สวัสดีค่ะ เราเป็นมือใหม่กับรีวิวแรกนะคะ [:อมยิ้ม17:]
พึ่งถึงเมืองไทยเมื่อเช้านี้เอง ไฟแรงจริงๆ (จริงๆกลัวลืม อิอิ)
ขึ้นชื่อว่า "อินเดีย" ใครๆก็คิดว่ามัน สกปรก โหดสัส ลำบาก อันตราย แขกขี้โกง บลา บลา บลา ... ด้วยประสบการณ์ที่เราเคยใช้ชีวิตแบบนักเรียนในประเทศอินเดียมา 13 ปี (ตั้งแต่ป.4 จนจบมหาลัย) เราขอบอกเลยว่า จริงที่สุด!!! แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น ประเทศที่ใหญ่อันดับสามของทวีปเอเชียและอันดับเจ็ดของโลก มันต้องไม่มีเพียงเท่านั้นแน่นอน ปัจจุบันมีคนมาเที่ยวอินเดียมากขึ้นและติดใจ ไปแล้วไปอีก ส่งลูกหลานไปเรียน ยอมรับในด้านลบ และในขณะเดียวกันก็ชื่นชมในด้านบวก
มีคนถามว่า อยู่มาตั้ง 13 ปี ยังกลับไปเที่ยวอีกบ่อยๆ ทำไม? ไม่เบื่อ? ไม่เข็ด?
คำตอบคือ ตลอดเวลาที่อยู่เรียนหนังสือในอินเดีย เราไปเที่ยวในประเทศน้อยมาก พอปิดเทอมก็กลับบ้านตลอด มีหลายที่ที่อยากไปแต่ไม่มีโอกาส เราได้เรียนประวัติศาสตร์ของอินเดียมากมาย ได้รู้เรื่องความเป็นมาต่างๆของประเทศนี้ และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆที่น่าไปเยอะมาก จึงเป็นที่มาของการกลับไปอินเดียในฐานะนักท่องเที่ยวอีกบ่อยครั้ง
ในการรีวิวนี้ เราไม่ลำเอียงใดใด ไม่ได้จะบอกว่า อันไหนดี อันไหนไม่ดี แค่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่สนใจอยากไปรับรู้และลิ้มลองดินแดนแห่งนี้กันนะคะ เริ่มเลยแล้วกัน =) ทริปนี้ไปกัน 3คน มี เรา พี่สาว และแฟนเรา ซึ่งเรากับพี่สาวเรียนที่อินเดียมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันกลับมาทำงานที่เมืองไทยได้ประมาณ 3ปีแล้วค่ะ ส่วนแฟนเป็นคนไทยไปเรียนมหาลัยและยังอยู่ต่อในอินเดีย ดังนั้นพวกเราจึงค่อนข้างมี ภูมิคุ้มกัน และทันแขกอยู่บ้างค่ะ 555
**ทำใจก่อนไปอินเดีย**
อินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมาก มีความสวยงามและสกปรกในขณะเดียวกัน อยู่ที่เราจะชื่นชมอะไร
อินเดียไม่ค่อยมีอะไรที่ปานกลางหรือพอดีๆ มีแต่ถ้าไม่ดีเว่อร์ ก็แย่ไปเลย คนอินเดียที่ไม่เคยไปที่อื่น จะคิดว่า 'ความสกปรกคือเรื่องปกติ' เพราะเกิดมาก็เห็นแต่แบบนี้ จึงไม่รู้ว่าสะอาดกว่านี้เป็นยังไง จริงๆไม่ว่าคนเราจะไปที่ไหน ไม่ควรมีการคาดหวังว่าจะเจออะไร โดยเฉพาะอินเดีย ต้องเปิดใจมากๆ อินเดียจะสอนคุณให้มีความอดทนได้เป็นอย่างดี พี่สาวเราบอกว่า 'อยู่อินเดียทำให้รู้สึกมีชีวิต' เพราะต้องคอยระมัดระวังและตื่นตัวตลอดเวลา ไหนจะขี้วัว ไหนจะกองขยะ ท่อระบายน้ำ วัวเดินเพ่นพ่านบนถนน รถตุ๊กๆ มอเตอไซ ที่ขับขี่ในตรอกเล็กๆ เด็กและผู้ใหญ่ขอทาน แขกบ้ากามชอบแต๊ะอั๋ง และอื่นๆอีกมากมาย บอกได้เลยว่าถ้าไม่จ่ายเงินมหาศาลแบบมหาราชา จะเที่ยวอินเดียยังไงก็ไม่สบาย แต่นั่นคือหัวใจของการไปเที่ยวอินเดีย คุณจะรักและคิดถึงประเทศไทยขึ้นอีกมากเลย =)
