เรื่องนี้เคยนำมาเล่าในล็อกอินอื่นเมื่อประมาณ 3 ปีมาแล้วครับ พอดีมีเรื่องอัพเดท เลยอยากมาเล่าสู่กันอีกทีนึง
ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ ต้องเริ่มต้นที่ว่าเรื่องผีไม่ได้เชื่อหรือเชื่อ และไม่ได้กลัว คือเฉยๆ
ด้วยสภาพงานบางทีต้องตระเวนไปสอนตามสถาบันต่างๆ เรื่องตระเวนพักที่นั่นที่นี่ก็มีประสบการณ์เยอะอยู่แล้ว
พักที่ไหนไม่เคยนึกว่าจะไหว้พระภูมิเจ้าที่หรือวางเหรียญบาทอะไรแบบที่บางคนทำ เช็คอิน นอน ตื่นเช้า เช็คเอาท์แล้วไปทำงาน
บางแห่งไปสอนประจำ บางแห่งไปเทอมละหน บางแห่งไปปีละหน บางแห่งนานๆ ไปทีแล้วแต่เขาจะเรียก
บางที่นอกจากสอนแล้วยังเชิญไปสอบวิทยานิพนธ์นักศึกษา และคราวนี้ผมได้รับหน้าที่ให้ไปสอบวิทยานิพนธ์
นักศึกษาก็อายุมากๆ กัน คนทำงานมีตำแหน่งแห่งที่กันเป็นส่วนใหญ่
หนนี้เป็นสถาบันในภาคเหนือ ก่อนหน้าเคยเชิญแล้ว เขาจัดให้นอนในตัวเมือง คราวนี้เขาจัดให้นอนรีสอร์ทใกล้สถาบัน
จำได้ว่ามีถนนอยู่ข้างสถาบันและจะต้องผ่านบึงหรือทะเลาสาบใหญ่ๆ ก็จะไปถึงรีสอร์ทนั้น
วันแรกสอบนักศึกษาไป 3 ราย ตอนค่ำเขาเลี้ยงฉลองที่สอบผ่านกัน ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ไปกันหมด ผมเลยได้พ่วงไปด้วย
มีอาจารย์ท่านหนึ่งผมจะเรียกว่าอาจารย์เอนะครับ มาจากกทม.เหมือนผม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกว่ามาก รับเชิญมาเหมือนกัน
ได้พบและรู้จักอาจารย์เอจากการแนะนำของอาจารย์ที่นี่ในวันนั้น ตอนพักเที่ยงที่ห้องอาหารอาจารย์
ในงานเลี้ยงนั่งโต๊ะยาวรวมแล้วหลายสิบคนครับ ผมสังเกตเห็นอาจารย์เอนั่งอยู่ก่อนแล้วก็ไปทักทายกันตามมารยาท
แล้วเลยไปนั่งตรงที่มีที่ว่าง ในงานทั้งกินทั้งดื่มกันเต็มที่ ร้องคาราโอเกะกันสนุกสนาน กว่าจะเลิกก็ใกล้เที่ยงคืน
ทุกคนแยกย้ายกลับ นักศึกษากลุ่มนึงอาสาขับรถมาส่งผมที่พัก พอไปถึงผมก็เปิดประตูเข้ามาแล้วล้มตัวลงนอนเลย
เพราะเมาได้ที่และอากาศเย็นๆ ก็ไม่ได้นึกอะไรครับ เสื่อผ้าอาบน้ำอะไรไม่ได้ทำ หลับไปเลย
รีสอร์ทที่ผมพักมีลักษณะเป็นเรือนแถว ถ้าหันหน้าเข้าห้องพัก ของผมเป็นห้องขวามือสุด เรือนแถวนี้มี 3 ห้อง
ห้องกลางและห้องซ้ายมือสุด จะมีคนพัก ใครพักหรือไม่มี ผมไม่รู้และไม่ได้สนใจ ถึงเตียงก็นอนเลย เพราะ
พรุ่งนี้ก็ต้องมีสอบวิทยานิพนธ์อีกทั้งวัน
ประมาณตี 2 ผมตื่นครับ เหมือนคนได้พักผ่อนเต็มที่ ฤทธิ์แอลกอฮอลล์พร้อมทั้งงานเลี้ยงสนุกสนานทำให้หลับลึก
