คอลัมน์ กระบี่ ไร้สาย: อะไรคือคลื่นความถี่ (2)
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559
โดย : วิเชียร เมฆตระการ
ที่จำเป็นต้องเข้าไปแตะเรื่องเทคนิคตลอดจนการคำนวณ อาจทำให้ผู้อ่านหลายคนเลิกอ่านบทความนี้ไปแล้วก็เป็นได้ แต่ขออดทนอีกสักนิดนะครับ เพราะพูดถึงเรื่องคลื่นวิทยุถ้าไม่มีที่มาที่ไปอาจไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์เป็นความจริงและพิสูจน์ได้
เมื่อเรารู้ว่าความยาวคลื่นมีส่วนสัมพันธ์กับสายหรือเสาอากาศแล้ว อาจมีหลายคนสงสัยว่าแล้วจานรับสัญญาณดาวเทียมไม่เห็นต้องเป็นเสาหรือสายแต่อย่างใดเลย เพราะเหตุอันใดครับ การคำนวณเหมือนกันเพราะเป็นกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ เมื่อความถี่คลื่นสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 3,000 เมกะเฮิรตซ์ หรือเราเรียกจิกะเฮิรตซ์ ความยาวคลื่นจะยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ซึ่งเรายังพอทำเสาอากาศมารับกันได้
เอาละครับ เราพอมีความรู้เรื่องคลื่นพอสมควรกันแล้ว คราวนี้มาพูดกันถึงสิ่งที่เราสงสัยกันมานานแล้วว่าคลื่นไหนเหมาะและดีที่สุดกับการใช้งานอะไร หน่วยงานที่มีการตั้งข้อกำหนดในการใช้คลื่น นั้นเป็นองค์กรกลางระดับโลกสังกัดองค์กรสหประชาชาติเรียกว่า
สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ITU (International Telecommunication Union) สมาชิกสหประชาชาติเป็นสมาชิกส่วนมาก แต่ละประเทศจะส่งกรมไปรษณีย์โทรเลขหรือหน่วยงานอื่น ๆ ของตนที่ดูแลเรื่องโทรคมฯเป็นตัวแทนเข้าไปนั่งประชุม กับ ITU
สำหรับประเทศไทยผู้แทน คือ กสทช. โดยสหภาพนี้จะมีการร่วมกันกำหนดและตั้งกฎเกณฑ์การใช้งานคลื่นความถี่วิทยุ ต่าง ๆ ออกมา เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก และเพื่อประโยชน์ในการใช้งานร่วมกัน ง่ายในทางปฏิบัติและพัฒนาการเพื่อความก้าวหน้าของสังคมโลก และที่สำคัญเพื่อจัดระเบียบการใช้คลื่นวิทยุในแต่ละประเทศให้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดการรบกวนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก (รายละเอียดว่าทำไมถึง สำคัญขนาดนั้น จะไม่ขอเล่า ณ วันนี้เพราะเป็นบทความแยกต่างหากได้อีกยาว ขอเป็นโอกาสหน้าหากมีผู้สนใจจะเล่าให้ฟังต่อไป)
เมื่อสหภาพกับสมาชิกร่วมกันกำหนดระเบียบโลกในการใช้งานคลื่นความถี่แล้ว ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการก็ไป คิดค้นวิธีการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวออกมาเป็นระบบวิทยุโทรทัศน์ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบต่าง ๆ มากมายจนในที่สุดเริ่มรวมศูนย์มาเป็นระบบเดียวอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน แต่อาจแตกต่างกันที่คลื่นอาจมีความถี่ต่างกันบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามการใช้งานและเงื่อนไขในแต่ละประเทศ
แล้วคลื่นไหนดีกว่ากัน ไม่เห็นบอกเสียที ในความเห็นของผมทุกคลื่นดีหมดครับ ส่วนจะ นำไปใช้งานอะไรให้ผลดีมากน้อยขึ้นอยู่กับว่าไปใช้กับบริการอะไร ใช้ที่ใด เป็นต้น คลื่นความถี่ต่ำกว่า เช่น 800 หรือ 900 เมกะเฮิรตซ์ เคลื่อนที่ไปในอากาศได้ไกลกว่า 1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ดังนั้น ในยุคหนึ่งผู้ให้บริการระบบ 900 ก็ออกมาโฆษณาว่าระบบ 900 ดีกว่า เพราะแรงกว่า ไปได้ไกลกว่า มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า ซึ่งก็มีส่วนถูกต้อง คราวนี้คนที่เคยทำ 900 ก็ถูกเกทับเมื่อคนที่เคยทำ 1800 เอาคลื่น 800 มาให้บริการ 3G ก็มีการคุยกลับว่า 3G บน 800 ไปไกลกว่า 3G บน 2100 เป็นต้น
