เปิดใจ ! หากย้อนกลับไปได้ก็จะทำแบบเดิม ; แล้วคุณล่ะ ?

"ผมสนับสนุนรัฐบาลคสช. ให้ทำงานปฏิรูปสำเร็จ ถ้าใครมาขวางการทำงานของ คสช. ในเรื่องเหล่านี้ ผมจะช่วยคสช. ไม่กลัวเปลืองตัว"

ช่วงเวลานี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นจุดเริ่มต้นประการชุมนุมปิดกรุงเทพ หรือที่เรารู้จักว่า“Bangkok Shutdown”โดยมวลมหาประชาชน กลุ่ม กปปส. ภายใต้การนำของอดีตนักการเมือง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ผันตัวจากการเล่นการเมืองในรัฐสภา โดยใช้เวทีบนท้องถนน ซึ่งขณะนั้นผู้ชุมนุมต่างมีข้อเรียกร้องต่างๆนาๆ ทั้งต้องการกำจัดระบอบทักษิณ เรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศ และอีกมากมาย โดยในวันนี้ นายสุเทพ ได้เปิดใจกับ รายการ “คมชัดลึก” ถึงความเห็นทางการเมือง ความรู้สึกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว  ความพึงพอใจต่อ คสช.  ณ วันนนี้ รวมถึงการปฏิรูปประเทศและการปรองดอง 

เมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกต่อสถานการณ์การเมืองไทยวันนี้ กับเมื่อ 2 ปีที่แล้วต่างกันอย่างไรบ้าง?

สุเทพ : รัฐบาลขณะนั้นกำลังทำให้บ้านเมืองเสียหายเป็นอย่างมาก และเราไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องพึ่งพลังมวลชนเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ในวันนี้สถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายไปบ้าง ภายหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เข้ามา และจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยรับช่วงต่อจาก กปปส. แต่ด้วยความที่ว่าปัญหาบ้านเมืองนั้นมีมานาน ไม่สามารถแก้ได้โดยใช้เวลาสั้นๆ บางคนอาจจะมองในแง่ร้ายว่าเหตุการณ์ในวันนี้กลับย่ำแย่ลง แต่ตนกลับมองว่านี่คือโอกาสในภาวะวิกฤต   มันจะได้เห็นธาตุแท้ของคนไทยฝ่ายต่างๆที่จะต้องกอดคอเข้ามาร่วมมือแก้ไขปัญหาด้วยกัน เพื่อเอาชนะปัญหาให้ได้ 

"ผมคิดว่าจากประสบการณ์ที่เราได้ร่วมกันต่อสู้เมื่อ 2 ปีที่แล้วเห็นชัดว่า คนไทยแม้จะเป็นคนที่อยู่สบาย ส่วนใหญ่ไม่อยากจะวุ่นวายกับใคร แต่พอเมื่อถึงเวลาที่ชาติมีภัย คนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะเสียสละ จนวันนี้ผมคิดว่าประชาชนได้ตื่นตัวมาก และตระหนักว่าเป็นภาระหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ ต้องร่วมกันรักษาชาติบ้านเมือง จากเมื่อก่อนที่คิดว่าเรื่องการเมืองเป็นหน้าที่ของนักการเมือง เราเลือกตั้งกันแล้วก็จบกันไป"

ส่วนตัวมองแนวทางการดำเนินงานปฏิรูปของ คสช. ถือว่าไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่?

สุเทพ : ที่ผ่านมาเรามีข้อเรียกร้องปฏิรูปหลายๆเรื่อง แต่ในระยะเวลาจำกัดนั้น คสช. จะต้องทำอยู่ 2 เรื่องคือ การกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองที่ทรุดหนัก จากการทุจริตโดยนักการเมืองที่ผ่านมา ซึ่งมีปัจจัยภายนอกอย่างเรื่องเศรษฐกิจโลกเข้ามาซ้ำเติม ซึ่งเป็นส่วนของงานบริหาร เรื่องต่อมาคือการวางกรอบหลักในรัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปการเมือง การปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน หากเราติดตามข่าวที่ผ่านมาจะพบว่า มีคนคอยวิจารณ์เรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งบางที่ก็ต้องเรียนว่าเรารีบกังวลใจจนเกินไป