อาการเมามึนอะไรตอนนี้ไม่มีแล้ว ร่างกายสดชื่น สมองตื่นตัวเต็มที่
เลยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากะว่าจะนอนอีกทีให้สบาย อาบน้ำสร็จจึงกลับมานอน พักเดียวก็หลับ
มาตกใจตื่นตาสว่างตอนนี้เลยครับ ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่แน่ใจ และรู้สึกเหมือนฝัน แต่มันแตกต่างจาก
ความฝันที่เคยเป็น ผมรู้สึกเหมือนนอนอยู่แล้วมีใครบางคนมานั่งอยู่เหนือศีรษะ แบบว่านั่งชิดหัวเลย รู้สึกถึงสัมผัสเลยว่าตัวใครบางคนอยุ่ตรงนั้น
ในฝันผมพยายามชำเลืองดูด้วย คนนั้นก้มลงมามองหน้าผมเหมือนกัน เป็นผู้หญิงคนนึงอายุได้ 30 กว่า ผิวออกทางคล้ำ
หน้าตาบ้านๆ ใส่เสื้อยืดกางเกงยืนส์ เหมือนคนงานอะไรแบบนี้
ผมพยายามลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้ เลยพยายามดิ้นรน และในฝันก็ด่าเธอด้วย ประมาณว่ามาทำอะไรตรงนี้ มีปัญหาอะไร อย่ามาไฝว้นะ
สักพักรู้สึกเหมือนหลุดจากการควบคุมได้ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ตกใจกลัวเล็กน้อย เพราะความรู้สึกเมื่อครู่มันต่างจากความฝัน
และในความรู้สึกนั้นมันหลอนๆ ยังไงไม่รู้
ตื่นมาด้วยความตกใจ ความรู้สึกภายในมันก็ตื่นตัวทำให้รู้สึกว่าคงจะหลับยากละทีนี้ เลยเปิดทีวีดูไปด้วย ผมก็กึ่งนั่งกึ่งนอน
ดูทีวีไปเรื่อย นานแค่ไหนไม่แน่ใจ เริ่มรู้สึกว่าเราดูบ้างไม่ดูบ้าง สลึมสลือ
ลักษณะของห้อง ลองนึกภาพตาม เป็นห้องสี่เหลี่ยมยาวๆ เหมือนห้องพักทั่วไป เมื่อยืนหันหน้าเข้าหาห้อง ประตูจะอยู่ซ้ายมือ เมื่อเปิดประตูเข้ามา
ห้องน้ำจะอยู่ทางขวา เดินมาอีกหน่อยทางซ้ายจะเป็นกระจกบานใหญ่หน้าโต๊ะทำงาน ถัดไปจะเป็นทีวี ตรงข้ามทีวี
จะเป็นเตียงนอน เมื่ออยู่บนเตียงนอนมองไปที่กระจกจะเห็นห้องน้ำ
ระหว่างที่หลับๆ ตื่นๆ สลึมสลือ ผมตกใจอีกรอบละครับ เพราะเห็นเงาใครสักคนเดินอยู่ในห้องน้ำ (แค่พิมพ์อยู่นี่ยังขนลุกเลย)
ผมกระโดดไปที่ห้องน้ำเลยครับ ไปดูให้แน่ใจว่ามีใครอยู่กันแน่ บานประตูห้องน้ำแง้มอยู่ ผมเปิดผลัวะเข้าไป เอาแล้วไง.....
ไม่เจออะไร ในห้องน้ำโล่ง เงียบ ไม่มีใครหรือตัวอะไรอยู่ในนั้น ทีนี้เลยรู้สึกว่าคงหลับไม่ได้ละ
แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยนั่งดูทีวีต่อ พยายามไม่ฟุ้งซ่านคิดไปเรื่อย ก็ได้ผล สมาธิผมก็จดจ่อกับรายการทีวีไม่ได้กลัว
ระแวงหรือฟุ้งซ่าน
ดูทีวีต่อนานเป็นครึ่งชั่วโมง เริ่มเคลิ้มๆ สลึมสลืออีกละ พักเดียวตกใจตาสว่างอีกแล้ว ทีนี้มาเป็นเสียง...........
