สถานการณ์ ของพ่อค้าของเล่นในวงการของเล่น ณ วันนี้ "สวรรค์ของนักสะสม นรกของพ่อค้า"

สืบเนื่องจาก ช่วงปลายปีที่แล้วผมได้ไอเดีย ในการทำคอนเทนส์
เกี่ยวกับ การบุกไปสัมภาษณ์ คนดังวงการต่างๆ โดยคิดคอนเซปคำถาม เอาแบบที่ผมอยากรู้
อยากฟัง อยากเข้าใจ ซึ่งพอเริ่มต้นปีมาผมก็ไล่สัมภาษณ์ คนในหลายๆวงการ
ซึ่งบางวงการพอสัมภาษณ์เสร็จ โพสไม่ได้ซะงั้น เพราะอาจโดนฟ้องได้ซะงั้น

ก็เลยเน้นเรื่องให้เบาลง เป็นเรื่องใกล้ๆตัว ซึ่งหัวข้อนึงที่อยากทำก็คือ "สถานการณ์ของผู้ค้าของเล่น ณ ตอนนี้"
สืบเนื่องมาจาก ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา วงการของเล่นได้เกิดปรากฎการ์ณ ร้านผุดเป็นดอกเห็ด และมีพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่
เข้าสู่ตลาดออนไลน์ และเปิดร้านเยอะขึ้นมาก โดยมีสาเหตุหลักมาจาก มีโกดังสินค้าญี่ปุ่น เข้ามาขายของเล่นมือสองและมือ 1
ที่โดนโล๊ะจากญี่ปุ่น มาขายเป็นกิโลกรัม โลละ 300-900 บาท จึงทำให้ เกิดพ่อค้าผุดเป็นดอกเห็ด
และเพจขายของก็ทยอยกันเปิดใหม่เป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุรองคือ ญี่ปุ่นยกเลิกวีซ่าทำให้
ของเล่นระดับหายาก สามารถเข้าเมืองไทยได้มากขึ้น เยอะขึ้น ผ่านการ "หิ้ว"

ดังนั้นเจ้าหญิงฯ จึงไปเสาะหาจนได้เจอ เจ้าของร้านของเล่น ซึ่งเป็นคนดังในวงการการ์ตูนด้วย
เลยลองติดต่อสัมภาษณ์เรื่องราวในหัวข้อนี้ ซึ่งเนิ้อหาที่ได้มีดังนี้ครับ



-----------------------


เจ้าหญิงน้อยฯ : สวัสดีครับ แนะนำตัวหน่อยครับ ทำอาชีพอะไรครับ
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ขายของเล่น ของสะสม ครับ


เจ้าหญิงน้อยฯ : ทำเป็นอาชีพหลักเลยใช่ไหมครับ ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ใช่แล้วครับ


เจ้าหญิงน้อยฯ : เป็นเจ้าของร้านเอง คนเดียวเลย ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ถูกต้องครับ คนเดียวเลยครับ ขายเอง สั่งเอง เปิดร้านเอง ปิดร้านเอง ส่งของเอง


เจ้าหญิงน้อยฯ : คิดยังไงถึงเปิดร้านขายของเล่น ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : เอาจริงๆแต่แรกเริ่ม เดิมทีทำเป็นร้านขายอย่างอื่น แล้วด้วยความชอบ
จึงเอาของเล่นที่เล่นเอง สะสมเอง มาโชว์ประดับไว้ ลูกค้าคนทั่วไปผ่านไปผ่านมา ก็มาถามซื้อไปบ้าง
ไปไปมามา มันขายดีกว่าของที่ขายหลัก เลยปรับเปลี่ยนมาขายของเล่น เราชอบอยู่แล้วด้วย มันเลยทำได้



เจ้าหญิงน้อยฯ : เปิดมากี่ปีแล้ว
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : 1 2 3 4 อ่า 7 ปีกว่าแล้วครับ


เจ้าหญิงน้อยฯ : ช่วงหลังจากปรับเปลี่ยนร้านเป็น ร้านของเล่น เต็มตัว ช่วง 3 ปีแรกเป็นยังไงบ้าง ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : เอาเป็นว่า ช่วง แรกๆ แย่มากๆ ครับ พูดได้เต็มปากเลย “แย่มากๆ”
ถ้าขายได้วันละชิ้นก็ถือว่าดีแล้วครับ


เจ้าหญิงน้อยฯ : ขนาดนั้นเลยหรือครับ ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ขนาดนั้นเลยครับ “แย่มากๆ”


