ผิดไหมที่ฉันเกลียดพ่อแม่

กระทู้สนทนา
ฉันเกิดมามีพี่สาว 3 คน  ฉันเป็นลูกคนเล็ก  ตอนฉันเป็นเด็กเล็กๆ จำได้ว่า พ่อกะแม่มีเงินเยอะมาก  ได้แบ่งเงินให้พี่สาวสองคนแรกคนละเป็นแสน ฝากเก็บไว้ และให้เงินไปซื้อของใช้ส่วนตัวราคาแพงๆ   โดยพี่คนที่สามอยู่บ้านช่วยแม่ค้าขาย ต่อมาฟองสบู่แตก  พี่คนโตได้รับราชการและแต่งงาน คนรองก็รับราชการและแต่งงาน  พี่คนที่สาวออกไปทำงานต่างจังหวัดและได้แต่งงาน  ซึ่งตัวฉันเองได้ตัดสินใจเรียนต่อ ปวช. โดยกู้ยืมเงิน กยศ. เรียน และทำงาน Part time ตอนเย็น เพื่อส่งเสียตัวเองจนจบปริญญาตรี   ต่อมาฉันสอบรับราชการได้ รายได้ค่อนข้างดี จะได้เรียนต่อปริญญาโท  ตอนนั้นแม่ได้ไปเลี้ยงลูกให้พี่สาวคนที่สอง ฉันอยู่บ้านกับพ่อสองคน  โดยพ่อจะไม่ค่อยกลับบ้าน  ช่วงนั้นนอกหน้านาพ่อจะมีรถสิบล้อรับจ้าง ส่วนใหญ่แล้วฉันจะให้เงินพ่อเพื่อเป็นค่าน้ำมัน ค่ากินอยู่  
      จนฉันเรียนจบ พ่อกับแม่ได้เอาหลานมาเลี้ยงที่บ้านด้วยกันกับฉัน โดยได้ให้ฉันกู้เงินมาทำบ้านหลังใหม่แทนหลังเก่า  โดยให้เหตุผลว่าพี่ๆ ไม่มีเงิน และให้ฉันเอาที่ดินเข้าธนาคารเพื่อนำเงินมาสร้างบ้าน ซึ่งตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะซื้อบ้านจัดสรรใกล้สำนักงาน  แต่ด้วยความรักจึงได้ตัดสินใจมาสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ โดยทำชิดหลังบ้าน เหลือพื้นที่หน้าบ้านเก็บไว้  ซึ่งทั้งสองส่วนได้จดจำนองกับธนาคาร  
      หลังจากทำงานเสร็จ ฉันต้องทำงานหนักขึ้น เนื่องจากมีภาระส่งบ้าน รถมอเตอร์ไซด์  และค่าใช้จ่ายในบ้าน ทั้งพ่อแม่และหลาน ฉันมีความสุขในการได้ดูแลทุกคนในครอบครัว ถึงแม้จะเหนือยจากงานแค่ไหน ฉันไม่เคยบ่น  สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้พ่อ แม่ และหลาน รักหลานเสมือนลูก
ต่อมาพี่สาวคนที่สามได้แต่งงานกับชาวต่างชาติ  จึงได้สร้างบ้านในบริเวณห่างกันออกไปสักเกือบกิโล   พ่อกับแม่จึงไปอยู่กับพี่สาวคนที่สาม ส่วนหลานๆ ก็เอากลับไปคืนพี่สาวคนที่โตเพื่อเข้าโรงเรียน  ฉันจึงต้องอยู่บ้านคนเดียว ช่วงนั้นได้เกิดเหตุมีคนปีนเข้ามาในบ้าน แต่ไม่ได้อะไรไป ทำให้ฉันขวัญเสียพอสมควร  ซึ่งคนที่ปีนมาคือพี่เขยคนโต ซึ่งมีอาการเป็นโรคประสาท เครียด เนื่องจากตกงาน