"ฮืออออออออออออออออออออออออออ...............................ฮืออออออออออออออออออออออออ...................ฮือออออออออออออออ"
ผมปิดเสียงทีวีเพื่อจะฟังให้ชัดว่านี่มันเสียงอะไรกันแน่ ดูนาฬิกาตอนนั้นตี 3 กว่าแล้วครับ ไม่ต้องนอนกันพอดี
"ฮืออออออออออออออออออออออออออ...............................ฮืออออออออออออออออออออออออ...................ฮือออออออออออออออ"
เสียงฮือ ฮือ เป็นจังหวะยังมาอย่างต่อเนื่อง ผมพยายามเดินไปรอบห้องเพื่อให้รู้ที่มาของเสียง ทีแรกว่าเป็นเสียงจากห้องข้างๆ
แต่เปล่าเลย เสียงมาจากแถวหัวเตียงของผมเอง และถัดจากหัวเตียงคือผนัง และห้องผมเป็นห้องขวามือสุด ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากข้างนอกห้อง
และตอนนั้นตี 3 กว่า เรือนพักถัดออกไปห่างพอสมควร ผมเปิดหน้าตายื่นหูออกไปนอกห้อง เสียงก็ไม่ได้มาจากข้างนอกครับ มันมาจากผนังห้อง
ลืมบอกไปเรื่องนึง บางทีผมก็มีนิสัยห่ามๆ คือเวลาอยู่คนเดียวแล้วเจอสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้ ผมมักจะพูดเสียงดังๆ ด่าผีมั่ง ท้าทายผีมั่ง
ไม่รู้ว่าทำไปทำไม จะเพื่อข่มความกลัวหรือทดลองเผื่อจะได้เจอผีจริงๆ บ้างก็ไม่รู้ ผมรู้สึกรำคาญเสียงฮือๆ มากเลยด่าออกไปดังๆ หลายหน
เสียงฮือดังขึ้นครับทีนี้ แต่ยังรักษาจังหวะไว้เท่าเดิม ผมก็หยิบนั่นหยิบนี่มาทำเสียงโครมครามบ้าง แต่เสียงนั่นไม่หยุดเลย
เสียงฮือมาไม่หยุด ผมเริ่มเบื่อเลยเปิดเสียงทีวีและดูรายการทีวีต่อไปเรื่อย นานแค่ไหนไม่รู้ แต่พอเริ่มสังเกตถึงได้รู้ว่าเสียงนั้นหายไปแล้ว มองนาฬิกา
อีกทีนี่ก็ตี 5 กว่าละ ไม่ต้องนอนแล้ว
พอสว่างผมอาบน้ำอาบท่าออกมากินข้าว มาเดินดูด้านนอกห้องว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า แต่ไม่มีอะไรครับ มันก็คือทางเดินโล่งๆ ไปถามพนักงาน
ที่เคาน์เตอร์เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร อันนี้คาดหวังได้อยู่แล้ว ไปถึงที่ทำงานผมก็เล่าให้คนอื่นๆ ฟังแบบขำๆ ว่าเมื่อคืนโดนผีหลอก คนที่สนใจก็ถามในรายละเอียด คนที่ไม่สนใจก็หัวเราะ ผมเล่าให้นักศึกษากลุ่มที่สนิทได้ฟังด้วย นักศึกษาคนนึงจึงบอกว่าใช่เสียงมาจากห้องอาจารย์เอรึเปล่า อาจารย์เอพักอยู่ห้องข้างๆ ผมนั่นเอง ตอนนั้นผมถึงเพิ่งได้รู้ว่าอาจารย์เอพักอยู่รีสอร์ทเดียวกับผมและห้องข้างกัน ผมก็แค่รับรู้ไว้ไม่ได้นึกอะไร สงสัยอยู่หน่อยเดียวว่าทำไมเสียงมาจากผนังด้านขวา ไม่ใช่ซ้าย
เย็นนั้นพอสอบเสร็จ มีเลี้ยงฉลองสอบผ่านอีกแล้ว ผมก็ร่วมวงไปด้วย ไปถึงงานเลี้ยงพอนั่งเสร็จสรรพก็เห็นอาจารย์เอนั่งอยู่หัวโต๊ะถัดไป 3-4 เมตร
ผมจึงตะโกนทักอาจารย์เอแล้วบอกแกว่า "อาจารย์ ที่รีสอร์ทน่ะ เมื่อคืนผมโดนผีหลอกทั้งคืนเลย อาจารย์โดนมั่งนะเปล่า" แกหันมาฟังที่ผมเล่า
แกนิ่งสักพักแล้วหันไปกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ไม่ได้ใส่ใจที่พูดไป ประมาณ 2-3 ทุ่มผมก็ออกจากงานเลี้ยงเพื่อบินกลับกทม.ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว และลืมเหตุการณ์นี้ไปในเวลาไม่นาน
..............................................................................................................................................................................................
