ทะมบ? อะไร? ผีหรือคน?

กระทู้สนทนา
นี่เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ กระทู้แรกก็แนวนี้เลยแฮะ
ผมไม่แน่ใจนะครับว่าเรื่องที่ผมกำลังจะเล่ามันควรจัดอยู่ในหมวดอะไร จริง...
เพราะก่อนหน้านี้ผมยังนั่งงมอยู่เลย อะไร? แท็กอะไร?

เอาล่ะงั้นเข้าเรื่องเลย
ผมขอเรียกตัวเองว่า นาย ก แล้วกัน มันเป็นเรื่องซึ่งนานมาแล้วครับ
ตอนนั้นผมอยู่ ปี 1 สาขา CS (ตอนนี้ ปี 3)

ทางชมรม CS ได้มีการจัดกิจกรรมให้นักศึกษาออกค่าย...
...และตอนนั้นพวกเราได้ไปออกค่ายที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์
ต้องบอกก่อนนะว่าผมเป็นหนึ่งคนซึ่งไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ รายละเอียดลึกๆ อาจหายไปแน่ๆ

บรรยากาศการออกค่ายก็ไม่ได้ต่างจากการออกค่ายของชมรมอื่น หรือที่อื่นหรอกมั้งครับ
ก็อย่าง เช่น ทาสี ทำห้องน้ำ ขนหิน ขนทราย กิจกรรมนันทนาการให้เด็กๆ อะไรเทือกนั้นแหละ
ส่วนรุ่นพี่ก็คอยดูแลเรา ทำกับข้าวให้ ช่วยเราทำกิจกรรมบ้าง(รุ่นพี่ดูแลดี)

ตอนเช้า พิธีเปิด ผู้อำนวยการโรงเรียนได้บอกกับเราอยู่เรื่องหนี่ง
ซึ่งทำให้เราต้องทำกิจกรรมนั้น ท่านว่าที่แห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และเป็นที่นับถือ
ห้ามออกไปข้างนอกเพราะค่อนข้างอันตราย อาจเจอนักเลง หรือคนไม่ดีได้
ระหว่างที่ท่านพูดผมก็คิดย้อนแย้งไปเรื่อย ส่วนรายละเอียดจากนั้นผมก็จำไม่ได้แล้ว
รุ่นพี่เองก็ย้ำเรื่องนั้นอีกครั้ง เพราะคงไม่อยากให้เราออกไปข้างนอก แอบอู้หรือหนีกลับ ผมคิดแบบนั้น

เห็นว่าที่หมู่บ้านแห่งนั้นจัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วย เป็นหมู่บ้านตัวอย่าง มีทัวร์ไปศึกษาดูงานอยู่เรื่อยๆ
พูดแบบนี้แล้วพอจะนึกภาพรอบๆ โรงเรียนออกไหมครับ
ชนบท บรรยากาศดี ต้นไม้ร่มรื่น น่าอยู่ ผู้คนเป็นมิตร

ที่โรงเรียนแห่งนั้นด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่ง และกว้างมากครับ
แบบว่าหากเดินระหว่างหน้าโรงเรียนถึงที่อาคารนี่คือหอบเลยอะ
อีกอย่างใครจะเดินออกจากโรงเรียนนี่มองเห็นชัดเจน
ก็ถือว่าหากนักเรียนคนไหนจะแอบหนีกลับบ้าน ก็เห็นกันโต้งๆ เลย
ถึงพื้นที่ของโรงเรียนจะกว้าง แต่ที่นั่นมีอาคารไม่มาก และนักเรียนไม่กี่ร้อยคน

ช่วงที่ให้เราทำกิจกรรมเราก็ทำกันจริงๆ ถึงแม้จะมีบ่นกันบ้าง
เราที่ทำเสร็จ หรือช่วงพัก ก็จะแวะเวียนไปเยี่ยมเพื่อนกลุ่มอื่น หรือเดินสำรวจ
สนุกสนาน เฮฮา

หมดกิจกรรมในช่วงกลางวัน ตกเย็นรุ่นพี่จะให้เวลาเราอาบน้ำ หรือจะทำอะไรก็ได้
ถึงเวลารุ่นพี่ก็จะเรียกพวกเราไปรวมตัวกันรับประทานอาหาร แล้วจึงตามด้วยกิจกรรมในเวลากลางคืน
ระหว่างที่รุ่นพี่ปล่อยให้พวกเราได้พักผ่อนหรืออาบน้ำ พวกเราก็เอาแต่พักผ่อน(น้ำไม่อาบ)
เราตั้งใจกันไว้ว่าจะอาบน้ำกันตอนกลางคืน ช่วงที่ไม่มีคนมาแย่งห้องน้ำเรากันแล้ว
นั่นแหละครับ...