เรื่องคลื่นความถี่ต่ำกว่าไปไกลกว่าคลื่น ความถี่สูงกว่านั้นเป็นจริงเสมอ แต่อย่าลืมครับว่าการให้บริการแต่ละอย่างนั้น การออกมาเกทับกันไม่ได้ใช้ได้ในทุกกรณี การที่คลื่น 900 ไปไกลกว่า 1800 หรือ 2100 นั้นจริงตามวิทยาศาสตร์ การลงทุนด้วยคลื่น 900 จึงประหยัดกว่าถึง 2 หรือ 3 เท่าก็จริงอีก ตามหลักธุรกิจและการเงิน แต่เราใช้ในการทำและให้บริการพื้นที่ครอบคลุมคลื่น 900 หนึ่งสถานีให้พื้นที่ครอบคลุมเท่ากับคลื่นอื่นถึง 2 หรือ 3 สถานี แต่ขณะเดียวกันความจุในสถานี 900 จะน้อยกว่าถึง 2 หรือ 3 เท่าด้วย เพราะคุณมีสถานีเดียวจะไปมีความจุเพื่อรองรับลูกค้าเท่ากันคนที่เขามี 2 หรือ 3 สถานีได้อย่างไรครับ
ดังนั้น การจะใช้กฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงเพื่อประโยชน์ทางการค้า ควรดูด้วยว่าใช้กับสภาพการณ์อะไร จริงครับถ้าใช้ 900 ในการครอบคลุมพื้นที่ในชนบทห่างไกลความจำเป็นในการติดตั้งสถานีมาก ๆ ก็ลดลง แต่เมื่ออยู่ในตัวเมืองหรือชานเมืองที่มีคนอยู่หนาแน่น ความได้เปรียบนี้หมดไปเพราะปัจจุบันเราใช้ ข้อมูลและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่าเสียงพูด
ดังนั้น จำเป็นต้องมีความจุให้ลูกค้าใช้งานยิ่งมากยิ่งดีนั่นคือ ต้องลงจำนวนสถานีให้มากเข้าไว้ในเขตตัวเมืองหรือชานเมือง ความได้เปรียบของคลื่นความถี่ต่ำตรงนี้จึงหมดไป และปัจจุบันไม่ว่าจะอยู่ที่ใดคนก็จะเชื่อมต่อเน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ ความได้เปรียบของคลื่นความถี่ต่ำก็จะหมดไปตามกาลเวลา
แล้วทำไมยังถึงต้องดิ้นรนและนำคลื่นความถี่ต่ำกลับมาใช้งานอีกเรื่อย ๆ (เช่น ความพยายามจะเอา 700 เมกะเฮิรตซ์กลับมาใช้) ตอบได้ทันทีว่า ก็เพราะความถี่ไม่พอใช้ครับ !
แล้วทำไมต้องทุ่มทุนประมูลกันแพง ๆ ด้วย ตอบเพราะทุกคนอยากได้คลื่นไปใช้งานให้บริการ และของก็มีน้อยไม่พอให้ทุกคน เลยต้องแย่งกันครับ จะแย่งให้มีกฎเกณฑ์และมีหลักการก็คือ ต้องประมูลแข่งกันครับ ส่วนจะถูกจะแพงคนที่เอาเงินมาประมูลแหละครับ ทราบว่าถูกหรือแพง เพราะเมื่อเตรียมเงินมาแล้วก็ประมูลตามเท่าที่มีละครับ
แล้วทำไมในคลื่นความถี่ที่ใกล้เคียงกันต้องแย่งช่วงคลื่นบางช่วงจนราคาสูงกว่าช่วงอื่นด้วย ตอบเพราะต้องการช่วงคลื่นนั้นครับ ถ้าเป็นการซื้อทาวน์เฮาส์คนอยากซื้อห้องริมเพราะไม่ต้องแบ่งฝาบ้านกับใคร ด้านริมแบ่งฝาด้านเดียวพอแล้ว แต่คลื่นวิทยุอาจไม่ใช่ บางคนอยากอยู่ตรงกลาง มีเพื่อนบ้านขนาบทั้งสองด้านเพื่อความอบอุ่นกระมัง เพื่อป้องกันการรบกวนจากคลื่นภายนอกที่อาจเข้ามาอยู่ริมอาจโดนกวนง่ายกว่า
หรือบางทีอาจอยากอยู่ใกล้ห้องของญาติพี่น้องเลยขอมาอยู่ข้าง ๆ กัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันดูแล เช่น ไม่อยู่บ้านจะได้ฝากฝังดูแลบ้านแทนกันได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