6 เดือนต่อมานักศึกษากลุ่มที่ผมสนิทด้วยมากทม.และมาเยี่ยมผมที่บ้าน ก็คุยอะไรกันไปเรื่อยสัพเพเหระ จนคุยมาถึงอาจารย์เอ ซึ่งอาจารย์เขาต้องมาสอนที่นี่ประจำ และถูกจัดให้พักที่นี่เสมอๆ รวมระยะเวลาเป็นปีแล้วด้วยซ้ำ นักศึกษากลุ่มนี้บอกกับผมว่า
"อาจารย์เอฝากมาบอกว่า อาจารย์พักอยู่ที่ห้องนั้น รีสอร์ทนั้นรวมๆ แล้ว 20-30 ครั้ง อยากจะบอกว่าอาจารย์เจอทุกครั้ง ได้ยินเสียงไอบ้าง คนเดินบ้าง เคาะโต๊ะบ้าง ของหล่นบ้าง บางทีได้ยินเสียงคนเดินบนหลังคา (ห้องพักเป็นเรือนชั้นเดียว) อาจารย์ยังต้องเดินออกไปดูนอกอาคารเลย เพราะสงสัยว่าดึกดื่นปานนี้ใครนะมาเดินเล่นบนหลังคา ที่ผมทักไปแล้วอาจารย์เงียบ เพราะว่าไม่เคยนึกว่าเป็นผี แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอโดนทักขึ้นมาเลยตกใจ" และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถาบันเลยหาที่พักใหม่ให้อาจารย์ทันที
.....................................................................................................................................................................................................
และเรื่องก็มาอัพเดทที่ตรงนี้ครับ
อีก 1 ปีต่อมา ผมได้รับมอบหมายให้มาที่สถาบันแห่งนี้อีกครั้ง เรื่องผีที่รีสอร์ทผมก็ลืมไปหมดแล้วหละ ไม่ได้เอาไปนึก ไปทำบุญกรวดน้ำหรืออะไรทั้งสิ้น ไม่ได้นึกอะไรเลย แค่เป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เรื่องมันยังไม่ยอมจบนะสิ...............................................
อาจารย์อีกคนนึงผมเรียกว่าอาจารย์บีละกันนะ อาจารย์บีก็เป็นอาจารย์อาวุโสอีกคน เรียกว่าอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นตัวละครในเรื่องนี้ผมเด็กสุด อาจารย์บีเป็นอาจารย์ประจำที่สถาบันนั้น สอนประจำไม่ได้เป็นแขกรับเชิญ เวลาเจอก็คุยกันบ้าง เข้าประชุมร่วมกันบ้าง และไปงานเลี้ยงเดียวกันบ้าง แต่คุยกันนับครั้งและนับประโยคได้
ในการกลับมาสถาบันนี้อีกครั้ง ตอนเที่ยงผมได้เจออาจารย์บีที่ห้องอาหารอาจารย์ อาจารย์บีทักผมเองว่า"อาจารย์จำได้มั้ย เรื่องที่อาจารย์เจอผีที่รีสอร์ทน่ะ........คนเล่าให้ฟังเหมือนกันนะ แต่ผมเฉยๆ ไม่ได้สนใจ และไม่เชื่อด้วยซ้ำ แต่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมมีแขกจากต่างประเทศมาเยี่ยมมหาวิทยาลัย ผมทำหน้าที่ดูแลรับรองแขกท่านนี้ เลยให้เจ้าหน้าที่จัดที่พักให้ใกล้ๆ เขาเลยจัดให้พักที่รีสอร์ทที่อาจารย์เคยไปนั่นแหละ จะบังเอิญหรืออะไรไม่รู้นะ ทางรีสอร์ทก็ให้พักห้องเดียวกับที่อาจารย์เคยพัก"
"แน่นอน..ผมไม่เคยบอกแขกท่านนี้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองไทย........................................."