ช่วงค่ำของคืนแรกรุ่นพี่บอกว่าเราจะนอนกันเลยไม่ได้หรอก
เราต้องไปไหว้ศาลประจำโรงเรียน หรือหมู่บ้าน เจ้าที่ เพื่อขออะไรบางอย่างให้เรานอนกันได้
ก็อย่างที่ผู้อำนวยการบอก...

ช่วงกลางคืนพอปิดไฟแล้วมืดมากครับ มืด โล่ง เงียบ ไม่แม้แม้เสียงรถแล่นผ่าน อย่างกับป้าช้า
ยังดีที่มีสปอร์ตไลท์ กับคืนที่มีดวงจันทร์ส่องสว่าง(นิดๆ)

ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เราพากันไปออกค่ายช่วงหน้าหนาว
ลมพัด อากาศเย็น วังเวง เสียงหมาหอน คือมันใช่มาก

ระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่ศาลประจำโรงเรียน ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนฝั่งขวามือ หากมองจากอาคารเรียนออกไป
ทางขวามือของผมเป็นพื้นที่โล่งครับ หรือจะบอกว่าทุ่งนาก็ได้
ผมได้ยินเสียงประหลาดไกลออกไป ผมไม่รู้ว่าเสียงนั้นคล้ายกับเสียงอะไร? มีใครได้ยินแบบผมไหม?
แต่มันใช่เสียงที่น่ารักหรอกครับ

  คึกๆ คึกๆ แควกก! ฟู่วว! เสียงลม ต้นไม้โยกเยก เสียงกิ่งไม้ที่กระทบกับลม เสียงใบไม้
  เสียงหมาเห่า เสียงหมาหอน...

ผมสนใจเสียงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะไม่สนใจมันและหันไปคุยกับเพื่อน
แล้วเสียงนั้นก็หายไป ไกลออกไปตรงต้นไม้ที่ผมมองเห็นไม่ค่อยชัด

บรรยากาศตอนที่ทำกิจกรรมนั้นผมถือว่าส่งให้เกิดอารมณ์ร่วมมากครับ
กว่ากิจกรรมจะจบลงไปอย่าสมบูรณ์ในคืนแรกก็ดึกซะแล้ว
ถ้าผมจำไม่ผิดการไปไหว้ศาลน่าจะเป็นกิจกรรมสุดท้ายของคืนแรก

หลังจากเสร็จกิจกรรมหมดทุกอย่างของวันนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันไปแต่ละจุดตามที่ทางของเรา
โรงเรียนแห่งนั้นจะมีอยู่ 3 อาคารครับ มีโรงอาหาร อาคาร 1 และอาคาร 2
ผมไม่ได้ความจำดีขนาดนั้นว่าอะไรเป็นอะไร เอาเป็นว่าผมขอมั่ว
หันหน้าไปที่รั้วหน้าโรงเรียน
ตรงกลางคืออาคาร 1 ที่นั่นรุ่นพี่ให้ผู้หญิงปี 1 พัก ส่วนอาคาร 2 นั้นอยู่ซ้ายมือ เป็นของผู้ชาย ปี 1

ส่วนรุ่นพี่นั้นจะกระจายกันอยู่ คอยสอดส่องดูแลพวกเรา และก็มีรุ่นพี่ที่คอยประจำอยู่โรงอาหารที่อยู่ขวามือ
บางคนก็มีเต็นท์ไป ก็กลางเต็นท์นอน จับกลุ่มคุยกัน ตรงกลางมีของกิน
เราก็มักจะเดินไปกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ไปหารุ่นพี่บ้าง ขอเนื้อหมูย่างจากรุ่นพี่ เดินเล่น
ทั่วบริเวณจะมีอาสาสมัค ตำรวจบ้าน หรืออะไรก็ไม่รู้ มาคอยเป็นยามให้เรา
บรรยากาศอบอุ่น และอุ่นใจ