Rajasthan คนไทยเรียกว่า "รัฐราชาสถาน" คนอินเดียเรียกว่า "ราจัสธาน" เป็นรัฐแห่งพระราชาและความมั่งคั่งในอดีต ซึ่งเต็มไปด้วยป้อมปราการ (Fort) พระราชวัง (Palace) วัดฮินดู/เชน (Jain Temple) และสุสานของกษัตริย์ (Cenotaph) เราแพลนทริปล่วงหน้า 6 เดือน เริ่มจากหาข้อมูลการเดินทางกับสถานที่น่าไปต่างๆ ด้วยการดูจากเวบของรัฐบาลอินเดีย เวบของ tour agents อ่านรีวิวนักท่องเที่ยวทั้งไทย ต่างชาติ และคนอินเดียเอง อีกทั้งขอคำแนะนำจากเพื่อนๆคนอินเดียที่เคยไป หาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวรถไฟ และเที่ยวบินภายในประเทศ จนได้โครงร่างของทั้งทริป แล้วก็จองที่พักกับตั๋วเครื่องบิน+รถไฟ ประมาณ 3 เดือนก่อนการเดินทาง แพลนออกมาแล้วพอเอาจริงๆ ผิดแผนบ้างพอสมควร เช่น ตั๋วรถไฟจองแล้วไม่ confirm เลยต้องนั่งรถบัสแขกข้ามคืนแทน ToTT จะเป็นอย่างไร ก็ลองติดตามกันดูนะคะ
>> ทริปนี้รูปเกือบทั้งหมดถ่ายโดยพี่สาวด้วยกล้อง iPhone 6 Plus และมีจาก GoPro บ้างนิดหน่อยค่ะ <<
เมืองที่อยู่ในแผนการมีทั้งหมด 4 เมืองหลักๆ คือ
Jaipur (แขกอ่านว่า 'แจปุร' ไทยอ่านว่า 'จัยเปอร์/ชัยปุระ'), Jaisalmer (แจซาลเม่อร์), Jodhpur (โจดปุร) และ Udaipur (อุดัยปุร)
อันนี้คือแผนทั้งทริปค่ะ
เราจองที่พักผ่าน Airbnb และ Agoda เทียบราคาและอ่านรีวิวเพื่อตัดสินใจผ่าน Tripadvisor
ตั๋วรถไฟให้เพื่อนคนอินเดียจองผ่านเวบ irctc.co.in
ตั๋วเครื่องบินในประเทศ จองผ่าน makemytrip.com
ตอนที่ผิดแผน จองตั๋วรถบัสผ่านเวบ Redbus.in **อย่าใช้เด็ดขาด เราเข็ดมากๆ โปรดติดตามความโหด**
เชคสภาพอากาศเป็นช่วงๆ เพื่อการเตรียมตัว

เนื่องจากพื้นที่ส่วนมากเป็นแถบทะเลทราย และในช่วงหน้าหนาว จึงมีอากาศเย็นจัดตอนกลางคืน และกำลังดีถึงค่อนข้างร้อนตอนกลางวัน (ช่วงที่อยู่จริงๆแดดแรงมากอุณภูมิถึง 28.0 C) จึงต้องเตรียมตัวให้เหมาะสมกับทั้งสองสภาพอากาศ อีกทั้งมีฝุ่นควันเยอะมาก
~สิ่งของจำเป็นที่คุณอาจคิดไม่ถึงเบื้องต้น~
- ผ้าปิดปากและจมูกอย่างดี ขอย้ำว่า 'อย่างดี' นะคะ >> เพราะฝุ่นและควันเยอะมากจริงๆ แบบสีเขียวบางๆทั่วไปเอาไม่อยู่ค่ะ แต่เราพลาดไม่ได้เอาไป >_<
- ผ้าห่มแบบอุ่นๆและเบาขนาดเล็ก คนละผืน >> เอาไว้ใช้บนรถบัส/รถไฟ และในโรงแรมบางที่ที่ผ้าห่มเน่าและคันมาก เหอะๆๆๆ เราเอาผ้าห่มแบบที่แจกบนเครื่องบินที่เป็นใยนุ่มๆอุ่นๆไปคนละผืนค่ะ
