สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ต้องไปดูว่าที่เค้าสู้คดีนี่สู้ยังไงครับ
อย่างถอดท่อหายใจนี่ ตามแนวทางปฏิบัติมันจะมี 1 - 2 -3 ว่าถ้ามีครบตามนี้แล้วถอดได้ ใช้กันทั่วโลก
ถ้าหมอทำครบตามนี้ แต่มันเกิดอุบัติการ์ณขึ้นมาเช่นคนไข้หายใจเองไม่ได้นี่ จะให้ติดข้อหาไรครับ เจตนาฆ่าหรือประมาท
มันเหมือนเวลาเราขึ้นเครื่องบินครับ มันจะมีแนวทางเปิดกระจก สอนใส่ชูชีพ เป่าปาก กระชากสายสารพัด ที่เรารู้มาคือลดความเสี่ยงที่จะเกิดครับ
แต่ไม่ได้หมายความว่ารอด 100 เปอร์เซนต์ ดังนั้นศาลเค้าจะดูและนำสืบว่าทำครบตามหลักวิชาชีพหรือไม่ ถ้าทำครบแต่เกิดเหตุก็จะออกมาในรูปเหตุสุดวิสัย โทษก็จะลดลงไปอีก เพราะไม่มีใครอยากให้คนไข้ตายหรอกครับ
ส่วนประเด็นที่ว่าญาติบอกพยาบาลยืนเฉย ๆ พูดนู่นนี่นั่นนี่ ภาษาดราม่าก็เยอะนะครับ จะสู้คดีมันก็ต้องมีตัวร้าย ตัวดี ตรงนี้ศาลเค้าไม่ค่อยให้น้ำหนักเท่าไหร่ เค้าดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ว่าอัตราการหายใจดีไหม ค่าออกซิเจนดีไหม ตรงนี้มันเก็บมาจากเครื่องได้ครับ
และอีกอย่างที่ศาลมองคือ ทุกวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ไม่พอไงครับ เมืองนอกหมอ 1 คนตรวจคนไข้วันละ 20 คน คนละ 10-15 นาที
หมอบ้านเราวันนี้ 1 คนตรวจคนไข้เป็น 100 ได้มีเวลาคุยคนละ 3 นาที ซึ่งต้องยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดแน่นอน
เชื่อไหมครับ คดีที่ฟ้องร้องทุกวันนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรพ.รัฐ ที่คนไข้มหาศาลแต่หมอน้อยนิด ตรงนี้แหละต้องกลับมาดูครับ
ว่าเราจะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหรือไม่
เมืองไทยคนไข้พบหมอง่ายมาก ดูแลตัวเองน้อยมาก ต้องถามคนไทยที่ไปอยู่เมืองนอก ว่ายากขนาดไหนกว่าจะได้เจอแพทย์แต่ละที
ต้องนัด ต้องส่งต่อตามระบบ ต้องเริ่มจากอนามัย ส่งต่อไปรพ.เล็ก ส่งต่อไปรพ.ใหญ่ แล้วไปรพ.ศูนย์
ไม่ได้นัดไม่ได้เจอ ของบ้านเราเมืองพุทธ หมอมีเมตตาธรรม ใครอยากเจอก็ได้เจอ
นโยบายรัฐคนไข้ทุกคนต้องได้พบหมอ ไอ 2 ทีก็มารพ.แล้ว
ซึ่งตรงนี้จริง ๆ เราสามารถดูแลตัวเองได้ ดื่มน้ำ พักผ่อน แต่คนไทยบอกรีบมาก ต้องหายใน 24 ชม.นี้
และก็มารพ.ต่อคิว บางคนไข้หวัดตรวจข้างบ้านก็หาย แต่เดินเข้ารพ.ศูนย์เลยไรงี้
ทำให้คนที่ที่จำเป็นจริง ๆ ก็พลอยนานไปด้วย
คนไทยเราเข้ารพ.ง่าย เจอหมอง่าย แต่อัตราตายไม่ลด ฟ้องร้องกลับเพิ่ม อันนี้ประหลาดไหมครับ
ตรงนี้แหละ ศาลเค้าเลยลงมาดูด้วย ว่าที่บอกหมอไม่มาใส่ท่อกลับทันทีตอนคนไข้หายใจไม่ออก หมอทำอะไรอยู่ สมมติว่ามีห้องข้างๆคนไข้ก็คลอดลูกและหมอคนนี้กำลังทำคลอดอยู่ทำให้กลับมาช่วยคนนี้ไม่ได้ จะให้หมอติดคุกไหมครับ
อย่างถอดท่อหายใจนี่ ตามแนวทางปฏิบัติมันจะมี 1 - 2 -3 ว่าถ้ามีครบตามนี้แล้วถอดได้ ใช้กันทั่วโลก
ถ้าหมอทำครบตามนี้ แต่มันเกิดอุบัติการ์ณขึ้นมาเช่นคนไข้หายใจเองไม่ได้นี่ จะให้ติดข้อหาไรครับ เจตนาฆ่าหรือประมาท