"ต้องเรียนว่า 1.ที่เห็นๆอยู่ก็คือการจัดการคนทุจริตคอรัปชั่น ผมคิดว่านี่จะเป็นผลงานที่โดดเด่นของ คสช. เขาตั้งใจทำเลย แต่ก็ยังก็ต้องทำต่อไป 2.เรื่องความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ โดยเกี่ยวเนื่องกับเรื่องสถาบันด้วย ซึ่งประชาชนพอใจ และ3.เท่าที่เห็นแนวโน้มเรื่องทิศทางของการเมือง พรรคการเมืองระบบการเลือกตั้ง การแก้ปัญหาเมื่อเวลาวิกฤติ ดูท่าทางทำให้ประชาชนอุ่นใจได้ แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องใช้เวลามากอย่างเรื่องปฏิรูปเป็นต้น"

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ กำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.)เห็นด้วยหรือไม่?

สุเทพ : คปป. นั้นผมเห็นด้วยที่ให้มี หากจะประกาศปฏิรูปประเทศ ก็ต้องมีหลักประกันว่าปีต่อๆไปจะทำอย่างไรให้สำเร็จ แต่ว่าคนที่ลุ่มหลงในประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ก็รับไม่ได้ มองว่าเป็นปัญหา สังเกตได้ว่าขณะนั้น กปปส. ก็สนับสนุนแนวคิดนี้ 

เมื่อรู้แล้วว่าการเรียกร้องของ กปปส. ทำให้ทหารออกมายึดอำนาจ หากย้อนเวลากลับไปได้ ยังจะทำเหมือนเดิมไหม?

สุเทพ : ทำแน่นอน เพื่อหยุดยั้งรัฐบาลที่ชั่วร้าย ซึ่งเราเห็นแล้วว่าเขากำลังทำความสูญเสียให้ประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนั้นเราได้เรียกร้องให้กองทัพออกมาเคียงข้างประชาชน เพื่อสร้างรัฐบาลเฉพาะกิจมาปฏิรูปประเทศแม้ว่านานาชาติจะมองประเทศไทยในด้านลบจากเหตุการณ์นี้ แต่ตนคิดว่าต่างชาติไม่มีสิทธิก้าวก่ายเรื่องภายในประเทศ 

"เนื่องจากกองทัพอาจจะไม่คุ้นเคยกับวิธีการนี้ ไม่ไปร่วมมือกับประชาชน เขาจึงต้องใช้วิธีการพิเศษ คือการยึดอำนาจ ซึ่งสำหรับผมแม้ว่าไม่ค่อยชอบการยึดอำนาจเท่าไหร่ แต่ก็พอใจที่ทำให้รัฐบาลที่ชั่วร้ายเหล่านั้นหมดอำนาจไป และพอใจมากขึ้นเมื่อผู้ที่เป็นหัวหลักในการยึดอำนาจคือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งประกาศที่จะปฏิรูปประเทศไทย อย่างนี้ผมก็พอใจ ทั้งนี้การเรียกร้องของผมไม่ได้เป็นการสมคบคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง วันนี้ผมและนายกฯคงได้ทำงานร่วมกัน"

แม้ว่าจะออกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่ก็ยังถูกสังคมมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพลต่อพรรคอยู่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

สุเทพ : ความจริงแล้วได้ประกาศชัดเจนบนเวทีแล้วว่าขอแยกตัวออกจากพรรค ตั้งแต่เริ่มนำมวลชน ส่วนกระแสข่าวว่าจะจับมือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขอยืนยันว่าไม่มีมูลความจริง แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ตาม ซึ่งสมัยที่ร่วมต่อสู้กับมวลชน ก็ได้รับการดูแลจาก กทม. อย่างดี จากการบริการสุขาเคลื่อนที่ กับทำความสะอาด 

