กลับมาในกระทู้ที่สองของเรา ก็ยังไม่พ้นกาญนะจ๊ะบุรีจนได้
เกิดจากความรู้สึกคร่ำควรถึงบรรยากาศการเที่ยวก่อนปีใหม่ ตั้งใจไว้ว่าจะไปปลายเดือนธันวาคม 2015
ไปช่วงที่พอจะ Slow life ได้ คนไม่เยอะ รถไม่ติด เดินทางง่าย ไม่ไกลจากกรุงเทพนัก ทันใดนั้นก็ปิ้งกาญฯ
ขึ้นมาอีกครั้ง ต้องยอมรับว่ากาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มี ที่เที่ยวได้ไม่รู้จบจริงๆ ว่าแล้วก็หาข้อมูลแพ้บบ!!
ทริปนี้เราเลือกที่จะไป 2ที่ 2คืน 3วัน ก็เลยได้เป็นแผนตามนี้
Day 1 : โดดน้ำตกท้าหน้าหนาว (แต่ไม่มีความหนาวเอาซะเลย) ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
จากข้อมูลบอกว่าน้ำตกมีถึง 7ชั้น และจากรูปสีน้ำสวยเกิ้น!! ก็อยากจะท้าทายตัวเองที่จะปีนป่าย
Day 2 : พักผ่อนชิลๆ เนิบๆ กับที่พักวิวภูเขา ริมน้ำสวยๆ ที่บ้านกกกอด
คิดเอาเองว่าขึ้น-ลงน้ำตกทั้ง 7ชั้น หัวเข่าคงเมื่อยเอาการ ก็แวะพักผ่อนหย่อน (หัวใจ) ก่อนกลับละกัน
มาถึง Step ของการจองที่พัก
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ : เว็บไซต์
http://www.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1
เป็นการจองที่พักกับทางราชการที่ไม่ยุ่งยากค่ะ เราเลือกโซนริมลำธารน้ำตก แล้วกรอกข้อมูลตามช่อง
เราเข้าพักวันธรรมดา เลยได้รับส่วนลด 30% (จาก 800บ./คืน เหลือ 560บ./คืน)
และเลือกชำระเงินกับทางธนาคารค่ะ แล้วก็เก็บใบเสร็จไว้แสดงในวันที่เข้าพัก
บ้านกกกอด : เว็บไซต์
http://www.baankokkod.com/
เข้าไปที่เว็บไซต์ แล้วเลือกชมที่พักโซนต่างๆ ส่วนราคาจะต่างกันไป ตามแบบบ้านค่ะ
เราเลือกพักบ้านแฝดมีห้องน้ำในตัว แล้วก็โทรสอบถามกับที่พักเพื่อจองวัน
โอนเงินภายใน 3วัน จากนั้นก็แจ้งคอนเฟริมกับที่พักเพื่อความชัวร์ค่ะ
เอาล่ะ!! ข้อมูลพร้อม ที่พักพร้อม แบกเป้ ผูกเชือกรองเท้าผ้าใบ พร้อมหัวใจหงอยๆ ไปกันเล้ยยย!!
Day 1 : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
เรามาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ชื่อวินแฮปปี้ ท่ารถจะอยู่ฝั่งเซนจูรี่ค่ะ (หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันดี)
หลับๆ ตื่นๆ ตลอดทางจนถึง บขส.กาญจนบุรี พอลงรถป๊าบ!! ก็ไม่รีรอ เดินไปถามหารถ
ที่จะไปน้ำตกเอราวัณทันที รอบนี้รถจะออกเวลา 13:30 น. พอมีเวลาให้หาเสบียงไว้กันหิว
สำหรับใครที่เอะอะเข้า 7-11 ก็อยู่ใกล้ๆบขส. เลยจ้า
เก็บภาพระหว่างทางไปพลางๆ ยื่นหน้ารับลมเย็นๆ สลับกับลมอุ่นๆ อยากได้กลิ่นน้ำตกแล้ววว
ถึงแล้วว! อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ แหงะดูนาฬิกา โอ้โหว ขณะนี้เวลา 15:10 น.
