก 30 เสียงกันใหม่ ซึ่งข้อบังคับที่ว่านี้ คือข้อบังคับของด.2 ไม่ใช่ข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ เพราะลีกภูมิภาคเขามีข้อบังคับของตัวเอง"

ส่วน "รองแห้ว" พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัช ฤทธิ์เต็ม กล่าวว่า "จากที่ฟังคุณพินิจพูดมา ผมมีความรู้สึกว่า มันมีบางอย่างที่ทำไม่ถูกต้อง โดยวันนี้ผมจะมาขอชี้แจงกับ เสธ.โต พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ถึงการที่ผมมาลงสมัครเลือกตั้ง ผมรู้จักท่านเป็นอย่างดี รู้เบื้องหลังของท่านหมด แต่ยังไม่อยากพูดตอนนี้ การที่ผมมาลงเลือกตั้ง ผมไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย ผมเป็นตำรวจ เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล ผมต้องลงมาตรวจสอบ"

ขณะที่ วัชระ กรรณิการ์ กล่าวว่า "ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ในวงการฟุตบอล จึงไม่อยากจะพูดรายละเอียดเชิงลึก แต่ผมคิดว่าการฟ้องร้องทั้งหลาย ผมสนับสนุนให้ฟ้องร้อง เพื่อหาข้อเท็จจริง และเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งตอนนี้ผมอยากให้สิ่งที่ถูกต้องมายังวงการฟุตบอลไทย"

"ผมคิดว่าการที่ เสธ.โต ยังจะดึงดันให้มีการเลือกตั้งวันที่ 11 ก.พ. ผมคิดว่าจะมีปัญหามากมายตามมาแน่นอน เพราะยังมีการฟ้องร้องอีกมากมายตามมา ซึ่งคนชนะเลือกตั้งคงจะทำงานไม่ได้แน่"

สุดท้าย "อ.หรั่ง" ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อีกหนึ่งผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยในรายการ กล่าวว่า "ที่ท่าน วัชระ พูดมา ถูกใจผมมาก เพราะคนชนะ จะได้ตำแหน่งมาอย่างไม่สง่างาม เพราะชนะมาแบบมีสิ่งคาใจของคนทั้งประเทศ ซึ่งหากผมได้รับเลือก ผมก็ไม่ขอยอมรับ เพราะมันไม่สง่างาม"

"ส่วนเรื่องใบมอบอำนาจ ถ้าวันที่ 11 ก.พ. ยังมีการใช้ใบมอบอำนาจอยู่ ผมคิดว่ามันจะเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งผมอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ผมอยากให้ร้อยกว่าสโมสรมาร่วมพูดคุยกันวันนึง แล้วโหวตกันเลยว่ากติกากลางจริงๆคืออะไร แล้วเลือกตั้งกันเลยว่าใครชนะ เพราะหากยังข่มขืนให้เลือกตั้งวันที่ 11 ก.พ. มันมีผลข้างเคียงตามมา มันไม่จบแน่นอน และวงการฟุตบอลก็เดินหน้าไม่ได้"

พินิจ สะสินิน กล่าวอีกครั้งว่า "ถ้าวันที่ 11 ก.พ. ไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ฟีฟ่าจะไม่แบนไทยแน่นอน เพราะฟีฟ่าระบุเพียงว่า การเลือกตั้งจะต้องทำให้เสร็จภายใน 15 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คณะกรรมการกลางชุดนี้จะหมดวาระ และอีกเหตุผลคือ จะมีการเลือกประธานฟีฟ่าในวันที่ 26 ก.พ. ดังนั้นใครที่เป็นนายกฯจะต้องไปลงคะแนนเลือกประธานฟีฟ่า แต่ถ้ามันไม่เสร็จ ก็ไม่เป็นไร ฟีฟ่าก็เลื่อนให้อยู่แล้ว ฟีฟ่าจะไม่มีการแบนแน่นอน"

"การจะแบนจากฟีฟ่าคือ 1 การเมืองเข้ามายุ่ง, 2 มีการฟ้องศาลในประเทศ ซึ่งฟีฟ่าก็ใช้แค่คำว่า "อาจจะ" เท่านั้น" พินิจ กล่าว

วัชระ กรรณิการ์ กล่าวปิดท้ายว่า "ความฝันของผมคือ การที่ทั้ง 2 ฝ่าย เดินหน้าเข้าหากัน มาคุยกัน ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายสามารถคุยกันได้ ผมก็อยากให้มี นายกสมาคมฟุตบอลปรองดองฯ เกิดขึ้น และแบ่งสัดส่วนคณะกรรมการกันคนละครึ่ง และแบ่งงานกันบริหาร ผมว่าปัญหาจะไม่เกิด"

ขอบคุณข้อมูล: รายการไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ ไทยรัฐทีวี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่