ปัจจุบันคลื่นความถี่สามารถสังเคราะห์หรือสร้างขึ้นจากการใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ช่วย ดังนั้น คลื่นบางช่วงเมื่อนำมาคูณสองหรือหารด้วยสองแล้วลงตัวพอดี เช่น 900 คูณสองลงที่ 1800 พอดี การออกแบบเครื่องอุปกรณ์บางอย่างเพื่อใช้งานร่วมกัน อาจเป็นประโยชน์มากเกินกว่าที่จะใช้ตัวเลขทางการเงินมาประเมินก็ได้ครับ
ความเสียเปรียบได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะความสามารถทางเทคนิคที่ต่างกันบางทีเป็นตัวตัดสินชัยชนะ มากกว่าผลประกอบการทางธุรกิจด้วยซ้ำไป เพราะเทคนิคที่ดีจะนำมาซึ่งบริการที่ดีกว่าได้ ซึ่งหมายถึงจะนำมาซึ่งรายได้มากกว่าลูกค้า มากกว่าการแข่งขัน ทุกวันนี้ดุเดือดรุนแรงแค่วิ่งเข้าเส้นชัยต้องถ่ายรูปวัดกัน ปรากฏว่าชนะกันแค่แลบลิ้นออกมาถึงเส้นชัยก่อนเพียงนิดเดียวเอง
"คลื่นความถี่ต่ำกว่าไปไกลกว่าคลื่น ความถี่สูงกว่านั้นเป็นจริงเสมอ แต่อย่าลืมครับว่าการให้บริการแต่ละอย่างนั้น การออกมาเกทับกันไม่สามารถใช้ได้ในทุกกรณี"
แหล่งข่าว
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559 (หน้า 10)
อ้างอิงตอนที่ 1
คอลัมน์ กระบี่ไร้สาย: อะไรคือ คลื่นความถี่ (1)
http://pantip.com/topic/34673460
คอลัมน์ กระบี่ ไร้สาย: อะไรคือคลื่นความถี่ (2)
คอลัมน์ กระบี่ ไร้สาย: อะไรคือคลื่นความถี่ (2)
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559
โดย : วิเชียร เมฆตระการ
ที่จำเป็นต้องเข้าไปแตะเรื่องเทคนิคตลอดจนการคำนวณ อาจทำให้ผู้อ่านหลายคนเลิกอ่านบทความนี้ไปแล้วก็เป็นได้ แต่ขออดทนอีกสักนิดนะครับ เพราะพูดถึงเรื่องคลื่นวิทยุถ้าไม่มีที่มาที่ไปอาจไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์เป็นความจริงและพิสูจน์ได้
เมื่อเรารู้ว่าความยาวคลื่นมีส่วนสัมพันธ์กับสายหรือเสาอากาศแล้ว อาจมีหลายคนสงสัยว่าแล้วจานรับสัญญาณดาวเทียมไม่เห็นต้องเป็นเสาหรือสายแต่อย่างใดเลย เพราะเหตุอันใดครับ การคำนวณเหมือนกันเพราะเป็นกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ เมื่อความถี่คลื่นสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 3,000 เมกะเฮิรตซ์ หรือเราเรียกจิกะเฮิรตซ์ ความยาวคลื่นจะยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ซึ่งเรายังพอทำเสาอากาศมารับกันได้
เอาละครับ เราพอมีความรู้เรื่องคลื่นพอสมควรกันแล้ว คราวนี้มาพูดกันถึงสิ่งที่เราสงสัยกันมานานแล้วว่าคลื่นไหนเหมาะและดีที่สุดกับการใช้งานอะไร หน่วยงานที่มีการตั้งข้อกำหนดในการใช้คลื่น นั้นเป็นองค์กรกลางระดับโลกสังกัดองค์กรสหประชาชาติเรียกว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ITU (International Telecommunication Union) สมาชิกสหประชาชาติเป็นสมาชิกส่วนมาก แต่ละประเทศจะส่งกรมไปรษณีย์โทรเลขหรือหน่วยงานอื่น ๆ ของตนที่ดูแลเรื่องโทรคมฯเป็นตัวแทนเข้าไปนั่งประชุม กับ ITU
สำหรับประเทศไทยผู้แทน คือ กสทช. โดยสหภาพนี้จะมีการร่วมกันกำหนดและตั้งกฎเกณฑ์การใช้งานคลื่นความถี่วิทยุ ต่าง ๆ ออกมา เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก และเพื่อประโยชน์ในการใช้งานร่วมกัน ง่ายในทางปฏิบัติและพัฒนาการเพื่อความก้าวหน้าของสังคมโลก และที่สำคัญเพื่อจัดระเบียบการใช้คลื่นวิทยุในแต่ละประเทศให้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดการรบกวนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก (รายละเอียดว่าทำไมถึง สำคัญขนาดนั้น จะไม่ขอเล่า ณ วันนี้เพราะเป็นบทความแยกต่างหากได้อีกยาว ขอเป็นโอกาสหน้าหากมีผู้สนใจจะเล่าให้ฟังต่อไป)
