เช้าวันจันทร์ที่สดใส พระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมายังโลกแล้ว กริชณะจัดข้าวของที่จะนำไปขายใส่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ทักทายเพื่อนร่วมงานตามปกติ
ปู้นๆ ปู้นๆ เสียงแตรที่ดังมาร้องเรียกให้คนทราบว่า ขณะนี้ ขนมปังและขนมหลอกเด็กต่างๆ ได้มาถึงหน้าบ้านท่านแล้ว เด็กเล็กๆ ต่างวิ่งออกมาหน้าบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงแตรนั้น พร้อมกับตะโกนเสียงดัง "บัง บัง! บังมาแล้วๆ" ซึ่งเป็นแบบนี้เกืบจะทุกเช้า ทำให้กริชณะอารมณ์ดีขึ้นในทุกวันที่เห็นเด็กๆมีความสุขที่เห็นเขามา
"เอาอะไรดี วันนี้?" เขาถามเด็กๆ 3-4 คนที่ออกมากรูกันรอบรถมอเตอร์ไซค์ของเขา
"บัง หนูเอาโป่ง" "บัง นารูโตะ" "อังเคิลๆ มินเนี่ยน!!!!!" เด็กๆบอกความต้องการของพวกเขา
"บัง เอาปัง"..... เด็กหญิงวัย 2 ขวบกว่าที่เริ่มจะพูดเป็นประโยคได้แล้วบอกกริชณะ พร้อมกับชี้ไปที่ขนมปังไส้กรอกที่แขวนอยู่ข้างรถ
"อ่ะจ่ะ...80 เซนต์ มีตังไม๊ ขอแม่มาเร็ว" กริชณะยื่นขนมปังให้พร้อมเย้าเด็กน้อยเล่น
สาวน้อยส่ายหัวเชิงสัญลักษณ์ว่าเธอไม่มีเงินจะจ่าย แล้วมองหน้าเขาตาปริบๆ
"น้องใครหรือเปล่าเนี่ย ไอ้หนูรู้จักเด็กคนนี้ไม๊" กริชณะถามเหล่าเด็กชายที่กำลังสาละวนดูรอบๆรถมอเตอร์ไซค์ของเขาว่ามีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง
มีแต่คนส่ายหัว ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร
"หนูชื่ออะไรจ๊ะ" กริชณะถามเด็กสาวที่กำลังง่วนแกะถุงขนมปังออก
"นิชา" เธอตอบกริชณะสั้นๆ
"นิชาบ้านอยู่ไหน ทำไมมาคนเดียวล่ะ แม่หนูอยู่ไหน" กริชณะเริ่มถามเด็กน้อย สายตาเริ่มกวาดไปรอบๆเพื่อหาผู้ปกครองของนิชา
เธอชี้ไปที่กระต๊อบหลังหนึ่งใกล้ๆกับที่กริชณะจอดรถของเขาอยู่ กระต๊อบเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้อัดทำเป็นฝาบ้านกันแดดกันฝน และใช้ผ้าใบจากป้ายหาเสียงที่นักการเมืองเอามาติดไว้ตอนที่พวกเขาหาเสียงกันมาทำเป็นหลังคามุงเอาไว้อย่างรวกๆ
"หนูอยู่ที่นั่นเหรอ อือๆ กินซะ ลุงให้" กริชณะผู้ใจดียิ้มให้หนูน้อยที่ตอนนี้ปากมันแผล็บอิ่มแปร้ไปกับขนมปังไส้กรอกที่กริชณะยื่นให้เมื่อครู่
"นิชาอยู่กับใครน่ะ" กริชณะถามแต่นิชาไม่ตอบ เพราะไม่เข้าใจที่เขาถาม
เขาเดินไปที่กระต๊อบนั้น เสียงดังทะลุกระต๊อบนั้นออกมา
"ไอ้นิชา! ไปไหนอีกแล้วเนี่ย มานี่เลย ไอ้ซีย์มันหายไปคนนึงแล้วจะหายไปไหนอีกคน"
กริชณะยืนนิ่งอยู่หน้ากระต๊อบนั้น หูได้ยินชื่อซีย์ หน้าเริ่มเปลี่ยนสี เดินกลับมาที่รถและสตาร์ทเครื่องออกไปทันที
บ่ายแก่ๆ แดดแรงเหลือเกิน เขาขี่รถมาจนถึง เขต 7 แล้ว จากเช้า ที่เขาเริ่มวิ่งขายมาตั้งแต่เขต 12 ไล่ขึ้นมา ตอนนี้ขนมปังที่ห้อยมาตอนเช้าหมดแล้ว เหลือแค่เพียงขนมหลอกเด็กเพียงเล็กน้อยประปรายอยู่ทั่วคันรถ
กริชณะนั่งดื่มน้ำริมฟุตบาท ที่เดิมที่เขานั่งประจำ
ตาก็มองไปที่กำแพงต้นชาที่เกาะกลางถนน ตอนนี้หญ้าเริ่มขึ้น กิ่งเริ่มแทงออกมาด้านนอก เพราะรัฐบาลไม่ได้ส่งคนมาตัดแต่งกิ่งนานแล้ว "กำแพงต้นชา ตอนกลางวันนี่มันก็คือต้นไม้ธรรมดานี่เองเนอะ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย" เขารำพันกับตัวเอง พลางดื่มน้ำในขวดที่พกมาด้วย
หวออออออออออ ตอดๆๆๆๆๆ!!!!