       ต่อมาฉันได้ตัดสินใจจะแต่งงาน ปรากฎว่า คำแรกที่พ่อพูดคือ  แล้วพ่อจะเหลืออะไร  ทำเอาฉันอึ้ง   แต่งานแต่งงานของฉันพ่อกับแม่ฉันเปลี่ยนไปมาก ซึ่งตอนตกลงกันเรื่องค่าสินสอด พ่อได้เรียกค่าสินสอดเยอะกว่าลูกๆ ทุกคน  แถมไม่เอาเงินมาเก็บไว้เป็นค่าจัดงาน  แต่ตกลงกันว่า ค่าใช้จ่ายจัดงานทางพ่อกับแม่จะจัดการ  พอถึงวันจัดงาน แม่ก็อ้ำอึ้งว่าไม่มีเงิน ฉันกับแฟนต้องเอาเงินที่แฟนเตรียมเป็นค่าสินสอดมาจ่ายก่อน   พอใกล้วัน แม่ก็ไปยืมพี่สาวคนรอง พี่สาวประมาณว่าไม่เต็มใจให้ กลัวว่าแฟนฉันจะเอาเงินไป ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินที่จะนำมาวางในวันงาน เนื่องจากได้เอามาสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายก่อนหน้านั้นแล้ว  ทำให้ฉันอึดอัดใจมาก  แถมประมาณว่ากลัวไม่ได้คืน ทั้งๆ ที่ฉันได้เลี้ยงลูกและดูแลน้องสาวของพี่เขยมาโดยตลอด มิหนำซ้ำวันแต่งงานเค้ามาถึงยังมาบอกว่ามาเหนื่อยๆยังต้องมาช่วยเตรียมงานอีก ....ทำเอาฉันอึ้งมาก......และหลังแต่งงาน แฟนฉันต้องไปทำงานกรุงเทพ  ตกลงกันว่าจะติดรถเค้าไป แต่พอถึงเวลา เค้าเอาแฟนฉันไปฝากกับรถคนอื่น...ฉันเลยปรี๊ดแตก....
      สำหรับพี่สาวคนที่สาม.....เมื่อได้สามีฝรั่งก็จะมาอวดอ้างว่าตัวเองสร้างบ้านหลังละล้านให้พ่อแม่อยู่ ทั้งๆ บ้านหลังดังกล่าวก็เป็นชื่อตัวเอง  และตลอดเวลาที่เค้ากลับมาเมืองไทย เค้าอยากให้ญาติพี่น้องไปห้อมล้อมเอาอกเอาใจ  แต่ฉันกับพี่สาวคนโตรับราชการ หยุดแค่เสาร์อาทิตย์เลยไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปด้วย   จะไปบ้างในบางโอกาส  แต่เค้าหวังว่าทุกคนต้องเอาใจเค้า  และเค้าเป็นคนเสียสละ  ทำให้เค้าโกรธมาก  พูดตลอดว่าพี่น้องไม่รัก แต่ตัวเค้าเองจะชอบบังคับให้ทุกคนทำตามเค้า   ล่าสุดบอกว่าพี่น้องไม่สนใจ  แล้วก็เอาเรื่องในครอบครัวไปนอกบ้าน เพื่อให้คนรอบบ้านเห็นใจ ว่าตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีงานมีการ ไม่มีคนสนใจ  ทั้งๆ ที่ พี่คนโตกับฉันเราก็ไม่ได้มีเงินมากมาย อันไหนเราประหยัดได้เราประหยัด เราทำกับข้าวกินอยู่บ้าน ไม่ฟุ้งเฟื้อ เวลาออกไปซื้อของเข้าบ้านจะฝากกัน  จะได้ประหยัดเวลา
      เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันไม่พอใจมาก      
1.  วันแต่งงานที่มีงานเลี้ยงตอนเย็น  พ่อกับแม่และพี่สาวคนที่สามไปถวายกฐิน  แล้วมาเข้างานช้ากว่าแขก  ทำเอาฉันอายแขกมาก  แล้วเสร็จงานพี่สาวคนที่สามได้มาบ่นว่าต้องมาเก็บกวาดบ้าน เพราะไปจัดที้บ้านเค้า (ความคิดพี่สาวคนที่สองและพ่อกับแม่ที่ให้ไปจัดที่โน่น เพราะบ้นฉันไม่สามารถกั้นถนนได้)