เมื่อสหภาพกับสมาชิกร่วมกันกำหนดระเบียบโลกในการใช้งานคลื่นความถี่แล้ว ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการก็ไป คิดค้นวิธีการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวออกมาเป็นระบบวิทยุโทรทัศน์ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบต่าง ๆ มากมายจนในที่สุดเริ่มรวมศูนย์มาเป็นระบบเดียวอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน แต่อาจแตกต่างกันที่คลื่นอาจมีความถี่ต่างกันบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามการใช้งานและเงื่อนไขในแต่ละประเทศ
แล้วคลื่นไหนดีกว่ากัน ไม่เห็นบอกเสียที ในความเห็นของผมทุกคลื่นดีหมดครับ ส่วนจะ นำไปใช้งานอะไรให้ผลดีมากน้อยขึ้นอยู่กับว่าไปใช้กับบริการอะไร ใช้ที่ใด เป็นต้น คลื่นความถี่ต่ำกว่า เช่น 800 หรือ 900 เมกะเฮิรตซ์ เคลื่อนที่ไปในอากาศได้ไกลกว่า 1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ดังนั้น ในยุคหนึ่งผู้ให้บริการระบบ 900 ก็ออกมาโฆษณาว่าระบบ 900 ดีกว่า เพราะแรงกว่า ไปได้ไกลกว่า มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า ซึ่งก็มีส่วนถูกต้อง คราวนี้คนที่เคยทำ 900 ก็ถูกเกทับเมื่อคนที่เคยทำ 1800 เอาคลื่น 800 มาให้บริการ 3G ก็มีการคุยกลับว่า 3G บน 800 ไปไกลกว่า 3G บน 2100 เป็นต้น
เรื่องคลื่นความถี่ต่ำกว่าไปไกลกว่าคลื่น ความถี่สูงกว่านั้นเป็นจริงเสมอ แต่อย่าลืมครับว่าการให้บริการแต่ละอย่างนั้น การออกมาเกทับกันไม่ได้ใช้ได้ในทุกกรณี การที่คลื่น 900 ไปไกลกว่า 1800 หรือ 2100 นั้นจริงตามวิทยาศาสตร์ การลงทุนด้วยคลื่น 900 จึงประหยัดกว่าถึง 2 หรือ 3 เท่าก็จริงอีก ตามหลักธุรกิจและการเงิน แต่เราใช้ในการทำและให้บริการพื้นที่ครอบคลุมคลื่น 900 หนึ่งสถานีให้พื้นที่ครอบคลุมเท่ากับคลื่นอื่นถึง 2 หรือ 3 สถานี แต่ขณะเดียวกันความจุในสถานี 900 จะน้อยกว่าถึง 2 หรือ 3 เท่าด้วย เพราะคุณมีสถานีเดียวจะไปมีความจุเพื่อรองรับลูกค้าเท่ากันคนที่เขามี 2 หรือ 3 สถานีได้อย่างไรครับ
ดังนั้น การจะใช้กฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงเพื่อประโยชน์ทางการค้า ควรดูด้วยว่าใช้กับสภาพการณ์อะไร จริงครับถ้าใช้ 900 ในการครอบคลุมพื้นที่ในชนบทห่างไกลความจำเป็นในการติดตั้งสถานีมาก ๆ ก็ลดลง แต่เมื่ออยู่ในตัวเมืองหรือชานเมืองที่มีคนอยู่หนาแน่น ความได้เปรียบนี้หมดไปเพราะปัจจุบันเราใช้ ข้อมูลและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่าเสียงพูด
ดังนั้น จำเป็นต้องมีความจุให้ลูกค้าใช้งานยิ่งมากยิ่งดีนั่นคือ ต้องลงจำนวนสถานีให้มากเข้าไว้ในเขตตัวเมืองหรือชานเมือง ความได้เปรียบของคลื่นความถี่ต่ำตรงนี้จึงหมดไป และปัจจุบันไม่ว่าจะอยู่ที่ใดคนก็จะเชื่อมต่อเน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ ความได้เปรียบของคลื่นความถี่ต่ำก็จะหมดไปตามกาลเวลา
แล้วทำไมยังถึงต้องดิ้นรนและนำคลื่นความถี่ต่ำกลับมาใช้งานอีกเรื่อย ๆ (เช่น ความพยายามจะเอา 700 เมกะเฮิรตซ์กลับมาใช้) ตอบได้ทันทีว่า ก็เพราะความถี่ไม่พอใช้ครับ !