ทันไดนั้น รถตำรวจเมืองกัวลาลัมเปอร์วิ่งมาผ่านหน้าเขาไป และจอดเลยรถมอเตร์ไซค์ของเขาไปหน่อยเดียว
"หยุดนะ นายกริชณะ วางทุกสิ่งในมือลงแล้วยกมือขึ้นในที่ที่เห็นชัด ห้ามขัดขืน" นายตำรวจยศจ่า วิ่งลงมาจากรถพร้อมสั่งกริชณะให้หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่
เขายกมือขึ้นเหนือศรีษะ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
"ไปโรงพักกับผมหน่อย ผมมีอะไรจะให้คุณดู" นายจ่าพูดกับกริชณะพร้อมใส่กุญแจมือ
"แล้วคุณตำรวจจะใส่กุญแจมือผมทำไมเนี่ย ถ้าจะให้ผมดูอะไร บอกดีๆก็ได้ ผมก็ไม่ได้วิ่งหนีคุณตำรวจไปไหน" กริชณะกวนนายตำรวจด้วยท่าทางชวนให้น่าทำร้ายร่างกายนัก
"ใส่ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน ไป!" นายจ่าไม่เล่นด้วย พร้อมดึงคอเสื้อเขาเข้ารถตำรวจไป ทิ้งรถมอเตอร์ไซค์เขาไว้ตรงนั้น
ที่สถานีตำรวจ:-
นายจำได้ไม๊ นี่มือใคร จ่าฟัสริลยื่นภาพถ่ายท่อนแขนของผู้หญิงให้กริชณะดู
"เห้ย! นี่มันแขนเมียผมนี่นา!" จ่าได้มาจากที่ไหน แล้วเมียผมอยู่ที่ไหน จ่า เกิดอะไรขึ้นกับเมียผม บอกผมมา ทำไมจ่าเอามือเมียผมมา เมียผมอยู่ไหน" กริชณะตกใจ หน้าซีด พร้อมหลั่งน้ำตาออกมา
"เจ้าหน้าที่ตำรวจพบมันที่เขต 7 หมาแม่ลูกอ่อนมันคาบมาจากไหนไม่รู้ เราเลยเอาไปตรวจดีเอ็นเอ ก็พบว่ามันเป็นของนางซูซาน ภรรยาคุณ ผมถึงนำตัวคุณมาสอบปากคำไง" จ่าฟัสริลอธิบายถึงการได้มาของแขนนั้น
"ผมไม่รู้นะจ่า ไม่เห็นหน้าเมียมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่ามีงานที่เนอสเซอรี่หรือเปล่า" กริชณะเริ่มตะกุกตะกักในการตอบคำถามแล้ว
"ผมว่าไม่นะ คุณลองคิดดูสิ หลังจากที่เราพบแขนแถวเขต 7 นั้น คุณรู้ไม๊ ผมเจออะไรอีก" จ่าฟัสริลเริ่มต้อนให้กริชณะจนมุม
"เจออะไรอีกจ่า บอกผมมา ผมเริ่มเป็นห่วงเมียผมแล้ว" พิรุธของกริชณะเริ่มแสดงออกมา สายตาเขาเริ่มเลิกลั่ก นั่งไม่ติดเก้าอี้ เหงื่อเริ่มไหลออกมาตัดกับผิวดำคล้ำของเขา
"เราไปเจอรถนางซูซานจอดอยู่ข้างบ้านร้างหลังหนึ่งในซอยหมู่บ้าน คุณกริชณะ" "คุณรู้ไม๊ เมียคุณไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น" ฟัสริลพูดพร้อมกับจดอะไรบางอย่างในกระดาษ
"ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะจ่า วันๆ ผมก็ขายแต่ขนมปังของผม กลับบ้านก็เย็นก็มืดแล้ว" กริชณะตอบ พยายามไม่แสดงพิรุธออกมาให้นายตำรวจจับได้
"โอเค ขอบคุณมาก และขอโทษด้วยนะที่เอาตัวมากระทันหัน คุณจะให้ผมไปส่งที่เขต 7 ไม๊ รถคุณจอดอยู่ที่นั่นนะ" ฟัสริลยื่นข้อเสนอเพื่อที่จะไปส่งกริชณะที่รถของเขา เพื่อขอโทษที่เอาตัวกริชณะมาแบบไม่ทันตั้งตัว
"ก็ได้ครับคุณตำรวจ เพราะถ้าผมรอรถเมล์ มีหวังขนมปังผมหมดรถแน่" กริชณะพูดแกมกวนใส่ตำรวจอีกครั้ง
รถตำรวจวิ่งไปตามถนนเส้นสู่ ชาอลัม เพื่อไปที่เขต 7 ที่ที่รถของกริชณะจอดอยู่
"กริชณะ ไปกับผมหน่อยได้ไม๊ ไปดูรถภรรยาคุณกัน เผื่อคุณจะรู้ ว่าภรรยาคุณอยู่ที่ไหน" จ่าฟัสริลกับเพื่อนอีกคนที่เป็นคนขับรถขับพากริชณะไปที่ที่รถของซูซานจอดอยู่