เจ้าหญิงน้อยฯ : แล้วแบบนี้เอาตัวรอดช่วงนั้นมาได้ยังไง ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : เรียกว่ารอดตายมาได้แบบหวุดหวิด ก็ได้นะ คือกว่าจะมีลูกค้าประจำเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย
ก็ใช้เวลานาน ต้องรอการบอกต่อปากต่อปาก ว่าร้านเรามีของอันนี้ขายนะ อะไรแบบนี้ แต่โชคดีที่รอดมาได้พอดี
ถ้าลูกค้าประจำรู้จักร้านช้ากว่านี้นะ


เจ้าหญิงน้อยฯ : ลงทุนไปเท่าไหร่ ช่วงเริ่มเปิดร้านของเล่นเต็มตัว
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ต้องขอบอกว่า ผมเริ่มจาก “กล่องต่อกล่อง” เลยครับ
คือบอกเลยว่า ซื้อมาลงร้าน 1 กล่อง ขายไป 1 กล่อง ซื้อมาใหม่ 2 กล่อง ขายไป 2 กล่อง
แล้วก็ทำบัญชีขายของ เลือกเพิ่มตัวที่ขายดี ที่ลูกค้าถามถึง จากขาย สอง สั่งใหม่มาเป็นสาม จากสามเป็นสี่


เจ้าหญิงน้อยฯ : เอาเงินจากไหนมาลงทุน ? พ่อแม่ให้ ? หรือมีนายทุน ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ร้านนี่หมายถึงตอนเป็นร้านของเล่นเต็มตัวนะ ในส่วน ต้นทุน สต๊อก
คือเอาของเล่นของตัวเองที่เก็บสะสมนี้แหละมาขาย เป็นทุน จนตั้งตัวได้ ส่วนสินค้าใหม่ๆก็สั่งมาตาม
ออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการครับ ส่วนนึงคือ”พอเราได้ลูกค้า เราก็ได้ ความต้องการของลูกค้าด้วย”


เจ้าหญิงน้อยฯ : เริ่มมีกำไร ตอนไหน
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : กำไร เริ่มมีช่วงผ่านปีแรกไปแล้ว ลูกค้าเริ่มรู้จัก เกิดลูกค้าประจำ เราเริ่มจับความ
ต้องการในตลาดได้ด้วย ช่วงนี้อะไรมา อะไรเป็นที่ต้องการ และที่สำคัญคือ เราไม่ได้ยืนรอถามความต้องการลูกค้า
เราค้นข้อมูลด้วย รุ่นนี้จะออกมา จำนวนเท่าไหร่ ? มีรุ่นพิเศษไหม? และของในสต๊อกก็เริ่มมีเยอะขึ้น
พอลูกค้าถามมาว่ามีไหม ? เรามีของ ก็ซื้อขายกันเลย คือลูกค้า (ไม่ใช่เด็ก 5-10 ขวบ) ของเราถ้ามีก็ซื้อ 90 % แล้ว
ช่วงนั้นเศรษฐกิจดี ลูกค้าขาจรก็มีเยอะ สร้างลูกค้าใหม่ๆได้ตลอด


เจ้าหญิงน้อยฯ : หลังปีแรกแล้ว กำไรต่อเดือนจากธุรกิจของเล่น เราได้รายได้สักกี่บาท
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ถ้าปกติ ก็ราวๆ 10,000 บาท จะขายดีเป็นพิเศษช่วงสิ้นปี คริสต์มาส ปีใหม่
วันเด็ก ช่วง ที่บอกคือ ยอดขายได้ 2-3 เท่า เลย


เจ้าหญิงน้อยฯ : ผมนึกว่าขายของเล่นกำไรเยอะนะ อืมม กำไรหมื่นนึง ไปต่อไหวเหรอ ? ตอนนั้น
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ใช้คำว่า พอไปได้ เพราะเราอาศัยใจรักด้วย มันเหมือนเราไม่ได้ทำงานนะ
เหมือนตื่นเช้ามาจัดตู้โชว์ของสะสมของตัวเอง แล้วมีคนมาดู แต่ผิดนิดนึงตรงที่ลูกค้าซื้อของในตู้โชว์ของเราได้
ในส่วนกำไรอาจจะไม่มาก แต่ก็เป็นในทิศทางๆค่อยๆขยายตัวทีละน้อย ส่วนตัวเรามีรายได้จากทางอื่นด้วย เสริมๆกันไป


เจ้าหญิงน้อยฯ : การที่ตัวคุณเจ้าของร้านเป็น คนดัง ในวงการของเล่นและการ์ตูน มีผลต่อลูกค้าที่มาร้านไหม ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : มีผลนะ คนมาที่ร้านอาจจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แต่มันมีผลทำให้มีคนแวะมาเยี่ยมเยียน หรืออยากมาดูว่าร้านเรามีขายอะไรบ้าง