2. หลังแต่งงานฉันประสบอุบัติเหตุ เข้าเฝือก  อยู่บ้านคนเดียว  เนื่องจากสามีไปทำงานต่างจังหวัด แม่ฉันไม่ได้มาดูแล  อ้างว่าต้องไปดูแลลูกของพี่คนที่สาม เค้ายังเล็ก   ฉันจึงได้ให้หลานสาวซึ่งเป็นลูกของพี่สาวคนโตมาคอยซื้อข้าวซื้อน้ำ
3.  หลังฉันแต่งงาน พ่อกับแม่ได้แอบไปโอนที่ดินให้พี่สาวคนที่สองและสาม โดยไม่บอกฉันกับพี่คนโต  ซึ่งตลอดเวลาก่อนหน้านั้น ฉันได้ช่วยเหลือเงินค่าปรับปรุงที่ดินและค่าใช้จ่ายในการดูแล ก่อนนั้นพ่อเคยบอกว่าจะให้ทุกคน   นอกจากนั้น พี่สาวคนที่สามได้เอาคนที่ประวัติติดคุกยาบ้า มาเปิดร้านขายของหน้าบ้านฉัน  ซึ่งเป็นที่ดินที่ฉันได้รับจากพ่อและนำไปจดจำนองเพื่อมาทำบ้าน โดยไม่ได้ขออนุญาติหรือบอกกล่าวฉัน
4.  พี่สาวคนที่สามได้ยุยงให้แม่ไล่คนเช่าบ้านเดิมออก โดยอ้างว่า เค้านำเรื่องมาฟ้องฉัน จนมีปัญหาทะเลาะกัน
5.  เมื่อฉันได้โทรถามพ่อกับแม่เรื่องให้คนมาอยู่ที่หน้าบ้านฉัน ฉันโดนดุ แล้วพ่อกับแม่บอกว่าไม่ได้ยกให้ฉัน  ทำเอาฉันอึ้ง แล้วพ่อยังไปโพทะนาว่าฉันโกงที่
6.  เมื่อคนเช่าบ้านออกพี่แล้ว พี่สาวคนที่สามได้มารื้อประตูเหล็กรั้วบ้านแล้วทำเป็นร้านค้า ทำได้สามสี่เดือนก็หยุด แล้วปิดไว้  จนฉันปรับปรุงห้องข้างๆ เค้าก็ให้แม่มาคุย ขอเอาเสื้อผ้ามาขายในห้องใหม่  ทำได้สักพักก็หยุด ทิ้งของไว้  ไม่มาเปิด ทำให้ฉันต้องสูญเสียโอกาสค่าเช่าที่ควรจะได้ให้แม่  (เงินค่าเช่าส่วนหน้าบ้านฉันจะให้แม่เป็นคนเก็บไว้ใช้ทั้งหมด แต่การลงทุนปรับปรุงฉันจะเป็นคนจ่าย)  ซึ่งห้องล่าสุดที่ปรับปรุงหมดไปสี่หมื่น  พี่สาวก็ได้ย้ายมาใช้ทันที  ตอนมาฉันบอกว่า ทำเลไม่น่าจะได้ ก็ไม่ฟัง  พอตอนหลังไม่มาเปิด อ้างว่าไม่คุ้ม  แต่ไม่เก็บของออก   คนข้างนอกจะเข้าใจว่าเป็นห้อ้งของเค้า จะมาทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้  TT  แม่ก็อ้างว่าเค้าไม่ได้เรียนหนังสือให้แบ่งให้เค้าอยู่  ทำเอาเราอึดอัดมาก เพราะเราแบกภาระค่าใช้จ่ายในกาารปรับปรุงซ่อมแซม  พอเค้ามาอยู่ แม่ก็บ่นว่าไม่มีเงินใช้  เราก็ต้องเจียดเงินไปให้อีก
7.  ตลอดเวลาที่เราท้อง แม่เทียบจะไม่มาดูแลเราเลย  (เป็นช่วงมีปัญหาเรื่องคนมาเช่าบ้าน) จนวันคลอด  แม่ก็ไม่มา อ้างติดธุระ ให้ญาติทางสามีเรามา  