"ลงมาก่อนสิ" มาช่วยคิดหน่อย ว่าแถวนี้มีคนที่ซูซานรู้จักไม๊ หรือเพราะอะไรทำไมเธอถึงมาที่นี่" ฟัสริลตั้งคำถามให้ฆาตรกรตอบ
"ไม่มีนะคุณตำรวจ เมียผมไม่มีญาติอยู่แถวนี้ จะว่าเพื่อน ผมก็ว่าไม่น่ามีเพื่อนรวยๆแถวนี้นะ" กริชณะตอบนิ่งๆ
จบบทสนทนาระหว่างตำรวจกับผู้ต้องสงสัย กริชณะก็ได้กลับมาที่รถของเขาอีกครั้ง
"สลามมุอลัยกุมนะจ่า" กริชณะสลามฟัสริลที่เป็นมุสลิม
"วอลัยกุมมุสลาม" เขาตอบกลับพร้อมปิดประตูรถแล้วเคลื่อนจากไป
กริชณะทรุดตัวลงนั่งริมฟุตบาท เข่าเขาอ่อนไปด้วยความกลัว ว่าตำรวจจะจับได้ว่าเขาเป็นคนฆ่าซูซาน ภรรยาสุดที่รักของเขาเอง
ไฟทางริมถนนเริ่มเปิดแล้ว แสงไฟเริ่มส่องไปที่กำแพงต้นชาอีกครั้ง ทำให้เขาคลายความกังวลลงบ้าง รอยยิ้ม เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้ากริชณะอีกครั้ง เขาพร้อมที่จะกลับบ้านไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาแล้ว
หลังจากเอารถเข้ามาจอดในบ้าน กริชณะเริ่มไขประตู เขาจำได้ว่า ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไป ประตู หน้าต่างทุกบานปิดล็อกเรียบร้อยแล้ว หรือว่าจะมีขโมยขึ้นบ้าน ไม่นะ มันต้องขโมยอะไรแน่ๆ กริชณะจึงผลักประตูเข้าไปในทันที
ที่โซฟารับแขกทางด้านขวามือหลังจากเดินเข้าประตูมา จ่าฟัสริลวางศรีษะของซูซานไว้บนตัก พร้อมมองหน้ากริชณะตาเขม็ง
"มีอะไรจะแก้ตัวไหม. นายกริชณะ" ฟัสริลพูดเสียงเรียบ พร้อมชูศรีษะซูซานขึ้นมา ตาของเธอยังคงลืม จ้องเขม็งมายังกริชณะอย่างน่ากลัว
"จะจะจ่า จ่าเข้ามาได้ไง ใครอนุญาต ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นผมแจ้งตำรวจนะ" กริชณะพูด
"ชั้นไง ตำรวจ แจ้งมา จะแจ้งข้อหาไหน" ฟัสริลเริ่มกวนกลับบ้าง
"อ่ะตอบมาได้ยัง ว่าหัวซูซานมาอยู่นี่ได้ไง" "แกฆ่าเขาใช่ไม๊ แล้วส่วนที่เหลืออยู่ไหน บอกมา อย่าให้ชั้นต้องใช้กำลัง" จ่าฟัสริลเริ่มขึ้นเสียง
ทันใดนั้นเอง กริชณะวิ่งออกจากบ้านเพื่อที่จะหนีจากการจับกุม แต่ไม่ทันแล้ว ตำรวจล้อมบ้านพักของเขาเอาไว้หมด แสงจากไซเรนวับแวบสีแดงสลับน้ำเงินไปมา กริชณะโดนจับกุมข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จ่าฟัสริลใส่กุญแจมือเขาพร้อมยัดตัวเข้ารถตำรวจออกไปอย่างรวดเร็ว กริชณะถูกขังคุก เพื่อรอวันรุ่งขึ้นจะนำตัวไปศาลเพื่อพิจารณาคดี
ภายในห้องขัง กริชณะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ฟูมฟาย พูดไม่รู้เรื่อง ปากก็พร่ำเพ้อ "ซูซานน ชั้นขอโทษ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ ชั้นรักเธอ แต่เธอรู้เรื่องมากไป ชั้นจำเป็นต้องทำ ยกโทษให้ชั้นด้วย ซูซาน ฮือๆๆ"
เขานั่งร้องไห้พร้อมโยกตัวไปมา. พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ชั้นขอโทษๆ" จนผู้ต้องขังคนอื่นรำคาญ ตะคอกใส่เขา "จะร้องไห้ทำ