มันเหมือนเวลาเราขึ้นเครื่องบินครับ มันจะมีแนวทางเปิดกระจก สอนใส่ชูชีพ เป่าปาก กระชากสายสารพัด ที่เรารู้มาคือลดความเสี่ยงที่จะเกิดครับ
แต่ไม่ได้หมายความว่ารอด 100 เปอร์เซนต์ ดังนั้นศาลเค้าจะดูและนำสืบว่าทำครบตามหลักวิชาชีพหรือไม่ ถ้าทำครบแต่เกิดเหตุก็จะออกมาในรูปเหตุสุดวิสัย โทษก็จะลดลงไปอีก เพราะไม่มีใครอยากให้คนไข้ตายหรอกครับ
ส่วนประเด็นที่ว่าญาติบอกพยาบาลยืนเฉย ๆ พูดนู่นนี่นั่นนี่ ภาษาดราม่าก็เยอะนะครับ จะสู้คดีมันก็ต้องมีตัวร้าย ตัวดี ตรงนี้ศาลเค้าไม่ค่อยให้น้ำหนักเท่าไหร่ เค้าดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ว่าอัตราการหายใจดีไหม ค่าออกซิเจนดีไหม ตรงนี้มันเก็บมาจากเครื่องได้ครับ
และอีกอย่างที่ศาลมองคือ ทุกวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ไม่พอไงครับ เมืองนอกหมอ 1 คนตรวจคนไข้วันละ 20 คน คนละ 10-15 นาที
หมอบ้านเราวันนี้ 1 คนตรวจคนไข้เป็น 100 ได้มีเวลาคุยคนละ 3 นาที ซึ่งต้องยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดแน่นอน
เชื่อไหมครับ คดีที่ฟ้องร้องทุกวันนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรพ.รัฐ ที่คนไข้มหาศาลแต่หมอน้อยนิด ตรงนี้แหละต้องกลับมาดูครับ
ว่าเราจะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหรือไม่
เมืองไทยคนไข้พบหมอง่ายมาก ดูแลตัวเองน้อยมาก ต้องถามคนไทยที่ไปอยู่เมืองนอก ว่ายากขนาดไหนกว่าจะได้เจอแพทย์แต่ละที
ต้องนัด ต้องส่งต่อตามระบบ ต้องเริ่มจากอนามัย ส่งต่อไปรพ.เล็ก ส่งต่อไปรพ.ใหญ่ แล้วไปรพ.ศูนย์
ไม่ได้นัดไม่ได้เจอ ของบ้านเราเมืองพุทธ หมอมีเมตตาธรรม ใครอยากเจอก็ได้เจอ
นโยบายรัฐคนไข้ทุกคนต้องได้พบหมอ ไอ 2 ทีก็มารพ.แล้ว
ซึ่งตรงนี้จริง ๆ เราสามารถดูแลตัวเองได้ ดื่มน้ำ พักผ่อน แต่คนไทยบอกรีบมาก ต้องหายใน 24 ชม.นี้
และก็มารพ.ต่อคิว บางคนไข้หวัดตรวจข้างบ้านก็หาย แต่เดินเข้ารพ.ศูนย์เลยไรงี้
ทำให้คนที่ที่จำเป็นจริง ๆ ก็พลอยนานไปด้วย
คนไทยเราเข้ารพ.ง่าย เจอหมอง่าย แต่อัตราตายไม่ลด ฟ้องร้องกลับเพิ่ม อันนี้ประหลาดไหมครับ
ตรงนี้แหละ ศาลเค้าเลยลงมาดูด้วย ว่าที่บอกหมอไม่มาใส่ท่อกลับทันทีตอนคนไข้หายใจไม่ออก หมอทำอะไรอยู่ สมมติว่ามีห้องข้างๆคนไข้ก็คลอดลูกและหมอคนนี้กำลังทำคลอดอยู่ทำให้กลับมาช่วยคนนี้ไม่ได้ จะให้หมอติดคุกไหมครับ
สมาชิกหมายเลข 702776 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1582963 ถูกใจ, ช้อนเงิน ถูกใจ, setparty ถูกใจ, lolipopkiss ถูกใจ, chimerism ถูกใจ, สองแรงน่อง ท่องโลกกว้าง ถูกใจ, Princess_oF_Blueworld ถูกใจ, หมอหมู ถูกใจ
ความคิดเห็นที่ 7
เอางี้ครับ ถ้าเปรียบหมอกับคนขับแท็กซี่
แท็กซี่ ขับเร็วเกินไป ผู้โดยสารอาจจะตายได้จากอุบัติเหตุ
แต่ ถ้าแท็กซี่ขับช้าเกินไป ผู้โดยสารก็ไม่ตาย
แต่ ถ้าแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร ผู้โดยสารก็ไม่ตาย
ส่วนหมอ..
