บ้านขุนทะเล เเรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเมีย ร.ศ.115 พ.ศ.2439
จ๋อมม ซู่วววว จ๋อมมม ซู่วววว จ๋อมม
เสียงไม้พาย สัมผัสกับน้ำดังจ๋อมแจ๋ม ความมืดแห่งรัตติกาล แลสายหมอกขาวโพลน กำลังบดบังทัศนเบื้องหน้า เสียจนเกือบหมดสิ้น แต่ภายใต้ความมืดมิด ก็ยังปรากฏกองเพลิง สูงท่วมยอดไม้ แล กลุ่มควัน พวยพุงขึ้นสู่ฟ้า
"หลวงพ่อขอรับ แถวนี้ คงจักมีเหตุร้ายเป็นแน่ อย่างไรเสีย เราเลี้ยงไปขึ้นท่าข้างหน้าดีหรือไม่ขอรับ"
พลเรือประนมมือ พร้อมรายงานเหตุการณ์เบื้องหน้า ให้กับภิกษุชราซึ่งดวงตาทั้งสองมืดบอดสนิทได้รับรู้
"มิต้องดอก ขึ้นท่านี่แหละโยมทิด อาตมาจักเดินไปดูเหตุการณ์เสียหน่อย เพื่อจักมีสิ่งใดต้องช่วย"
เมื่อเรือจอดสนิท หลางพ่อ เสือดำ อดีตขุนโจรผู้เกรียงไกร แห่งคุ้งสิงห์บุรี ก็รีบรุดเดินเข้าไปยังที่เกิดเหตุ
"หลวงพ่อขอรับ !!หลวงพ่อ !!รอกระผมด้วยขอรับ!!"
ไอ้ทิด พลเรือ รีบวิ่งตามหลวงพ่อไป สำหรับชาวบ้านทั่วไป เมื่อเห็นหลางพ่อเสือดำ อาจนึกฉงนใจ ทั้งๆที่ดวงตาทั้งสองมืดบอดสนิท แต่ท่าน กลับรู้ทิศ รู้ทาง แลล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่สำหรับทิศแก้ว ลูกศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อ รู้ดี ว่าด้วย หลวงพ่อเสือดำ มีวิชาอาคม แลตบะที่แก่กล้านัก ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงมีญาณ ที่ใช้ในการนำทาง
" หลวงพ่อขอรับ!!"
กว่าจะจ้ำท้าวทันได้ เล่นเอาหนุ่มๆอย่างทิดแก้ว หอบไม่น้อย
หลวงพ่อ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน กองเพลิงสูงเสียดฟ้า ยังคงทำหน้าที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างในหมู่บ้าน ให้มอดไหม้ หน้าหมู่บ้านเต็มไปด้วยซากศพ บ้างก็ถูกบั่นคอแลเสียบไว้ หน้าหมู่บ้าน บ้างก็โดนแขวนคอ ตาถลน ลิ้นจุกปาก มันช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่ใจเสียยิ่งนัก
"แกวววว อะแฮฮฮฮฮ แกววววว แกวววววว!!"
ภายหลังกองเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ได้ยินเสียงแห่งความบริสุทธิ์ที่ กำลังร้องขอชีวิตตนจากพญามัจจุราชที่คงกำลังจะคืบคลาน แผดเผาร่างน้อยๆ ให้ไหม้เป็นจุน
"หลวงพ่อขอรับ!!"
เจ้าทิดร้องเสียงหลง เมื่อหลวงพ่อ มุ่งหน้าเดินเข้าหากองเพลิง แลทันใดนั้น แทนที่เพลิงจะเเผดเผาร่างภิกษุเท่า แต่กลับแยกตัวเป็นทางยาว ประหนึ่งว่าหลวงพ่อ บังคับไฟพวกนี้ได้เสียอย่างนั้น
"แกววววว แกววววว แกววววว แกววววว!!!"
ภายในหมู่บ้าน มีแต่ซากศพ ทับถมกันเป็นกองเพนิน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว บริเวณ หลวงพ่อ เดินเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่ง ภายในปรากฏร่างหญิงสาว นอนจมกองเลือด ผ้าผ่อนหลุดหลุ่ย ใกล้กัน มีทารกตัวน้อย กำลังร้องไห้กระจองอแง
ถึงมิได้เห็นด้วยตา แต่หลวงพ่อก็สัมผัสได้ถึงความหดหู่ใจเบื้องหน้า ร่างน้อยถูกช้อนขึ้นมา ด้วยสองมือเเห่งพระธรรม บัดนี้ เสียงร้องได้เลือนหายไปเสียแล้ว <br>
หลวงพ่อ อุ้มทารกในมือ พลางเดินลงจากเรือน แลในนาทีนั้น เรือนก็พังคลืน พร้อมกับเพลิง ที่แผดเผาทุกสิ่งเสียหมดสิ้น!!
