เดินไปเดินมา และนี่คือที่พักผม ''เฮือนพักสุกสัน'' ถ้าลงจากเรือมาก็เดินเลี้ยวขวามานิดเดียว ที่พักจะอยู่ตรงมุมพอดี บรรยากาศชิลมาก

มีให้เลือกหลายแบบ มีทั้งแอร์ พัดลม มีผี ไม่มีผี (ก็ว่ากันไปปปป 555) ผมเลือกห้องนอนแบบไม้หลังนี้ อยู่ริมโขงเลย ราคาประหยัด 50,000 กีบ/คืน (ประมาณ 220 บาท)

ว้าว!! หน้าห้องมีเปลไว้ให้นอนชมวิวริมโขงได้ตามสบาย

แต่แอบเอะใจอยู่นิดๆ ว่าสภาพด้านในมันก็เก่าไปหน่อยมั้ย หน้าต่างบานนั้นก็ล็อกไม่ได้ บานนี้ก็ปิดไม่สนิท ทำไงล่ะที่นี้ ทำไงๆๆๆ?? กลัวใครมาค้นกระเป๋าหาเพชร หาทองคำ 5555

สำรวจสภาพห้องน้ำก็โอเคนะ

เอางี้ละกัน เอาไว้ในห้องน้ำนี่แหละ ไม่มีคนเห็นดี สบายใจไปได้อีกนิด

รีบเตรียมพร้อมออกไปเช่าจักรยาน เพราะมีแพลนจะปั่นไปน้ำตกหลี่ผี

ออกมาถามรถเช่ากับพนักงานที่พัก พนักงานถามว่าจะเอารถจักรหรือรถถีบ ผมก็ถามกลับไปว่ารถจักรคืออะไร รถถีบคืออะไร? 555 งงๆ พนักงานก็อธิบายว่า รถจักรคือรถมอเตอร์ไซค์ รถถีบคือรถจักรยาน (อ๋อออ) 555

อ้าว!! ท้องฟ้าสีเข้มขึ้นทันตา อย่าบอกนะว่าฝนจะตก!! แล้วกล้องถ่ายรูปล่ะ โทรศัพท์มือถือล่ะ

ไม่รีรอ รีบกลับไปห้องพัก เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น จัดการห่อกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ ด้วยถุงพลาสติก 10 ชั้น ตามภาพ (บอกแล้วพี่ไม่ได้มาเล่นๆ 55)

นี่คือน้องแดง และหวังว่าน้องแดงจะพาเราไปถึงน้ำตกหลีผีโดยเร็วที่สุด เพราะนี้บ่าย 2 โมงแล้ว

ระยะทางจากดอนเดด - น้ำตกหลี่ผี ประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร จากนั้นก็รีบปั่นลัดเลาะตามทางของหมู่บ้าน ฝ่าดงขี้ควาย ถนนดินลื่นๆ พร้อมสายฝนที่หนักหน่วง ปั่นไปเรื่อยๆได้ประมาณ 2 กิโล สุดท้ายโชคก็ไม่ได้เข้าข้างผม คือEแดง เป็นไร!! ยางมาเฉือกรั่วอะไรตอนนี้ ห่าเมิงเอ้ยยยยย.... >< เดินไปถามร้านปะยาง ชาวบ้านก็งง ปะยางคืออิหยัง??? โอ้ยยยน้อ (ลาวเค้าเรียกตาบยาง คือกูจะรู้มั้ยเนี่ย 555) และแล้วก็ต้องจูงกลับไปเริ่มต้นใหม่ เวลา ณ ตอนนี้ก็ บ่าย 3 โมง จะได้เห็นน้ำตกหลี่ผีมั้ยกูชาตินี้(คิดในใจแบบดังๆ)

เดินจูงกลับไปได้ค่อนทางมีร้านเช่าจักรยานอยู่พอดี ผมเลยติดต่อเช่า 1 คัน พร้อมฝากน้องแดงไว้ก่อนนะ ขากลับจะมาเอา พอได้จักรยานคันใหม่ก็รีบปั่นต่อไม่ฟังเสียงใดใด เพราะรีบมากกกกก และแล้วฝนก็หยุดตก^^
V
นี่คือน้องน้ำเงิน จักรยานคันที่จะพาเราไปน้ำตกหลี่ผีของจริง เมื่อกี้แค่เล่นๆ 555

