คุณเคยมีแรงผลักดัน ที่เรียกว่าความรักไหมครับ

คุณเคยมีแรงผลักดัน ที่เรียกว่าความรัก ไหมครับ

ผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟัง เรื่องของเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง

อายุ 22 เรียนจบวิศวะจากมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่แทบยังไม่มีความพร้อมด้านใดเลยทั้งภาคทฤษฎีหรือปฏิบัติ ต่างจากรุ่นน้องปัจจุบันที่มีคณะอาจารย์ผู้มีความสามารถและเครื่องมือที่ทันสมัย ได้งานแรกเงินเดือนหมื่นนิดๆ ในสายงานที่แทบไม่ได้ใช้ความรู้ทางวิศวกรรมเลย แต่ได้พื้นฐานทางการติดต่อประสานงานกับทักษะการใช้ MS Excel นิดหน่อย ติดตัวมา ไม่ชอบงานแรกเลยลาออกหลังทำได้ไม่ถึงครึ่งปี

อายุ 22 ย่าง 23 ตกงานอยู่หลายเดือน อันนี้ต้องขอบคุณครอบครัวทั้งพ่อและแม่ที่หนุนหลังผมอยู่ในช่วงที่ยังเค้งคว้างหางานอยู่โดยไม่เคยแม้สักครั้งเดียวที่จะบั่นทอนกำลังใจผม ได้งานที่สองที่ต่างจังหวัดในสายงานวิศวกรรม เงินเดือนหมื่นกลางๆ  งานเหนื่อยบ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง คละเคล้ากันไป เจอกันกับแฟนที่นี่ครับ เธอเป็นคนไม่สวยแต่ไม่ได้ดูขี้เหร่ ดูดีในบางมุม  ในสายตาคนทั่วไปเธอดูออกจะติงต๊องนิดๆ แต่นิสัยเธอน่ารักมีเสน่ห์แบบแปลกๆ แบบที่ว่าอดนึกถึงไม่ได้ ผมจีบเธอโดยไม่สนเลยว่าเธอจะคบใครหรือมีแฟนอยู่มั้ย เพราะตกหลุมรักเธอเต็มเปาครับ ทุกอย่างมันบังตาไปหมด หลังคุยกันได้สักพักก็ตกลงเป็นแฟนกัน

ที่ทำงานนี้ผมโชคดี ได้หัวหน้าดี เพื่อนร่วมงานดี ได้ความรู้จากงานนี้เยอะมาก แต่หลังจากทำอยู่เกือบ 5 ปีก็คิดว่าต้องหาโอกาสขยับขยายตัวเองก่อนที่ไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวจะมอดลง เลยลองหางานใหม่

แฟนผมมีความคิดดีครับ ตอนที่เริ่มคบกันเธอเสนอว่าเราควรจะทำอะไรร่วมกันสักอย่างหนึ่งเพื่อพิสูจน์ความรักของเรา เธอบอกว่าเราควรจะเก็บตังค์ด้วยกันนะ ของเธอ 7000 ของผม 7000 รวมเป็น 14000 ต่อเดือนเอาไปฝากประจำแบบปลอดภาษี 24 เดือนโดยที่ไม่มีคนใดคนหนึ่งมีสิทธิ์ถอน หลังจาก 2 ปี เราจะมีเงินฝากร่วมกันราว 350000 รวมดอกเบี้ย แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไงกับเงินก้อนนั้น อาจจะเอาเงินไว้เป็นทุนแต่งงานหรือลงทุนทำอะไรก็แล้วแต่จะคิดกันอีกที

อายุ 26 ตัดสินใจซื้อรถ 7 ที่นั่งราคาเกินล้านกับแฟนโดยใช้เงินเก็บที่ได้จากการฝากประจำ 2 ปี ตัดสินใจซื้อใจครอบครัวแฟนด้วยการใส่ชื่อแฟนเป็นเจ้าของรถตอนทำสัญญา ทุกวันนี้ก็ยังคิดว่าทำอะไรเกินตัวไปหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มีโอกาสพาครอบครัวไปไหนพร้อมๆ กันหลายต่อหลายครั้งโดยไม่ต้องคิดว่าใครไปได้ไปไม่ได้เนื่องจากที่ไม่พอนั่ง ยายผมได้มีโอกาสนั่งรถคันนี้พร้อมกับย่าผมครั้งหนึ่งในชีวิตและไปเที่ยวด้วยกัน คุยกันหัวเราะกันน้ำหมากกระจายก่อนแกจะเสีย รถคันนี้ผมผ่อนร่วมกับแฟนตอนยังทำงานด้วยกันที่ที่สอง แฟนทำธุรกิจส่วนตัวไปด้วย เหนื่อยมากๆ แต่สู้เพื่ออนาคต หลังออกรถก็เก็บเงินแต่งงานด้วยกันอีก