- ทิชชูพก แบบแห้งและเปียก >> เอาไปหลายๆห่อ มีประโยชน์ตลอดการเดินทางแน่นอนค่ะ
- หัวแปลงปลั๊ก >> อินเดียมีแต่รูเสียบปลั๊กแบบกลมเท่านั้น ต้องเอาตัวแปลงที่ทำให้สามารถเสียบปลั๊กแบนๆได้
- ปลั๊กพ่วง >> ไหนจะโทรศัพท์คนละเครื่อง ไหนจะพาวเว่อร์แบ้งค์ ไหนจะกล้อง ฯลฯ ... บางโรงแรมมีที่เสียบน้อยค่ะ
- เจลล้างมือแบบพกพา >> เวลาเลือกซื้อของตามร้านฝุ่นเยอะจะทำให้มือเราดำมาก หาที่ล้างลำบาก ใช้เจลล้างมือแล้วเช็ดตามด้วยทิชชู่เปียกค่ะ
- น้ำยาล้างตากำจัดฝุ่นละออง
- ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก แบบไม่ง่วง (พวก zyrtec หรือที่มีตัวยา cetirizine) >> ยิ่งสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ควรกินวันละ 1เม็ด ทุกวันตลอดการเดินทางกันป่วยค่ะ ป่วยแล้วจะเที่ยวไม่สนุกนะ
- วิตามินซีขนาด 1000มก >> กินทุกวันเช่นกัน เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนกระทันหัน พอพระอาทิตย์ตกปั๊บอากาศเย็นทันที อีกทั้งระหว่างการเดินทางร่างกายจะอ่อนเพลียได้ค่ะ
~งบประมาณคร่าวๆ~
เราบอกกับสมาชิกอีกสองคนว่า ทริปนี้เราตั้งไว้ที่ คนละ 20,000บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-เดลลี-กรุงเทพ
ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น มีส่วนเกินจากการช๊อปปิ้งก็ตัวใครตัวมันค่ะ อิอิ
- ค่าที่พักเราเฉลี่ยที่ 2,400บาทต่อคืน สำหรับ 3คน ซึ่งบางที่ก็สามพัน บางที่ก็สองพันกว่า
- ค่าใช้จ่ายทั่วไปอยู่ที่ คนละ 900บาทต่อวัน เช่น ค่าเช่ารถเที่ยวระหว่างวัน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ค่าอาหารกลางวัน+เย็น (มื้อเช้ากินที่โรงแรม) ค่าขนมระหว่างการเดินทาง ฯลฯ
เราไม่เน้นเที่ยวแบบประหยัด แต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย จึงหาที่พักและร้านอาหารที่ค่อนข้างดี ... นี่ขนาดคิดว่าดีแล้วนะ!! ยังไม่ไหวกับที่พักหลายรอบ ToT
ค่าเงินอินเดียเรียกว่า Rupee หรือ รูปี
1รูปี มี 12รูเดือน เอ้ยยย ไม่ใช่!! 1รูปี มี 100แปซา (เหมือนสตางค์บ้านเรา)
เงินไทยจะสูงกว่าค่ะ ตอนนี้อัตราการแลกอยู่ประมาณ 1.80 คนไทยอยู่อินเดียจะรู้สึกค่อนข้างมีฐานะ อิอิ
แต่เราไม่ได้แลกไป เราไปกดจากตู้ ATM ที่นั่นอัตราอยู่ที่ 1.72-1.76 ส่วนใหญ่จะกดจากตู้ Citi Bank
กดครั้งนึงก็ 20,000 รูปี หรือ 10,000 รูปี และเสียค่ากดข้ามประเทศเพิ่มครั้งละ 100บาทค่ะ
บางครั้งกินข้าวหรือซื้อของในห้างก็จะใช้บัตรเดบิตรูด ซึ่งเราพลาดมากค่ะ เพราะอัตราในการรูดบัตรเดบิตอยู่ที่ 1.52-1.60 เอง >"<
ซิมโทรศัพท์สำหรับนักท่องเที่ยวในอินเดีย
