กระบวนการผิด Vs. ความคิดที่ผิดๆ หรือเราแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิด ?

ผมติดตามอ่านกระทู้ต่างๆ ในพันทิป มาเป็นเวลานาน และบ่อยมากที่ ห้องนี้มีการอัฟเดทมากที่สุด และมีกระทู้ที่น่าสนใจหลายกระทู้เลยครับ แต่ผมพบว่าคอมเมนท์แต่ละคอมเมนท์ (บางกระทู้) เราคอมเมนท์กันแบบไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะใช้อคติเข้าชนกันเท่านั้นเองครับ
คำถามที่ผมตั้งขึ้นนี้ เพื่อให้ทุกคน ได้ลองคิดและพิจารณาดูนะครับ ว่าเรามีอคติเกินไปหรือเปล่า?
หรือถ้าใครคิดว่าผมมีอคติตรงไหน เพราะอะไร ก็ตอบได้เลยครับ จะเป็นผลดีกับผม ที่จะได้มีโอกาสหันกลับมาทบทวนความคิดของตัวเองอีกครั้งนึงครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า
.
.
"ใจเย็นๆ กันก่อนนะครับพี่ๆน้องๆ ห้องราชดำเนิน" สิ่งที่ทุกคนกล่าวมา บางทีมันอาจจะไม่ใช่ปัญหานะครับ อย่างเพิ่งทะเลาะกันเลย เพราะสิ่งที่ทุกคนพูดถึงกันแม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นปัญหา แต่มันเป็นแค่อาการของปัญหาครับ ผมกำลังจะบอกว่า ปัญหามันอาจจะไม่ได้อยู่ที่คอรัปชั่น หรือ สลิ่มนกหวีด หรือสาวกแดง หรืออะไรทั้งนั้นแหล่ะครับ อาการของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มันมาจากการที่ประเทศนี้ใช้วิธีแก้ปัญหาที่ผิด ครับ พูดแบบไม่เข้าข้างใครนะครับ (ซึ่งผมอาจจะถูกตำหนิเองก็ได้ ผมยอมรับทุกข้อคำหนิครับ) การที่สลิ่มนกหวีดต้องออกมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็เนื่องจากเค้ามองเห็นภัยจากการออกกฏหมายนิรโทษกรรมฉบับนั้น ขณะที่ การคอรัปชั่นของนักการเมืองที่ทำให้คนจำนวนหนึ่งทนไม่ได้ ก็เพราะมันสามารถตรวจสอบได้โดยอิสระครับ แต่วิธีการแก้ปัญหาของเราทำผิดวิธีมาตลอด เช่นเรียกร้องให้รัฐประหารบ้าง เรียกร้องให้เอาพระบรมโพธิสมภาณเป็นที่พึ่งบ้าง ปิดปากอีกฝ่าย โอนอ่อนให้อีกฝ่ายบ้าง กล่าวหากันแบบไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด สื่อเองก็รายงานไปตามข่าว โดยไม่ตรวจสอบ ประชาธิปไตยถูกทำให้คนส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นต้นตอของความขัดแย้ง และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดนักการเมือง(ซึ่งอาจจะเป็นหรือไม่เป็นข้าราชการ) เข้ามามีอำนาจและเข้ามาคอรัปชั่น ซึ่งทั้งๆ ที่คอรัปชั่นที่เกิดขึ้นและสังคมเห็นเป้นเรื่องปกติคือ การคอรัปชั่นของกองทัพ ข้าราชการ และสถาบันสงฆ์ ฯลฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามกันครับ
v
v
v
อาจจะจริงที่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ รธน. แต่เราก็ไม่ควรปฏิเสธว่า กระบวนการเกิดขึ้นหรือที่มากของการ ร่าง รธน. ฉบับนี้ มาแบบผิดวิธี จึงทำให้ยากมากที่คนที่สนใจเรื่องประชาธิปไตย จะยอมรับได้ครับ (บางทีผมอาจจะเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยไม่ตรงกันกับคนอื่นๆ นะครับ เป็นไปได้ และธรรมดามากที่เราจะเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยแตกต่างกัน)
.
.
.
แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะ รธน. หรือ รัฐประหาร ไม่ว่าจะ คสช. นปช. กปปส. หรือพระบางรูป ไม่ว่าฝ่ายไหนก็แล้วแต่ รวมถึงไทยเฉยด้วย ไทยอดทนด้วย สลิ่ม แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน หลากสี หรือใครก็ตาม ถ้าไม่เห็นด้วยกับผม ผมก็ยอมรับในความคิดเห็นของทุกคนนะครับ แต่ว่าด้วยความที่ผมสนใจในระบอบประชาธิปไตยนั้น ผมค่อนข้างเห็นว่า ระบอบประชาธิปไตยเป็นวิธีการจัดการความขัดแย้งในสังคมที่มีผล ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และถ้าความชอบธรรมอะไรก็ตามที่จะนำมาแทนที่นี้ ผมคิดว่าต้องมีความชอบธรรมและเป็นที่ยอมรับความเสมอภาคของคนทุกคน ทุกกลุ่ม ในทุกเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่เสมอภาคกันเป๊ะๆ แต่ก็ยังสามารถที่จะต่อรองกันได้ในระดับหนึ่ง อำนาจความชอบธรรมนั้นต้องได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมากที่สามารถนับเป็นรายบุคคลได้ ซึ่งไม่สามารถมาจากการรัฐประหาร หรือการทำอะไรโดยที่คนอื่นๆ ตรวจสอบไม่ได้ ครับ แม้จะมาจากการเลือกตั้ง ก็ต้องถูกตรวจสอบได้ ไม่ใช่แค่นั้นครับ ศาล หรือตุลาการเอง ก็ต้องถูกตรวจสอบได้ (ไม่ใช่อะไรก็ถือว่าเป็นการหมิ่นศาลไปเสียทุกเรื่อง) แบบนี้แก้ไขปัญหาของประเทศนี้ไม่ได้หรอกครับ และไม่ว่าจะเป็นระบอบอะไรก็ตามที่จะมาแทนระบอบประชาธิปไตย หรือแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ ต้องเป็นความชอบธรรมที่ทุกคนรับได้อย่างที่ได้บอกไปแล้วครับ แต่เวลานี้ มันไม่มีครับ ทุกคนเห็นว่า คสช.ไม่ชอบธรรม รัฐบาลเลือกตั้งไม่ชอบธรรม ศาลหรือตุลาการก็ไม่ชอบธรรม ตำรวจก็ไม่ชอบธรรม ข้าราชการทั้งพลเรือนก็ไม่ชอบธรรม ข้าราชการฝ่ายทหารก็ไม่ชอบธรรม เกษตรเห็นแก่ตัวก็ไม่ชอบธรรม คนที่หวังผลประโยชน์ก็ไม่ชอบธรรม ไอ้นั่น ไอ้นู่น ไอ้นี่ ก็ไม่ชอบธรรม  ทุกอย่างก็ไม่ชอบธรรมไปเสียหมด รวมถึงศาสนาด้วยนะครับ ตราบใดที่อะไรๆ ก็ไม่ชอบธรรม การจะบอกว่าปัญหาที่แท้จริง อยู่ตรงไหนกันแน่ เป็นเรื่องที่ยากมากครับ บางทีอาจจะไม่ใช้ซักอย่างก็ได้ ผมอาจจะผิด คนอื่นอาจจะผิด หรือใครก็ตามอาจจะคิดผิด แต่ประเด็นอยู่ที่ ผิดยังไง ให้เราทะเลาะกัน เถียงกัน ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่การกลบปมเด่น เน้นปมด้อย ยกความผิดพลาดของฝ่ายอื่นมาพูด แล้วมองไม่เห็นความผิดพลาดหรืออคติของตัวเอง ทุกคนมีโอกาสตัดสินใจผิดได้ แต่เราควรรู้ตัวว่าเมื่อผิดแล้ว ก็ปรับปรุงมันเสีย หยุดมันก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาดีกว่าครับ เมื่อเราเถียงกัน ทะเลาะกัน ด้วยเหตุด้วยผลแล้ว อาจจะไม่มีคนผิดคนถูก แต่สิ่งดีๆ มันอาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเถียงกัน(อย่างมีเหตุผล และไม่ใช้อารมณ์ และอคติของตัวเอง) ทางออกมันอาจจะอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่คงไม่ได้อยู่ที่การห้ามอีกฝ่ายพูด แสดงความเห็น ปิดปากอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้พูด ไม่ได้แสดงความเห็น จะทำให้คนทั้งประเทศลืม จะทำให้อีกฝ่ายลืมและเห็นด้วยกับความคิดของตนเอง เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มนุษย์ไม่ได้เปลี่ยนความคิดง่ายๆ แบบนั้น นอกจากคนที่ไร้เดียงสา และไม่มีความคิดเท่านั้น ถึงคิดจะทำแบบนั้นได้ (การการตอบกระทู้นี้ เป็นความผิด ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ) ผมแค่อยากให้คนเถียงกันอย่างมีเหตุมีผลครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่