พักนี้มีกระทู้เปรียบเทียบระหว่าง
หนุ่มเงินเดือนหมื่นห้ากับหนุ่มบ้านรวยหลายกระทู้มาก
ผมเองในฐานะหนุ่มโสดก็อยากแชร์
ความรักในอีกมุมมองหนึ่งดูบ้าง...
คุณเคยลงทุนในตลาดหุ้นบ้างมั้ยครับ ? ?
ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้
น่าจะเคยผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นกันมาบ้าง
ไม่มากก็น้อย ไม่ดอย ก็คงมีกำไรกันบ้าง
หลายคนลงทุนเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต
ก็เพราะหวังว่าการลงทุนของตนเองจะคุ้มค่า
ถ้าเราจะเลือกซื้อหุ้นตัวไหนสักตัวหนึ่ง
อะไรคือปัจจัยสำคัญในการเลือกลงทุนในหุ้นตัวนั้น
ผมคิดว่าคำตอบคงแบ่งง่ายๆออกเป็น 4 ด้าน
1. ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
คนเล่นหุ้นปกติไม่มีใครหรอกครับ ที่อยากจะลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานด้อย
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานด้อยกว่า
จะเป็นหุ้นที่ไม่ดี ไม่เหมาะกับการลงทุนนะครับ
แต่ถ้าเทียบกันแล้วหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
ก็น่าลงทุนจริงมั้ยหละครับ
ย้อนกลับไปต้นกระทู้ที่ผมกล่าวไว้ว่า
การเลือกคบใครนั้นคล้ายกับการลงทุน
แน่นอนครับ... คนเราเลือกเกิดไม่ได้
ไม่มีใครอยากเกิดมายากจน
ไม่มีใครอยากเกิดมาลำบาก
แต่ทว่าในเมื่อเราเกิดมาแล้ว พื้นฐานปัจจัยบางครั้งเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
เช่นบางคนหล่อ บางคนรวย บางคนเรียนจบโรงเรียนดัง บ้างก็เรียนต่อเมืองนอก
และบางส่วนก็ทำงานเงินเดือนกลางๆ
นั่นเป็นแค่ปัจจัยพื้นฐานในการพิจารณาเท่านั้น
ยังมีปัจจัยหลักๆอีกหลายข้อที่เราจะถูกนำไปพิจารณา
2. ผลประกอบการ
หลังจากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานบางอย่างแล้ว
สิ่งต่อมาที่นักลงทุนมักจะพิจารณาคงหนีไม่พ้น
ผลประกอบการ หุ้นบางตัวแม้มีปัจจัยพื้นฐานมั่นคง
แต่ผลประกอบการกลับออกมาไม่ดี นั่นอาจเป็นเพราะผู้บริหารที่ไม่ได้เรื่อง
หรือทีปัจจัยแฝงอีกหลายๆอย่างที่ส่งผลต่อผลประกอบการ
ตรงข้ามหุ้นบางตัวพื้นฐานกลางๆกลับมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ
อย่างที่บอกไปในข้อแรก คนเราเลือกเกิดมารวย สวย หล่อไม่ได้
แต่คนเราสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองขึ้นมาได้
เช่นบางคนมีพ่อแม่เป็นคนกวาดขยะแต่กลับสามารถ
เรียนจบหมอ จบวิศวะ สร้างฐานะขึ้นมาได้
ตรงข้ามกับลูกคนรวยบางส่วนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แม้จะมีพื้นฐานดีแต่ไปไหนไม่รอด
ผมขอเปรียบผลงาน ทัศนคติ แนวคิดพื้นฐานของมนุษย์
ไว้ในผลประกอบการนะครับ
มาถึงตรงนี้แล้ว...