คือน้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7ชั้น ตั้งแต่ชั้นที่ 1-2 จะปิดให้เล่นเวลา 17:00 น.
และตั้งแต่ชั้นที่ 3-7 จะปิดให้เล่นเวลา 16:00 น. ค่ะ เอาละไง!! ไม่ทันกาลแหงๆ
ว่าแล้วก็เดินเร็วขาควิด เข้าไปหาเจ้าหน้าที่อุทยาน ติดต่อแลกบัตรปชช. ยื่นใบเสร็จที่ชำระค่าที่พัก
ได้กุญแจปุ๊บ! พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราเดินตามป้าย ไปอีก 200 เมตร (โอ๊ยย สบายเลยแกชิลๆ)
เดินเร็วก็แล้ว เดินช้าก็แล้ว ทำไม 200 เมตร มันช่างห่างไกลออกไปทุกที พร้อมกับหอบเล็กๆ
ถึงที่พักแล้วว เย่! จะบอกว่าที่พักดีเลยค่ะ ในห้องมีโซนซิงค์ล้างจาน กาน้ำร้อน ตู้เย็น แอร์
เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง มีระเบียงหน้าห้องให้นั่งชิลๆด้วย เอาเป็นว่าเราโอเคนะ
เสียดายไม่ได้เก็บภาพในห้องมา มีแค่ภาพด้านนอกอย่างเดียว
จัดการเก็บสัมภาระ เปลี่ยนชุดพร้อมเปียก (ชั่วโมงเร่งรีบ) แล้วก็เดินตุ่ยๆตามป้ายไปน้ำตก
ขุ่นพระ!! เดินมาเห็นสีน้ำแบบนี้หายเหนื่อยไปซิ สำหรับวันนี้ก็คงเล่นน้ำได้แค่ชั้นที่ 2
เพราะเวลามันไม่ได้จริงๆ วันนี้ก็เล่นน้ำ เอาขาหนีปลาตอดกันปาย ฮ่าๆ แอบบอกนิดนึง
พี่ปลาเจ้าถิ่นแกตอดดุจริงๆค่ะ เรานี่พยุงตัวขึ้นโขดหินแทบไม่ทัน
เล่นน้ำพอหอมปากหอมคอ ก็เดินออกมาตรงทางเข้าน้ำตก จะมีรถกอล์ฟรอให้บริการ
สำหรับใครที่ขี้เกียจเดิน (ไกล) ก็ใช้บริการได้ พอถึงลานจอดรถก็เก็บคนละ 30บาทไทยจ้า
มื้อเย็นก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารในอุทยานนี่เลย มีหลายร้านให้เลือกสรร
แต่ละร้านเมนูก็จะคล้ายๆกัน ใครที่คิดว่าจะหิวรอบดึก แนะนำให้ตุนมาม่า ขนม นม เนย
เข้าไปที่พักด้วย เพราะค่ำแล้วไม่มีไฟตามทางเดิน ระหว่างทางก็เป็นป่า มืดตึ๊ด!!

กลับมาที่พักก็เงียบสงบ นอนหลับไปพร้อมเสียงแมลง เสียงจิ้งหรีด ส่งเสียงกันแบบ Non stop..zZZ
Day 2 : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ – บ้านกกกอด
05:30 น. กระชากวิณญาณที่หลับไหลให้ลุกไปอาบน้ำ ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องเก็บน้ำตกให้ครบ
ทั้ง 7ชั้น ด้วยสายตา และลำเข้งของเราเองให้ได้ ว่าแล้วก็ลุย!!