เรายังมีซิมเก่าที่เคยใช้สมัยเรียนและมันมีอายุการใช้งานตลอดชีพ จึงไม่เดือดร้อน แต่ของพี่สาวต้องซื้อใหม่จากในสนามบินที่เดลลี มีของค่าย Vodafone และ Airtel เราแนะนำ Airtel ค่ะ ค่าซิมประมาน 600รูปี รอเปิดบริการ 3ชม. แล้วสามารถเติมเงินแพกเกจต่างๆได้ มีอายุการใช้งานที่ 45วันค่ะ แต่ซิมอินเดียจะอยู่ในเขตจังหวัดเท่านั้น ถ้าเดินทางออกไปเมืองอื่นๆ ค่าบริการก็จะแพงขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับแพงมากค่ะ
~~ ไปเที่ยวกันเล้ยยย
ตามแผนการเดินทางที่ให้ดูด้านบน เรากับพี่สาวขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ คืนวันพฤหัส ใช้เวลา 4ชม. ถึงสนามบินเดลลีในวันเดียวกันตอน 5ทุ่มเวลาอินเดีย และเรามีเที่ยวบินต่อตอนเช้า จึงทำให้นั่งๆนอนๆเดินๆยืนๆ อยู่ในบริเวณอาคารนานาชาติ (International Terminal 3) ของสนามบินจนเกือบ ตี5 ก็เดินออกมานอกอาคาร เพราะเที่ยวบินภายในประเทศจะอยู่อีกที่หนึ่ง (Domestic Terminal 1) ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปประมาน 20นาที โดยทางสนามบินมีบริการ Free Airport Shuttle ที่จะวิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างสองอาคารนี้ ทุกๆ 15นาที (ป้ายมันติดว่างี้นะ) และเราจะต้องเอาตั๋วไปให้เจ้าหน้าที่ดูเพื่อรับตั๋วขึ้นรถฟรี
ขณะที่เรายืนต่อแถวอยู่มีฝรั่งสองคนด้านหน้าที่ได้ตั๋วแล้วกำลังถามเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อไหร่รถจะมา? จนท.บอก "อีก 50นาที รถเสียอยู่" เราคิดในใจไม่ทันไปเชคอินแน่ๆ เราถามฝรั่งว่าเขามีเที่ยวบินตอนกี่โมง เขาตอบเวลาใกล้เคียงกับเรา เราเลยเสนอว่าเรา 4คนแชร์ค่าแทกซี่ไปด้วยกันไหม เขาก็ตกลง ขณะนั้นมีผู้ชายคนอินเดียที่จะขึ้น Airport Shuttle เหมือนกัน ยืนฟังการสนทนาอยู่ใกล้ๆก็เข้ามาบอกว่า เขามากับภรรยาจะขอแชร์ด้วยได้มั้ย เรากับฝรั่งก็โอเค ... คนอินเดียหันไปถามเจ้าหน้าที่ว่าค่าแทกซี่จากนี่ไปอาคารหนึ่งราคาเท่าไหร่ เขาตอบมาว่า 800 รูปี ... แพงเว่อร์!! แต่คนอินเดียรู้ดีกว่า เขาหันมาบอกเราว่ามี Prepaid Taxi ของรัฐบาลอีกฝั่งนึง เรา 6คนเลยไปขึ้นตรงนั้น คิดคันละ 270รูปี นั่งได้ 3คนรวมสัมภาระ (คนละ 90รูปี สบายใจ)
วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วจะมาใหม่ ตั้งใจแยกกระทู้ของแต่ละเมืองเพื่อความสะดวกสบายในการอ่านของทุกท่านค่ะ
ลาก่อนด้วยอูฐน้อยในทะเลทรายจาก Jaisalmer ค่ะ
>> อ่านบทนำ **ทำใจก่อนไปอินเดีย** ที่
http://pantip.com/topic/34632842
>> อ่านตอนที่ 1 **วันแรกใน Jaipur** ที่
http://pantip.com/topic/34649482
