เมื่อน้องที่สนิทมากๆ ต้องมาเป็นลูกน้องที่มีปัญหามากที่สุด

กระทู้คำถาม
ขอระบายคะ (เผื่อเจอคน ที่เคยเจอปัญหาแบบนี้จริงๆ และผ่านมันมาได้แล้ว ช่วยแนะนำด้วยคะ เพราะถ้าไม่เคยเจอจริงไม่รู้หรอกว่ามันยากยังไง)
ปัญหา คือ
1. น้องเค้าอยากทำตำแหน่งหัวหน้า มากกว่ารองหัวหน้า (มีรองหัวหน้า 4 คน) รู้ได้ไงเพราะน้องเค้าไปเล่าในคนอื่นฟัง ถ้าไม่มีเราเค้าก็ได้เป็นหัวหน้า  
งานก็ไม่ได้เยอะไปกว่าเค้า ทำไมได้เงินเยอะ  ทำไมต้องเพิ่มเงินเดือนให้อีก แค่นี้ก็เยอะแล้ว แรกๆก็คิดว่าขำ ไม่มีไรล่อเล่นกัน แต่พอนานไปความรู้สึกมันใช่และ

2. (อันนี้โดยรวมนะไม่ได้แย่ตลอด แค่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ) น้องเค้าไม่รับฟัง เถียงเราต่อหน้าคนอื่น โววาย เวลาเราพูดจะไม่ยอมจบ จนกว่าน้องเค้าจะได้พูดจบท้าย

คือ ที่จริงมันหลายอย่าง แต่ยกตัวอย่าง ที่เกิดเมื่อวาน ศุกร์
- เราพูดว่า น้องส่งงานให้หน่อย พี่จะสรุปจบวัน (เพราะเห็นว่าถึงเวลาแล้ว)
- น้องบอกว่า ยังไม่ถึงเวลานัดกัน นัดกันเวลานั้นนิ (ซึ่งเราก็จำไม่ได้จริงๆว่านัดเวลานั้นหรอคิดในใจ เพราะที่ผ่านมา เราไม่ได้ว่าไร ส่งก็ทำไม่ส่งเราค่อยมาทำต่อพรุ้งนี้ก็ได้ ไม่ได้คิดไร)
- เราเลยพูดต่อไปว่า งั้นพี่ขอเปลี่ยนเป็นเวลา..ได้ไหม ให้เวลาพี่ทำก่อนเลิกงาน..บ้าง (เพราะเจ้านายให้เราแก้ไขปัญหาที่มี เราเลยแก้ไขปัญหาเมื่อเจอ คือ เคลียกันว่าส่งเวลาไหนให้ชัดเจน)
- แต่น้องโววาย พูดดังต่อห้าหัวหน้าและพนักงานคนอื่นๆว่า พี่จะมาใช้อำนาจแบบนี้ไม่ได้นะ  บล่าๆๆๆ แล้วน้องก็นิ่งสักพัก เพราะเราเริ่มนิ่งไม่ตอบโต้มองหน้าน้อง ไม่ได้มองแบบดุนะ แต่แค่ในสมองมันเบลอๆเพราะคำที่คิดอยากจะพูดแต่พูดไม่ออกติดอยู่ที่ลำคอ
-แล้วน้องก็พูดว่า เออเดียวทำให้

เราก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ กับคำพุดของน้องในหัวสมอง แล้วหันมาทำงานอย่างอื่นต่อไป
ในห้องจะว่าน้องต่อหน้าคนอื่นก็ไม่ได้เพราะน้องเป็นรอง เจ้านายก็อยู่ถ้าเราว่าน้องต่อหน้าพนักงานกับเจ้านาย มันจะทำให้น้องอับอายด้วย แล้วยิ่งเราติน้องเจ้านายจะรู้กันหมดว่าเกิดไรขึ้น เจ้านายมี3คนที่อยู่ในห้อง(บ.จำกัด) เรากลัวว่าเจ้านายจะมีอคติกับน้อง (ที่จริงเจ้านายให้อำนาจเราเต็มที่ เจ้าบอกเองเลย)
ด้วยความสนิทน้องบอกไว้กับเราว่า พี่ชอบว่าหนูต่อหน้าคนอื่น จะเรียกออกไปคุยกันข้างนอก ก็นะ เราเคยถามน้อง ถ้าพี่ขอคุยด้วยได้ไหม(พูดเพราะความสนิท) น้องก็บอกได้นัดเป็นกิจจะลักษณะมา ไม่ว่างงานเยอะ ทำนู้ทำนี้อยู่เดียว พอเลิกงานข้ามวัน เราคิดว่าปล่อยชังเถอะเดี้ยวจะทำงานด้วยกันไม่ได้ เลยถอยกลับมา แล้วก็มีประมาณแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา

และคำที่น้องพุดกับเรากับคนอื่นๆ ,เออ ,ไม่พอใจที่ได้..ก็ลาออกไป,บริษัทจ้างมาให้ทำงาน,ห้ามบ่นรำคาญ,หยุด,ห้ามนุ้น ห้ามนี้ แต่ตัวเองทำได้,มีข้อแก้ตัวตลอดเมื่อตัวเองผิด,ตัวเองทำได้คนอื่นทำไม่ได้,พูดจิกกัน เวลาคนอื่นพูดใส่งอล โกด, คนอื่นพูดดี แต่กลับตอบไม่ดีกลับ,ทำหน้าบึงตึงเมื่อไม่พอใจ,เถียงแก้ตัว พูดแทรก....

และเราก็เริ่มรู้สึกชัดเจนขึ้นเมื่อ พนักงานที่ได้ยินน้องเค้าพูดกับเราบ่อยๆ เค้าก็พูดแทรกขึ้นมาว่าไมรองพูดกับหัวไม่ดีเลย หัวหน้าพูดดี แต่รองกับ...

จากที่เคยคุยกันกับน้องก็กลายเป็นเริ่มนิ่ง เพราะน้องบอกว่า : หยุด,ห้ามพูดนั้น,ห้ามพูดนี้,ห้ามบ่นนุ้น,ห้าบ่นนี้,รู้แล้ว,ไม่ (และมองหน้าบึงตึง) เลยไม่รู้จะคุยเรื่องไรแล้ว
จากที่ปรึกษา เตือนก็กลายเป็นนิ่ง เพราะน้องบอกว่า : หยุด, พอ, รู้แล้ว,ไม่ต้องพูด พร้อมยกมือ5นิ้วเหมือนจราจรบอกให้รถหยุด
กลายเป็นว่าจากที่เรารับคำแนะนำ เสนอแนะงาน ของน้องอย่างเต็มใจ ไม่มีแล้ว
จากที่เรารับฟังคำเตือนหวังดีในงานจากน้อง จากใจจริงไม่มีอีกแล้ว

เริ่มเครียด เก็บไปคิด เริ่มคิดไปในทางไม่ดี เหม่อลอย บางทีคิดว่าอยากลาออก แต่ด้วยภาระที่บ้าน
บางทีก็โต้คำแรงกลับไป ควบคุมอารมณ์เวลาคุยกับน้องไม่ได้ แรงมาแรงกลับ ตอนนี้เริ่มไม่อยากคบ งานเริ่มไม่ประสาน เป็นเฉพาะกับน้องเค้า ถ้าคุยประสานงานกับคนอื่นปกติ ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้สนิทกันแบบต้องแคร์ความรู้สึกกันขนานนี้

ทำไงดีจะเรียกคุย ก็ต้องขาดกันเลย มองหน้ากันไม่ได้ง่ายๆแน่ ที่ผ่านมาเราเป็นคนยอม รับฟังและนำไปแก้ไข น้องไม่รับฟังเถึยง ถ้าทำต้องพูดเป็นคำสั่ง
งานก็ต้องทำด้วยกันอีกนาน เพราะปกติกินข้าวด้วยกัน เลิกงานกลับบ้านด้วยกัน นั่งรถไปลงใกล้กัน


ยาวไปก็ขอโทษด้วยคะ อันนี้สั้นๆ ของเราแล้วนะเพราะมันสะสมหลายอย่าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่