น้ำตกชั้นที่ 1 : ไหลคืนรัง ชั้นนี้เดินชิล เป็นธารน้ำตื้นๆ (ขออภัยไม่ได้เก็บภาพมาค่ะ)
น้ำตกชั้นที่ 2 : วังมัจฉา เมื่อวานมาเล่นน้ำแล้วอากาศดีสบ้าย
น้ำตกชั้นที่ 3 : ผาน้ำตก ก็ยังมีกำลังใจดีเยี่ยม
น้ำตกชั้นที่ 4 : อกนางผีเสื้อ สวยอ่ะแก ยังยิ้มสู้ต่อ
น้ำตกชั้นที่ 5 : เบื่อไม่ลง กว่าจะถึงชั้น5 มันไม่ใช่เล่นๆเลยนะ
น้ำตกชั้นที่ 6 : ดงพฤกษา แห้งแล้งตามกาลเวลา เริ่มหอบแฮกๆ
น้ำตกชั้นที่ 7 : ภูผาเอราวัณ ขุ่นพระ!! น้ำตกบ้าอะไรสีฟ้า แบบฟ้าลืมขนาดนี้!!??

หลังจากที่พบสบตากับน้ำตกชั้นที่ 7 พร้อมกับมองไปรอบๆ มันหายเหนื่อยเลย ธรรมชาติบำบัดชัดๆ
จากตรงนี้ทำให้รู้ว่าเราเป็นส่วนเล็กนิดเดียวของธรรมชาติ และเรามักจะหลงรักในแบบที่มันเป็นเสมอ
11:00 น. สปีดฝีเท้าลงเขามาเก็บสัมภาระ ด้วยความที่เมื่อยล้าอย่างแรง ก็เลยโบกรถกะบะ
พี่(ใจ)หล่อ ใจดีให้ติดรถออกมาที่ลานจอดรถ เราก็รีบขอบคุณพี่แก แล้ววิ่งไปสั่งข้าวกันอย่างหิวโหย
และติดต่อคืนกุญแจที่พัก ก่อนที่รถหวานเย็นจะออก เวลา 12:30 น. แล้วสโลวไลฟ์ต่อที่บ้านกกกอด
13:30 น. ถึงแล้ว แยกโป่งปัด!! ระหว่างที่รอให้พี่เจ้าของที่พักออกมารับ ตรงแยกจะมีร้านอาหาร
เราก็ซัดข้าวไปอีก เพราะใกล้บ้านกกกอดไม่มีร้านอาหารค่ะ ถ้าจะซื้อต้องสั่งกับที่พัก หรือจะซื้อมาม่า
กับทางบ้านกกกอด ฟรีน้ำร้อนให้ตลอดคืน ก็มีนะ
13:50 น. เช็คอิน เก็บสัมภาระ แล้วยลโฉมห้องพักบ้านแฝดกันซักนิด
ตกเย็น ก็ไปเก็บภาพบรรยากาศริมน้ำ วิวทางเดินทอดยาว ข้างทางเป็นต้นกกกอดตลอดแนว
แล้วก็มีเรือคายัคให้เราเลือกพายได้เองเลย เราก็จัดการเป็นนางเอกมิวสิควิดิโอ ทุกเพลงที่ชอบ
เรานี่นอนพายเรือลอยละล่องอยู่ในน้ำ โอ๊ยยยชิลไปอี้กก!! จากที่ถามพี่เจ้าของ ริมน้ำนี้
เป็นเขื่อน ชื่อเขื่อนท่าทุ่งนาค่ะ ลมเย็นๆโชยๆ บรรยากาศเงียบๆ เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ

สำหรับอาหารเย็นวันนี้เราสั่งอาหารกับที่พัก บวกค่าส่งอาหารอีก 50 บาทค่ะ
หลังจากอิ่มพุงกางแล้ว ก็เข้านอนไปพร้อมกับอากาศเย็นๆ ยิ่งดึกยิ่งหนาวเข้าไปอีก
Day 3 : บ้านกกกอด – กลับกรุงเทพฯ