แต่ปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการเองก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ที่ทำให้เราตัดสินใจลงทุน
เพราะนักลงทุนโดยมากให้ความสำคัญกับ ผลตอบแทน
3. ผลตอบแทน
ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนใส่ใจกับผลประกอบการ
นักลงทุนหลายๆคนกลับให้ความสำคัญกับผลตอบแทน
การลงทุนในหุ้นเราสามารถแบ่งออกเป็นการลงทุนระยะสั้น และระยะยาว
หุ้นบางตัวผลตอบแทนสูงในระยะสั้นแต่น้อยในระยะยาว
ในขณะที่หุ้นบางตัวผลตอบแทนน้อยในระยะสั้น แต่กลับให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว
และก็มีหุ้นหลายตัวให้ผลตอบแทนคงเส้นคงวาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
มาเรื่องสำคัญข้อที่สามแล้วนะครับ สำหรับการเลือกคบใครสักคนหนึ่ง
ผมเชื่อว่าการที่เราเลือกคบใครสักคนหนึ่ง
ความสบายใจ และความรู้สึกดีเป็นสิ่งสำคัญ
ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าคนเราจะคบกันโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
แต่สิ่งที่เราอยากได้จากความรัก อาจไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นความสบายใจและความรู้สึกดี
มีหลายๆคนเริ่มต้นจีบด้วยการป้อนคำหวานเลี่ยน
ซื้อไอโน่นให้ ซื้อไอนี่ให้ แต่พอคบกันแล้ว
ไอคำหวานเลี่ยนที่เคยให้เรา เขากลับเอาไปให้คนอื่นเสียนี่ ไอโน่นที่เคยซื้อ ไอนี่ที่เคยได้ก็หายไป...
น่าแปลกใจนะครับ บางคนเริ่มจีบแบบง่ายๆ ยิ้มรับทักทาย สวัสดี
ค่อยๆคุยกันอย่างไม่รีบร้อน จนเพื่อนถามว่า นี่แกคิดไปเองรึเปล่าว่าเค้าจีบแก...
แต่ก็นะ พอคบกันก็มีแต่ความรัก ไปโน่น ไปนี่มากมาย
และมันก็มีประเภท คงเส้นคงวา ตอนมา มายังไง
จนถึงตอนนี้ 5 ปี 10 ปีก็ยังเป็นแบบนั้น
จะเห็นว่าผลตอบแทนก็เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ขาดไม่ได้
ใครๆก็อยากได้ผลตอบแทนทั้งนั้นแหละครับ
แต่สิ่งที่ตอบแทนความรักได้ดีที่สุดคงน่าจะเป็น
ความสบายใจ และความคงเส้นคงวานั่นแหละครับ
เพราะความสบายใจจะทำให้ความรักอยู่กับเราไปแสนนาน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจรู้สึกได้ว่าแค่ 3 ข้อ
ก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับผมยังมีเรื่องสำคัญอีกข้อหนึ่งที่เราควรใช้ร่วมพิจารณาด้วย
4. การวางแผนระยะยาว
หากเราพิจารณาหุ้นจนครบทั้ง 3 ข้อข้างต้นดีแล้ว
เราจะพบว่าการวางแผนระยะยาวกลายมาเป็น
ปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณา
ขอยกตัวอย่าง Nokia บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่
ที่พลิกผันล้มละลาย จนไม่เหลือแม้กระทั่งชื่อในตลาดปัจจุบัน
เหตุการณ์การล้มละลายของ Nokia เกิดขึ้นเร็วมาก ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
เอาสั้นๆคือ Nokia วางแผนผิดพลาด
ดังนั้นการพิจารณา วางแผนระยะยาวของหุ้นที่จะซื้อจึงสำคัญมาก
สมัยมหาวิทยาลัยผมมีเพื่อนอยู่หลายประเภทครับ
พวกเด็กเรียน จบมาเกรดดี เข้าทำงานที่แรกก็ได้ที่ดี
