เปิดเงื่อนไข-รายละเอียด ลดภาษี “โซลาร์รูฟท็อป” สำหรับครัวเรือนและธุรกิจ

ในช่วงที่ราคาพลังงานและต้นทุนไฟฟ้าต่าง ๆ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐไทยจึงเดินหน้าออกมาตรการเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะการติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคาหรือ “โซลาร์รูฟท็อป” (Solar Rooftop) สำหรับครัวเรือนและธุรกิจ ในรัฐบาลชุดล่าสุดได้อนุมัติการลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ชัดเจน เพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนและติดตั้งจริง ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยขยับเข้าสู่ทิศทาง “พลังงานสะอาด” ตามเป้าหมายในระยะกลางถึงยาว

สำหรับผู้ประกอบการ ครัวเรือน นักลงทุน หรือผู้สนใจใช้โอกาสนี้ในเชิงธุรกิจ สิ่งที่ต้องทราบคือ เงื่อนไข สิทธิ รายละเอียด และช่วงเวลาที่ใช้ได้ของมาตรการเหล่านี้ เพื่อให้สามารถวางแผนได้อย่างรอบด้าน

ในบทความนี้ได้รวบรวมมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป พร้อมเงื่อนไขผู้มีสิทธิ แม่แบบธุรกิจที่ครอบคลุม ประเด็นที่ผู้ประกอบการหรือผู้สนใจควรจับตา รวมถึงโอกาสและความท้าทายที่มากับนโยบายนี้

ภาพรวมมาตรการลดหย่อนภาษี
รัฐบาลไทย โดยคณะรัฐมนตรี (ประเทศไทย) (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในครัวเรือนและการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในภาคธุรกิจ ดังนี้

ภาคครัวเรือน (บุคคลธรรมดา)
สำหรับผู้ที่ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปแบบ “เชื่อมโครงข่าย” (On-Grid) ในบ้านพักอาศัย
สามารถ หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) ได้เทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายจริง (รวม VAT) ของการติดตั้งระบบภายในข้อจำกัดที่กำหนดไว้
จำนวนเงินสูงสุดที่สามารถลดหย่อนได้ คือ ไม่เกิน 200,000 บาท ต่อคน/ต่อระบบ (รวม VAT)

เงื่อนไขหลัก ได้แก่
ผู้ยื่นลดหย่อนต้องเป็นผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ต้องเสียภาษีภายใต้มาตรา 40 (1)-(8) แห่งประมวลรัษฎากร
ต้องติดตั้งระบบบนหลังคาของบ้านที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย (ประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1 Residential)
ชื่อผู้ขอลดหย่อนภาษี ต้องตรงกับชื่อผู้ใช้งานมิเตอร์ไฟฟ้า (Meter) ที่บ้าน
ระบบโซลาร์ต้องเชื่อมต่อกับกริด (On-Grid) และได้รับการอนุญาตเชื่อมโครงข่ายจากผู้จำหน่ายไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง (เช่น การไฟฟ้านครหลวง หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
จำกัดจำนวน “1 คน = 1 มิเตอร์ = 1 ระบบ” ต่อเจ้าของบ้าน/ผู้ขอลดหย่อน
ใช้ได้สำหรับค่าใช้จ่ายการติดตั้งภายในช่วงเวลาที่กำหนด (จนถึง 31 ธันวาคม 2027)

ภาคธุรกิจ/นิติบุคคล
สำหรับบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือธุรกิจที่ลงทุนติดตั้งระบบหรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน รวมทั้งระบบโซลาร์ในภาคอุตสาหกรรม/พาณิชย์
โดยใช้สิทธิที่ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือมาตรการอื่นที่รัฐกำหนด
ตัวอย่างสิทธิได้แก่
หักลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนในอุปกรณ์เครื่องจักรประหยัดพลังงานที่ได้การรับรองฉลากประหยัดไฟฟ้า 5 ดาว หรือที่ได้รับการรับรองจาก กรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน (DEDE)
สำหรับบางกิจการที่ซื้อขายไฟฟ้าระหว่างบริษัท (PPA) หรือผลิตไฟฟ้าเพื่อขาย สามารถได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี รวมถึงยกเว้น/ลดอากรนำเข้าเครื่องจักรและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง
เงื่อนไข ได้แก่ ต้องเป็นอุปกรณ์ใหม่ ไม่เคยใช้งานมาก่อน อยู่ในไทย พร้อมใช้งานภายใน 31 ธันวาคม 2028
เงื่อนไขสําคัญที่ต้องรู้
เพื่อให้สิทธิประโยชน์เหล่านี้เกิดผลจริง และผู้ติดตั้งสามารถอ้างสิทธิได้อย่างถูกต้อง ต้องรู้เงื่อนไขหลัก ดังนี้