เป็นอีกวันที่ตั้งใจตื่นเช้า เพื่อมาเก็บภาพแสงแรก 06:10 น. ผ่านไปแสงก็ยังไม่มา (แทบจะหลับรอ)
บวกกับอากาศหนาวๆชวนให้นอนต่อซะเหลือเกิน
06:40 น. แสงมาแล้ว เย่!! แสงมาจริงๆ แต่ดวงอาทิตย์ยังไม่มา ก็ต้องรอ ร้อ รอต่อปาย
ระหว่างนี้ก็เก็บภาพกันไปพรางๆก่อน
07:20 น. ทันทีที่เห็นดวงอาทิตย์ เราก็ลั่นชัตเตอร์รัวๆ เลยทีเดียว ประหนึ่งไม่เคยพบเจอ
สักพักก็เดินกลับมาทานอาหารเช้าที่ส่วนกลาง คุณป้าทีมครัวที่นี่ เป็นกันเอง น่ารักค่ะ
เราเบิ้ล2 เบิ้ล3 กะว่าอิ่มยันค่ำ ฮ่าๆ
หลังจากอิ่มท้องในเช้านี้แล้ว ก็ไปออกกำลังกายแขนกันซะหน่อย ติดใจพายเรือยายัคจากเมื่อวาน
วันนี้ก่อนแดดจะมาเยือน ก็ไปพายเรือเล่นชมวิวกระชังปลา พายไปทักทายคุณลุงคุณป้าบ้านริมน้ำ
แล้วก็นอนพายเรือไปเรื่อย แหมะ!! บรรยากาศมันจะฟินเฟ้อเวอร์วังอะไรขนาดนี้
เพลิดเพลินอยู่พักใหญ่ ก็หมดเวลา วางปากกา...(ร้องเพลงเลยมั๊ยล่ะ)
11:00 น. ได้เวลาแยกย้าย เช็คเอ้าท์กันไปตามระเบียบ ขากลับออกไปที่แยกโป่งปัด
พี่เจ้าของก็ขับออกไปส่งค่ะ เราก็เดินตุ่ยๆไปรอรถที่ศาลา
12:45 น. จากที่รอรถหวานเย็นอยู่นาน ก็มาถึงซะที มุ่งหน้าสู้ บขส. กาญจนบุรี
ขากลับเข้ากรุงเทพ เราขึ้นรถตู้วินที่อยู่ในบขส. (มีให้เลือกหลายวินเลย)
18:00 น. ภาพตัดมาที่กรุงเทพเมืองที่วุ่นวาย รวดเร็ด เร่งรีบ อีกครั้ง
ทริปนี้เราลองคำนวณค่าที่พัก ค่ารถ ค่าใช้จ่ายหลักๆ แล้วก็ไม่เกิน 3,000 บาทค่ะ
ก่อนมาที่กาญฯ เรามีคำถามคาใจ ไม่เข้าใจ แล้วทำอะไรไม่ได้เลย ยังดีที่ทริปนี้ช่วยเอาไว้
เป็นทริปที่อยู่ติดกับน้ำซะส่วนใหญ่ ได้ปีนป่ายเขาเอาชนะใจตัวเอง แล้วสัมผัสธรรมชาติเงียบๆ ต่อ
เวลาที่หัวใจห่อเหี่ยวจากอะไรบางอย่างมา เมื่อมองออกไปที่โล่งๆ กว้างๆ ก็สบายใจยังไงไม่รู้
หนักอกหนักใจก็อยากที่จะพักมัน ทิ้งมัน ปล่อยมันไปบ้าง แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ธรรมชาติก็บำบัดได้
เอาใจช่วยความรู้สึกของทุกคนค่ะ ใครที่อยากเดินทาง อยากพักผ่อน ลองเปิดใจ ได้พูดคุย ได้ทักทาย
เราเชื่อว่าระหว่างทางมีอะไรให้เรียนรู้ก่อนถึงเป้าหมายแน่นอน...