แต่ตอนนี้มันได้เงินเดือนน้อยกว่าพวกเด็กหลังห้อง
หลายๆคนที่ขอมันลอกงานสมัยเรียนทุกคาบ
แน่นอนครับ เงินไม่ใช่ทุกอย่าง และเราไม่ได้ไปไกลด้วยเงิน
แต่การวางแผน รวมไปถึงความทะเยอทะยานต่างหากครับที่ทำให้เราไปได้ไกล
ความฝันไม่ใช่ความทะเยอทะยานนะครับอย่าเข้าใจผิด
ความฝันก็คือความฝัน จะนึกอย่างไรก็นึกได้
เพียงแต่ฝันกลางวันแล้วตื่นขึ้นมา ฝันน้นก็หายไป
แต่ความทะเยอทะยานคือความกล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่ฝันใช้ความฝันเป็นแรงผลักดัน ให้ชีวิตไปถึงจุดหมาย
หากคนเราไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เราก็จะยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีใครชอบคนที่ยืนอยู่ที่เดิมที่ไม่รู้จักพัฒนาหรอกครับ
เพียงแต่ว่าอย่าให้มันเกินพอดี จนทำให้ความทะเยอทะยานกลายเป็นความฝันที่เราไม่สามารถทำให้มันเป็นจริงได้
ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับการเปรียบเทียบ การลงทุนกับความรักทั้ง 4 ข้อ
ขอบคุณทุกๆคนที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ
ผมเชื่อว่าทุกท่านน่าจะได้อะไรไปบ้าง ไม่มากก็น้อย
ก่อนจะลากันไป ผมขอฝากไว้อีกอย่างครับ
นานๆเขียนกระทู้สักที... ถ้ามีคนอ่านบ้างก็ดีจุย
การที่เราเจอความรักแย่ๆ ก็เหมือนการซื้อหุ้นแล้วติดดอย
เราควรจะทำการ Cut lose แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ
รอวันที่ตลาดหุ้นเป็นใจค่อยลงทุนใหม่ รักใหม่นะครับ
อย่าดอยจนเสียโอกาส อย่าดอยจนหัวใจคุณกลายเป็นของไม่มีค่า
การลงทุนด้วยเงินถึงขาดทุนมากคุณยังพอหาใหม่ได้
แต่กับความรักแล้ว อย่าลืมนะครับว่าคุณมีหัวใจเพียงดวงเดียว
เก็บรักษาหัวใจของคุณไว้ให้ดี
ขอบคุณครับ
ปล.แก้ไขให้อ่านง่าย เพราะตอนแรกพิมพ์ในมือถือครับ
การเลือกคบใครสักคนหนึ่งก็คงคล้ายๆการซื้อหุ้นนะครับ
หนุ่มเงินเดือนหมื่นห้ากับหนุ่มบ้านรวยหลายกระทู้มาก
ผมเองในฐานะหนุ่มโสดก็อยากแชร์
ความรักในอีกมุมมองหนึ่งดูบ้าง...
คุณเคยลงทุนในตลาดหุ้นบ้างมั้ยครับ ? ?
ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้
น่าจะเคยผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นกันมาบ้าง
ไม่มากก็น้อย ไม่ดอย ก็คงมีกำไรกันบ้าง
หลายคนลงทุนเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต
ก็เพราะหวังว่าการลงทุนของตนเองจะคุ้มค่า
ถ้าเราจะเลือกซื้อหุ้นตัวไหนสักตัวหนึ่ง
อะไรคือปัจจัยสำคัญในการเลือกลงทุนในหุ้นตัวนั้น
ผมคิดว่าคำตอบคงแบ่งง่ายๆออกเป็น 4 ด้าน
1. ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
คนเล่นหุ้นปกติไม่มีใครหรอกครับ ที่อยากจะลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานด้อย
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานด้อยกว่า
จะเป็นหุ้นที่ไม่ดี ไม่เหมาะกับการลงทุนนะครับ
แต่ถ้าเทียบกันแล้วหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
ก็น่าลงทุนจริงมั้ยหละครับ
ย้อนกลับไปต้นกระทู้ที่ผมกล่าวไว้ว่า
การเลือกคบใครนั้นคล้ายกับการลงทุน
