ท่องเที่ยวแดนพระอาทิตย์สไตล์เรียวซาคุ Episode 2 : Saga

จากที่ผมหายไปนานก็ขอโทษด้วยครับ แต่พอดีระหว่างนั้นผมก็ทดลองเที่ยวมาหลายที่ หาที่เที่ยวทั้งน่าสนใจหรือแปลกๆมาให้ชมกันครับ

ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ผมได้เดินทางไปจังหวัดที่ลับหูลับตาที่สุดในคิวชู "ซางะ" ครับ


ระหว่างที่ไปนางาซากิทุกๆรอบ แน่นอนว่าต้องผ่านจังหวัดนี้ทุกครั้งครับ เพียงแต่จังหวัดนี้อาจจะไม่เป็นที่พอใจหรือสนใจเท่าไหร่ครับ แต่จริงๆแล้วมีที่เที่ยวเยอะแยะไปหมดเลยครับ ไม่ว่าจะไปกิน ดู ถ่ายภาพ แช่น้ำร้อน ปฏิบัติ มีทุกรูปแบบเลยครับ

แต่รอบนี้ผมไม่ได้ไป Kashima ที่เป็นฉากละคร "ซางะ" เพราะเวลาไม่พอครับ

เมืองกลางซางะ

ถ้าพูดถึงเมืองนี้แล้ว สำหรับคนที่จะไปนางาซากิหรือ Huis Ten Bousch ก็เป็นแค่ทางผ่านหลักครับ แต่ที่นี่ถ้าเราไปเที่ยวเป็นเวลา เราก็จะเห็นแบบรูปบอลลูนข้างบนนี่ละครับ
อันนี้เป็นเทศกาลบอลลูนนานาชาติ จัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนตุลาคม มีบอลลูนหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น โดราเอม่อน Anpanman หรืออย่างอื่น ที่นี่มีหมดเลยครับ
#ถ้าวันไหนลมแรงเค้าจะไม่ลอยบอลลูนครับ

สำหรับเรื่องอาหารการกินแล้ว สำหรับผมแล้วเมืองนี้ออกจะดูแปลกสักหน่อยครับ เพราะแถวนี้เป็นคาบสมุทร Hizen ที่เคยเป็นที่ค้าขายกับต่างชาติมาก่อน เลยอาจจะเป็นที่มาของอาหารเช่น จัมป้ง ของนางาซากิ หรือ Castella ของนางาซากิที่ได้มาจากโปรตุเกสไม่ก็แถวไหนสักที่ในเอเซียละครับ เมืองนี้เลยมีกะเค้าบ้าง อาหารประจำเมืองนี้คือ Sicilian Rice ที่นำเข้าจากโปรตุเกสครับ

ความอร่อยจากซอส มายองเนส ไข่ลวกดิบๆ เนื้อวัวสับ และผัดต่างๆ ใครมาเมืองนี้มาของแวะกินกันนะครับ ผมบอกได้เลยว่าอร่อยมากจริงๆ ร้านที่ผมไปชื่อร้าน Mill เเถวกลางเมืองครับ เป็นร้านเล็ก แต่เป็นร้าน1ใน100ที่ดีที่สุดในเกาะคิวชูครับ

อีกจุดนึงที่ไม่ควรพลาดตอนไปซางะคือ อุทยานประวัติศาสตร์ Yoshinogari-Koen ครับ




อุทยานที่นี่เป็นอุทยานขุดซากยุคหิน Kofu ของญี่ปุ่นมาก่อน ก่อนที่จะมาเปิดเป็นอุทยานครับ โดยจะเล่นถึงชีวิตและความเป็นมา รวมไปถึงวิถีในการสร้างเครื่องปั้นดินเผาด้วยครับ

ในอุทยานจะมีแผนที่ภาษาอังกฤษอยู่ครับ ไม่ต้องกังวลครับ


เมือง Arita - Imari

จากการเที่ยวรอบนี้ ผมก็ได้พบว่า จังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีเครื่องปั้นดันเผาดังที่สุดในคิวชู และอาจจะญี่ปุ่นด้วยครับ เพราะทุกทีในเมืองมีแต่แปบนี้จริงๆ ตั้งแต่ข้างถนนที่มีตุ๊กตาดันเผาไปถึงร้านที่ผลิตและจำหน่ายเลยครับ สรุปว่ามีทุกที่แหละครับ