อะไร ฆ่าคนมาใช่ไม๊ ร้องไปก็ไม่มีใครมาช่วย ต้องรับกรรมที่ก่อเอาไว้ ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม คอยดู" กริชณะร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะกลัวและอาการทางประสาทเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ภาพเด็กหญิงหลายคนรวมถึงซีย์ ตามหลอกหลอนเขาจนนอนไม่ได้ หวาดผวา กรีดร้องอยู่ทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ตำรวจนำตัวกริชณะ ผู้ต้องหาฆ่าภรรยาของตนออกไปศาล. เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เป็นชุดนักโทษชายสีน้ำตาล ที่ข้อเท้าตีโซ่ตรวนติดกับข้อมือทั้งสองข้างไว้
"นายกริชณะ บุตรของนายคเนช มีอะไรจะปกป้องตัวเอง" อัยการถามกริชณะ
"ข้าแต่ศาล ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ฆ่าซูซาน ผมไม่ได้ฆ่าใคร" กริชณะพูดตัวสั่น สายตาเลิกลั่กดั่งคนเสียสติ
"แล้วศรีษะของนางซูซานไปอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านคุณได้ยังไง?" ทนายฝ่ายโจทก์ตั้งคำถาม
"ผมจะรู้ไม๊ หัวเมียผมมาอยู่ที่บ้านได้ยังไง เมียผมยังไม่ตายซักหน่อย ตำรวจก็มั่วมาจับผมแล้วก็ป้ายสีว่าผมเป็นคนฆ่าเมียตัวเอง ศาลที่เคารพ ให้ความยุติธรรมกับผมด้วย ผมไม่ผิด" กริชณะพูดเสียงดังเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่
"เอ้าเงียบก่อนๆทางฝ่ายโจทย์มีอะไรจะชี้แจงเกี่ยวกับหลักฐานไหม?" อัยการถามทนายฝ่ายโจทก์ถึงหลักฐานในการมัดตัวกริชณะ
"ข้าแต่ศาลที่เคารพ ฝ่ายโจทก์มีคลิปวีดีโอจากโทรศัพท์มือถือของนางซูซานที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุครับ ในคลิป มีการบันทึกตอนที่นายกริชณะ กระทำชำเราเด็กหญิงอายุประมาณ 3 ขวบ สวมเสื้อยืดลายหมีสีฟ้า กางเกงสีครีม ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือเด็กหญิงซีย์ นักเรียนที่เนอสเซอรี่ที่นางซูซานเป็นครูสอนอยู่ จึงน่าจะเป็นเหตุให้นายกริชณะฆ่านางซูซานเพือปิดปาก" "หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดูคลิปนั้นแล้ว จึงได้รวมกำลังพร้อมกองพิสูจน์หลักฐานไปยังบ้านร้างที่นายกริชณะกระทำการชำเราเด็กหญิงซีย์เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และพบคราบอสุจิของนายกริชณะจริง พร้อมกองเลือดของเด็กหญิงซีย์และนางซูซานครับ" แต่ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่พบศพในที่เกิดเหตุ จึงกระจายกำลังเพื่อค้นหา เพราะสงสัยว่าศพน่าจะอยู่ในบริเวณที่นายกริชณะฆ่าสองคนนั้น ศาลที่เคารพ"
อัยการจ้องมาที่กริชณะ พบว่าขณะนี้ ร่างกริชณะสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เหงื่อแตกเสื้อของเรือนจำชุ่มไปหมด "นายกริชณะ มีอะไรจะแก้ตัวไม๊" "แล้วศพอยู่ที่ไหน"
"กูไม่บอกพวกหรอก พวกมันโง่ รู้ไม๊ กูหั่นมันออกเป็นชิ้นๆ ทิ้งให้หมามันกินไปหมดแล้ว. แขนนังซูซานที่พวกเจอ ก็น่าจะโดนหมามันคาบมาแทะเป็นของว่างเล่น ฮ่าๆๆๆๆ" กริชณะเสียสติไปแล้ว พูดพฤติกรรมอันป่าเถื่อน ของมันออกมา
Section 5 (7 ตอนสยองขวัญ) ตอนที่ 5/7
