ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ด้วย ภาค2

ถึงมันจะ 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1000000 แต่ถ้ามันถูก มันก็ต้องถูก

   ห้องหว้ากอช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจร 2
         
   
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

     ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์  ได้พิสูจน์เรื่อง GT 200 ในพันทิป (ห้องหว้ากอ) และ ทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนสิ้นสงใส (ตามหลักวิทยาศาสตร์) ไม่ใช่ได้จากเสียงส่วนใหญ่ มาตัดสินถูกผิด

     สรุป ถ้าคนในหว้ากอ เห็นว่า วิธีในวีดีโอนี้ดี

     โปรดช่วยทำแบบเดียวกับที่พวกท่านพิสูจน์เรื่อง GT 200 กับวิธีของผมบ้าง (การใช้รถเมล์แก้ปัญหาจราจรแบบในวีดีโอนี้)

     หมายเหตุ ถ้ายังไม่เคยดูหัวข้อนี้ (ภาค 1) ดูย้อนหลังคลิก "รู้ไว้ใช่ว่า" ที่บรรทัดสุดท้ายของกระทูนี้
     แล้วเลือกหัวข้อ ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ (ภาค 1)

     ต่อไปนี้เป็นถามตอบ จากกระทู้หัวข้อ ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ (ภาค 1) เลือกมาบางท่าน

     
     ความเห็นที่ 2
     มีรถเมล์ยิงยาว ซัก 10 สายหลัก รถเมล์เยอะๆหน่อย

     ที่เหลือแบ่งเป็นลูปสั้นวิ่งทางเดียวให้หมด  ถ้าจำเป็นลูปต้องใหญ่ก็ให้มีลูปทั้งวนซ้ายและวนขวา แต่แน่นอนเน้นวนซ้าย
     ส่วน วนขวาให้คนขึ้นเลือกเอาเพราะต้องติดไฟแดง มันจะช้า
     
     เนื่องจากลูปสั้น (วนซ้าย) ที่จำนวนรถต่อสายก็ไม่ต้องเยอะมาก ให้วิ่ง (วน) ไปตลอดเปลี่ยนคนขับได้ แต่ไม่ต้องจอดพัก  ยกเว้นช่วงคนน้อย ใช้เป็นตั๋วร่วม เพราะต้องต่อรถบ่อย  

     ส่วนผู้โดยสารก็ต้องช่วยเดินในการต่อรถเอาหน่อย แต่ขีดเส้นดีๆ ก็ไม่น่าต้องเดินไกล หรือไม่ต้องเดินเลย  

     ที่ยากสุดคือกางแผนที่แล้วขีดเส้น

แต่ไม่รู้แก้ปัญหาจราจรได้ไหมนะ คิดแต่แก้ปัญหารถเมล์ แล้วรถเมล์น่าจะใช้น้อยกว่าเดิม เพราะทับเส้นทางกันน้อย

     ตอบ ความเห็น 2
     คือท่านเขียนมาสั้น จึงอาจไม่ค่อยเข้าใจความเห็นมากนัก (หากเข้าใจผิดพลาดต้องขออภัย) ถ้าย้อนไปดูผมขอผ่าน (ไม่ตอบ) เพราะตอบยากครับ และขอตอบดังนี้
  
     ท่านให้ใช้ช่องบัสเลน ยิงยาว 10 สายหลัก (10 - 30 กม.) ก็น่าจะดี เพราะจะเป็นเหมือนทางด่วน ทะลุทะลวงไปได้ อาจแบ่งเป็น 3 แบบ คือ

     1. ถ้ายิงยาว (ตรง) แบบกั้นไม่ให้รถเก๋งเลี้ยวซ้าย
วิธีนี้รถเมล์วิ่งเร็วดีมากที่สุด เพราะ รถเก๋งเลี้ยวซ้ายไม่ได้เลย (ต้องยูเทิร์นปลายทางของช่องบัสเลน)