[CR] ปีนป่ายพักใจที่น้ำตกเอราวัณ มาปล่อยใจต่อที่บ้านกกกอด
เกิดจากความรู้สึกคร่ำควรถึงบรรยากาศการเที่ยวก่อนปีใหม่ ตั้งใจไว้ว่าจะไปปลายเดือนธันวาคม 2015
ไปช่วงที่พอจะ Slow life ได้ คนไม่เยอะ รถไม่ติด เดินทางง่าย ไม่ไกลจากกรุงเทพนัก ทันใดนั้นก็ปิ้งกาญฯ
ขึ้นมาอีกครั้ง ต้องยอมรับว่ากาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มี ที่เที่ยวได้ไม่รู้จบจริงๆ ว่าแล้วก็หาข้อมูลแพ้บบ!!
ทริปนี้เราเลือกที่จะไป 2ที่ 2คืน 3วัน ก็เลยได้เป็นแผนตามนี้
Day 1 : โดดน้ำตกท้าหน้าหนาว (แต่ไม่มีความหนาวเอาซะเลย) ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
จากข้อมูลบอกว่าน้ำตกมีถึง 7ชั้น และจากรูปสีน้ำสวยเกิ้น!! ก็อยากจะท้าทายตัวเองที่จะปีนป่าย
Day 2 : พักผ่อนชิลๆ เนิบๆ กับที่พักวิวภูเขา ริมน้ำสวยๆ ที่บ้านกกกอด
คิดเอาเองว่าขึ้น-ลงน้ำตกทั้ง 7ชั้น หัวเข่าคงเมื่อยเอาการ ก็แวะพักผ่อนหย่อน (หัวใจ) ก่อนกลับละกัน
มาถึง Step ของการจองที่พัก
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ : เว็บไซต์ http://www.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1
เป็นการจองที่พักกับทางราชการที่ไม่ยุ่งยากค่ะ เราเลือกโซนริมลำธารน้ำตก แล้วกรอกข้อมูลตามช่อง
เราเข้าพักวันธรรมดา เลยได้รับส่วนลด 30% (จาก 800บ./คืน เหลือ 560บ./คืน)
และเลือกชำระเงินกับทางธนาคารค่ะ แล้วก็เก็บใบเสร็จไว้แสดงในวันที่เข้าพัก
บ้านกกกอด : เว็บไซต์ http://www.baankokkod.com/
เข้าไปที่เว็บไซต์ แล้วเลือกชมที่พักโซนต่างๆ ส่วนราคาจะต่างกันไป ตามแบบบ้านค่ะ
เราเลือกพักบ้านแฝดมีห้องน้ำในตัว แล้วก็โทรสอบถามกับที่พักเพื่อจองวัน
โอนเงินภายใน 3วัน จากนั้นก็แจ้งคอนเฟริมกับที่พักเพื่อความชัวร์ค่ะ
เอาล่ะ!! ข้อมูลพร้อม ที่พักพร้อม แบกเป้ ผูกเชือกรองเท้าผ้าใบ พร้อมหัวใจหงอยๆ ไปกันเล้ยยย!!
Day 1 : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
เรามาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ชื่อวินแฮปปี้ ท่ารถจะอยู่ฝั่งเซนจูรี่ค่ะ (หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันดี)
หลับๆ ตื่นๆ ตลอดทางจนถึง บขส.กาญจนบุรี พอลงรถป๊าบ!! ก็ไม่รีรอ เดินไปถามหารถ
ที่จะไปน้ำตกเอราวัณทันที รอบนี้รถจะออกเวลา 13:30 น. พอมีเวลาให้หาเสบียงไว้กันหิว
สำหรับใครที่เอะอะเข้า 7-11 ก็อยู่ใกล้ๆบขส. เลยจ้า
เก็บภาพระหว่างทางไปพลางๆ ยื่นหน้ารับลมเย็นๆ สลับกับลมอุ่นๆ อยากได้กลิ่นน้ำตกแล้ววว
ถึงแล้วว! อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ แหงะดูนาฬิกา โอ้โหว ขณะนี้เวลา 15:10 น.