วิธีการไป จากทั้งฟุกุโอกะและซางะ นั่งรถด่วน Huis Ten Bousch - Midori ถึง Sasebo ลงสถานี Arita ครับ
จากนางาซากิ นั่งรถด่วน Kamome ถึง Hizen-Yamaguchi แล้วเปลี่ยนขบวน Huis Ten Bousch - Midori ครับ


ในทริปนี้ผมได้ไปดูถึงฐานผลิตที่ Imari เลยครับ

โดยส่วนใหญ่เค้าจะทำขายเอง ไม่ก็ส่งออกไปเมืองอื่นครับ แต่ถ้าซื้อที่นี่ รับประกันว่ามีให้เลือกเยอะและขอลดได้ด้วยครับ (ถ้าได้ภาษาญี่ปุ่นยิ่งดีเลย) เท่าที่ผมซื้อมา ขอลดได้ถึง40%เลยครับ

อันนี้เป็น2-3ร้านที่ผมไป สวยทุกอัน แต่จะขนกลับยังไงดี กลัวแตก 5555



จากที่ Imari ไปดูโรงงานแล้ว เรามาทำกันเองที่ Arita บ้างครับ

ที่นี่มีโรงเรียนฝึกปั้นหลายที่ บ้างที่ต้องจองก่อน และบางที่ปิดเร็วครับ โดยโรงเรียนส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณสถานี Kami-Arita เป็นสถานีที่รถด่วนไป Hakata หรือ Huis Ten Bousch - Sasebo ไม่จอดครับ แต่นั่งเเท็กซี่จากสถานี Arita ไปได้ครับ

ถ้าไปช่วงเดือนเมษายนจะมีตลาดนัดขายเครื่องปั้นดินเผาในเมืองครับ ถ้าไปเที่ยวฟุกุโอกะกับนางาซากิแล้วก็ อย่าพลาดนะครับ

ก่อนที่ผมจะเริ่มปั้น แน่นอนว่าขอของกินแปบครับ ถ้ามาที่เมือง Arita แล้ว ต้องมาลองข้าวแกงกะหรี่ของที่นี่ครับ
ไฮไลต์มีอยู่ว่า หลังเรากินเสร็จแล้ว เค้าจะให้จานที่เรากินแกงกลับบ้านฟรีครับ ไปลองกันเลย



พอกินเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาวาด ปั้น จานกันครับ ที่ที่ผมไปคือ Aritayaki Depart Maru-kei ครับ

โรงเรียนปั้น วาด นี้ไม่ต้องจองก็ทำได้ครับ แต่คนในร้าน อังกฤษ งูๆปลาๆนิด (ตอนนั้นใช้ภาษายุ่นคุยแบบ)

ถ้าปั่นละก็


ถ้าวาดละก็


ไม่อยากมือเลอะอะ วาดดีกว่า 5555

ขอหน้าคนวาดด้วยครับ


+ ก่อนวาดหรือปั่น เค้าจะให้เราเขียนที่อยู่ในไทย หรือถ้ามีญาติที่ญี่ปุ่นก็เขียนที่อยู่ญาติได้เลยครับ หลังวาดเสร็จแล้ว เค้าจะจัดส่งให้ภายใน2-4 อาทิตย์ครับ


ปล. รูปนี่หน้าตาเหมือน Tenjou (เจ้าของร้าน) เดี๊ยเลย 5555

อีกที่ที่ขาดไม่ได้สำหรับคนชอบอะไรสวยๆ แนะนำให้ไป Arita porcelain park ครับ

ที่นี่เป็นสวนสนุกเเบบเยอรมันโดยมีสวนสวยๆนับสิบให้เดินชมกันครับ และจะสวยที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคม
และที่นี่ก็สามารถปั้นจานวาดจานเองได้เหมือนกันครับ