ผ่านไปหลายหมู่บ้าน ปั่นต่อไป ถ้าถึงสะพานตรงนี้เมื่อไรก็คือได้ครึ่งทางแล้ว

ข้ามสะพานมาอีกฝั่งจะเป็นจุดขายบัตร (คือคุณพรี่สะกัดขายบัตรตั้งแต่ยังไม่ถึงน้ำตก)

ปั่นมาเรื่อยๆจะเจอทางแยกหัวรถจักร (เค้ามีประวัติว่าสมัยก่อนประเทศลาวมีรถไฟ) เลี้ยวขวาแล้วปั่นต่อไป
ไกลพอสมควร กว่าจะถึงน้ำตกหลี่ผี (ผมถึงน้ำตกประมาณ 4 โมงเย็น)

เป็นธรรมดาที่เด็กๆกลุ่มนี้เลิกเรียนแล้วจะมาวิ่งเล่นแถวนี้ เพื่อไล่ขอตังค์นักท่องเที่ยว ขอตังค์กินหนมแหน่ๆๆๆๆ

บักน้อยทำหน้าอ้อนวอนขอตังค์ 555

นี่คือความอลังการของน้ำตก เสียงน้ำกระทบหินดังโบ้มๆๆๆ เป็นน้ำตกที่ใหญ่โตมาก น้ำเยอะมาก แต่น้ำก็ขุ่นมาก

บริเวณแถวนั้นก็ร่มรื่น เดินชิลๆไป

ร้านกาแฟ ร้านอาหาร

มีชายหาดด้วยนะ

นั่งพัก นอนพักซักแปป เพลียทั้งร่าง ทั้งหนังตา สภาพตากฝนตากแดดมาทั้งวัน


เย็นแล้ว เตรียมตัวออกไปจากที่นี่ดีกว่า

ออกมาตรงที่จอดจักรยาน แวะซื้อเครื่องดื่ม ก้อพูดคุยกับพี่ผู้หญิงคนนี้ แกก้อถามว่ามาจากไทยหรอ ทำไมไม่เลยไปหมู่บ้านปลาโลมา มาทั้งทีแล้ว ไปเลยๆๆ (เอา ยุกูเข้าไป ยิ่งบ้ายออยู่นะนิ 555) เวลา ณ ตอนนี้ 16.40 น.

อิหล้าน้อย^^

ออกมาตั้งหลักที่ทางแยก ไปหมู่บ้านปลาโลมาอีก 3.5 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปกันเล้ยยย ยาวไปๆๆ

ผ่านร้านตาบยาง

และนักปั่นมือสมัครเล่นอย่างผมก็ใช้เวลา 20 นาที ฝ่าถนนลูกรังหินแหลมๆ กว่าจะมาถึงหมู่บ้านปลาโลมา

ไหนนน? ปลาโลมา ไอ้เราก็คิดว่าจะเห็นปลาเหล่านั้นอันเล่าลือแหวกว่ายอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้

ที่ไหนได้ คุณต้องซื้อทัวร์ หรือเช่าเหมาเรือชาวบ้านออกไปดูกลางแม่น้ำโขงนู่นนนน #สะใจมั้ยล่ะเมิง ปลาโลมา 555

ฝั่งนู่นที่เห็นก็คือ ประเทศกัมพูชา ก็มีบ้านคนใช้ชีวิตกันปกติ

ใช้เวลาอยู่ที่นี่แค่ 5 นาที กลับดีกว่าเดี๋ยวมืด

ขากลับทำไมป่ามันดูทึบๆ หรือว่าพระอาทิตย์ตกไปแล้ว เลยทำให้ดูน่ากลัวพิกล (ตัวหยังควายกลัวโดนทำร้าย 555)