ปู้นๆ ปู้นๆ เสียงแตรที่ดังมาร้องเรียกให้คนทราบว่า ขณะนี้ ขนมปังและขนมหลอกเด็กต่างๆ ได้มาถึงหน้าบ้านท่านแล้ว เด็กเล็กๆ ต่างวิ่งออกมาหน้าบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงแตรนั้น พร้อมกับตะโกนเสียงดัง "บัง บัง! บังมาแล้วๆ" ซึ่งเป็นแบบนี้เกืบจะทุกเช้า ทำให้กริชณะอารมณ์ดีขึ้นในทุกวันที่เห็นเด็กๆมีความสุขที่เห็นเขามา
"เอาอะไรดี วันนี้?" เขาถามเด็กๆ 3-4 คนที่ออกมากรูกันรอบรถมอเตอร์ไซค์ของเขา
"บัง หนูเอาโป่ง" "บัง นารูโตะ" "อังเคิลๆ มินเนี่ยน!!!!!" เด็กๆบอกความต้องการของพวกเขา
"บัง เอาปัง"..... เด็กหญิงวัย 2 ขวบกว่าที่เริ่มจะพูดเป็นประโยคได้แล้วบอกกริชณะ พร้อมกับชี้ไปที่ขนมปังไส้กรอกที่แขวนอยู่ข้างรถ
"อ่ะจ่ะ...80 เซนต์ มีตังไม๊ ขอแม่มาเร็ว" กริชณะยื่นขนมปังให้พร้อมเย้าเด็กน้อยเล่น
สาวน้อยส่ายหัวเชิงสัญลักษณ์ว่าเธอไม่มีเงินจะจ่าย แล้วมองหน้าเขาตาปริบๆ
"น้องใครหรือเปล่าเนี่ย ไอ้หนูรู้จักเด็กคนนี้ไม๊" กริชณะถามเหล่าเด็กชายที่กำลังสาละวนดูรอบๆรถมอเตอร์ไซค์ของเขาว่ามีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง
มีแต่คนส่ายหัว ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร
"หนูชื่ออะไรจ๊ะ" กริชณะถามเด็กสาวที่กำลังง่วนแกะถุงขนมปังออก
"นิชา" เธอตอบกริชณะสั้นๆ
"นิชาบ้านอยู่ไหน ทำไมมาคนเดียวล่ะ แม่หนูอยู่ไหน" กริชณะเริ่มถามเด็กน้อย สายตาเริ่มกวาดไปรอบๆเพื่อหาผู้ปกครองของนิชา
เธอชี้ไปที่กระต๊อบหลังหนึ่งใกล้ๆกับที่กริชณะจอดรถของเขาอยู่ กระต๊อบเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้อัดทำเป็นฝาบ้านกันแดดกันฝน และใช้ผ้าใบจากป้ายหาเสียงที่นักการเมืองเอามาติดไว้ตอนที่พวกเขาหาเสียงกันมาทำเป็นหลังคามุงเอาไว้อย่างรวกๆ
"หนูอยู่ที่นั่นเหรอ อือๆ กินซะ ลุงให้" กริชณะผู้ใจดียิ้มให้หนูน้อยที่ตอนนี้ปากมันแผล็บอิ่มแปร้ไปกับขนมปังไส้กรอกที่กริชณะยื่นให้เมื่อครู่
"นิชาอยู่กับใครน่ะ" กริชณะถามแต่นิชาไม่ตอบ เพราะไม่เข้าใจที่เขาถาม
เขาเดินไปที่กระต๊อบนั้น เสียงดังทะลุกระต๊อบนั้นออกมา
"ไอ้นิชา! ไปไหนอีกแล้วเนี่ย มานี่เลย ไอ้ซีย์มันหายไปคนนึงแล้วจะหายไปไหนอีกคน"
กริชณะยืนนิ่งอยู่หน้ากระต๊อบนั้น หูได้ยินชื่อซีย์ หน้าเริ่มเปลี่ยนสี เดินกลับมาที่รถและสตาร์ทเครื่องออกไปทันที
บ่ายแก่ๆ แดดแรงเหลือเกิน เขาขี่รถมาจนถึง เขต 7 แล้ว จากเช้า ที่เขาเริ่มวิ่งขายมาตั้งแต่เขต 12 ไล่ขึ้นมา ตอนนี้ขนมปังที่ห้อยมาตอนเช้าหมดแล้ว เหลือแค่เพียงขนมหลอกเด็กเพียงเล็กน้อยประปรายอยู่ทั่วคันรถ
กริชณะนั่งดื่มน้ำริมฟุตบาท ที่เดิมที่เขานั่งประจำ
ตาก็มองไปที่กำแพงต้นชาที่เกาะกลางถนน ตอนนี้หญ้าเริ่มขึ้น กิ่งเริ่มแทงออกมาด้านนอก เพราะรัฐบาลไม่ได้ส่งคนมาตัดแต่งกิ่งนานแล้ว "กำแพงต้นชา ตอนกลางวันนี่มันก็คือต้นไม้ธรรมดานี่เองเนอะ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย" เขารำพันกับตัวเอง พลางดื่มน้ำในขวดที่พกมาด้วย
หวออออออออออ ตอดๆๆๆๆๆ!!!!