"ตอนเช้าผมไปรับแขกท่านนี้ พอไปถึงที่ห้องเห็นท่าทางเขาเหมือนคนไม่ได้นอน และเห็นมีเงินและเหรียญวางอยู่ที่มุมห้องทุกมุม ผมเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น แขกท่านนี้บอกว่าเขารู้สึกถูกรบกวนตลอดทั้งคืน และเหมือนมีใครพยายามขอความช่วยเหลือ"
เราได้แต่มองหน้ากัน และไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย และจำไว้อย่างนึงนะครับ ผีไม่มีในโลก จริงๆ นะ
ประสบการณ์ผีนั่งข้างศีรษะ
ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ ต้องเริ่มต้นที่ว่าเรื่องผีไม่ได้เชื่อหรือเชื่อ และไม่ได้กลัว คือเฉยๆ
ด้วยสภาพงานบางทีต้องตระเวนไปสอนตามสถาบันต่างๆ เรื่องตระเวนพักที่นั่นที่นี่ก็มีประสบการณ์เยอะอยู่แล้ว
พักที่ไหนไม่เคยนึกว่าจะไหว้พระภูมิเจ้าที่หรือวางเหรียญบาทอะไรแบบที่บางคนทำ เช็คอิน นอน ตื่นเช้า เช็คเอาท์แล้วไปทำงาน
บางแห่งไปสอนประจำ บางแห่งไปเทอมละหน บางแห่งไปปีละหน บางแห่งนานๆ ไปทีแล้วแต่เขาจะเรียก
บางที่นอกจากสอนแล้วยังเชิญไปสอบวิทยานิพนธ์นักศึกษา และคราวนี้ผมได้รับหน้าที่ให้ไปสอบวิทยานิพนธ์
นักศึกษาก็อายุมากๆ กัน คนทำงานมีตำแหน่งแห่งที่กันเป็นส่วนใหญ่
หนนี้เป็นสถาบันในภาคเหนือ ก่อนหน้าเคยเชิญแล้ว เขาจัดให้นอนในตัวเมือง คราวนี้เขาจัดให้นอนรีสอร์ทใกล้สถาบัน
จำได้ว่ามีถนนอยู่ข้างสถาบันและจะต้องผ่านบึงหรือทะเลาสาบใหญ่ๆ ก็จะไปถึงรีสอร์ทนั้น
วันแรกสอบนักศึกษาไป 3 ราย ตอนค่ำเขาเลี้ยงฉลองที่สอบผ่านกัน ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ไปกันหมด ผมเลยได้พ่วงไปด้วย
มีอาจารย์ท่านหนึ่งผมจะเรียกว่าอาจารย์เอนะครับ มาจากกทม.เหมือนผม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกว่ามาก รับเชิญมาเหมือนกัน
ได้พบและรู้จักอาจารย์เอจากการแนะนำของอาจารย์ที่นี่ในวันนั้น ตอนพักเที่ยงที่ห้องอาหารอาจารย์
ในงานเลี้ยงนั่งโต๊ะยาวรวมแล้วหลายสิบคนครับ ผมสังเกตเห็นอาจารย์เอนั่งอยู่ก่อนแล้วก็ไปทักทายกันตามมารยาท
แล้วเลยไปนั่งตรงที่มีที่ว่าง ในงานทั้งกินทั้งดื่มกันเต็มที่ ร้องคาราโอเกะกันสนุกสนาน กว่าจะเลิกก็ใกล้เที่ยงคืน
ทุกคนแยกย้ายกลับ นักศึกษากลุ่มนึงอาสาขับรถมาส่งผมที่พัก พอไปถึงผมก็เปิดประตูเข้ามาแล้วล้มตัวลงนอนเลย
เพราะเมาได้ที่และอากาศเย็นๆ ก็ไม่ได้นึกอะไรครับ เสื่อผ้าอาบน้ำอะไรไม่ได้ทำ หลับไปเลย
รีสอร์ทที่ผมพักมีลักษณะเป็นเรือนแถว ถ้าหันหน้าเข้าห้องพัก ของผมเป็นห้องขวามือสุด เรือนแถวนี้มี 3 ห้อง
ห้องกลางและห้องซ้ายมือสุด จะมีคนพัก ใครพักหรือไม่มี ผมไม่รู้และไม่ได้สนใจ ถึงเตียงก็นอนเลย เพราะ