เมื่อคลอดลูก  เราต้องไปทำงานต่างจังหวัด ห่างกันแปดสิบกิโล   แม่จะมาดูหลานให้จนถึงขวบหกเดือน แม่บอกว่าให้เอาเข้าโรงเรียนเพราะแม่ไม่ไหว   เราบอกว่าให้เลี้ยงไปก่อน เพราะถ้าเข้าโรงเรียนเราจ่ายค่าเทอมแล้วยังมาจ่ายแม่อีก เราไม่ไหว เมื่อเทียบกับหลานคนอื่น แม่เลี้ยงจนสองสามขวบ    แต่แม่ก็บอกว่าไม่ต้องจ่ายแม่ก็ได้  เราถึงยอมเอาลูกไปโรงเรียน    พอไปโรงเรียน ปรากฎว่า แม่ก็แทบจะไม่ได้เลี้ยงหลาน เพราะเย็นแฟนเราไปรับ วันหยุดพวกเราก็เลี้ยงเอง  วันไหนเรากับแฟนงานยุ่ง แม่ก็อ้างแต่ว่ายุ่ง  แต่ตอนนั้นเราก็จ่ายเงินให้แม่นะ  จนหลังๆ แม่ไม่ช่วยเราก็ไม่ไหวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาดูลูก จึงไม่ได้ให้เงิน แต่จะเป็นซื้อของกิน ของใช้เข้าบ้านให้ (บ้านพี่สาว)
8.  ตลอดเวลาจนกระทั่งคลอดลูก เรามีภาระต้องส่งเสียหลานๆ ซึ่งเป็นลูกของพี่สาวคนโต เนื่องจากพ่อกับแม่ไม่ชอบพี่เขย จึงไม่เลี้ยงหลาน  และพี่สาวคนที่สามก็จะคอยหาเรื่องบ้านนี้โดยตลอด  
9.  ปัจจุบันพี่สาวคนที่สาม ก็จะสรรหาธุรกิจมาโอ้อ้วดเพื่อให้แม่เห็นดีงามด้วย ตั้งแต่เริ่มจากขายอาหาร มาขายเสื้อผ้า มาปลูกดอกไม้ขาย  ซึ่งใช้พื้นที่หน้าบ้านเราตลอด และเมื่อเลิกกิจการก็ไม่เก็บของออก ถ้าเราไปยุ่ง แม่ก็จะว่าเราไปทำลายสิ่งของเค้า       แล้วเค้าจะไปกับธุรกิจขายตรง  กลับบ้านค่ำๆ ดึกๆ ตอนเย็นพ่อกับแม่ต้องคอยหาอาหารเอง บางทีต้องหาข้าวไว้รอเค้ากับลูก    เวลาเราถาม แม่จะคอยแก้ต่างให้ตลอดเวลา บางครั้งเรารู้ว่าเค้าโกหกแม่  ล่าสุดมาให้แม่พาเอาที่ดินไปจำนองเพื่อมาทำร้านเสริมสวย  พอไม่ได้  ก็ให้แม่บากหน้าไปหยิบยืมเงินให้ตัวเอง  แล้วตัวเองก็เอาไปสร้างภาพว่าสามีส่งเสีย  
10.  บางครั้งฉันมีความจำเป็นต้องให้ยายมาดูหลาน ยายจะไม่อยากมา จะอ้างโน่นนี่นั้นตลอด  ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะให้ฉันเอาไปส่งบ้านพี่สาวคนที่สาม  แล้วพี่สาวก็จะบ่นว่าเป็นภาระ ซึ่งจริงๆ คนที่ดูคือยาย  และที่เอาไปก็เล่นกับลูกเค้า  ลูกเค้าไม่มีเพื่อนเล่น  มันตลกมากเลย  บางทีนัดกับยายไว้ ยายรับปากดิบดีจะดูให้ไม่ไปไหน ถ้าฉันมีงานต่างจัหวัดสองสามวันไม่ได้กลับ  นัดคุยกันไว้ดิบดี  ยายดันไปธุระค้างคืน ทิ้งหลานไว้  ทำให้ฉันอึดอัดมาก   บางวันปรี๊ดแตก  เพราะรู้สึกว่าทำเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด  เสียสละต้องสร้างบ้านไกลที่ทำงาน ต้องรับภาระดอกเบี้ย  และค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง พอถึงเวลาที่เราจะพึ่งพาใคร แม้กระทั่งพ่อแม่พี่น้องที่เราเคยช่วยเหลือ  ยังแสดงอาการแบบนี้  บางครั้งอยากขายบ้านทิ้ง ปัญหาจะได้จบๆ ต่างคนต่างอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่