คือน้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7ชั้น ตั้งแต่ชั้นที่ 1-2 จะปิดให้เล่นเวลา 17:00 น.
และตั้งแต่ชั้นที่ 3-7 จะปิดให้เล่นเวลา 16:00 น. ค่ะ เอาละไง!! ไม่ทันกาลแหงๆ
ว่าแล้วก็เดินเร็วขาควิด เข้าไปหาเจ้าหน้าที่อุทยาน ติดต่อแลกบัตรปชช. ยื่นใบเสร็จที่ชำระค่าที่พัก
ได้กุญแจปุ๊บ! พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราเดินตามป้าย ไปอีก 200 เมตร (โอ๊ยย สบายเลยแกชิลๆ)
เดินเร็วก็แล้ว เดินช้าก็แล้ว ทำไม 200 เมตร มันช่างห่างไกลออกไปทุกที พร้อมกับหอบเล็กๆ
ถึงที่พักแล้วว เย่! จะบอกว่าที่พักดีเลยค่ะ ในห้องมีโซนซิงค์ล้างจาน กาน้ำร้อน ตู้เย็น แอร์
เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง มีระเบียงหน้าห้องให้นั่งชิลๆด้วย เอาเป็นว่าเราโอเคนะ
เสียดายไม่ได้เก็บภาพในห้องมา มีแค่ภาพด้านนอกอย่างเดียว
จัดการเก็บสัมภาระ เปลี่ยนชุดพร้อมเปียก (ชั่วโมงเร่งรีบ) แล้วก็เดินตุ่ยๆตามป้ายไปน้ำตก
ขุ่นพระ!! เดินมาเห็นสีน้ำแบบนี้หายเหนื่อยไปซิ สำหรับวันนี้ก็คงเล่นน้ำได้แค่ชั้นที่ 2
เพราะเวลามันไม่ได้จริงๆ วันนี้ก็เล่นน้ำ เอาขาหนีปลาตอดกันปาย ฮ่าๆ แอบบอกนิดนึง
พี่ปลาเจ้าถิ่นแกตอดดุจริงๆค่ะ เรานี่พยุงตัวขึ้นโขดหินแทบไม่ทัน
เล่นน้ำพอหอมปากหอมคอ ก็เดินออกมาตรงทางเข้าน้ำตก จะมีรถกอล์ฟรอให้บริการ
สำหรับใครที่ขี้เกียจเดิน (ไกล) ก็ใช้บริการได้ พอถึงลานจอดรถก็เก็บคนละ 30บาทไทยจ้า
มื้อเย็นก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารในอุทยานนี่เลย มีหลายร้านให้เลือกสรร
แต่ละร้านเมนูก็จะคล้ายๆกัน ใครที่คิดว่าจะหิวรอบดึก แนะนำให้ตุนมาม่า ขนม นม เนย
เข้าไปที่พักด้วย เพราะค่ำแล้วไม่มีไฟตามทางเดิน ระหว่างทางก็เป็นป่า มืดตึ๊ด!!
กลับมาที่พักก็เงียบสงบ นอนหลับไปพร้อมเสียงแมลง เสียงจิ้งหรีด ส่งเสียงกันแบบ Non stop..zZZ
Day 2 : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ – บ้านกกกอด
05:30 น. กระชากวิณญาณที่หลับไหลให้ลุกไปอาบน้ำ ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องเก็บน้ำตกให้ครบ
ทั้ง 7ชั้น ด้วยสายตา และลำเข้งของเราเองให้ได้ ว่าแล้วก็ลุย!!
