ใครเห็นด้วยบ้างครับว่า เราควรใส่เนื้อหาเรื่องภาษีต่างๆ ลงในหลักสูตรการเรียนสามัญได้แล้วซะที

ผมเชื่อว่าคนส่วนมาก ที่ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่โดนหักภาษีทุกเดือน มีความรู้ทางด้านภาษีน้อยมาก โดยเฉพาะภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งแม้แต่มนุษย์เงินเดือนเอง ก็ยัง งงๆ กันอยู

ความเชื่อผิด ๆ ก็เยอะ เมื่อรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลยุคไหน ๆ ออกมาตรการเกี่ยวกับภาษีมา จะโดนกระแสด้านลบเสมอเพราะความไม่เข้าใจ

เห็นข่าวดราม่าเรื่องเงินรางวัลที่ต้องยื่นภาษีก็บ่อย เรื่อง VAT เกิดขึ้นก็บ่อย

ส่วนใหญ่อีกมากที่เชื่อว่าการยื่นภาษี คือจะต้องจ่ายภาษีเท่านั้น ไม่ทราบว่าการยื่นภาษี ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ ก็ไม่ต้องจ่ายได้รับการยกเว้น หรือบางครั้งอาจจะได้ภาษีคืนซะด้วยซ้ำจากพวกหัก ณ ที่จ่าย หรือเครดิตภาษีต่าง ๆ

ผมเลยคิดว่า ควรจะทำให้มันเป็นวาระแห่งชาติ ได้แล้วนะครับ เรื่องให้ความรู้เรื่องภาษีเนี่ยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
เห็นด้วยกับ จขกท ว่า เราควรให้ความรู้พื้นฐานกับพลเมืองและทุกคนที่อาศัยในประเทศไทยเรื่องภาษี และด้วยความเคารพที่ไม่เห็นด้วยกับบาง คห ที่เห็นว่า ภาษีเป็นเรื่องไกลตัว

แท้จริงแล้ว ภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัวมากครับ กิจกรรมแรกที่ท่านตื่นนอนจนกิจกรรมสุดท้ายก่อนเข้านอนแต่ละวันมีภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง เขียนแบบนี้ บางท่านไม่เห็นภาพ

ขอยกตัวอย่างท่านตื่นนอน เข้าห้องน้ำอาบน้ำ ค่าน้ำประปาที่ท่านใช้มีภาษีมูลค่าเพิ่มที่ท่านต้องจ่าย ขับรถไปทำงานท่านมีภาระภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงจากค่าน้ำมันที่เติมทุกครั้ง เข้าร้านสะดวกซื้ออาหารเช้า ทุกรายการมีภาษีมูลค่าเพิ่ม หนีไม่ได้ หมายความว่าท่านไม่ได้ใช้เงินของท่านร้อยเปอร์เซ็นต์ซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค แต่ท่านจ่ายบางส่วนเป็นภาษี นี่เป็นภาษีประเภทเดียวในหลาย ๆ ประเภทที่เข้ามาในชีวิตของทุกคน
หมายความว่าทุกร้อยบาท รัฐบาลท่านเอาภาษีจากท่าน 7 บาทโดยเฉลี่ย หากท่านมีรายได้เดือนละ 15,000.00 หรือต่ำสุดตามที่กฎหมายกำหนด  ท่านใช้เงินหมด ไม่มีเก็บ ภาษีที่ท่านต้องเสียก็อยู่ที่ 1,050.00 บาท ไม่น้อยครับ เขียนมาถึงตรงนี้เพียงอธิบายว่า "ภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัว"

เรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หลักการไม่ยาก เราเป็นพลเมือง เป็นผู้อาศัยในประเทศใดต้องมีส่วนจ่ายเงินสมทบเพื่อรัฐบาลนำไปจัดสรรทำโครงการพื้นฐาน เช่น สร้างโรงพยาบาล สร้างถนน ทุกคนคงไม่สามารถสร้างโรงพยาบาลเอง สร้างโรงไฟฟ้าเอง หรือ ซื้อรถยนต์มาก็สร้างถนนเอง ใช่ไหมครับ

ปัจจัยพื้นฐานหล่านี้ ส่วนรวมหรือรัฐ เป็นผู้จัดการโดยทุกคนมีส่วนร่วมตามกำลังความสามารถ ประเทศก็ก้าวหน้าไปได้ หากเรามีความรู้สึกเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ เพราะสร้างด้วยเงินของเรา เราก็จะใช้มันอย่างทนุถนอมเพื่อให้อยู่กับเรานาน ๆ เห็นไหมครับว่า ความรู้พื้นฐานทางภาษีสามารถเชื่อมโยงให้เกิดความคิดอื่น ๆ ผูกพันเป็นระบบและมีผลบวกต่อส่วนรวม หากทุกคนเข้าใจถึงส่วนร่วมที่ตัวเองมีต่อสังคมผ่านระบบภาษี เราจะได้ไม่นิ่งดูดายยอมให้คนเลว ๆ เช่นนักการเมือง เบียดบังเงินภาษีของเรา นำไปใช้ในทางไม่สุจริต