เจ้าหญิงน้อยฯ : เคยเจอ มรสุมไหม ? ธุรกิจของเรา ลองเล่าให้ฟังหน่อย
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : มรสุม ก็มีช่วงปีหลังนี้แหละ ตลาดเปลี่ยนหมด


เจ้าหญิงน้อยฯ : งั้นมรสุมที่เจอคืออะไร
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : มรสุมเศรษฐกิจ เป็นหลัก คนซื้อของกันยาก ไม่เฉพาะของเล่นนะ
โดยรวมทุกอย่างขายยากกันหมด แล้วของเล่นนี้ เป็นของสิ้นเปลือง ไม่ซื้อไม่ตาย คนซื้อกันยากมากๆ
อย่างของจากเรื่องนึง สมมติว่าเป็นวันพีซ เดิมอาจจะขายพระเอก (ลูฟี่) พรรคพวก (โซโล ซันจิ แฟรงกี้ ช๊อปเปอร์ ฯ)
ตัวร้าย (อาคาอินุ บอลซาลีโน่ หนวดดำ ฯลฯ) ช่วงหลังเศรษฐกิจแย่ คนก็ตัดใจเก็บแค่พระเอก (ลูฟี่)
หรือพวกตัวที่ชอบๆเป็นพิเศษ (ลอว์) อะไรแบบนี้


เจ้าหญิงน้อยฯ : คิดว่า พ่อค้าของเล่นทางเนท ที่ผุดเป็นดอกเห็ด มีผลกระทบกับร้านเราไหม
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : มีผลกระทบมากที่สุด


เจ้าหญิงน้อยฯ : เช่น ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : เรื่องนี้ต้องเกริ่นยาวๆ มันเป็นเรื่องของพิษเศรษฐกิจด้วย
มีร้านค้าเปิดขายทางเน็ตเยอะ ส่วนนึงคืองานหายาก ทีนี้เมื่อต้องหาเงินหลายคนเลยดึงงานอดิเรกมาเป็นงานหลัก
จากลูกค้ากลายเป็นพ่อค้า กันเป็นดอกเห็ด และมีเรื่องของโกดังญี่ปุ่นที่ขนของเล่นเข้ามาขายแบบยกตู้ด้วย
คนที่เข้าถึงของที่เข้ามา ได้ของไปก็หาทางทำกำไร บางคนขายยังไม่รู้จักของที่ตัวเองขายเลย


เจ้าหญิงน้อยฯ : ต่อเลยครับ กำลังอิน
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : จำนวนร้านเปิดใหม่เกิดขึ้นเยอะ สวนทางกับจำนวนลูกค้าที่น้อยลง
เมื่อเป็นแบบนี้ จึงเกิดการแย่งลูกค้ากันอย่างดุเดือด


เจ้าหญิงน้อยฯ : ที่เจอมาเป็นไง มีเคสตัวแย่างไหม
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ก็มีเจอเยอะ ลูกค้าที่เคยซื้อกับเรา มี 3-4 ราย ก็กลายเป็นพ่อค้ารายย่อย
แถมรู้เรทราคาของทางร้านเราก็เอาไปเป็นตัวตั้ง แล้วตั้งราคาให้ถูกกว่านิดหน่อย บางคนตั้งร้านใหม่ในเนต
ไล่แอดลูกค้าเอาจากรายชื่อลูกค้าในเฟซบุคเราเลยก็มี


เจ้าหญิงน้อยฯ : ขนาดนั้นเลยหรือครับ
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ถ้าพูดถึงภาพรวมของวงการของเล่นตอนนี้ “เป็นสวรรค์ของลูกค้า แต่เป็นนรกของพ่อค้า อย่างแท้จริง”
ร้านที่เปิดใหม่ ไม่มีจุดแข็ง ก็อาศัยการตัดราคา เอากำไรน้อยๆ ถึงน้อยมาก ดึงลูกค้าให้มาซื้อ บางทีเจอตั้งราคาทุน หรือ
ต่ำกว่าทุน อาศัยขายส่งเอากำไรค่าส่ง ไปรษณีย์ ซึ่งลูกค้าใหม่ นี่แหละที่ ทำร้าย พ่อค้าประจำดั้งเดิม


เจ้าหญิงน้อยฯ : ต่อครับ
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ทำร้ายมากๆ บางเจ้ามีงานมีการทำก็ขายของเล่นผ่านเนทเป็นอาชีพเสริม กำไร 2-3 % ก็เอา