ทันไดนั้น รถตำรวจเมืองกัวลาลัมเปอร์วิ่งมาผ่านหน้าเขาไป และจอดเลยรถมอเตร์ไซค์ของเขาไปหน่อยเดียว
"หยุดนะ นายกริชณะ วางทุกสิ่งในมือลงแล้วยกมือขึ้นในที่ที่เห็นชัด ห้ามขัดขืน" นายตำรวจยศจ่า วิ่งลงมาจากรถพร้อมสั่งกริชณะให้หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่
เขายกมือขึ้นเหนือศรีษะ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
"ไปโรงพักกับผมหน่อย ผมมีอะไรจะให้คุณดู" นายจ่าพูดกับกริชณะพร้อมใส่กุญแจมือ
"แล้วคุณตำรวจจะใส่กุญแจมือผมทำไมเนี่ย ถ้าจะให้ผมดูอะไร บอกดีๆก็ได้ ผมก็ไม่ได้วิ่งหนีคุณตำรวจไปไหน" กริชณะกวนนายตำรวจด้วยท่าทางชวนให้น่าทำร้ายร่างกายนัก
"ใส่ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน ไป!" นายจ่าไม่เล่นด้วย พร้อมดึงคอเสื้อเขาเข้ารถตำรวจไป ทิ้งรถมอเตอร์ไซค์เขาไว้ตรงนั้น
ที่สถานีตำรวจ:-
นายจำได้ไม๊ นี่มือใคร จ่าฟัสริลยื่นภาพถ่ายท่อนแขนของผู้หญิงให้กริชณะดู
"เห้ย! นี่มันแขนเมียผมนี่นา!" จ่าได้มาจากที่ไหน แล้วเมียผมอยู่ที่ไหน จ่า เกิดอะไรขึ้นกับเมียผม บอกผมมา ทำไมจ่าเอามือเมียผมมา เมียผมอยู่ไหน" กริชณะตกใจ หน้าซีด พร้อมหลั่งน้ำตาออกมา
"เจ้าหน้าที่ตำรวจพบมันที่เขต 7 หมาแม่ลูกอ่อนมันคาบมาจากไหนไม่รู้ เราเลยเอาไปตรวจดีเอ็นเอ ก็พบว่ามันเป็นของนางซูซาน ภรรยาคุณ ผมถึงนำตัวคุณมาสอบปากคำไง" จ่าฟัสริลอธิบายถึงการได้มาของแขนนั้น
"ผมไม่รู้นะจ่า ไม่เห็นหน้าเมียมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่ามีงานที่เนอสเซอรี่หรือเปล่า" กริชณะเริ่มตะกุกตะกักในการตอบคำถามแล้ว
"ผมว่าไม่นะ คุณลองคิดดูสิ หลังจากที่เราพบแขนแถวเขต 7 นั้น คุณรู้ไม๊ ผมเจออะไรอีก" จ่าฟัสริลเริ่มต้อนให้กริชณะจนมุม
"เจออะไรอีกจ่า บอกผมมา ผมเริ่มเป็นห่วงเมียผมแล้ว" พิรุธของกริชณะเริ่มแสดงออกมา สายตาเขาเริ่มเลิกลั่ก นั่งไม่ติดเก้าอี้ เหงื่อเริ่มไหลออกมาตัดกับผิวดำคล้ำของเขา
"เราไปเจอรถนางซูซานจอดอยู่ข้างบ้านร้างหลังหนึ่งในซอยหมู่บ้าน คุณกริชณะ" "คุณรู้ไม๊ เมียคุณไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น" ฟัสริลพูดพร้อมกับจดอะไรบางอย่างในกระดาษ
"ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะจ่า วันๆ ผมก็ขายแต่ขนมปังของผม กลับบ้านก็เย็นก็มืดแล้ว" กริชณะตอบ พยายามไม่แสดงพิรุธออกมาให้นายตำรวจจับได้
"โอเค ขอบคุณมาก และขอโทษด้วยนะที่เอาตัวมากระทันหัน คุณจะให้ผมไปส่งที่เขต 7 ไม๊ รถคุณจอดอยู่ที่นั่นนะ" ฟัสริลยื่นข้อเสนอเพื่อที่จะไปส่งกริชณะที่รถของเขา เพื่อขอโทษที่เอาตัวกริชณะมาแบบไม่ทันตั้งตัว
"ก็ได้ครับคุณตำรวจ เพราะถ้าผมรอรถเมล์ มีหวังขนมปังผมหมดรถแน่" กริชณะพูดแกมกวนใส่ตำรวจอีกครั้ง
รถตำรวจวิ่งไปตามถนนเส้นสู่ ชาอลัม เพื่อไปที่เขต 7 ที่ที่รถของกริชณะจอดอยู่