ถึงเวลาของพวกที่ยังไม่ได้อาบน้ำ...
ห้องน้ำของเรานั้นรุ่นพี่ให้ใช้แยกกันครับ ผู้หญิงหลังอาคาร 1
ส่วนผู้ชาย นู่น ห้องน้ำตรงทุ่งนา อยู่หลังอาคาร 2 ไกลๆ เบี่ยงขวาออกไปอีก หลุดออกจากโรงเรียน
เราต้องเดินผ่านลวดหนามที่ตัดออกให้เป็นทางเดิน เดินข้ามคันดินสูง ผ่านสะพานสั้นๆ กว่าจะถึงห้องน้ำ

ห้องน้ำมี 2 ห้อง ด้านนอกภายใต้หลังคานั้นเพิ่มถังมาอีก 2 ถัง
ต่อสายยางลำเลียงน้ำใส่ถัง และขันสีสันแสบด_ก
เราอาบน้ำกันปกติครับ ระหว่างที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ เพื่อนผมก็เริ่มอาบน้ำเสร็จกันแล้ว
ที่นั้นจากที่มีคนอยู่กันเยอะแยะ คนที่อาบเสร็จก็กลับกันก่อน เลยทำให้เหลือกันอยู่ไม่กี่คน
ผมได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันอยู่ด้านนอก หลังห้องน้ำ เรียกกันไปดูอะไรบางอย่าง
  "เฮ้ย! ข มาดูนี่"
  "อะไร?"
  "เห็นไหม?"
  ...

  "ก อาบน้ำเสร็จยัง!?"
  "ยัง!"
  "ใกล้ยัง!?"
  "ยัง!"
  "เออ รีบ"

เสียงจริงจังเกินไปไหม? ไม่น่าจะกำลังเล่นอะไรกัน
ผมสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน
แล้วผมก็ได้ยินเพื่อนถามซ้ำๆ จนกระทั่ง...
  "ก อาบน้ำเสร็จยัง!?"
  "ใกล้แล้ว เสร็จแล้ว!"
  "เออ ออกมาเลย!"
  "ออกมาเลย!"
  "เร็ว"

ผมรีบออกมาจากห้องน้ำมาใส่เสื้อผ้าข้างนอก ผมรีบทำทุกอย่างให้เร็วเพราะเพื่อนเร่ง
เหลือบไปเห็น นาย ข วิ่งไปหยิบผ้าขนหนูของตังเองที่พาดไว้บนโอ่งใหญ่
ผมรีบใส่เสื้อผ้าและหอบของออกมาจากห้องน้ำ ในใจผมก็คิดว่าต้องเกินเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นแน่
แต่ด้วยลักษณะของผมที่เป็นคนใจเย็น ผมก็ไม่ได้พูดได้ถามอะไรใคร
ผมเดินไปหาเพื่อนคนหนึ่ง นาย ค ยืนดูอะไรบางอย่างด้านหลังหองน้ำ
  "นู้นๆ เห็นอะไรไหม?"
  "อะไร?"
  "ทะมบ รีบไปเร็ว!"
  "ทะมบ" นาย ง พูดขึ้นมาอีกครั้ง

สีหน้าของทุกคนดูตื่นกลัว ลนลาน
เบื้องหน้าของผม ผมเห็นแสงสีขาวอยู่ตรงทุ่งนา และกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา
ผมที่กำลังงงกับคำว่าทะมบควรทำยังไง?
ขณะที่ผมกำลังพิจารณาสิ่งที่ผมกำลังเห็น แสงสีขาวนั้นก็ยังมุ่งหน้าเข้ามาเรื่อยๆ
  
"ทะมบ!%$@$^&$^*@"

นาย ง ตะโกน ตามด้วยบางคำที่ผมแปลไม่ออก
ทุกคนนอกจากผมได้พากันวิ่งหนีแสงไปที่มุ่งตรงเข้ามา
บางคนก็กระโดนข้ามขั้นดินที่สูง ที่ถ้าหากว่ากระโดดพลาดก็อาจทำให้ขาหัก

ที่นั่นเรามีกันอยู่ 5 คน ครับ มีผม มี นาย ข ค ง และ ฉ
นาย ฉ ก็เป็นคนหนึ่งที่เรียกผมซ้ำๆ ถ้าหากว่าผมจำไม่ผิด
ความมืด อากาศที่เย็น ความเงียบ ความวังเวงกลางทุ่งนา
รวมเป็นบรรยากาศที่ไม่น่ารักสำหรับใครหลายคน