ถึงสะพานแล้ว ได้ครึ่งทางละ

ถึงที่พัก 1 ทุ่มตรง พร้อมจูงน้องแดงมาส่ง รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วขอยืมน้องเขียวของที่พักออกไปหาเบียร์เย็นๆจิบดีกว่า ^^

ร้านนี้ละกัน ชื่อร้าน Jasmin Restaurant ลุงคนนี้เป็นคนอินเดีย เป็นเจ้าของร้าน พูดไทยได้นิดหน่อย เพราะเคยเปิดร้านอยู่แถวสีลม ก่อนจะไปอยู่ที่ลาวร่วมเข้าปีที่ 20

หิวจัดสั่งมาหลายอย่างมาก อะไรมั่งก็ไม่รู้ จำชื่อไม่ได้คับ

(ภาพไม่ค่อยชัดนะครับ เพราะเอาโทรศัพท์ถ่าย กล้องแบตหมด)

เฟี้ยวฟ้าว ชิลมาก แฮปปี้มาก ตามประสาตัวคนเดียว ^^

อิ่มแล้วก็จ่ายค่าเสียหายไปประมาณ 300 กว่าบาท ลุงอินเดียถามว่ากลับวันไหน ผมบอกว่ากลับพรุ่งนี้ ลุงแกบอกว่ากลับพร้อมกันมั้ย เดี๋ยวผมต้องนั่งเรือชาวบ้านออกไปจ่ายตลาด มานั่งรอที่ท่าเรือ 7 โมงเช้านะ ค่าเรือประมาณ 15,000 กีบ ดีกว่าไปคนเดียวมันแพง(ด้วยความเอ็นดูคนไทยของลุงเค้า) ^_^