กลับมาให้แคบเข้า เรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามหลักการที่ว่า ใครมีมากก็สมทบ (จ่าย) มาก ใครมีน้อยก็จ่ายน้อย หรือไม่จ่ายเลยหากคำนวณแล้วไม่ถึงเกณฑ์ ซึ่งทางรัฐบาลก็มีแบบคำนวณไว้เรียบร้อย ตั้งแต่นำรายได้มาหักค่าใช้จ่าย หักค่าลดหย่อนต่าง ๆ สุทธิแล้วนำไปคำนวณภาษี หากคำนวณแล้วไม่ถึงเกณฑ์ต้องชำระ แต่ถูกหักไว้แล้วล่วงหน้า ก็เรียกคืน เป็นอันยุติ  

มีคนเคยตั้งคำถามผมว่า เหตุใดภาษีบุคคลธรรมดาจึงซับซ้อนนัก แบบก็กรอกยากเย็น กว่าจะกรอกเสร็จข้ามวันข้ามคืน เลยอธิบายให้ง่ายว่า หลักการคือ เรารายได้ลบด้วยรายจ่าย เหลือเท่าไรนำไปเสียภาษีตาม rate เป็นขั้น ๆ ของจริงมีง่าย ๆ แค่นี้ เห็นไหมว่า คิดว่าง่าย มันก็ง่าย

เลยสมมุติตัวเลขให้ฟังว่า ท่านมีรายได้เดือนละ 20,000 ปีละ 240,000 รัฐกำหนดว่า ให้ท่านใช้จ่ายปีละ 60,000 หรือเดือนละ 5,000ไม่พอก็ต้องพอ ให้แค่นี้ ตรงนี้เป็นที่มาของคำว่า "ค่าใช้จ่าย" ที่ยอมให้หัก ตัวเลขหลังจากหากหักค่าใช้จ่ายแล้ว รัฐเห็นว่า ท่านน่าจะมีกิจกรรมอื่นบ้าง เช่นทำบุญ บริจาคเงินให้สภากาชาด หรือมีหน้าที่เพื่อคนอื่น เช่นเลี้ยงดูบุตร ภรรยาที่เป็นแม่บ้าน เล็งเห็นว่าหากมีแม่ดี ลูกท่านก็จะเป็นพลเมืองดีในอนาคต หรือ ท่านต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ หรือท่านประกันชีวิตแบบสะสม 10 ปี ขึ้นไป เห็นว่าท่านเป็นคนดี รู้จักออม เจ็บไข้ก็ใช้สิทธิประกันชีวิต ไม่เป็นภาระของรัฐ  หรือ ท่านซื้อกองทุนไว้เป็นการออมเงินอีกแบบ ก็ให้เป็นค่าลดค่าลดหย่อนได้อีก สุดท้ายลดหย่อนกันทุกรายการก็นำมาคำนวณภาษี  
และการคำนวณนั้น รัฐยังแถมให้อีกคือ 150,000 แรก ไม่ต้องนำมาคำนวณ ภาษีก็น้อยลงไปอีกส่วนหนึ่ง

ส่วนการคำนวณและกรอกแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มักจะส่ายหัวว่า ซับซ้อนยุ่งยากนั้น เป็นเรื่องจริง มันโยงใยกันเหมือนใยแมงมุม มีเฉพาะคนในวงการ เช่น นักบัญชี ที่น่าจะเข้าใจดีกว่าคนอื่น เพราะอยู่กับแบบและกรอกแบบกันประจำ ปัญหานี้ ทางรัฐน่าจะหาช่องทางอธิบายให้ผู้คนเข้าใจและคิดแบบที่มันซับซ้อนน้อยลง แต่ระยะหลังก็ให้ยื่นแบบทาง internet ได้ ลดขั้นตอนการกรอกแบบลงและประหยัดกระดาษอีกทาง

อย่าเริ่มตันที่กรอกแบบครับ มันซับซ้อนปวดหัว ลองให้ความรู้พื้นฐานแบบนี้ ให้เข้าใจง่าย จะให้ประโยชน์ต่อประชาชนและสะท้อนกลับเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมของเรา เพียงแต่ กรมสรรพากรมีคนบรรยายแบบที่ชาวบ้านเข้าใจได้ง่าย ๆ ไหมครับ ?

ผมจึงเห็นว่า กระทู้นี้น่าสนใจ และ ขอบคุณ จขกท ที่จุดประเด็นเรื่องภาษีขึ้นมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่