พรุ่งนี้ก็ต้องมีสอบวิทยานิพนธ์อีกทั้งวัน
ประมาณตี 2 ผมตื่นครับ เหมือนคนได้พักผ่อนเต็มที่ ฤทธิ์แอลกอฮอลล์พร้อมทั้งงานเลี้ยงสนุกสนานทำให้หลับลึก
อาการเมามึนอะไรตอนนี้ไม่มีแล้ว ร่างกายสดชื่น สมองตื่นตัวเต็มที่
เลยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากะว่าจะนอนอีกทีให้สบาย อาบน้ำสร็จจึงกลับมานอน พักเดียวก็หลับ
มาตกใจตื่นตาสว่างตอนนี้เลยครับ ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่แน่ใจ และรู้สึกเหมือนฝัน แต่มันแตกต่างจาก
ความฝันที่เคยเป็น ผมรู้สึกเหมือนนอนอยู่แล้วมีใครบางคนมานั่งอยู่เหนือศีรษะ แบบว่านั่งชิดหัวเลย รู้สึกถึงสัมผัสเลยว่าตัวใครบางคนอยุ่ตรงนั้น
ในฝันผมพยายามชำเลืองดูด้วย คนนั้นก้มลงมามองหน้าผมเหมือนกัน เป็นผู้หญิงคนนึงอายุได้ 30 กว่า ผิวออกทางคล้ำ
หน้าตาบ้านๆ ใส่เสื้อยืดกางเกงยืนส์ เหมือนคนงานอะไรแบบนี้
ผมพยายามลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้ เลยพยายามดิ้นรน และในฝันก็ด่าเธอด้วย ประมาณว่ามาทำอะไรตรงนี้ มีปัญหาอะไร อย่ามาไฝว้นะ
สักพักรู้สึกเหมือนหลุดจากการควบคุมได้ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ตกใจกลัวเล็กน้อย เพราะความรู้สึกเมื่อครู่มันต่างจากความฝัน
และในความรู้สึกนั้นมันหลอนๆ ยังไงไม่รู้
ตื่นมาด้วยความตกใจ ความรู้สึกภายในมันก็ตื่นตัวทำให้รู้สึกว่าคงจะหลับยากละทีนี้ เลยเปิดทีวีดูไปด้วย ผมก็กึ่งนั่งกึ่งนอน
ดูทีวีไปเรื่อย นานแค่ไหนไม่แน่ใจ เริ่มรู้สึกว่าเราดูบ้างไม่ดูบ้าง สลึมสลือ
ลักษณะของห้อง ลองนึกภาพตาม เป็นห้องสี่เหลี่ยมยาวๆ เหมือนห้องพักทั่วไป เมื่อยืนหันหน้าเข้าหาห้อง ประตูจะอยู่ซ้ายมือ เมื่อเปิดประตูเข้ามา
ห้องน้ำจะอยู่ทางขวา เดินมาอีกหน่อยทางซ้ายจะเป็นกระจกบานใหญ่หน้าโต๊ะทำงาน ถัดไปจะเป็นทีวี ตรงข้ามทีวี
จะเป็นเตียงนอน เมื่ออยู่บนเตียงนอนมองไปที่กระจกจะเห็นห้องน้ำ
ระหว่างที่หลับๆ ตื่นๆ สลึมสลือ ผมตกใจอีกรอบละครับ เพราะเห็นเงาใครสักคนเดินอยู่ในห้องน้ำ (แค่พิมพ์อยู่นี่ยังขนลุกเลย)
ผมกระโดดไปที่ห้องน้ำเลยครับ ไปดูให้แน่ใจว่ามีใครอยู่กันแน่ บานประตูห้องน้ำแง้มอยู่ ผมเปิดผลัวะเข้าไป เอาแล้วไง.....
ไม่เจออะไร ในห้องน้ำโล่ง เงียบ ไม่มีใครหรือตัวอะไรอยู่ในนั้น ทีนี้เลยรู้สึกว่าคงหลับไม่ได้ละ
แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยนั่งดูทีวีต่อ พยายามไม่ฟุ้งซ่านคิดไปเรื่อย ก็ได้ผล สมาธิผมก็จดจ่อกับรายการทีวีไม่ได้กลัว
ระแวงหรือฟุ้งซ่าน
ดูทีวีต่อนานเป็นครึ่งชั่วโมง เริ่มเคลิ้มๆ สลึมสลืออีกละ พักเดียวตกใจตาสว่างอีกแล้ว ทีนี้มาเป็นเสียง...........