น้ำตกชั้นที่ 1 : ไหลคืนรัง ชั้นนี้เดินชิล เป็นธารน้ำตื้นๆ (ขออภัยไม่ได้เก็บภาพมาค่ะ)
น้ำตกชั้นที่ 2 : วังมัจฉา เมื่อวานมาเล่นน้ำแล้วอากาศดีสบ้าย
น้ำตกชั้นที่ 3 : ผาน้ำตก ก็ยังมีกำลังใจดีเยี่ยม
น้ำตกชั้นที่ 4 : อกนางผีเสื้อ สวยอ่ะแก ยังยิ้มสู้ต่อ
น้ำตกชั้นที่ 5 : เบื่อไม่ลง กว่าจะถึงชั้น5 มันไม่ใช่เล่นๆเลยนะ
น้ำตกชั้นที่ 6 : ดงพฤกษา แห้งแล้งตามกาลเวลา เริ่มหอบแฮกๆ
น้ำตกชั้นที่ 7 : ภูผาเอราวัณ ขุ่นพระ!! น้ำตกบ้าอะไรสีฟ้า แบบฟ้าลืมขนาดนี้!!??
หลังจากที่พบสบตากับน้ำตกชั้นที่ 7 พร้อมกับมองไปรอบๆ มันหายเหนื่อยเลย ธรรมชาติบำบัดชัดๆ
จากตรงนี้ทำให้รู้ว่าเราเป็นส่วนเล็กนิดเดียวของธรรมชาติ และเรามักจะหลงรักในแบบที่มันเป็นเสมอ
11:00 น. สปีดฝีเท้าลงเขามาเก็บสัมภาระ ด้วยความที่เมื่อยล้าอย่างแรง ก็เลยโบกรถกะบะ
พี่(ใจ)หล่อ ใจดีให้ติดรถออกมาที่ลานจอดรถ เราก็รีบขอบคุณพี่แก แล้ววิ่งไปสั่งข้าวกันอย่างหิวโหย
และติดต่อคืนกุญแจที่พัก ก่อนที่รถหวานเย็นจะออก เวลา 12:30 น. แล้วสโลวไลฟ์ต่อที่บ้านกกกอด
13:30 น. ถึงแล้ว แยกโป่งปัด!! ระหว่างที่รอให้พี่เจ้าของที่พักออกมารับ ตรงแยกจะมีร้านอาหาร
เราก็ซัดข้าวไปอีก เพราะใกล้บ้านกกกอดไม่มีร้านอาหารค่ะ ถ้าจะซื้อต้องสั่งกับที่พัก หรือจะซื้อมาม่า
กับทางบ้านกกกอด ฟรีน้ำร้อนให้ตลอดคืน ก็มีนะ
13:50 น. เช็คอิน เก็บสัมภาระ แล้วยลโฉมห้องพักบ้านแฝดกันซักนิด
ตกเย็น ก็ไปเก็บภาพบรรยากาศริมน้ำ วิวทางเดินทอดยาว ข้างทางเป็นต้นกกกอดตลอดแนว
แล้วก็มีเรือคายัคให้เราเลือกพายได้เองเลย เราก็จัดการเป็นนางเอกมิวสิควิดิโอ ทุกเพลงที่ชอบ
เรานี่นอนพายเรือลอยละล่องอยู่ในน้ำ โอ๊ยยยชิลไปอี้กก!! จากที่ถามพี่เจ้าของ ริมน้ำนี้
เป็นเขื่อน ชื่อเขื่อนท่าทุ่งนาค่ะ ลมเย็นๆโชยๆ บรรยากาศเงียบๆ เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ
สำหรับอาหารเย็นวันนี้เราสั่งอาหารกับที่พัก บวกค่าส่งอาหารอีก 50 บาทค่ะ
หลังจากอิ่มพุงกางแล้ว ก็เข้านอนไปพร้อมกับอากาศเย็นๆ ยิ่งดึกยิ่งหนาวเข้าไปอีก
Day 3 : บ้านกกกอด – กลับกรุงเทพฯ