หลายคนสงสัยว่า ที่นอนของห้องพักเป็นแบบไหน นี่ไง!! มีมุ้งให้ เชิญได้ตามสบาย ที่นอนยุบเป็นหลุมลึก เป็นคลื่นๆ เอาเป็นว่าหลับตาแล้วจินตนาการเอา คิดซะว่านอนอยู่บนเบาะนวดไฟฟ้า สมราคาเค้าแหละครับ 555
ราตรีสวัสดิ์ ตื่นเช้ามาเตรียมกลับไปปากเซอีกครั้ง ^^
[CR] เฟี้ยวฟ้าวปากเซ แบกเป้ไปคนเดียว [3]
มีให้เลือกหลายแบบ มีทั้งแอร์ พัดลม มีผี ไม่มีผี (ก็ว่ากันไปปปป 555) ผมเลือกห้องนอนแบบไม้หลังนี้ อยู่ริมโขงเลย ราคาประหยัด 50,000 กีบ/คืน (ประมาณ 220 บาท)
ว้าว!! หน้าห้องมีเปลไว้ให้นอนชมวิวริมโขงได้ตามสบาย
แต่แอบเอะใจอยู่นิดๆ ว่าสภาพด้านในมันก็เก่าไปหน่อยมั้ย หน้าต่างบานนั้นก็ล็อกไม่ได้ บานนี้ก็ปิดไม่สนิท ทำไงล่ะที่นี้ ทำไงๆๆๆ?? กลัวใครมาค้นกระเป๋าหาเพชร หาทองคำ 5555
สำรวจสภาพห้องน้ำก็โอเคนะ
เอางี้ละกัน เอาไว้ในห้องน้ำนี่แหละ ไม่มีคนเห็นดี สบายใจไปได้อีกนิด
รีบเตรียมพร้อมออกไปเช่าจักรยาน เพราะมีแพลนจะปั่นไปน้ำตกหลี่ผี
ออกมาถามรถเช่ากับพนักงานที่พัก พนักงานถามว่าจะเอารถจักรหรือรถถีบ ผมก็ถามกลับไปว่ารถจักรคืออะไร รถถีบคืออะไร? 555 งงๆ พนักงานก็อธิบายว่า รถจักรคือรถมอเตอร์ไซค์ รถถีบคือรถจักรยาน (อ๋อออ) 555
อ้าว!! ท้องฟ้าสีเข้มขึ้นทันตา อย่าบอกนะว่าฝนจะตก!! แล้วกล้องถ่ายรูปล่ะ โทรศัพท์มือถือล่ะ
ไม่รีรอ รีบกลับไปห้องพัก เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น จัดการห่อกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ ด้วยถุงพลาสติก 10 ชั้น ตามภาพ (บอกแล้วพี่ไม่ได้มาเล่นๆ 55)
นี่คือน้องแดง และหวังว่าน้องแดงจะพาเราไปถึงน้ำตกหลีผีโดยเร็วที่สุด เพราะนี้บ่าย 2 โมงแล้ว
ระยะทางจากดอนเดด - น้ำตกหลี่ผี ประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร จากนั้นก็รีบปั่นลัดเลาะตามทางของหมู่บ้าน ฝ่าดงขี้ควาย ถนนดินลื่นๆ พร้อมสายฝนที่หนักหน่วง ปั่นไปเรื่อยๆได้ประมาณ 2 กิโล สุดท้ายโชคก็ไม่ได้เข้าข้างผม คือEแดง เป็นไร!! ยางมาเฉือกรั่วอะไรตอนนี้ ห่าเมิงเอ้ยยยยย.... >< เดินไปถามร้านปะยาง ชาวบ้านก็งง ปะยางคืออิหยัง??? โอ้ยยยน้อ (ลาวเค้าเรียกตาบยาง คือกูจะรู้มั้ยเนี่ย 555) และแล้วก็ต้องจูงกลับไปเริ่มต้นใหม่ เวลา ณ ตอนนี้ก็ บ่าย 3 โมง จะได้เห็นน้ำตกหลี่ผีมั้ยกูชาตินี้(คิดในใจแบบดังๆ)
เดินจูงกลับไปได้ค่อนทางมีร้านเช่าจักรยานอยู่พอดี ผมเลยติดต่อเช่า 1 คัน พร้อมฝากน้องแดงไว้ก่อนนะ ขากลับจะมาเอา พอได้จักรยานคันใหม่ก็รีบปั่นต่อไม่ฟังเสียงใดใด เพราะรีบมากกกกก และแล้วฝนก็หยุดตก^^
V
นี่คือน้องน้ำเงิน จักรยานคันที่จะพาเราไปน้ำตกหลี่ผีของจริง เมื่อกี้แค่เล่นๆ 555
ผ่านไปหลายหมู่บ้าน ปั่นต่อไป ถ้าถึงสะพานตรงนี้เมื่อไรก็คือได้ครึ่งทางแล้ว
ข้ามสะพานมาอีกฝั่งจะเป็นจุดขายบัตร (คือคุณพรี่สะกัดขายบัตรตั้งแต่ยังไม่ถึงน้ำตก)