>> อ่านตอนที่ 2 **อดีตมหานคร Amer + RedBus โหดสัสบัสแขก** ที่
http://pantip.com/topic/34668397
>> อ่านตอนที่ 3 **ต้องมนต์ Jaisalmer** ที่
http://pantip.com/topic/34692422
>> อ่านตอนที่ 4 **Jodhpur + วัดหินอ่อนสองพันปี Ranakpur** ที่
http://pantip.com/topic/34748739
>> อ่านตอนจบ **หลงรัก Udaipur** ที่
http://pantip.com/topic/35056418
[CR] ศิษย์เก่าแดนโรตีตะลุยอินเดีย ทริปสีสันในทะเลทรายแห่ง Rajasthan
พึ่งถึงเมืองไทยเมื่อเช้านี้เอง ไฟแรงจริงๆ (จริงๆกลัวลืม อิอิ)
ขึ้นชื่อว่า "อินเดีย" ใครๆก็คิดว่ามัน สกปรก โหดสัส ลำบาก อันตราย แขกขี้โกง บลา บลา บลา ... ด้วยประสบการณ์ที่เราเคยใช้ชีวิตแบบนักเรียนในประเทศอินเดียมา 13 ปี (ตั้งแต่ป.4 จนจบมหาลัย) เราขอบอกเลยว่า จริงที่สุด!!! แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น ประเทศที่ใหญ่อันดับสามของทวีปเอเชียและอันดับเจ็ดของโลก มันต้องไม่มีเพียงเท่านั้นแน่นอน ปัจจุบันมีคนมาเที่ยวอินเดียมากขึ้นและติดใจ ไปแล้วไปอีก ส่งลูกหลานไปเรียน ยอมรับในด้านลบ และในขณะเดียวกันก็ชื่นชมในด้านบวก
มีคนถามว่า อยู่มาตั้ง 13 ปี ยังกลับไปเที่ยวอีกบ่อยๆ ทำไม? ไม่เบื่อ? ไม่เข็ด?
คำตอบคือ ตลอดเวลาที่อยู่เรียนหนังสือในอินเดีย เราไปเที่ยวในประเทศน้อยมาก พอปิดเทอมก็กลับบ้านตลอด มีหลายที่ที่อยากไปแต่ไม่มีโอกาส เราได้เรียนประวัติศาสตร์ของอินเดียมากมาย ได้รู้เรื่องความเป็นมาต่างๆของประเทศนี้ และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆที่น่าไปเยอะมาก จึงเป็นที่มาของการกลับไปอินเดียในฐานะนักท่องเที่ยวอีกบ่อยครั้ง
ในการรีวิวนี้ เราไม่ลำเอียงใดใด ไม่ได้จะบอกว่า อันไหนดี อันไหนไม่ดี แค่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่สนใจอยากไปรับรู้และลิ้มลองดินแดนแห่งนี้กันนะคะ เริ่มเลยแล้วกัน =) ทริปนี้ไปกัน 3คน มี เรา พี่สาว และแฟนเรา ซึ่งเรากับพี่สาวเรียนที่อินเดียมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันกลับมาทำงานที่เมืองไทยได้ประมาณ 3ปีแล้วค่ะ ส่วนแฟนเป็นคนไทยไปเรียนมหาลัยและยังอยู่ต่อในอินเดีย ดังนั้นพวกเราจึงค่อนข้างมี ภูมิคุ้มกัน และทันแขกอยู่บ้างค่ะ 555
อินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมาก มีความสวยงามและสกปรกในขณะเดียวกัน อยู่ที่เราจะชื่นชมอะไร