"ฮืออออออออออออออออออออออออออ...............................ฮืออออออออออออออออออออออออ...................ฮือออออออออออออออ"
ผมปิดเสียงทีวีเพื่อจะฟังให้ชัดว่านี่มันเสียงอะไรกันแน่ ดูนาฬิกาตอนนั้นตี 3 กว่าแล้วครับ ไม่ต้องนอนกันพอดี
"ฮืออออออออออออออออออออออออออ...............................ฮืออออออออออออออออออออออออ...................ฮือออออออออออออออ"
เสียงฮือ ฮือ เป็นจังหวะยังมาอย่างต่อเนื่อง ผมพยายามเดินไปรอบห้องเพื่อให้รู้ที่มาของเสียง ทีแรกว่าเป็นเสียงจากห้องข้างๆ
แต่เปล่าเลย เสียงมาจากแถวหัวเตียงของผมเอง และถัดจากหัวเตียงคือผนัง และห้องผมเป็นห้องขวามือสุด ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากข้างนอกห้อง
และตอนนั้นตี 3 กว่า เรือนพักถัดออกไปห่างพอสมควร ผมเปิดหน้าตายื่นหูออกไปนอกห้อง เสียงก็ไม่ได้มาจากข้างนอกครับ มันมาจากผนังห้อง
ลืมบอกไปเรื่องนึง บางทีผมก็มีนิสัยห่ามๆ คือเวลาอยู่คนเดียวแล้วเจอสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้ ผมมักจะพูดเสียงดังๆ ด่าผีมั่ง ท้าทายผีมั่ง
ไม่รู้ว่าทำไปทำไม จะเพื่อข่มความกลัวหรือทดลองเผื่อจะได้เจอผีจริงๆ บ้างก็ไม่รู้ ผมรู้สึกรำคาญเสียงฮือๆ มากเลยด่าออกไปดังๆ หลายหน
เสียงฮือดังขึ้นครับทีนี้ แต่ยังรักษาจังหวะไว้เท่าเดิม ผมก็หยิบนั่นหยิบนี่มาทำเสียงโครมครามบ้าง แต่เสียงนั่นไม่หยุดเลย
เสียงฮือมาไม่หยุด ผมเริ่มเบื่อเลยเปิดเสียงทีวีและดูรายการทีวีต่อไปเรื่อย นานแค่ไหนไม่รู้ แต่พอเริ่มสังเกตถึงได้รู้ว่าเสียงนั้นหายไปแล้ว มองนาฬิกา
อีกทีนี่ก็ตี 5 กว่าละ ไม่ต้องนอนแล้ว
พอสว่างผมอาบน้ำอาบท่าออกมากินข้าว มาเดินดูด้านนอกห้องว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า แต่ไม่มีอะไรครับ มันก็คือทางเดินโล่งๆ ไปถามพนักงาน
ที่เคาน์เตอร์เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร อันนี้คาดหวังได้อยู่แล้ว ไปถึงที่ทำงานผมก็เล่าให้คนอื่นๆ ฟังแบบขำๆ ว่าเมื่อคืนโดนผีหลอก คนที่สนใจก็ถามในรายละเอียด คนที่ไม่สนใจก็หัวเราะ ผมเล่าให้นักศึกษากลุ่มที่สนิทได้ฟังด้วย นักศึกษาคนนึงจึงบอกว่าใช่เสียงมาจากห้องอาจารย์เอรึเปล่า อาจารย์เอพักอยู่ห้องข้างๆ ผมนั่นเอง ตอนนั้นผมถึงเพิ่งได้รู้ว่าอาจารย์เอพักอยู่รีสอร์ทเดียวกับผมและห้องข้างกัน ผมก็แค่รับรู้ไว้ไม่ได้นึกอะไร สงสัยอยู่หน่อยเดียวว่าทำไมเสียงมาจากผนังด้านขวา ไม่ใช่ซ้าย
เย็นนั้นพอสอบเสร็จ มีเลี้ยงฉลองสอบผ่านอีกแล้ว ผมก็ร่วมวงไปด้วย ไปถึงงานเลี้ยงพอนั่งเสร็จสรรพก็เห็นอาจารย์เอนั่งอยู่หัวโต๊ะถัดไป 3-4 เมตร
ผมจึงตะโกนทักอาจารย์เอแล้วบอกแกว่า "อาจารย์ ที่รีสอร์ทน่ะ เมื่อคืนผมโดนผีหลอกทั้งคืนเลย อาจารย์โดนมั่งนะเปล่า" แกหันมาฟังที่ผมเล่า
แกนิ่งสักพักแล้วหันไปกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ไม่ได้ใส่ใจที่พูดไป ประมาณ 2-3 ทุ่มผมก็ออกจากงานเลี้ยงเพื่อบินกลับกทม.ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว และลืมเหตุการณ์นี้ไปในเวลาไม่นาน
..............................................................................................................................................................................................