"ในชีวิตผมเป็นคนรักษาสัจจะ ผมเคยพูดบนเวทีว่า 1.ผมไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์2.ผมได้พูดกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อสมัยยังบวชอยู่ ผมก็บอกว่านอกจากจะไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ผมก็จะไม่ตั้งพรรคการเมืองมาแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์3.ผมสนับสนุนรัฐบาล คสช. ให้ทำงานปฏิรูปสำเร็จ ถ้าใครมาขวางการทำงานของ คสช. ในเรื่องเหล่านี้ ผมจะช่วย คสช. ไม่กลัวเปลืองตัว" 

หากการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคเพื่อไทยชนะอีกจะยอมรับได้ไหม?

สุเทพ : พรรคการเมืองไหนชนะมาเราก็ยอมรับได้ทั้งนั้น แต่ว่าถ้าพรรคเพื่อไทยยังถูกบงการ คือทักษิณคิดให้ แล้วก็ทำทุกอย่างเหมือนที่เคย ผมไม่มีวันยอมรับ และประชาชนก็ไม่เอา เพราะเห็นแล้วว่าทำร้ายชาติบ้านเมือง รับไม่ได้ถ้าพรรคเพื่อไทยปรับปรุงตัวเองเป็นพรรคของประชาชน คิดนโยบายเพื่อประชาชน อย่างนี้ยินดีต้อนรับ ผมได้แนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปตัวเองเช่นกัน เพื่อให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างสมบูรณ์ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเพียงแต่ของนักการเมืองเท่านั้น 

มีมุมมองต่อเรื่องการปรองดองอย่างไรบ้าง?

สุเทพ : คนไทยทุกคนต้องการความสงบเรียบร้อย ไม่แบ่งฝ่าย ซึ่งผมก็คิดเช่นนั้น อีกทั้งก่อนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจไม่ถึงชม. ผมยังนั่งเจรจากับ แกนนำของ นปช. ทั้งหลาย โดยก็ได้พูดเปิดใจทุกอย่าง เพียงแต่ว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้มีอิสระในการตัดสินใจแบบผม แต่เขาต้องรอคำสั่งคุณทักษิณ ผมก็เข้าใจ การเจรจาถึงไม่สำเร็จดังนั้นวันนี้จะมีการปรองดองได้ก็ต้องมีความจริงใจต่อกัน และมีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง ส่วนการนิรทานั้นตนยอมรับได้ในบางระดับ หมายถึงการนิรโทษให้มลชนทั้งสองฝ่ายที่เกิดขบวน เช่นการขัดคำสั่ง พรก.ฉุกเฉินในขณะนั้น หรือการปิดกั้นจราจรเป็นต้น ส่วนคดีฆ่าคนตาย หรือเผาบ้านเมืองก็ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม 

หลังจากที่ไปบวชมา ซึ่งหลักธรรมของพุทธได้พูดถึงการปล่อยวาง ณ ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อทักษิณ และยิ่งลักษณ์ มีความเปลี่ยนแลงจากเมื่อก่อนไหม? 

"โดยส่วนตัวผมแล้วเดี๋ยวนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ผมเจอได้ คุยด้วยก็ได้และไม่มีความโกรธเกลียดเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าคุณทักษิณยังมาบงการประเทศไทยอยู่และคุณยิ่งลักษณ์จะกลับมาทุจริตอีก ผมก็จะไล่ต่อไป เมื่อ2วัน ผมไปงานแต่งที่ จ.อุทัยธานี คุณจตุพรนั่งโต๊ะเดียวกับผม เราก็ได้คุยกันเรื่องปัญหาของชาวสวนยาง ผมก็ได้บอกว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่านำมาเป็นประเด็นทางการเมือง มีคนถามว่าซูเอี๋ยกันหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ได้หมายความว่าเจอกันที่ไหนก็ชกกันตรงนั้น ขอย้ำไม่มีความเคียดแค้นเป็นการส่วนตัว แต่ว่าถ้าเขาทำผิดต่อประชาชนต่อบ้านเมือง ผมไม่มีวันยอม"นายสุเทพ กล่าวปิดท้าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่