ข้อกำหนดระบบโซลาร์รูฟท็อป
ระบบต้องเป็นแบบ On-Grid (เชื่อมต่อกริด) ไม่ใช่แบบอิสระ (Off-Grid) ซึ่งมักจะไม่อยู่ในเงื่อนไข
ขนาดระบบสูงสุดที่รัฐกำหนด (สำหรับครัวเรือน) คือไม่เกิน 10 kWp (กิโลวัตต์พิก) ต่อหลังคา/ระบบ
ต้องมีใบเสร็จภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ถูกต้อง ครบทั้งค่าอุปกรณ์และค่าติดตั้ง
ต้องได้รับอนุญาตเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Connection) จากการไฟฟ้าฯ

ผู้มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์
สำหรับมาตรการบุคคล : ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดา ที่มีเงินได้ตามมาตรา 40 (1)-(8) ของประมวลรัษฎากร
ชื่อผู้ติดตั้ง/ผู้ขอลดหย่อนต้องตรงกับชื่อผู้ใช้งานมิเตอร์ไฟฟ้า (มิเตอร์ประเภทที่ 1)
สำหรับนิติบุคคล : ธุรกิจที่ได้รับสิทธิโดยผ่าน BOI หรือมาตรการอื่นตามที่รัฐกำหนด
ระยะเวลาและงวดสิทธิ
สำหรับครัวเรือน : มาตรการลดหย่อนนี้เปิดใช้ได้ภายในช่วงที่รัฐกำหนด (จนถึง 31 ธันวาคม 2027)
สำหรับธุรกิจ/นิติบุคคล : อุปกรณ์ต้องพร้อมใช้งานภายใน 31 ธันวาคม 2071
ยังมีการร่างกฎหมายใหม่อย่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพลังงานโซลาร์ (ร่าง) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านขั้นตอนอนุญาต และลดอุปสรรค
โอกาสสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจ ESG
มาตรการนี้เปิดโอกาสทั้งสำหรับผู้มีบ้านอยู่อาศัยและผู้ประกอบการธุรกิจ ดังนี้

สำหรับเจ้าของบ้าน : เป็นโอกาสที่ลดต้นทุนไฟฟ้า พร้อมได้รับสิทธิด้านภาษี ถือเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่าได้
สำหรับธุรกิจ SMEs และอุตสาหกรรม : นอกจากลดต้นทุนค่าไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถใช้เป็นจุดขายด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม-สังคม-ธรรมาภิบาล) ที่กำลังเป็นแรงกดดันใหม่ในตลาดทุนและการเงิน
หลังคาแวร์เฮาส์/คลังสินค้า/โรงงาน : ที่มีพื้นที่มาก เหมาะสำหรับติดตั้งระบบโซลาร์ ซึ่งทำให้ธุรกิจได้ทั้งลดต้นทุนงานไฟฟ้าและสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ผู้ให้บริการติดตั้งระบบโซลาร์/ผู้ผลิตอุปกรณ์ : ย่อมได้รับอานิสงส์จากมาตรการนี้ เพราะมีความต้องการติดตั้งที่เพิ่มขึ้น
ความท้าทายและประเด็นที่น่าจับตามอง
แม้โครงการจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเข้มข้น แต่ก็มีประเด็นที่ผู้ติดตั้งหรือธุรกิจต้องพิจารณา

อุปสรรคด้านการอนุญาตและเชื่อมต่อโครงข่าย : การขออนุญาตและเชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้าบางช่วงอาจใช้เวลา หรือมีขั้นตอนซับซ้อน
แหล่งเงินทุนและสภาพคล่อง : ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของระบบโซลาร์อาจยังสูง แม้จะลดหย่อนภาษีได้ แต่หากไม่มีเงินทุนหรือสินเชื่อที่ดี ก็อาจชะลอการติดตั้งได้
การเลือกอุปกรณ์/ผู้ติดตั้ง : จำเป็นต้องเลือกผู้ติดตั้งที่มีความเชี่ยวชาญ มีใบอนุญาต และสามารถออกใบเสร็จ VAT อย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน
เงื่อนไขและความเข้าใจสิทธิ : ผู้ใช้อาจเข้าใจผิดว่า “ลดหย่อน=ลดภาษีทันที” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหักลดฐานภาษี ซึ่งผลจริงอาจไม่เท่ากับจำนวนที่หักได้ อีกทั้งเงื่อนไขต่าง ๆ จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
ช่วงเวลาและความต่อเนื่องของนโยบาย : แม้นโยบายถูกประกาศแล้ว แต่การออกกฎ ระเบียบ และ Royal Decree คู่มืออาจใช้เวลา ผู้สนใจควรติดตามอย่างใกล้ชิด... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/general/news-1910057

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่