เจ้าหญิงน้อยฯ : แล้วร้านเราแก้ปัญหายังไง รับมือได้ไหม ?
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ 2 อย่างที่เป็นปัญหาหลัก ทั้งเศรษฐกิจ และพ่อค้าใหม่
มันไม่ได้เกิดจากเรา เราเลยแก้ไม่ได้ และต่อไปจะขมวดปมหนักขึ้นเรื่อยๆ

ทุกวันนี้ร้านขายของเล่น กลายเป็นแหล่งสร้างลูกค้าใหม่ๆ พวกขาจร หรือเด็กๆน้อยๆ มาดูของเห็นของแล้วหันมาเล่น
พอผ่านไปสักช่วงนึง ลูกค้าใหม่ๆ เหล่านี้ศึกษา หาข้อมูล ก็พากันไปซื้อของถูกกว่าในเน็ตกันแทบทั้งสิ้น



เจ้าหญิงน้อยฯ : ตอนนี้ทางร้าน ปรับตัวยังไงครับ ณ ตอนนี้
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : หาลูกค้าใหม่ๆ ให้สนใจและหันมาเล่น หันมาสะสม ให้ข้อมูล ให้คำแนะนำกับลูกค้า
ในส่วนสินค้าเราต้องทันสมัย หาของใหม่ๆมาขายให้ตรงกับกระแส ลูกค้าอยากได้ต้องมีเลย
ต้องเน้นการปริการหลังการขาย การรับประกันสินค้า
ต้องเข้าใจว่าร้านค้าจริงๆไม่สามารถปรับราคามาขายเท่าในเนตได้อยู่แล้ว ด้วยต้นทุนค่าเช่าที่ต่างๆนาๆ
ร้านค้าหน้าร้านจะได้เปรียบตรงตู้โชว์ ที่เอาของตัวอย่างมาโชว์ อันนี้ถ้าจัดดีๆ จะสร้างลูกค้าใหม่ๆได้


เจ้าหญิงน้อยฯ : อยากฝากถึง คนที่กำลังอยากลองเป็นพ่อค้าของเล่นหน้าใหม่ หรือพ่อค้าหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มธุรกิจไหมครับ ในฐานะพ่อค้าเก่า
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ของเล่นไม่เหมือนสินค้าอื่นๆที่ใช้แล้วหมดไป ต้องซื้อใหม่
แต่มันเป็น demand แบบ life time คือคนนึงๆ ก็จะซื้อของอย่างนั้นแค่ครั้งเดียว
วันพรุ่งนี้เขาจะไม่ซื้อของเดิมอีก การที่ร้านตัดราคากันเองจะทำให้ลูกค้าได้ของที่ถูกมากแทบจะราคาทุน
ร้านที่ขายราคาปกติจะกลายเป็นร้านขายแพง ร้านที่ขายถูกจะขายได้แต่ไม่ได้กำไร


เจ้าหญิงน้อยฯ : ท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึง ผู้ร่วมอาชีพเดียวกันบ้างครับ หมายถึงพ่อค้าเก่าที่ขายเป็นอาชีพหลักด้วยใจรัก
ทั้งในเนทและแบบมีหน้าร้าน
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ถ้าเรารักของเล่น ลูกค้าจะรักเรา ครับ


เจ้าหญิงน้อยฯ : ขอบคุณที่สละเวลาครับ
เจ้าของร้านขายของเล่นชื่อดัง : ยินดีครับ ไว้เจอกันครับ


ครับ ถ้าสรุปจากเนื้อหาทั้งหมด คือ ช่วงนี้เป็น "สวรรค์ของคนซื้อ และเป็นนรกของผู้ขาย" อย่างแท้จริง
ซึ่งต่อไปก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการขึ้นอีก เพราะโกดังของญี่ปุ่นก็เริ่มลดจำนวนลงแล้ว พ่อค้ารายย่อยก็เริ่ม
ปิดกิจการ หรือหยุดขายรอดูสถานการณ์ก่อน รวมทั้งผมที่เป็นพ่อค้าเล็กๆคนนึงที่หยุดขายรอดูสถานการณ์เช่นกัน
เพราะ คนซื้อก็ซื้อจนปริ่มแล้วและสุดท้าย ร้านที่ยืนระยะได้
จะเป็นร้านของคนรักของเล่นจากใจจริง
หรือเป็นร้านที่สายป่านยาว หรือร้านที่ตัดราคาแล้ว เอาตัวรอดจากช่วงนี้ไปได้


ช่วงปลายปีนี้ จะตามไปสัมภาษณ์มาให้ทราบความเปลี่ยนแปลงกันอีกรอบครับ


จ ญ น ห อ ด ม
เรียบเรียง และสัมภาษณ์
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนท


ลิ๊งต้นฉบับ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=436247939905960&id=385527721644649

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่