อินเดียไม่ค่อยมีอะไรที่ปานกลางหรือพอดีๆ มีแต่ถ้าไม่ดีเว่อร์ ก็แย่ไปเลย คนอินเดียที่ไม่เคยไปที่อื่น จะคิดว่า 'ความสกปรกคือเรื่องปกติ' เพราะเกิดมาก็เห็นแต่แบบนี้ จึงไม่รู้ว่าสะอาดกว่านี้เป็นยังไง จริงๆไม่ว่าคนเราจะไปที่ไหน ไม่ควรมีการคาดหวังว่าจะเจออะไร โดยเฉพาะอินเดีย ต้องเปิดใจมากๆ อินเดียจะสอนคุณให้มีความอดทนได้เป็นอย่างดี พี่สาวเราบอกว่า 'อยู่อินเดียทำให้รู้สึกมีชีวิต' เพราะต้องคอยระมัดระวังและตื่นตัวตลอดเวลา ไหนจะขี้วัว ไหนจะกองขยะ ท่อระบายน้ำ วัวเดินเพ่นพ่านบนถนน รถตุ๊กๆ มอเตอไซ ที่ขับขี่ในตรอกเล็กๆ เด็กและผู้ใหญ่ขอทาน แขกบ้ากามชอบแต๊ะอั๋ง และอื่นๆอีกมากมาย บอกได้เลยว่าถ้าไม่จ่ายเงินมหาศาลแบบมหาราชา จะเที่ยวอินเดียยังไงก็ไม่สบาย แต่นั่นคือหัวใจของการไปเที่ยวอินเดีย คุณจะรักและคิดถึงประเทศไทยขึ้นอีกมากเลย =)
Rajasthan คนไทยเรียกว่า "รัฐราชาสถาน" คนอินเดียเรียกว่า "ราจัสธาน" เป็นรัฐแห่งพระราชาและความมั่งคั่งในอดีต ซึ่งเต็มไปด้วยป้อมปราการ (Fort) พระราชวัง (Palace) วัดฮินดู/เชน (Jain Temple) และสุสานของกษัตริย์ (Cenotaph) เราแพลนทริปล่วงหน้า 6 เดือน เริ่มจากหาข้อมูลการเดินทางกับสถานที่น่าไปต่างๆ ด้วยการดูจากเวบของรัฐบาลอินเดีย เวบของ tour agents อ่านรีวิวนักท่องเที่ยวทั้งไทย ต่างชาติ และคนอินเดียเอง อีกทั้งขอคำแนะนำจากเพื่อนๆคนอินเดียที่เคยไป หาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวรถไฟ และเที่ยวบินภายในประเทศ จนได้โครงร่างของทั้งทริป แล้วก็จองที่พักกับตั๋วเครื่องบิน+รถไฟ ประมาณ 3 เดือนก่อนการเดินทาง แพลนออกมาแล้วพอเอาจริงๆ ผิดแผนบ้างพอสมควร เช่น ตั๋วรถไฟจองแล้วไม่ confirm เลยต้องนั่งรถบัสแขกข้ามคืนแทน ToTT จะเป็นอย่างไร ก็ลองติดตามกันดูนะคะ
ตั๋วรถไฟให้เพื่อนคนอินเดียจองผ่านเวบ irctc.co.in
ตั๋วเครื่องบินในประเทศ จองผ่าน makemytrip.com
ตอนที่ผิดแผน จองตั๋วรถบัสผ่านเวบ Redbus.in **อย่าใช้เด็ดขาด เราเข็ดมากๆ โปรดติดตามความโหด**
เชคสภาพอากาศเป็นช่วงๆ เพื่อการเตรียมตัว
เนื่องจากพื้นที่ส่วนมากเป็นแถบทะเลทราย และในช่วงหน้าหนาว จึงมีอากาศเย็นจัดตอนกลางคืน และกำลังดีถึงค่อนข้างร้อนตอนกลางวัน (ช่วงที่อยู่จริงๆแดดแรงมากอุณภูมิถึง 28.0 C) จึงต้องเตรียมตัวให้เหมาะสมกับทั้งสองสภาพอากาศ อีกทั้งมีฝุ่นควันเยอะมาก
~สิ่งของจำเป็นที่คุณอาจคิดไม่ถึงเบื้องต้น~
- ผ้าปิดปากและจมูกอย่างดี ขอย้ำว่า 'อย่างดี' นะคะ >> เพราะฝุ่นและควันเยอะมากจริงๆ แบบสีเขียวบางๆทั่วไปเอาไม่อยู่ค่ะ แต่เราพลาดไม่ได้เอาไป >_<
- ผ้าห่มแบบอุ่นๆและเบาขนาดเล็ก คนละผืน >> เอาไว้ใช้บนรถบัส/รถไฟ และในโรงแรมบางที่ที่ผ้าห่มเน่าและคันมาก เหอะๆๆๆ เราเอาผ้าห่มแบบที่แจกบนเครื่องบินที่เป็นใยนุ่มๆอุ่นๆไปคนละผืนค่ะ
- ทิชชูพก แบบแห้งและเปียก >> เอาไปหลายๆห่อ มีประโยชน์ตลอดการเดินทางแน่นอนค่ะ
