วัยรุ่นกับค่านิยมการทำศัลยกรรม

กระทู้ข่าว
กระทู้นี้เป็นกระทู้ประกอบวิชา I30202 ในขั้นตอนการเผยแพร่

"สมัยนี้เยาวชนเกินครึ่ง สนใจการทำศัลยกรรมเสริมความงาม"
         ผลสำรวจพบว่า ปัจจุบัน การทำศัลยกรรมความงามนั้นได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย และเต็มไปด้วยข่าวสารที่เชื่อถือได้ ทำให้การทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างเมือก่อน และยังพบข้อมูลที่น่าสนใจกว่า คือ เยาวชนไทยทสนใจทำศัลยกรรมมากถึง 57.77%  หมายถึงกลุ่มคนที่สนใจและเริ่มทำศัลยกรรมความงาม มีอายุเฉลี่ยลดน้อยลง โดยจาการสำรวจแยกตามช่วงอายุพบว่า เยาวชนที่มีช่วงอายุ18-22 ปี เป็นกลุ่มที่สนใจการทำศัลยกรรมความงามมากที่สุด ถึง 68.88%

          เมื่อสอบถามเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงาม พบว่า เยาวชน 59.82% ให้ความไว้วางใจในควมปลอดภัยจากการทำศัลยกรรมความงาม  นั่นหมายความว่า ปัจจุบันวัยรุ่นมีทัศนคติที่ดีต่อการศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น  ทั้งในด้านของการให้การยอมรับต่อตัวผู้ทำศัลยกรรมความงาม และความเชื่อถือในตัวศัลยแพทย์


         โดย"จมูก"เป็นอวัยวะที่นิยมทำศัลยกรรมความงามมากที่สุด
              ปัจจุบัน อวัยวะชิ้นเล็ก แต่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้าอย่างจมูก กลับได้รับความนิยมในการทำศัลยกรรมมากที่สุด โดยพบว่าในกลุ่มเยาวชนที่เคยทำศัลยกรรรมเสริมความงามนั้น มีเยาวชนที่เคยทำศัลยกรรมจมูกแล้วถึง 59.25% รองลงไป คือการลบรอยแผลเป็น รักษาสิวหรือทำหน้าใส  ขณะที่อวัยวะที่เคยได้รับความนิยมและตกเป็นข่าวดังจากผลข้างเคียงของการศัลยกรรมในช่วงหนึ่ง และตเป็นข่าวดัง อย่างการ"เสริมหน้าอก" มีเพียง 1.73% เท่านั้น

             แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันแม้ทัศนคติของวัยรุ่นต่อการทำศัลยกรมความงาม จะมีแนวโน้มที่ดี และได้รับความสนใจมากขึ้น แต่การตัดสินใจทำหรือไม่ทำนั้น ก็ยังขึ้นอยู่กับค่านิยมของสังคมว่า ต้องสวย ต้องดูดี จึงจะได้รับความสนใจ ดังที่สังเกตุได้จาก การสำรวจเหตุผลของการตัดสินใจทำศัลยกรรมความงามที่พบว่า เยาวชนไทย 81.82%  ตัดสินใจทำศัลยกรรมความงามเพราะต้องการให้ตนเองดูดีขึ้น

        วัยรุ่นไทยเกือบครึ่ง "อยากทำ" แต่ยังหวั่น "ผลกระทบ"
              แม้ว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่จะให้ความสนใจในการทำศัลยกรรมความงาม โดยเชื่อถือในมาตรฐานและความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ดี ยังมีวัยรุ่นอีกเกือบครึ่งที่สนใจทำศัลยกรรมความงาม  แต่ยังกังวลถึงผลกระทบและผลข้างเคียงที่ตามมา โดยมีวัยรุ่นถึง 41.42% ที่ยังไม่สนใจทำศัลยกรรมความงามเพราะกลัวอันตราย ขณะที่มีเพียงส่วนน้อยที่ให้เหตุผลว่ากลัวไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม

              นั่นแสดงให้เห็นว่าความไม่มั่นใจในความปลอดภัยรวมถึงการที่สังคมไม่ยอมรับ ดังกล่าว  อาจเป็นผลมาจากข่าว ผลข้างเคียงและผลกระทบ จากการทำศัลกรรมความงาม ที่ถูกนำเสนอออกมาเป็นระยะ เช่น ข่าวการเสพติดศัลยกรรม ข่าวการฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกาย โดยไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ รวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่ทำศัลยกรรมความงามว่าทำแล้วดีหรือไม่ดี

      
       "ผู้เชี่ยวชาญ" มีความเห็นว่าอย่างไร
               จากการสำรวจชี้ให้เห็นว่า เยาวชนไทยส่วนใหญ่ มีค่านิยมว่าการทำศัลยกรรมเสริมความงามทำให้ดูดี ช่วยเสริมความมั่นใจ และอาจมีผลต่อหน้าที่การงาน  โดยมักมีต้นแบบจากศิลปินดาราที่ชื่นชอบ  ซึ่งส่วนมากเชื่อถือ ในศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียง จากการหาข้อมูลด้วยตนเองและผ่านการแนะนำจากผู้อื่น ทั้งนี้บางคนยังได้รับความเห็นชอบและความยินยอมจากผู้ปกครองอีกด้วย

               นายแพทย์ กรีชาติ พรสินศิริรักษ์ ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลยันฮี ได้กล่าวว่า ใจจริง ไม่อยากให้วัยรุ่นทำอะไร อยากให้สนใจเรียนหนังสือ ถ้าเรียนจบแล้วต้องทำงาน อยากมีบุคลิกดี ถ้าไม่เดือดร้อน ค่อยทำก็ได้



               อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของทุกคนย่อมต่างกัน ซึ่งผู้ที่เห็นด้วย ยอมรับว่า การทำศัลยกรรมเสริมความงามแทบจะถือว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน อีกทั้งให้ความสำคัญกับใบหน้าเป็นหลัก
               ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยนั้นกังวลถึงอันตรายเป็นหลัก อาจเพราะ มีตัวอย่างจากผู้ที่ได้รับผลกระทบมาก่อน ดังที่ได้กล่าวไป อีกทั้งยังมองว่าไม่มีความจำเป็น และสิ้นเปลือง


         

               อย่างไรก็ดี จากผลการสำรวจดังกล่าวประกอบกับความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ยืนยันได้ว่า แม้ทัศนคติของเยาวชนไทยต่อการทำศัลยกรรมจะเปลี่ยนแปลงไปและมีแนวโน้ม ว่าจะทำกันมากขึ้น แต่ด้านแพทย์ก็ไม่ละทิ้งเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัย ส่วนผู้ที่สนใจจะทำก็มีการค้นคว้าข้อมูลประกอบเพิ่มขึ้น อีกทั้งส่วนมากยังอยู่ในความยินยอมของผู้ปกครอง  ดังนั้น สิ่งที่น่ากังวลในระดับต่อไป คงไม่ใช่ผลกระทบจากการทำศัลยกรรมเสริมความงาม  แต่เป็นค่านิยมของสังคมปัจจุบันว่า คนที่ดูดี หน้าตาดีเท่านั้น ที่จะได้รับการยอมรับ   ซึ่งผู้เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญและดูแลอย่างใกล้ชิด

(cr.http://www.dek-d.com/lifestyle/17903/)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่