ทำงานที่เดิมมาได้เกือบ 5 ปี คิดว่ายังมีความสุขดี งานมั่นคง รายได้ไม่มากแค่ประมาณ 22K แต่ก็ไม่น้อยสำหรับชีวิตต่างจังหวัด รู้สึกว่าชีวิตต้องการความท้าทายใหม่ๆ ตัดสินใจหางานใหม่ตอนอายุ 27 มีโอกาสเข้ามาพร้อมๆ กันกับบริษัทข้ามชาติ 2 บริษัท บริษัทหนึ่งทำงานในไทยเป็นหลักแต่มีโอกาสไปต่างประเทศบ้าง อีกบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมเล็กๆที่รับงานจากต่างประเทศซึ่งต้องเดินทางบ่อยมาก ลักษณะงานเฉพาะทางมากๆ และได้ใช้ความรู้จากงานเดิมค่อนข้างเยอะ (ขอบคุณทุกๆ คนในที่ทำงานเดิมมากๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด ไม่มีพวกท่าน ผมก็ไม่มี skill ติดตัวที่จำเป็นสำหรับงานในวันนี้) ได้รับโอกาสจากรุ่นพี่ที่เคารพที่เคยทำงานด้วยกันในบริษัทแรก แนะนำให้เจ้าของบริษัทพิจารณา ได้โอกาสสัมภาษณ์ 2 ครั้งกับชาวต่างชาติทั้งคู่ ครั้งแรกเจ้าของบริษัท ครั้งที่สองกับวิศวกรอาวุโส หลังจากนั้นก็ได้งานนี้ครับ

ก่อนเปลี่ยนงานใหม่ไม่นานก็แต่งงาน หลังจากนั้นภรรยาลาออกจากงานไปทำธุรกิจส่วนตัวเต็มตัว รายได้พอๆ กันกับตอนทำงานที่เดิมแต่เธอบอกว่ามีอิสระและมีความสุขมากๆ ตื่นนอนปุ๊บเธอถึงที่ทำงานปั๊บ น่าอิจฉาจริงๆ

อายุ 29 มีลูก เลิกให้ภรรยาทำธุรกิจเพื่อมาดูแลลูกตั้งแต่รู้ว่าเธอตั้งท้อง ผมกลายเป็นกำลังหลักในครอบครัว หาเงินผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายในบ้าน เตรียมเงินใช้จ่ายในอนาคตเรื่องลูก

อายุ 31 หลังผ่อนรถมา 5 ปีก็หมดหนี้ ประกอบกับระหว่างนั้นก็เก็บเงินมาได้พอสมควร หลังผ่อนรถหมดได้ 2 เดือนก็ซื้อบ้านหลังเล็กๆ ในย่านตัวเมืองของต่างจังหวัดด้วยเงินสดซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งทางแม่ยายสนับสนุนโดยให้ยืมก่อนและผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน ท่านบอกว่าดีกว่าไปกู้ธนาคาร(กราบขอบคุณมากๆ) วางแผนไว้ว่าจะพยายามใช้คืนให้หมดในสองปีและแถมส่วนหนึ่งให้ท่านไปด้วยเป็นดอกเบี้ย

ปัจจุบันผมอายุ 32 ปี รายรับเฉลี่ยยังไม่มากขึ้นอยู่กับปริมาณงาน วันหยุดขั้นต่ำต่อปีอยู่ที่ 2 เดือนโดยบริหารแยกกันครั้งละ 2-3 สัปดาห์แล้วแต่ความต้องการของผมและความเร่งด่วนของงาน ตั้งแต่เริ่มงานนี้มายังไม่มีโอกาสหยุดตรงกับเทศกาลสำคัญๆ ในไทยเลย แต่ได้เที่ยวชิลล์ๆ ตลอดช่วงที่ไม่มีคนในสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ของบ้านเรา

แถมยังใช้ชีวิตลูกจ้างอยู่อีกตะหาก แต่กระผมคิดว่าในสายงานผมซึ่งค่อนข้างเฉพาะทางมากๆ ผมยังสามารถทำตัวเป็นลูกจ้างมืออาชีพในงานนี้ไปอีกอย่างน้อยก็ 5 ปี จนกว่าจะมี cutting edge หรือ break through technology มาสั่นคลอนธุรกิจนี้ได้