แน่นอนครับ... คนเราเลือกเกิดไม่ได้
ไม่มีใครอยากเกิดมายากจน
ไม่มีใครอยากเกิดมาลำบาก
แต่ทว่าในเมื่อเราเกิดมาแล้ว พื้นฐานปัจจัยบางครั้งเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
เช่นบางคนหล่อ บางคนรวย บางคนเรียนจบโรงเรียนดัง บ้างก็เรียนต่อเมืองนอก
และบางส่วนก็ทำงานเงินเดือนกลางๆ
นั่นเป็นแค่ปัจจัยพื้นฐานในการพิจารณาเท่านั้น
ยังมีปัจจัยหลักๆอีกหลายข้อที่เราจะถูกนำไปพิจารณา
2. ผลประกอบการ
หลังจากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานบางอย่างแล้ว
สิ่งต่อมาที่นักลงทุนมักจะพิจารณาคงหนีไม่พ้น
ผลประกอบการ หุ้นบางตัวแม้มีปัจจัยพื้นฐานมั่นคง
แต่ผลประกอบการกลับออกมาไม่ดี นั่นอาจเป็นเพราะผู้บริหารที่ไม่ได้เรื่อง
หรือทีปัจจัยแฝงอีกหลายๆอย่างที่ส่งผลต่อผลประกอบการ
ตรงข้ามหุ้นบางตัวพื้นฐานกลางๆกลับมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ
อย่างที่บอกไปในข้อแรก คนเราเลือกเกิดมารวย สวย หล่อไม่ได้
แต่คนเราสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองขึ้นมาได้
เช่นบางคนมีพ่อแม่เป็นคนกวาดขยะแต่กลับสามารถ
เรียนจบหมอ จบวิศวะ สร้างฐานะขึ้นมาได้
ตรงข้ามกับลูกคนรวยบางส่วนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แม้จะมีพื้นฐานดีแต่ไปไหนไม่รอด
ผมขอเปรียบผลงาน ทัศนคติ แนวคิดพื้นฐานของมนุษย์
ไว้ในผลประกอบการนะครับ
มาถึงตรงนี้แล้ว...
แต่ปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการเองก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ที่ทำให้เราตัดสินใจลงทุน
เพราะนักลงทุนโดยมากให้ความสำคัญกับ ผลตอบแทน
3. ผลตอบแทน
ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนใส่ใจกับผลประกอบการ
นักลงทุนหลายๆคนกลับให้ความสำคัญกับผลตอบแทน
การลงทุนในหุ้นเราสามารถแบ่งออกเป็นการลงทุนระยะสั้น และระยะยาว
หุ้นบางตัวผลตอบแทนสูงในระยะสั้นแต่น้อยในระยะยาว
ในขณะที่หุ้นบางตัวผลตอบแทนน้อยในระยะสั้น แต่กลับให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว
และก็มีหุ้นหลายตัวให้ผลตอบแทนคงเส้นคงวาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
มาเรื่องสำคัญข้อที่สามแล้วนะครับ สำหรับการเลือกคบใครสักคนหนึ่ง
ผมเชื่อว่าการที่เราเลือกคบใครสักคนหนึ่ง
ความสบายใจ และความรู้สึกดีเป็นสิ่งสำคัญ
ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าคนเราจะคบกันโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
แต่สิ่งที่เราอยากได้จากความรัก อาจไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นความสบายใจและความรู้สึกดี
มีหลายๆคนเริ่มต้นจีบด้วยการป้อนคำหวานเลี่ยน
ซื้อไอโน่นให้ ซื้อไอนี่ให้ แต่พอคบกันแล้ว
ไอคำหวานเลี่ยนที่เคยให้เรา เขากลับเอาไปให้คนอื่นเสียนี่ ไอโน่นที่เคยซื้อ ไอนี่ที่เคยได้ก็หายไป...
น่าแปลกใจนะครับ บางคนเริ่มจีบแบบง่ายๆ ยิ้มรับทักทาย สวัสดี
ค่อยๆคุยกันอย่างไม่รีบร้อน จนเพื่อนถามว่า นี่แกคิดไปเองรึเปล่าว่าเค้าจีบแก...