6 เดือนต่อมานักศึกษากลุ่มที่ผมสนิทด้วยมากทม.และมาเยี่ยมผมที่บ้าน ก็คุยอะไรกันไปเรื่อยสัพเพเหระ จนคุยมาถึงอาจารย์เอ ซึ่งอาจารย์เขาต้องมาสอนที่นี่ประจำ และถูกจัดให้พักที่นี่เสมอๆ รวมระยะเวลาเป็นปีแล้วด้วยซ้ำ นักศึกษากลุ่มนี้บอกกับผมว่า
"อาจารย์เอฝากมาบอกว่า อาจารย์พักอยู่ที่ห้องนั้น รีสอร์ทนั้นรวมๆ แล้ว 20-30 ครั้ง อยากจะบอกว่าอาจารย์เจอทุกครั้ง ได้ยินเสียงไอบ้าง คนเดินบ้าง เคาะโต๊ะบ้าง ของหล่นบ้าง บางทีได้ยินเสียงคนเดินบนหลังคา (ห้องพักเป็นเรือนชั้นเดียว) อาจารย์ยังต้องเดินออกไปดูนอกอาคารเลย เพราะสงสัยว่าดึกดื่นปานนี้ใครนะมาเดินเล่นบนหลังคา ที่ผมทักไปแล้วอาจารย์เงียบ เพราะว่าไม่เคยนึกว่าเป็นผี แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอโดนทักขึ้นมาเลยตกใจ" และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถาบันเลยหาที่พักใหม่ให้อาจารย์ทันที
.....................................................................................................................................................................................................
และเรื่องก็มาอัพเดทที่ตรงนี้ครับ
อีก 1 ปีต่อมา ผมได้รับมอบหมายให้มาที่สถาบันแห่งนี้อีกครั้ง เรื่องผีที่รีสอร์ทผมก็ลืมไปหมดแล้วหละ ไม่ได้เอาไปนึก ไปทำบุญกรวดน้ำหรืออะไรทั้งสิ้น ไม่ได้นึกอะไรเลย แค่เป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เรื่องมันยังไม่ยอมจบนะสิ...............................................
อาจารย์อีกคนนึงผมเรียกว่าอาจารย์บีละกันนะ อาจารย์บีก็เป็นอาจารย์อาวุโสอีกคน เรียกว่าอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นตัวละครในเรื่องนี้ผมเด็กสุด อาจารย์บีเป็นอาจารย์ประจำที่สถาบันนั้น สอนประจำไม่ได้เป็นแขกรับเชิญ เวลาเจอก็คุยกันบ้าง เข้าประชุมร่วมกันบ้าง และไปงานเลี้ยงเดียวกันบ้าง แต่คุยกันนับครั้งและนับประโยคได้
ในการกลับมาสถาบันนี้อีกครั้ง ตอนเที่ยงผมได้เจออาจารย์บีที่ห้องอาหารอาจารย์ อาจารย์บีทักผมเองว่า"อาจารย์จำได้มั้ย เรื่องที่อาจารย์เจอผีที่รีสอร์ทน่ะ........คนเล่าให้ฟังเหมือนกันนะ แต่ผมเฉยๆ ไม่ได้สนใจ และไม่เชื่อด้วยซ้ำ แต่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมมีแขกจากต่างประเทศมาเยี่ยมมหาวิทยาลัย ผมทำหน้าที่ดูแลรับรองแขกท่านนี้ เลยให้เจ้าหน้าที่จัดที่พักให้ใกล้ๆ เขาเลยจัดให้พักที่รีสอร์ทที่อาจารย์เคยไปนั่นแหละ จะบังเอิญหรืออะไรไม่รู้นะ ทางรีสอร์ทก็ให้พักห้องเดียวกับที่อาจารย์เคยพัก"
"แน่นอน..ผมไม่เคยบอกแขกท่านนี้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองไทย........................................."
"ตอนเช้าผมไปรับแขกท่านนี้ พอไปถึงที่ห้องเห็นท่าทางเขาเหมือนคนไม่ได้นอน และเห็นมีเงินและเหรียญวางอยู่ที่มุมห้องทุกมุม ผมเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น แขกท่านนี้บอกว่าเขารู้สึกถูกรบกวนตลอดทั้งคืน และเหมือนมีใครพยายามขอความช่วยเหลือ"
เราได้แต่มองหน้ากัน และไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย และจำไว้อย่างนึงนะครับ ผีไม่มีในโลก จริงๆ นะ