- หัวแปลงปลั๊ก >> อินเดียมีแต่รูเสียบปลั๊กแบบกลมเท่านั้น ต้องเอาตัวแปลงที่ทำให้สามารถเสียบปลั๊กแบนๆได้
- ปลั๊กพ่วง >> ไหนจะโทรศัพท์คนละเครื่อง ไหนจะพาวเว่อร์แบ้งค์ ไหนจะกล้อง ฯลฯ ... บางโรงแรมมีที่เสียบน้อยค่ะ
- เจลล้างมือแบบพกพา >> เวลาเลือกซื้อของตามร้านฝุ่นเยอะจะทำให้มือเราดำมาก หาที่ล้างลำบาก ใช้เจลล้างมือแล้วเช็ดตามด้วยทิชชู่เปียกค่ะ
- น้ำยาล้างตากำจัดฝุ่นละออง
- ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก แบบไม่ง่วง (พวก zyrtec หรือที่มีตัวยา cetirizine) >> ยิ่งสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ควรกินวันละ 1เม็ด ทุกวันตลอดการเดินทางกันป่วยค่ะ ป่วยแล้วจะเที่ยวไม่สนุกนะ
- วิตามินซีขนาด 1000มก >> กินทุกวันเช่นกัน เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนกระทันหัน พอพระอาทิตย์ตกปั๊บอากาศเย็นทันที อีกทั้งระหว่างการเดินทางร่างกายจะอ่อนเพลียได้ค่ะ
~งบประมาณคร่าวๆ~
เราบอกกับสมาชิกอีกสองคนว่า ทริปนี้เราตั้งไว้ที่ คนละ 20,000บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-เดลลี-กรุงเทพ
ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น มีส่วนเกินจากการช๊อปปิ้งก็ตัวใครตัวมันค่ะ อิอิ
- ค่าที่พักเราเฉลี่ยที่ 2,400บาทต่อคืน สำหรับ 3คน ซึ่งบางที่ก็สามพัน บางที่ก็สองพันกว่า
- ค่าใช้จ่ายทั่วไปอยู่ที่ คนละ 900บาทต่อวัน เช่น ค่าเช่ารถเที่ยวระหว่างวัน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ค่าอาหารกลางวัน+เย็น (มื้อเช้ากินที่โรงแรม) ค่าขนมระหว่างการเดินทาง ฯลฯ
เราไม่เน้นเที่ยวแบบประหยัด แต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย จึงหาที่พักและร้านอาหารที่ค่อนข้างดี ... นี่ขนาดคิดว่าดีแล้วนะ!! ยังไม่ไหวกับที่พักหลายรอบ ToT
ค่าเงินอินเดียเรียกว่า Rupee หรือ รูปี
1รูปี มี 12รูเดือน เอ้ยยย ไม่ใช่!! 1รูปี มี 100แปซา (เหมือนสตางค์บ้านเรา)
เงินไทยจะสูงกว่าค่ะ ตอนนี้อัตราการแลกอยู่ประมาณ 1.80 คนไทยอยู่อินเดียจะรู้สึกค่อนข้างมีฐานะ อิอิ
แต่เราไม่ได้แลกไป เราไปกดจากตู้ ATM ที่นั่นอัตราอยู่ที่ 1.72-1.76 ส่วนใหญ่จะกดจากตู้ Citi Bank
กดครั้งนึงก็ 20,000 รูปี หรือ 10,000 รูปี และเสียค่ากดข้ามประเทศเพิ่มครั้งละ 100บาทค่ะ
บางครั้งกินข้าวหรือซื้อของในห้างก็จะใช้บัตรเดบิตรูด ซึ่งเราพลาดมากค่ะ เพราะอัตราในการรูดบัตรเดบิตอยู่ที่ 1.52-1.60 เอง >"<
ซิมโทรศัพท์สำหรับนักท่องเที่ยวในอินเดีย