     2. ถ้ายิงยาว (ตรง) แบบติดไฟแดง
วิธีนี้รถเมล์วิ่งเร็วน้อยที่สุด เพราะ รถเมล์วิ่งแบบแถวตอนเรียงหนึ่งออกสี่แยก แต่ถ้ามีรถเมล์มากๆ 20-30 คัน อาจต้องติด 2 ไฟแดง

     3. ถ้ายิงยาว (ตรง) แบบในวีดีโอนี้
วิธีนี้รถเมล์วิ่งเร็วปานกลาง  เพราะ รถเก๋งเลี้ยวซ้ายได้ และรถเมล์วิ่งแบบเรียงหน้ากระดานออกสี่แยก และรถเมล์จะติดไฟแดงไม่เกิน 1 ไฟแดงเทา่นั้น

     ทั้ง 3 แบบ ต่างก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละถนน

     1. ช่องบัสเลนแบบวนซ้าย ระยะทางประมาณ 1 - 5 กม. / รอบ (ขึ้นอยู่กับถนนนั้นๆ)
วิธีนี้ ไม่ตัดกระแสรถเก๋งเลย ข้อเสียคือ สั้น ต้องต่อรถบ่อย

     2. ช่องบัสเลนแบบวนขวา ระยะทางประมาณ 1 - 5 กม. / รอบ (ขึ้นอยู่กับถนนนั้นๆ)
วิธีนี้ จะช้า เพราะต้องติดไฟแดง

     2.1 ช่องบัสเลนแบบวนขวา (บังคับเลี้ยวขวาหมด)
วิธีนี้ จะเร็วกว่าข้อ 2. แต่รถเก๋งเลี้ยวซ้ายไม่ได้เลย

     ทั้ง 3 แบบนี้ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเช่นกัน

     เคยมีคำถามมาว่าทำไม ช่องบัสเลนมันหดหายไปไหน ?   ทำไมไม่ทำช่องบัสเลนมากๆ ?
     ตอบ อาจเป็นเพราะมันมีข้อเสียตามที่กล่าวมาแล้ว

     ส่วนวิธีในวีดีโอนี้ เป็นแบบเดินสายกลางครับ


ความคิดเห็นที่ 3
ขนาดทำ BRT ยังมีคนใช้รถส่วนตัวด่าสาดเสียเทเสียที่มาแย่งเลนถนนไปให้รถเมล์ใช้   นี่รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือกำลังสร้างต้องทุบสะพานเกษตรก็มีคนด่าอีกว่ารถไฟฟ้าไปถึงไหนสะพานลอยบรรลัยหมด  

คนไทยคงต้องอบรมให้เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวอีกมาก

ตอบความคิดเห็นที่ 3
เปรียบ BRT ผมว่าจำนวนรถน้อยเกิน จึงไม่ค่อยคุ้มในการยกให้ใช้ 1 เลน (แต่ขนคนได้ไม่เท่าไหร่)
BRT มีระยะทาง 16 กม. ใช้รถ 22 คัน วิ่งความเร็วเฉลี่ย 30 กม. / ชม. ให้รถผ่าน 5 นาที / 1 คัน / ในเวลาเร่งด่วน
สรุป BRT วิ่ง 5 นาที / 1 คัน / ในเวลาเร่งด่วน มันน้อยไป น่าจะเพิ่มเป็น 5 นาที / 2 - 3 คัน / ในเวลาเร่งด่วน (คนอาจจะไม่ด่า)

ส่วนวิธีในวีดีโอ รถเมล์ บวก รถตู้ มีจำนวนมากกว่า BRT
ดังนั้นถ้า BRT ให้รถเมล์และรถตู้ เข้ามาวิ่งได้ น่าจะคุ้มที่จะยกถนนให้ใช้ 1 เลน

ดังนั้น ถ้ารถเมล์ต้องการ เลนซ้าย 1 เลน ก็ต้องมีรถเมล์ และรถตู้วิ่งอย่างต่อเนื่อง (ใช้ช่องบัสเลนอย่างมีประสิทธิภาพ คนจะได้ไม่เสียดายที่ยก 1 เลนให้รถเมล์ใช้)