แต่ก็นะ พอคบกันก็มีแต่ความรัก ไปโน่น ไปนี่มากมาย
และมันก็มีประเภท คงเส้นคงวา ตอนมา มายังไง
จนถึงตอนนี้ 5 ปี 10 ปีก็ยังเป็นแบบนั้น
จะเห็นว่าผลตอบแทนก็เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ขาดไม่ได้
ใครๆก็อยากได้ผลตอบแทนทั้งนั้นแหละครับ
แต่สิ่งที่ตอบแทนความรักได้ดีที่สุดคงน่าจะเป็น
ความสบายใจ และความคงเส้นคงวานั่นแหละครับ
เพราะความสบายใจจะทำให้ความรักอยู่กับเราไปแสนนาน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจรู้สึกได้ว่าแค่ 3 ข้อ
ก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับผมยังมีเรื่องสำคัญอีกข้อหนึ่งที่เราควรใช้ร่วมพิจารณาด้วย
4. การวางแผนระยะยาว
หากเราพิจารณาหุ้นจนครบทั้ง 3 ข้อข้างต้นดีแล้ว
เราจะพบว่าการวางแผนระยะยาวกลายมาเป็น
ปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณา
ขอยกตัวอย่าง Nokia บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่
ที่พลิกผันล้มละลาย จนไม่เหลือแม้กระทั่งชื่อในตลาดปัจจุบัน
เหตุการณ์การล้มละลายของ Nokia เกิดขึ้นเร็วมาก ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
เอาสั้นๆคือ Nokia วางแผนผิดพลาด
ดังนั้นการพิจารณา วางแผนระยะยาวของหุ้นที่จะซื้อจึงสำคัญมาก
สมัยมหาวิทยาลัยผมมีเพื่อนอยู่หลายประเภทครับ
พวกเด็กเรียน จบมาเกรดดี เข้าทำงานที่แรกก็ได้ที่ดี
แต่ตอนนี้มันได้เงินเดือนน้อยกว่าพวกเด็กหลังห้อง
หลายๆคนที่ขอมันลอกงานสมัยเรียนทุกคาบ
แน่นอนครับ เงินไม่ใช่ทุกอย่าง และเราไม่ได้ไปไกลด้วยเงิน
แต่การวางแผน รวมไปถึงความทะเยอทะยานต่างหากครับที่ทำให้เราไปได้ไกล
ความฝันไม่ใช่ความทะเยอทะยานนะครับอย่าเข้าใจผิด
ความฝันก็คือความฝัน จะนึกอย่างไรก็นึกได้
เพียงแต่ฝันกลางวันแล้วตื่นขึ้นมา ฝันน้นก็หายไป
แต่ความทะเยอทะยานคือความกล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่ฝันใช้ความฝันเป็นแรงผลักดัน ให้ชีวิตไปถึงจุดหมาย
หากคนเราไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เราก็จะยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีใครชอบคนที่ยืนอยู่ที่เดิมที่ไม่รู้จักพัฒนาหรอกครับ
เพียงแต่ว่าอย่าให้มันเกินพอดี จนทำให้ความทะเยอทะยานกลายเป็นความฝันที่เราไม่สามารถทำให้มันเป็นจริงได้
ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับการเปรียบเทียบ การลงทุนกับความรักทั้ง 4 ข้อ
ขอบคุณทุกๆคนที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ
ผมเชื่อว่าทุกท่านน่าจะได้อะไรไปบ้าง ไม่มากก็น้อย
ก่อนจะลากันไป ผมขอฝากไว้อีกอย่างครับ
นานๆเขียนกระทู้สักที... ถ้ามีคนอ่านบ้างก็ดีจุย
การที่เราเจอความรักแย่ๆ ก็เหมือนการซื้อหุ้นแล้วติดดอย
เราควรจะทำการ Cut lose แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ
รอวันที่ตลาดหุ้นเป็นใจค่อยลงทุนใหม่ รักใหม่นะครับ
อย่าดอยจนเสียโอกาส อย่าดอยจนหัวใจคุณกลายเป็นของไม่มีค่า
การลงทุนด้วยเงินถึงขาดทุนมากคุณยังพอหาใหม่ได้
แต่กับความรักแล้ว อย่าลืมนะครับว่าคุณมีหัวใจเพียงดวงเดียว
เก็บรักษาหัวใจของคุณไว้ให้ดี
ขอบคุณครับ
ปล.แก้ไขให้อ่านง่าย เพราะตอนแรกพิมพ์ในมือถือครับ