ผมที่ยืนดูสิ่งนั้นอยู่คนเดียว หลังจากเห็นเพื่อนพากันวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมก็ได้วิ่งตามไปโดยที่ผมคิดว่าสิ่งนั้นคือคนไม่ดี หรือโจรอะไรเทือกนั้น

อะไรที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น?
ผมก็คงจะตอบว่า "ผู้อำนวยการ" หรือ "รุ่นพี่"

ระหว่างที่ผมกำลังกระโดนเหินลงไปจากพื้นดินที่ยกสูงของบริเวรห้องน้ำ
ผมเห็น นาย ฉ ล้มลงตรงหน้าผม ผมหันไปมองและยืนรอครู่หนึ่ง
เขาลนลานมาก เขาตะกุย เก็บของเดี๋ยวหล่น เดี๋ยวเก็บ ก่อนจะลุกขึ้น
ผมที่อยู่ข้างหน้าเขาเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นได้และทำท่าจะวิ่ง ผมก็ได้ออกตัว
และเขาก็ได้วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย...
...แสงนั้นยังเข้าใกล้เราเรื่อยๆ

ผมวิ่งจนเข้าเขตโรงเรียน ห่างจากรั้วลวดหนามไม่กี่ก้าว นาย ฉ ล้มลงตรงขอบรั้ว
ผมหันไปมอง แต่ไม่เอะใจอะไร เพราะไม่น่ามีเรื่องอะไรให้น่ากังวลเท่าไหร่แล้ว
ผมรีบเข้าไปในห้อง เพื่อจะทำความเข่าใจว่าเราหนีอะไรมา? หนีมาทำไม?
ทำไมเขาต้องวิ่งกันขนาดนั้น?

ผมคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่ๆ ต้องมีคนที่คิดไม่ดีกับพวกเรา
พอผมออกมาจากห้องและฟังเรื่องราวจากเพื่อนคนอื่น
  "อะไรคือทะมบ?"
  "ผีกระสือ"

ทะมบเป็นภาษาเขมรครับ แปลว่ากระสือ
ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกรึ?
แต่ที่ผมคิดในใจคือผมเสียดายที่ไม่ได้ยืนดูให้แน่ชัด
ผมไม่เคยเห็นผี และผมก็ได้พลาดโอกาสนั้น โอกาสที่จะได้เห็นผีชัดๆ กับเพื่อน

นาย ค เล่าว่าตัวเองรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่ด้านหลังห้องน้ำเลยเดินไปดู แต่ไม่ก็เจออะไร
แต่เขารู้สึกได้และเขาได้ยินเสียงบางอย่างเลยเรียก นาย ข มาฟัง
นาย ข รู้ว่าเสียงนั้นคืออะไร เลยตกใจมาก แต่ก็ยังไม่แน่ใจ
นาย ค เองก็รู้เช่นกันว่าเสียงนั้นคืออะไร

เสียงนั้นอยู่ห่างออกไป อยู่ใกล้ๆ กับโรงอาหาร
ทั้ง 2 คนยังลังเลที่จะบอกใคร เขายืนฟัง และมองหาต้นเสียงนั้น
  "ใช่ไหม?"
  "ออ"

แล้วเพื่อนที่อยู่ข้างนอกก็คุยกัน โดยที่ผมไม่รู้อะไรเลย
เขาให้ผมรีบโดยที่ไม่บอกอะไร อาจเพราะกลัวว่าจะผมตกใจ หรือไม่เชื่อ
เขาพบแสงนั้นอยู่ตรงทุ่งนาและกำลังลอยเข้ามาหาเรา แล้วทุกอย่างก็วุ่นวาย
ทุกอย่างชัดเจน พวกเขามั่นใจว่านั่นคือทะมบ หรือผีกระสือ และมันกำลังพุ่งตรงมาหาเรา
มันรู้ว่าเรารู้แล้ว มันไม่เอาเราไว้แน่ มันรู้ว่าเราเห็นมันแล้ว

ทุกคนต่างก็รีบเก็บของของตัวเอง และผมก็ออกมาใส่เสื้อผ้าข้างนอก ก่อนจะเก็บของ
ผมออกไปดูสิ่งที่พวกเขาดู เขารู้กันครับ แต่ผมไม่
รู้สึกขอบคุณนะที่ไม่ทิ้งกัน อุตส่าห์รอ