หมอ รักษาเร็วเกินไป อาจจะผิดพลาด คนไข้ตายได้
หมอ รักษาช้าเกินไป อาจจะไม่ทันการณ์ คนไข้ตายได้
หมอ ปฏิเสธไม่รักษาคนไข้ คนไข้ตายได้
นี่ล่ะครับ เป็นสาเหตุว่าทำไมเรื่องประมาทในการประกอบวิชาชีพ ไม่ควรที่จะเอาไปรวมกับการประมาทในเรื่องอื่นๆ
ถ้าจะเอามาเปรียบเทียบ ต้องเอามาเปรียบเทียบประมาทแบบเดียวกัน.. แท็กซี่ขับรถชนคนตาย ก็ได้รับโทษสูงสุด เท่ากับหมอขับรถชนคนตาย
แท็กซี่ ขับเร็วเกินไป ผู้โดยสารอาจจะตายได้จากอุบัติเหตุ
แต่ ถ้าแท็กซี่ขับช้าเกินไป ผู้โดยสารก็ไม่ตาย
แต่ ถ้าแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร ผู้โดยสารก็ไม่ตาย
ส่วนหมอ..
หมอ รักษาเร็วเกินไป อาจจะผิดพลาด คนไข้ตายได้
หมอ รักษาช้าเกินไป อาจจะไม่ทันการณ์ คนไข้ตายได้
หมอ ปฏิเสธไม่รักษาคนไข้ คนไข้ตายได้
นี่ล่ะครับ เป็นสาเหตุว่าทำไมเรื่องประมาทในการประกอบวิชาชีพ ไม่ควรที่จะเอาไปรวมกับการประมาทในเรื่องอื่นๆ
ถ้าจะเอามาเปรียบเทียบ ต้องเอามาเปรียบเทียบประมาทแบบเดียวกัน.. แท็กซี่ขับรถชนคนตาย ก็ได้รับโทษสูงสุด เท่ากับหมอขับรถชนคนตาย
สมาชิกหมายเลข 702776 ถูกใจ, ละอ่อนเจียงฮาย ถูกใจ, chimerism ถูกใจ, tuunton ถูกใจ, สองแรงน่อง ท่องโลกกว้าง ถูกใจ, Princess_oF_Blueworld ถูกใจ, หมอหมู ถูกใจ, tum426 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมแพทย์ หรือ บุคลากรทางสาธารณสุข ถึงได้อภิสิทธิ์ กฎหมายสองมาตรฐาน
กลับโดนลงโทษ สถานหนัก
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000092197
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C+207&oq=%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C+207&aqs=chrome..69i57.10552j0j7&sourceid=chrome&es_sm=93&ie=UTF-8#q=%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C+207+%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81
แต่บุคลากรทางสาธารณสุขกลับได้รับการยกเว้น ไม่ต้องรับผิดทางอาญา
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9510000051137
https://www.google.co.th/webhp?sourceid=chrome-instant&ion=1&espv=2&ie=UTF-8#q=%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD+%E0%B8%84%E0%B8%AD++%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2
อีกทั้ง โรงพยาบาลเอกชน โรงแรม ภัตราคาร กลับตั้งราคา และเรียกเก็บเงินได้ตามความพอใจ
ซึ่ง ผู้ประกอบการสามารถใช้ราคา เป็นการปฏิเสธการให้บริการได้
อีกทั้งโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ไม่ยอมรับ ค่าบริการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่กำหนดโดยรัฐบาล
http://pantip.com/topic/34655267
แต่ทำไม taxi จึงต้องกดมิเตอร์ หรือ เรียกเก็บค่าบริการพิเศษในกรณีรถติดมากไม่ได้
ทำไมจึงอ้างใช้ กลไกตลาด แต่กับนายทุนยักษ์ใหญ่ แต่กับรายย่อยที่มีการแข่งขันอย่างเสรี เช่น taxi
ไม่ปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดบ้าง เช่น แบ่ง taxi เป็น 2 ประเภท ประเภท ตกลงราคา กับ ประเภท มิเตอร์ เป็นต้น
สังคมไทย เป็นอย่างนี้นี่เอง ตำรวจก็เก่งแต่จับ taxi แต่จับโจร