ความคิดเห็นที่ 3-2
บางทีก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ    ผมเคยไปเห็นบ่อยๆแถวหน้ารามคำแหงที่เลนซ้ายสุดปล่อยให้รถเมล์เดินอย่างเดียวเลย     แต่ก็กลายเป็นว่ารถเมล์ก็ยังติดยาวเหยียดเพราะมีรถเมล์เดินในเลนนั้นร่วมๆ 30 คัน     กว่าจะไปได้แต่ละป้ายนานเอามากๆ

ตอบความเห็น 3-2
วิธีในวีดีโอ จะปล่อยรถเมล์บ่อย (ถี่) กว่ารถเก๋ง จึงทำให้รถเมล์ไม่สะสม ดังนี้

ปล่อยรถเก๋ง 1 แยกๆละ 1 นาที สลับกับปล่อยรถเมล์ 4 แยกๆละ 6 วินาที (ปล่อยรถเมล์ที่ละ 1 แยก)
และจะปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน แทนการปล่อยแบบแถวตอนเรียง 1 (ดูในวีดีโอ)
และจะบังคับปล่อยรถเมล์ในแยกนั้นๆ ให้หมดใน 1 ไฟแดงเท่านั้น

หมายเหตุ การบังคับปล่อยรถเมล์ให้หมดใน 1 ไฟแดง ดังนั้นอาจจะใช้เวลาแยกละ 6 หรือ 12 หรือ 18 วินาที ก็ได้ ถ้าแยกนั้นๆ มีรถเมล์มากๆ (ดูในวีดีโอ)
ดังนั้น ทำให้การนั่งรถเมล์ จะติดไฟแดง ไม่เกิน 1 ไฟแดง 100 %
     
ความเห็นที่ 7
การทำขนส่งมวลชนให้ดี   มีความตรงต่อเวลา  ทำให้สามารถควบคุมเวลาเดินทาง  และมีความสะดวกสบายมากพอ  อาจจะ  ลดการใช้รถส่วนตัวได้      แต่เพราะระบบไม่ได้สนับสนุน  โครงสร้างเน้นให้ใช้รถส่วนตัวมากกว่า  ผลก็ออกมาแบบนี้แหละ

ตอบ ความเห็นที่ 7
ถึงจะทำให้ตรงเวลาไม่ได้
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้ รถเมล์จะวิ่งเร็วขึ้น (จาก 8 - 15 กม. / ชม. เป็น 20 / 25 กม. / ชม.)

จะทำให้เวลาการรอรถเมล์น้อยลง เพราะรถเมล์วิ่งได้รอบมากขึ้น 2 - 3 เท่า เช่น เคยวิ่ง 1 ชม. / รอบ อาจจะลดลงเป็น 20 - 30 นาที / รอบ

วิธีในปัจจุบันรถส่วนตัววิ่งเร็วกว่ารถเมล์ เพราะรถเมล์ต้องรับส่งผู้โดยสารด้วย

แต่ถ้าทำตามวิธีในวีดีโอนี้ จะเป็นเหมือนการผ่าตัด เอามะเร็งออกไป ทำให้รถเมล์วิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ

ความคิดเห็นที่ 7-2
ที่จริง  กรุงเทพทำระบบ  BRT  ดีๆ     กระจายเป็นเครือข่ายเหมือนในหลายๆประเทศทำกัน  มีทางยกระดับ หรือเส้นทางเฉพาะที่ผ่านทางแยกได้โดยไม่ต้องติดไฟแดง  น่าจะขยายได้เร็วกว่า   รถไฟฟ้ากำลังสร้างอยู่ตอนนี้      และจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเวลาการเดินทางลดลง ทำให้สามารถควบคุมเวลาในการเดินทางได้

ตอบความคิดเห็นที่ 7-2
ทำระบบ BRT ก็ดี แต่ต้องมีจำนวนรถวิ่งในช่องนั้นมากๆ เพื่อขนคนได้มากๆ (จนคุ้ม) ที่ยกถนนให้ 1 เลน
ไม่เช่นนั้นคนจะเสียดายที่ยกถนนให้ 1 เลน (ตอบเหมือนความเห็นที่ 3)