ตอนนี้ก็ทำงานเก็บเงินต่อไปเพื่อคนที่รักซึ่งให้กำลังใจอยู่ข้างหลัง ทุกครั้งที่ต้องมาทำงานไกลบ้านก็คิดถึงลูกเมียตลอด มีฝรั่งเพื่อนร่วมงานบางคนที่ไปประเทศไหนก็ต้องถึงประเทศนั้น แต่ผมทำไม่ลงจริงๆเพราะทุกครั้งที่อารมณ์พยายามจะเอาชนะเหตุผล จะฉุกคิดตลอดถึงครอบครัว ถึงผลที่ตามมา ว่าเมียผมล่ะ เธอซื่อสัตย์กับผมมาตลอด แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องไม่ซื่อสัตย์กับเธอด้วย หลังจากนั้นก็เสร็จน้องโป้ง ชี้ นาง กลาง ก้อย ตลอด 555

ถามว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก็ต้องบอกว่า ฝึกฝน อดทน เรียนรู้ เจองานยากหรือสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ อย่าถอยหนี สู้ สู้ และสู้ครับ ผมคนหัวไม่ดี จบจากมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดด้วยเกรดกลางๆ ความคิดสร้างสรรค์มีไม่มาก หัวการค้าไม่มี แต่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองครับ ทุกวันนี้เหมือนเป็นคนเก็บกวาดกลายๆ เพราะบางงานที่ฝรั่งต้นสังกัดบอกกว่าทำไม่ได้หรือเป็นไปได้ยาก เค้าจะส่งรายละเอียดให้ผมพิจารณา แล้วจะขอ second opinion ถ้าผมเสนอไปแล้วเค้า OK งานนั้นล่ะครับ ได้ไปกินนอนอยู่หน้างานกับลูกค้าพร้อมรับเทรนงานให้พนักงานมือใหม่ที่ต้นสังกัดส่งมาเรียนงานด้วย
ในความคิดของผมซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ชีวิตที่พอมีอยู่มีกินไม่จำเป็นต้องเป็นนายตัวเองหรือเจ้าของกิจการเสมอไปครับ อาจจะเป็นแค่ลูกจ้างก็ได้แต่ขอให้เป็นลูกจ้างมืออาชีพที่สามารถทำงานได้ลุล่วง เจ้านายฝากความหวังให้ได้ อาจจะแตกต่างจากความคิดของเด็กรุ่นใหม่นิดหน่อยที่ว่าจะต้องเป็นนายตัวเองถึงจะประสบความสำเร็จ

In general systems, main drive gear never archieve his job without another pinion gears. ไม่มีลูกน้อง หัวหน้า หรือ นายจ้างก็อยู่ไม่ได้ครับ

อ้อ อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะฝากบอกน้องๆ คุณๆ เคยตกหลุมรักใครหัวปักหัวปำไหมครับ ความรักที่มั่นคงก็เป็นแรงผลักดันชั้นเลิศที่พาคุณมุ่งไปข้างหน้านะครับ ถึงคุณจะห่วยแตกแค่ไหน ไม่มีจุดเด่นอะไรในตัวเลย แต่ถ้ามีคนที่เชื่อใจและไว้ใจคุณที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ อุปสรรคมายังไงก็มีแรงฮึดได้ตลอดล่ะครับ แค่คิดถึงหน้าแฟนหรือลูกเมีย

ความไว้ใจก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตคู่นะครับ ทั้งบ้าน ทั้งรถ ผมซื้อแล้วให้เป็นชื่อเมียหมด เค้าไว้ใจให้ผมช่วยดูแลชีวิตเค้าแล้ว ผมก็ไว้ใจให้เค้าคอยดูแลเป็นแบ็คให้ครับ คราวนี้ผมก็ลุยไปข้างหน้าได้เต็มที่แบบไม่ต้องกังวลเลยล่ะครับ

ตอนนี้ถึงเธอจะอ้วนกว่าเดิมร่วม 20 กิโลหลังจากแต่งงานกันมาไม่กี่ปี ร่างกายก็หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังเป็นแม่ที่ดี แล้วก็เป็นเมียที่น่ารักของผมอยู่ดีล่ะครับ

ขอบคุณที่สละเวลาอ่านมายืดยาว รบกวนแบ่งปันประสบการณ์ของเพื่อนๆ สมาชิกด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่