เป็นอีกวันที่ตั้งใจตื่นเช้า เพื่อมาเก็บภาพแสงแรก 06:10 น. ผ่านไปแสงก็ยังไม่มา (แทบจะหลับรอ)
บวกกับอากาศหนาวๆชวนให้นอนต่อซะเหลือเกิน
06:40 น. แสงมาแล้ว เย่!! แสงมาจริงๆ แต่ดวงอาทิตย์ยังไม่มา ก็ต้องรอ ร้อ รอต่อปาย
ระหว่างนี้ก็เก็บภาพกันไปพรางๆก่อน
07:20 น. ทันทีที่เห็นดวงอาทิตย์ เราก็ลั่นชัตเตอร์รัวๆ เลยทีเดียว ประหนึ่งไม่เคยพบเจอ
สักพักก็เดินกลับมาทานอาหารเช้าที่ส่วนกลาง คุณป้าทีมครัวที่นี่ เป็นกันเอง น่ารักค่ะ
เราเบิ้ล2 เบิ้ล3 กะว่าอิ่มยันค่ำ ฮ่าๆ
หลังจากอิ่มท้องในเช้านี้แล้ว ก็ไปออกกำลังกายแขนกันซะหน่อย ติดใจพายเรือยายัคจากเมื่อวาน
วันนี้ก่อนแดดจะมาเยือน ก็ไปพายเรือเล่นชมวิวกระชังปลา พายไปทักทายคุณลุงคุณป้าบ้านริมน้ำ
แล้วก็นอนพายเรือไปเรื่อย แหมะ!! บรรยากาศมันจะฟินเฟ้อเวอร์วังอะไรขนาดนี้
เพลิดเพลินอยู่พักใหญ่ ก็หมดเวลา วางปากกา...(ร้องเพลงเลยมั๊ยล่ะ)
11:00 น. ได้เวลาแยกย้าย เช็คเอ้าท์กันไปตามระเบียบ ขากลับออกไปที่แยกโป่งปัด
พี่เจ้าของก็ขับออกไปส่งค่ะ เราก็เดินตุ่ยๆไปรอรถที่ศาลา
12:45 น. จากที่รอรถหวานเย็นอยู่นาน ก็มาถึงซะที มุ่งหน้าสู้ บขส. กาญจนบุรี
ขากลับเข้ากรุงเทพ เราขึ้นรถตู้วินที่อยู่ในบขส. (มีให้เลือกหลายวินเลย)
18:00 น. ภาพตัดมาที่กรุงเทพเมืองที่วุ่นวาย รวดเร็ด เร่งรีบ อีกครั้ง
ทริปนี้เราลองคำนวณค่าที่พัก ค่ารถ ค่าใช้จ่ายหลักๆ แล้วก็ไม่เกิน 3,000 บาทค่ะ
ก่อนมาที่กาญฯ เรามีคำถามคาใจ ไม่เข้าใจ แล้วทำอะไรไม่ได้เลย ยังดีที่ทริปนี้ช่วยเอาไว้
เป็นทริปที่อยู่ติดกับน้ำซะส่วนใหญ่ ได้ปีนป่ายเขาเอาชนะใจตัวเอง แล้วสัมผัสธรรมชาติเงียบๆ ต่อ
เวลาที่หัวใจห่อเหี่ยวจากอะไรบางอย่างมา เมื่อมองออกไปที่โล่งๆ กว้างๆ ก็สบายใจยังไงไม่รู้
หนักอกหนักใจก็อยากที่จะพักมัน ทิ้งมัน ปล่อยมันไปบ้าง แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ธรรมชาติก็บำบัดได้
เอาใจช่วยความรู้สึกของทุกคนค่ะ ใครที่อยากเดินทาง อยากพักผ่อน ลองเปิดใจ ได้พูดคุย ได้ทักทาย
เราเชื่อว่าระหว่างทางมีอะไรให้เรียนรู้ก่อนถึงเป้าหมายแน่นอน...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น