เรื่องไม่ติดไฟแดงเลย (คล้ายรถไฟ) คือ ทันทีที่ BRT ผ่านมา ให้ห้ามรถในแยกอื่นไว้ก่อน ถ้าทำอย่างนั้นได้จะดีมาก
แต่มันจะรบกวนรถในแยกอื่นๆ เกินไปหรือเปล่าหล่ะ ? (ถ้ามาบ่อยๆ)

วิธีในวีดีโอนี้ จะให้ปล่อยรถเก๋ง 1 แยก (ประมาณ 1 นาที) ส่วนรถเมล์จะต้องรอ (ติดไฟแดง) 1 นาที
จากนั้น จะปล่อยรถเมล์ 4 แยกๆ ละประมาณ 6 วินาที แต่ถ้าแยกใดไม่มีรถเมล์ ก็ไม่ต้องปล่อย (ข้ามไป) แต่ถ้าแยกใดมีรถเมล์มากๆ (ก็จะต้องปล่อยรถเมล์ในแยกนั้นๆให้หมด ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใด) เพื่อให้รถเมล์ ทุกคัน ในทุกแยก จะต้องรอไฟแดงไม่เกิน 1 ไฟแดง

หมายเหตุ การปล่อยรถเมล์แบบในวีดีโอนี้ จะปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน ไม่ใช่ปล่อยแบบแถวตอนเรียง 1 จึงทำให้การปล่อยรถเมล์ออกจากสี่แยก เร็วกว่ามากๆ (ดูในวีดีโอ)


ความเห็นที่ 8
ทำไมรู้สึกเหมือนเดจาวู เห็นกระทู้แบบนี้มาทุกเดือน 2 เดือน เลยแหะ ไปศึกษากันมาจากไหน ครับเนี่ย คลิป เหมือนกันหมดเลย ????

ตอบความคิดเห็นที่ 8
ถูกต้องครับ เหมือนโฆษณาในทีวี ที่ต้องดูซ้ำครับ (ขำๆ)

ความคิดเห็นที่ 8-2
จขกท. เขาโพสมาไม่ต่ำกว่า 10 รอบละครับ

ผมเคยอธิบายด้วยหลักการทางวิศวกรรมจราตรไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับครับ


ตอบ ความเห็น 8 - 2

ผมหวังว่า สักวันจะได้เจอกับคนที่เห็นคุณค่าของวิธีนี้ และช่วยกัยผลักดันให้เกิดขึ้นจริงๆ (คนในหว้ากอ เป็นต้น)

ต้องขออภัยครับ ที่เห็นต่างกับท่าน

ความคิดเห็นที่ 9
ขนส่งสาธารณะ ถ้าจัดการดีๆ ก็สามารถแก้ปัญหาจราจรได้ ในวงการวิชาการรู้กันดี
แต่คนยังนี้ยมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่ดี เพราะ
1.ความสบาย ใครๆก็อยากนั่งแอร์เย็นๆ เบาะนุ่มๆ เปิดที่ตัวเองเพลงชอบได้ จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องรอ ไม่ต้องร้อน
2.เที่ยวต่างจังหวัด ถ้ามีรถก็ขับไปไหนก็ได้ทั่วไทย แต่ถ้าใช้ขนส่งสาธารณะก็ต้องใช้เวลาศึกษาเส้นทางมาก่อน มีรถผ่านมั๊ย วันนึงมีรถวิ่งกี่คัน
3.รถยนต์เป็นเครื่องแสดงฐานะอย่างหนึ่ง มีรถจีบหญิงได้ง่ายขึ้น พ่อแม่ของหญิงสาวก็เห็นว่า เออคนนี้มีรถขับแสดงว่ามีฐานะระดับนึ่ง