ปั่นมาเรื่อยๆจะเจอทางแยกหัวรถจักร (เค้ามีประวัติว่าสมัยก่อนประเทศลาวมีรถไฟ) เลี้ยวขวาแล้วปั่นต่อไป
ไกลพอสมควร กว่าจะถึงน้ำตกหลี่ผี (ผมถึงน้ำตกประมาณ 4 โมงเย็น)
เป็นธรรมดาที่เด็กๆกลุ่มนี้เลิกเรียนแล้วจะมาวิ่งเล่นแถวนี้ เพื่อไล่ขอตังค์นักท่องเที่ยว ขอตังค์กินหนมแหน่ๆๆๆๆ
บักน้อยทำหน้าอ้อนวอนขอตังค์ 555
นี่คือความอลังการของน้ำตก เสียงน้ำกระทบหินดังโบ้มๆๆๆ เป็นน้ำตกที่ใหญ่โตมาก น้ำเยอะมาก แต่น้ำก็ขุ่นมาก
บริเวณแถวนั้นก็ร่มรื่น เดินชิลๆไป
ร้านกาแฟ ร้านอาหาร
มีชายหาดด้วยนะ
นั่งพัก นอนพักซักแปป เพลียทั้งร่าง ทั้งหนังตา สภาพตากฝนตากแดดมาทั้งวัน
เย็นแล้ว เตรียมตัวออกไปจากที่นี่ดีกว่า
ออกมาตรงที่จอดจักรยาน แวะซื้อเครื่องดื่ม ก้อพูดคุยกับพี่ผู้หญิงคนนี้ แกก้อถามว่ามาจากไทยหรอ ทำไมไม่เลยไปหมู่บ้านปลาโลมา มาทั้งทีแล้ว ไปเลยๆๆ (เอา ยุกูเข้าไป ยิ่งบ้ายออยู่นะนิ 555) เวลา ณ ตอนนี้ 16.40 น.
อิหล้าน้อย^^
ออกมาตั้งหลักที่ทางแยก ไปหมู่บ้านปลาโลมาอีก 3.5 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปกันเล้ยยย ยาวไปๆๆ
ผ่านร้านตาบยาง
และนักปั่นมือสมัครเล่นอย่างผมก็ใช้เวลา 20 นาที ฝ่าถนนลูกรังหินแหลมๆ กว่าจะมาถึงหมู่บ้านปลาโลมา
ไหนนน? ปลาโลมา ไอ้เราก็คิดว่าจะเห็นปลาเหล่านั้นอันเล่าลือแหวกว่ายอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
ที่ไหนได้ คุณต้องซื้อทัวร์ หรือเช่าเหมาเรือชาวบ้านออกไปดูกลางแม่น้ำโขงนู่นนนน #สะใจมั้ยล่ะเมิง ปลาโลมา 555
ฝั่งนู่นที่เห็นก็คือ ประเทศกัมพูชา ก็มีบ้านคนใช้ชีวิตกันปกติ
ใช้เวลาอยู่ที่นี่แค่ 5 นาที กลับดีกว่าเดี๋ยวมืด
ขากลับทำไมป่ามันดูทึบๆ หรือว่าพระอาทิตย์ตกไปแล้ว เลยทำให้ดูน่ากลัวพิกล (ตัวหยังควายกลัวโดนทำร้าย 555)
ถึงสะพานแล้ว ได้ครึ่งทางละ
ถึงที่พัก 1 ทุ่มตรง พร้อมจูงน้องแดงมาส่ง รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วขอยืมน้องเขียวของที่พักออกไปหาเบียร์เย็นๆจิบดีกว่า ^^
ร้านนี้ละกัน ชื่อร้าน Jasmin Restaurant ลุงคนนี้เป็นคนอินเดีย เป็นเจ้าของร้าน พูดไทยได้นิดหน่อย เพราะเคยเปิดร้านอยู่แถวสีลม ก่อนจะไปอยู่ที่ลาวร่วมเข้าปีที่ 20
หิวจัดสั่งมาหลายอย่างมาก อะไรมั่งก็ไม่รู้ จำชื่อไม่ได้คับ
เฟี้ยวฟ้าว ชิลมาก แฮปปี้มาก ตามประสาตัวคนเดียว ^^
อิ่มแล้วก็จ่ายค่าเสียหายไปประมาณ 300 กว่าบาท ลุงอินเดียถามว่ากลับวันไหน ผมบอกว่ากลับพรุ่งนี้ ลุงแกบอกว่ากลับพร้อมกันมั้ย เดี๋ยวผมต้องนั่งเรือชาวบ้านออกไปจ่ายตลาด มานั่งรอที่ท่าเรือ 7 โมงเช้านะ ค่าเรือประมาณ 15,000 กีบ ดีกว่าไปคนเดียวมันแพง(ด้วยความเอ็นดูคนไทยของลุงเค้า) ^_^
หลายคนสงสัยว่า ที่นอนของห้องพักเป็นแบบไหน นี่ไง!! มีมุ้งให้ เชิญได้ตามสบาย ที่นอนยุบเป็นหลุมลึก เป็นคลื่นๆ เอาเป็นว่าหลับตาแล้วจินตนาการเอา คิดซะว่านอนอยู่บนเบาะนวดไฟฟ้า สมราคาเค้าแหละครับ 555
ราตรีสวัสดิ์ ตื่นเช้ามาเตรียมกลับไปปากเซอีกครั้ง ^^