เมือง Karatsu และเขต Yobuko

ถ้าพูดถึงเมืองนี้แล้ว สำหรับผมคือ "เมืองปลาหมึก" ของเเท้เลยครับ
แต่สำหรับบางท่าน เมืองนี้ก็เคยถูกใช้เป็นฉากของละคร "ซางะ" เช่นเดียวกันครับ

ผมขอเริ่มด้วย Yobuko
มีอาหารกานกิน เที่ยวดีเลิศ เลยครับ แต่ต้องไปเช้าๆครับ และสามารถไปได้จากท้ังฟุกุโอกะ และ ซางะครับ

จากฟุกุโอกะ ไปด้วยรถไฟใต้ดิน ถึง Karatsu
จากซางะ นั่งรถไฟสาย Karatsu จนสุดทางครับ


ขอเริ่มต้นด้วยตลาดเช้าของเมือง เป็นตลาดเช้าที่ใหญ่เป็นอันดับ3ของญี่ปุ่นครับ


ที่นี่มีร้านของฝาก ร้านแฝงลอยเต็มไปหมดเลยครับ โดยเฉพาะร้านที่ขายปลาหมึกทั้งแบบแห้งและสดครับ บ้างร้านตัวใสแจวเลย

เห็นน่าซื้อแบบนี้ เค้าขายเป็นตัวครับ เว้นแต่จะซื้อเป็นยก ยกละ4ตัว เพียง1000 เยน =320 บาทครับ

อีกจุดที่น่าสนใจคืออาหารทานเล่นครับ

สิ่งนี้เรียกว่า Ika-Manbo หรือซาลาเปาปลาหมึก ที่เป็นที่นิยมสำหรับของฝากและเดินทานครับ ทุกกรรมวิธีใช้ปลาหมึกทั้งหมดครับ

ร้านที่ผมขอแนะนำไปกินปลาหมึกคือร้าน Kawataro ครับ ผมถามพี่เเท็กซี่แล้ว ที่นี่เป็นสุดยอดของร้านประจำเมืองนี้ครับ และถ้าเรามาช้า ต้องรอกันเป็น ชั่วโมงได้เลยครับ

ที่นี่เค้าจะให้เรากินเป็นเซ็ตครับ โดยจะนำปลาหมึกสดๆมาทำหลายอย่างให้กินกันครับ ไม่ว่าจะเป็น กินดิบๆ ทอดกรอบ และหม้อไฟครับ


และเขาตากหมึกกันแบบนี้เหรอ
ที่นี่จะมีเครื่องหมุนไปมาให้ปลาหมึกแห้งไวครับ (โทษด้วยนะ โดราเอม่อน)


จริงๆที่นี่ก็นั่งเรือเที่ยวได้ครับ แต่วันที่ผมไปคลื่นแรงไปนิด


หลังเที่ยวYobuko ก็ถึงตา Karatsu เมืองที่เป็นฉากละคร "ซางะ" ครับ ที่นี่มีปราสาทสวยจริงๆ แต่ต้องไปช่วงเมษายนครับ


เมือง Ureshino

วิธีการไป จากฟุกุโอกะ นั่งรถด่วน Huis Ten Bousch - Midori ไป Sasebo ลงสถานี Takeo Onsen

ขอตกท้ายที่ Ureshino เมืองออนเซ็นเพื่อผิวพรรณ และน้ำชาครับ
ที่ที่ผมไปคือ Seabottle Onsenครับ นับว่าเป็นLandmark ของเมืองเลย


เรื่องอาหารการกิน แน่นอนว่าเมืองนี้ใส่ใจสุขภาพครับ ของดังเลยเป็นเต้าหู้น้ำพุร้อนหรือ Yudofu ครับ
สำหรับร้านที่ผมไปมาคือ Yokocho ครับ ขอบอกเลยว่าเต้าหู้อร่อยจริงๆครับ


ที่สุดท้ายคือสวน Mifuneyama ครับ เป็นสวนที่จะสวยที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถ้าไปช่วงนั้น ใบไม้จะเปลี่ยนสีทุกต้นครับ



ขอจบการเดินทางไป Saga เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่