"กริชณะ ไปกับผมหน่อยได้ไม๊ ไปดูรถภรรยาคุณกัน เผื่อคุณจะรู้ ว่าภรรยาคุณอยู่ที่ไหน" จ่าฟัสริลกับเพื่อนอีกคนที่เป็นคนขับรถขับพากริชณะไปที่ที่รถของซูซานจอดอยู่
"ลงมาก่อนสิ" มาช่วยคิดหน่อย ว่าแถวนี้มีคนที่ซูซานรู้จักไม๊ หรือเพราะอะไรทำไมเธอถึงมาที่นี่" ฟัสริลตั้งคำถามให้ฆาตรกรตอบ
"ไม่มีนะคุณตำรวจ เมียผมไม่มีญาติอยู่แถวนี้ จะว่าเพื่อน ผมก็ว่าไม่น่ามีเพื่อนรวยๆแถวนี้นะ" กริชณะตอบนิ่งๆ
จบบทสนทนาระหว่างตำรวจกับผู้ต้องสงสัย กริชณะก็ได้กลับมาที่รถของเขาอีกครั้ง
"สลามมุอลัยกุมนะจ่า" กริชณะสลามฟัสริลที่เป็นมุสลิม
"วอลัยกุมมุสลาม" เขาตอบกลับพร้อมปิดประตูรถแล้วเคลื่อนจากไป
กริชณะทรุดตัวลงนั่งริมฟุตบาท เข่าเขาอ่อนไปด้วยความกลัว ว่าตำรวจจะจับได้ว่าเขาเป็นคนฆ่าซูซาน ภรรยาสุดที่รักของเขาเอง
ไฟทางริมถนนเริ่มเปิดแล้ว แสงไฟเริ่มส่องไปที่กำแพงต้นชาอีกครั้ง ทำให้เขาคลายความกังวลลงบ้าง รอยยิ้ม เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้ากริชณะอีกครั้ง เขาพร้อมที่จะกลับบ้านไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาแล้ว
หลังจากเอารถเข้ามาจอดในบ้าน กริชณะเริ่มไขประตู เขาจำได้ว่า ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไป ประตู หน้าต่างทุกบานปิดล็อกเรียบร้อยแล้ว หรือว่าจะมีขโมยขึ้นบ้าน ไม่นะ มันต้องขโมยอะไรแน่ๆ กริชณะจึงผลักประตูเข้าไปในทันที
ที่โซฟารับแขกทางด้านขวามือหลังจากเดินเข้าประตูมา จ่าฟัสริลวางศรีษะของซูซานไว้บนตัก พร้อมมองหน้ากริชณะตาเขม็ง
"มีอะไรจะแก้ตัวไหม. นายกริชณะ" ฟัสริลพูดเสียงเรียบ พร้อมชูศรีษะซูซานขึ้นมา ตาของเธอยังคงลืม จ้องเขม็งมายังกริชณะอย่างน่ากลัว
"จะจะจ่า จ่าเข้ามาได้ไง ใครอนุญาต ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นผมแจ้งตำรวจนะ" กริชณะพูด
"ชั้นไง ตำรวจ แจ้งมา จะแจ้งข้อหาไหน" ฟัสริลเริ่มกวนกลับบ้าง
"อ่ะตอบมาได้ยัง ว่าหัวซูซานมาอยู่นี่ได้ไง" "แกฆ่าเขาใช่ไม๊ แล้วส่วนที่เหลืออยู่ไหน บอกมา อย่าให้ชั้นต้องใช้กำลัง" จ่าฟัสริลเริ่มขึ้นเสียง
ทันใดนั้นเอง กริชณะวิ่งออกจากบ้านเพื่อที่จะหนีจากการจับกุม แต่ไม่ทันแล้ว ตำรวจล้อมบ้านพักของเขาเอาไว้หมด แสงจากไซเรนวับแวบสีแดงสลับน้ำเงินไปมา กริชณะโดนจับกุมข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จ่าฟัสริลใส่กุญแจมือเขาพร้อมยัดตัวเข้ารถตำรวจออกไปอย่างรวดเร็ว กริชณะถูกขังคุก เพื่อรอวันรุ่งขึ้นจะนำตัวไปศาลเพื่อพิจารณาคดี
ภายในห้องขัง กริชณะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ฟูมฟาย พูดไม่รู้เรื่อง ปากก็พร่ำเพ้อ "ซูซานน ชั้นขอโทษ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ ชั้นรักเธอ แต่เธอรู้เรื่องมากไป ชั้นจำเป็นต้องทำ ยกโทษให้ชั้นด้วย ซูซาน ฮือๆๆ"