แล้วทำไมต้องทุ่มทุนประมูลกันแพง ๆ ด้วย ตอบเพราะทุกคนอยากได้คลื่นไปใช้งานให้บริการ และของก็มีน้อยไม่พอให้ทุกคน เลยต้องแย่งกันครับ จะแย่งให้มีกฎเกณฑ์และมีหลักการก็คือ ต้องประมูลแข่งกันครับ ส่วนจะถูกจะแพงคนที่เอาเงินมาประมูลแหละครับ ทราบว่าถูกหรือแพง เพราะเมื่อเตรียมเงินมาแล้วก็ประมูลตามเท่าที่มีละครับ
แล้วทำไมในคลื่นความถี่ที่ใกล้เคียงกันต้องแย่งช่วงคลื่นบางช่วงจนราคาสูงกว่าช่วงอื่นด้วย ตอบเพราะต้องการช่วงคลื่นนั้นครับ ถ้าเป็นการซื้อทาวน์เฮาส์คนอยากซื้อห้องริมเพราะไม่ต้องแบ่งฝาบ้านกับใคร ด้านริมแบ่งฝาด้านเดียวพอแล้ว แต่คลื่นวิทยุอาจไม่ใช่ บางคนอยากอยู่ตรงกลาง มีเพื่อนบ้านขนาบทั้งสองด้านเพื่อความอบอุ่นกระมัง เพื่อป้องกันการรบกวนจากคลื่นภายนอกที่อาจเข้ามาอยู่ริมอาจโดนกวนง่ายกว่า
หรือบางทีอาจอยากอยู่ใกล้ห้องของญาติพี่น้องเลยขอมาอยู่ข้าง ๆ กัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันดูแล เช่น ไม่อยู่บ้านจะได้ฝากฝังดูแลบ้านแทนกันได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
ปัจจุบันคลื่นความถี่สามารถสังเคราะห์หรือสร้างขึ้นจากการใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ช่วย ดังนั้น คลื่นบางช่วงเมื่อนำมาคูณสองหรือหารด้วยสองแล้วลงตัวพอดี เช่น 900 คูณสองลงที่ 1800 พอดี การออกแบบเครื่องอุปกรณ์บางอย่างเพื่อใช้งานร่วมกัน อาจเป็นประโยชน์มากเกินกว่าที่จะใช้ตัวเลขทางการเงินมาประเมินก็ได้ครับ
ความเสียเปรียบได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะความสามารถทางเทคนิคที่ต่างกันบางทีเป็นตัวตัดสินชัยชนะ มากกว่าผลประกอบการทางธุรกิจด้วยซ้ำไป เพราะเทคนิคที่ดีจะนำมาซึ่งบริการที่ดีกว่าได้ ซึ่งหมายถึงจะนำมาซึ่งรายได้มากกว่าลูกค้า มากกว่าการแข่งขัน ทุกวันนี้ดุเดือดรุนแรงแค่วิ่งเข้าเส้นชัยต้องถ่ายรูปวัดกัน ปรากฏว่าชนะกันแค่แลบลิ้นออกมาถึงเส้นชัยก่อนเพียงนิดเดียวเอง
"คลื่นความถี่ต่ำกว่าไปไกลกว่าคลื่น ความถี่สูงกว่านั้นเป็นจริงเสมอ แต่อย่าลืมครับว่าการให้บริการแต่ละอย่างนั้น การออกมาเกทับกันไม่สามารถใช้ได้ในทุกกรณี"
แหล่งข่าว
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559 (หน้า 10)
อ้างอิงตอนที่ 1
คอลัมน์ กระบี่ไร้สาย: อะไรคือ คลื่นความถี่ (1)
http://pantip.com/topic/34673460