ปัญหาของรัฐคือ "จะจูงใจคนอย่างไรให้มาใช้ขนส่งสาธารณะ"
ที่พอจะคิดออกก็มี
1.Price : ราคา -  ถ้าราคาตั๋วรถเมล์สูงเกินไปคนก็ไม่อยากขึ้น
2.Quality : คุณภาพ - รถเมล์นั่งสบายแอร์เย็นๆ ขับนิ่มนวลปลอดภัย แต่ต้องไม่ช้าเกินไป
3.Accessibility : เข้าถึงได้ง่าย -  มีรถเพียงพอ รอไม่นาน ระบบเชื่อมต่อทั่วถึง ป้ายบอกทางจาก A ไป B (ให้เข้าใจง่ายๆ)

ส่วนปัญหาการวางระบบไม่น่าเป็นห่วงเพราะว่ามีทฤษฎีการวางระบบจราจร ผังรถเมล์ ผังรถไฟฟ้า ทฤษฎีการออกแบบผังเมืองอยู่แล้ว
แต่ปัญหาคือ "คนยังชอบใช้รถยนต์ส่วนบุคคล"

ตอบความคิดเห็นที่ 9
รถเก๋งในปัจจุบัน ดีกว่า สบายกว่า เป็นส่วนตัวกว่า เร็วกว่าจริงๆ

แต่ถ้ารถเมล์ เปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้ จะทำให้ รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถเก๋งมากๆ
เพื่อแลกเปลี่ยนกับ ความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสบายของรถเก๋ง

ความคิดเห็นที่ 9-2
อย่าลืมเรื่องความปลอดภัย

รร.อนุบาลที่ลูกผมอยู่ไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ผมเลือกขับรถไปส่งเพื่อความปลอดภัย
แต่พอเขาเข้ารร.ที่มีรถไฟฟ้าผ่าน ผมก็จะให้เขาขึ้นรถไฟฟ้า

พ่อแม่ผมอยู่ต่างจังหวัด เวลาจะเข้ามากรุงเทพ บางครั้งต้องนั่งรถตู้เข้ามา
แต่จากที่เห็นข่าวอุบัติเหตุจากการขับรถอุบาทว์ๆ ของคนขับรถตู้
ผมไม่อยากให้ท่านนั่งรถตู้เลย และจะพยายามหาเวลาขับรถไปรับไปส่ง

ตอบความคิดเห็นที่ 9-2
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะรถตู้ หรือรถโดยสารวิ่งข้ามจังหวัด น่ากลัวมากกก

ถึงแม้เราขับเอง (ขับดีมากๆ) แต่ถ้ารถอื่นวิ่งข้ามเลนมาชน มันก็เลี่ยงไม่ได้

สรุป อุบัติเหตุลดได้ แต่ไม่ให้มีเลยไม่ได้

รณรงค์ (ทางสื่อต่างๆ) ให้เรา และทุกคนใช้รถอย่างระวังมากขึ้น

ออกกฎในการตรวจสภาพรถให้เข้มงวดมากขึ้น เพิ่มโทษผู้ทำผิดกฎจราจร เป็นต้น

การถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ควรทำเพียงเพื่อให้ฉลาดขึ้นก็พอ (จะได้ไม่เกลียดกัน)
อย่าเอาแพ้เอาชนะกัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช้เหตุผล
แต่จะใช้อารมณ์แทน
เหมือนกินอาหารเพียงให้พออยู่ได้ (อย่าให้อิ่มเกินมันจะอ้วน)

ทั้งหมดนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากท่านผู้ที่ดู รู้ไว้ใช้ว่า (บางท่าน)
ทำให้เห็นว่าทำไมช่องบัสเลน ในปัจจุบันจึงมีน้อย ทำไม BRT จึงอยู่ไม่ได้
และ ทำไมวิธีในวีดีโอนี้ จึงดีกว่า BRT และ ดีกว่าช่องบัสเลนในปัจจุบัน


จะดีกว่าหรือไม่ มีทางเดียวที่จะตัดสิน คือ
การพิสูจน์ ทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ เท่านั้น
     
     ประสิทธิ์ รจิตรังสรรค์ โทร 0906925132
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่