เขานั่งร้องไห้พร้อมโยกตัวไปมา. พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ชั้นขอโทษๆ" จนผู้ต้องขังคนอื่นรำคาญ ตะคอกใส่เขา "จะร้องไห้ทำ
เช้าวันรุ่งขึ้น ตำรวจนำตัวกริชณะ ผู้ต้องหาฆ่าภรรยาของตนออกไปศาล. เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เป็นชุดนักโทษชายสีน้ำตาล ที่ข้อเท้าตีโซ่ตรวนติดกับข้อมือทั้งสองข้างไว้
"นายกริชณะ บุตรของนายคเนช มีอะไรจะปกป้องตัวเอง" อัยการถามกริชณะ
"ข้าแต่ศาล ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ฆ่าซูซาน ผมไม่ได้ฆ่าใคร" กริชณะพูดตัวสั่น สายตาเลิกลั่กดั่งคนเสียสติ
"แล้วศรีษะของนางซูซานไปอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านคุณได้ยังไง?" ทนายฝ่ายโจทก์ตั้งคำถาม
"ผมจะรู้ไม๊ หัวเมียผมมาอยู่ที่บ้านได้ยังไง เมียผมยังไม่ตายซักหน่อย ตำรวจก็มั่วมาจับผมแล้วก็ป้ายสีว่าผมเป็นคนฆ่าเมียตัวเอง ศาลที่เคารพ ให้ความยุติธรรมกับผมด้วย ผมไม่ผิด" กริชณะพูดเสียงดังเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่
"เอ้าเงียบก่อนๆทางฝ่ายโจทย์มีอะไรจะชี้แจงเกี่ยวกับหลักฐานไหม?" อัยการถามทนายฝ่ายโจทก์ถึงหลักฐานในการมัดตัวกริชณะ
"ข้าแต่ศาลที่เคารพ ฝ่ายโจทก์มีคลิปวีดีโอจากโทรศัพท์มือถือของนางซูซานที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุครับ ในคลิป มีการบันทึกตอนที่นายกริชณะ กระทำชำเราเด็กหญิงอายุประมาณ 3 ขวบ สวมเสื้อยืดลายหมีสีฟ้า กางเกงสีครีม ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือเด็กหญิงซีย์ นักเรียนที่เนอสเซอรี่ที่นางซูซานเป็นครูสอนอยู่ จึงน่าจะเป็นเหตุให้นายกริชณะฆ่านางซูซานเพือปิดปาก" "หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดูคลิปนั้นแล้ว จึงได้รวมกำลังพร้อมกองพิสูจน์หลักฐานไปยังบ้านร้างที่นายกริชณะกระทำการชำเราเด็กหญิงซีย์เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และพบคราบอสุจิของนายกริชณะจริง พร้อมกองเลือดของเด็กหญิงซีย์และนางซูซานครับ" แต่ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่พบศพในที่เกิดเหตุ จึงกระจายกำลังเพื่อค้นหา เพราะสงสัยว่าศพน่าจะอยู่ในบริเวณที่นายกริชณะฆ่าสองคนนั้น ศาลที่เคารพ"
อัยการจ้องมาที่กริชณะ พบว่าขณะนี้ ร่างกริชณะสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เหงื่อแตกเสื้อของเรือนจำชุ่มไปหมด "นายกริชณะ มีอะไรจะแก้ตัวไม๊" "แล้วศพอยู่ที่ไหน"
"กูไม่บอกพวกหรอก พวกมันโง่ รู้ไม๊ กูหั่นมันออกเป็นชิ้นๆ ทิ้งให้หมามันกินไปหมดแล้ว. แขนนังซูซานที่พวกเจอ ก็น่าจะโดนหมามันคาบมาแทะเป็นของว่างเล่น ฮ่าๆๆๆๆ" กริชณะเสียสติไปแล้ว พูดพฤติกรรมอันป่าเถื่อน ของมันออกมา