เรายังมีซิมเก่าที่เคยใช้สมัยเรียนและมันมีอายุการใช้งานตลอดชีพ จึงไม่เดือดร้อน แต่ของพี่สาวต้องซื้อใหม่จากในสนามบินที่เดลลี มีของค่าย Vodafone และ Airtel เราแนะนำ Airtel ค่ะ ค่าซิมประมาน 600รูปี รอเปิดบริการ 3ชม. แล้วสามารถเติมเงินแพกเกจต่างๆได้ มีอายุการใช้งานที่ 45วันค่ะ แต่ซิมอินเดียจะอยู่ในเขตจังหวัดเท่านั้น ถ้าเดินทางออกไปเมืองอื่นๆ ค่าบริการก็จะแพงขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับแพงมากค่ะ
~~ ไปเที่ยวกันเล้ยยย
ตามแผนการเดินทางที่ให้ดูด้านบน เรากับพี่สาวขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ คืนวันพฤหัส ใช้เวลา 4ชม. ถึงสนามบินเดลลีในวันเดียวกันตอน 5ทุ่มเวลาอินเดีย และเรามีเที่ยวบินต่อตอนเช้า จึงทำให้นั่งๆนอนๆเดินๆยืนๆ อยู่ในบริเวณอาคารนานาชาติ (International Terminal 3) ของสนามบินจนเกือบ ตี5 ก็เดินออกมานอกอาคาร เพราะเที่ยวบินภายในประเทศจะอยู่อีกที่หนึ่ง (Domestic Terminal 1) ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปประมาน 20นาที โดยทางสนามบินมีบริการ Free Airport Shuttle ที่จะวิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างสองอาคารนี้ ทุกๆ 15นาที (ป้ายมันติดว่างี้นะ) และเราจะต้องเอาตั๋วไปให้เจ้าหน้าที่ดูเพื่อรับตั๋วขึ้นรถฟรี
ขณะที่เรายืนต่อแถวอยู่มีฝรั่งสองคนด้านหน้าที่ได้ตั๋วแล้วกำลังถามเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อไหร่รถจะมา? จนท.บอก "อีก 50นาที รถเสียอยู่" เราคิดในใจไม่ทันไปเชคอินแน่ๆ เราถามฝรั่งว่าเขามีเที่ยวบินตอนกี่โมง เขาตอบเวลาใกล้เคียงกับเรา เราเลยเสนอว่าเรา 4คนแชร์ค่าแทกซี่ไปด้วยกันไหม เขาก็ตกลง ขณะนั้นมีผู้ชายคนอินเดียที่จะขึ้น Airport Shuttle เหมือนกัน ยืนฟังการสนทนาอยู่ใกล้ๆก็เข้ามาบอกว่า เขามากับภรรยาจะขอแชร์ด้วยได้มั้ย เรากับฝรั่งก็โอเค ... คนอินเดียหันไปถามเจ้าหน้าที่ว่าค่าแทกซี่จากนี่ไปอาคารหนึ่งราคาเท่าไหร่ เขาตอบมาว่า 800 รูปี ... แพงเว่อร์!! แต่คนอินเดียรู้ดีกว่า เขาหันมาบอกเราว่ามี Prepaid Taxi ของรัฐบาลอีกฝั่งนึง เรา 6คนเลยไปขึ้นตรงนั้น คิดคันละ 270รูปี นั่งได้ 3คนรวมสัมภาระ (คนละ 90รูปี สบายใจ)
>> อ่านตอนที่ 1 **วันแรกใน Jaipur** ที่ http://pantip.com/topic/34649482
>> อ่านตอนที่ 2 **อดีตมหานคร Amer + RedBus โหดสัสบัสแขก** ที่ http://pantip.com/topic/34668397
>> อ่านตอนที่ 3 **ต้องมนต์ Jaisalmer** ที่ http://pantip.com/topic/34692422
>> อ่านตอนที่ 4 **Jodhpur + วัดหินอ่อนสองพันปี Ranakpur** ที่ http://pantip.com/topic/34748739
>> อ่านตอนจบ **หลงรัก Udaipur** ที่ http://pantip.com/topic/35056418