ถึงผมจะวิ่งคนสุดท้าย แต่ผมก็ไม่ได้อยู่ห่างจากเพื่อน
ผมไม่ได้มีความรู้สึกกลัว อาจจะเพราะเพื่อนเยอะ แต่ผมก็ระแวงว่าจะโดนยิงรึเปล่า
ตอนที่เราวิ่งหนี ผมมารู้ภายหลังว่าเพื่อนที่วิ่งล้มได้วิ่งกลับไปเก็บโทรศัพท์ที่ตกตอนวิ่งล้มครั้งแรก
เขาเล่าว่าเขาได้เจอกระสือใกล้มากๆ มีหัว มีไส้ ตามลักษณะของผีกระสือที่เรารู้เลยครับ

เพื่อนหลายคนก็ถามว่าวิ่งกลับไปเอาทำไม?
ผมเองก็สงสัย วิ่งหนีมายังวิ่งกลับไปอีก
ทำไมไม่รอก่อนแล้วค่อยให้เพื่อนพาไปเอาก็ได้
ตอนที่เพื่อนวิ่งกลับมา และมาเล่าให้เราฟังเขามีอาการสั่น และเหมือนจะไม่สบาย ผมตั้ง
ลักษณะคล้ายคนโดนผีหลอกในหนัง ผมเคยเห็นครั้งแรกเลยครับ

ทันทีที่เราถึงที่พักเราก็เดินเข้าไปหาเพื่อนเพื่อที่เล่าเรื่องนั้นให้เขาฟัง
หลายคนก็เข้ามาถามและรอฟัง
นาย ฉ ที่ล้มจนบาดเจ็บทางรุ่นพี่ก็ได้พาไปทำแผล และเอายาลดไข้ให้เพราะดูเหมือนว่าเขาจะมีไข้ขึ้น

ยามที่คอยดูแลความเรียบร้อยพอรู้เรื่องนั้นก็พากันไปออกค้นหากระสือ
มันจะมีจริงอย่างที่นักศึกษา ปี 1 อ้างไหม? แต่ก็ไม่พบอะไร

คืนนั้นเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่หลายคนอยากรู้และถามถึง
ในนั้นคงมีผมคนเดียวที่เพื่อนบอกว่า...
  "แกเล่าตลกอะ"

  เราก็เล่าไปตามที่เรารับรู้อะนะ ก็แบบเราไม่เห็น เรานึกว่าโจร

สรุปว่าตอนแรกนั้นที่เราได้ยินเสียงแปลกประหลาดระว่างทางที่เดินไปไหว้ศาล ไม่ใช่เราที่ได้ยินคนเดียว
และเสียงนั้นคือเสียงของผีกระสือ
การที่เพื่อนรู้สึกว่าด้านหลังห้องน้ำมีอะไรแปลกๆ ก็คือผีกระสือมาหาของกิน
เสียงที่เขา 2 คนได้ยินบริเวรใกล้ๆ โรงอาหารคือผีกระสือกำลังหากินเศษอาหารอยู่บริเวรนั้น
และสุดท้ายแสงที่พุ่งเข้าหาเราก็คือกระสือที่พยายามจะปิดปากพวกเราที่รู้เรื่องนี้เอาไว้

ต้องบอกก่อนนะครับว่า นาย ข เขาเคยเล่าให้พวกผมฟังว่าเขาเคยเจอผีกระสือมาก่อน
เลยรู้ว่าผีกระสือมีลักษณะและส่งเสียงแบบไหน
เพราะเขาเคยนอนตามทุ่งนาตอนกลางคืนและเจอสิ่งนั้นอยู่บ่อยๆ

เช้าของวันถัดมาเพื่อนของผมอีกคนบอกว่าเด็กในหมู่บ้านมันแกล้ง ไม่มีหรอก ผีอะ

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว...
เสียงที่ 2 คนนั้นบอกว่าเป็นเสียงของกระสือ?
อีกคนที่ล้มแล้วกลับไปเก็บโทรศัพท์ เจอกระสืออยู่ตรงหน้า?
อีกคนที่ไปดูแสงนั้นตามที่ 2 คนแรกบอก?
หลายคนที่พยายามวิ่งสุดชีวิต?
ทุกอย่างมันหมายความว่ายังไง?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่