" เด็กหรือขอรับ"
"รีบเดินทางให้ถึงวัดก่อนเถิดโยมทิด"
สิ้นคำ หลวงพ่อจึงอุ้มทารกน้อย เดินจ้ำไปให้ถึงวัดเสียโดยเร็ว โดยมีใครคนหนึ่ง อาศัยความมืด เดินตามมาอย่างเงียบเชียบ
"แกร๊บบ แกร๊บบ แกร๊บบ"
หลวงพ่อเดินลัดเลาะตามแนวชายป่า มาจนถึง วัดขะนทะเล ซึ่งมิได้ต่างอันใดกับวัดร้างเลย ศาลา โบสถ์ ถูกปกคลุมไปด้วยกอไม้เลื้อย ที่ขึ้นหนาทึบ สลับช่อดอกไม้สีสด ส่งกลิ่นหอมชวนดม
"ใครที่ตามข้ามา จงสำแดงตัวให้เห็นเถิด"
หลวงพ่อ พูดพลางหยุดเดิน ส่งผลให้ไอ้ทิด ที่หวาดกกลัวเสียจนขี้ขึ้นสมอง ต้องกระโดด ผลุม เข้าไปหลบอยู่หลังหลวงพ่อ
แลทันใดนั้น ชายป่าที่ถัดออกไปไม่ไกลนัก ก็ปรากฎร่างเด็กน้อย หน้าตามอมแมม เดินกระเผลกๆ ออกมาประจันหน้ากับหลวงพ่อเสือ
"เอ็งเป็นใครกันเจ้าหนูน้อย"
เสียงหลวงพ่อเสือดำ ก่นถามเด็กตรงหน้า ด้วยอยากรู้ที่มาที่ไป แลเหตัใดถึงมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ยามดึกดื่นคำคืนเช่นนี้
"ฮึก ฮึก กระผมชื่อเรืองขอรับ"
เสียงตอบคำถามปนสะอื้นหลุดออกมาจากปากเจ้าเด็กน้อย น้ำตาที่ลอะสองข้างแก้ม แลเนื้อตัวที่เหม็นกลิ่นคาวเลือด ทำให้หลวงพ่อรู้ได้ทันทีว่า เด็กคนนี้คงจะเป็น ลูกของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเป็นแน่
"พ่อแม่เอ็ง หลุดพ้นบ่วงกรรมแล้วเจ้าหนธเอ๋ย อย่าคร่ำครวญให้เกิดทุกข์ไปเลย ถัาเอ็งไม่มีที่ไป ก็มาอยู่ก้นกุฏิ หลวงตาก็ได้<br>
หลวงพ่อเสือดำ พูดปลอบประโลมจิตใจ พลางลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
"เอ้า ไอ้ทิด เอ็งพาเจ้าเรือง ไปล้างหน้าล้างตัว หาเสื้อผ้าให้ผลัดเปลี่ยนไปเสียก่อน ตะวันขึ้นเมื่อใด ค่อยว่ากันอีกที"
"ขอรับ"
ไอ้ทิด รับคำหลวงพ่อเสือดำพลางจูงมือเจ้าเรือง หายไปหลังกุฎิ
ลับสายตาเจ้าทิด หลวงพ่อก็พลันก้มลงมองหน้าเจ้าทารกน้อย ที่กำลังหลับปุ๋ย มิรู้เรื่องรู้ราวอันใด ดูแล้วมันช่างน่าเอ็นดูเสียจริงๆ
"เจ้าหนูเอ๋ย ชีวิตเจ้าได้ตายแลเกิดใหม่แล้ว ต่อไปเบื้องหน้า เจ้าจงเติบโตเป็นคนดีเถิดนะ"
หลวงพ่อพูดพลางเดินขึ้นกุฏิไป เพื่อจัดที่หลับที่นอนให้เจ้าทารกน้อย รัตนิกาลอันสงบเงียบยังคงดำเนินต่อไป สายตาของชายร่างใหญ่ ที่ยืนมองจากชายป่า ยังคงทอดยาวไปบรรจบอยู่ที่กุฎิของหลวงพ่ออย่างมิวางตา!!!!!
จอมขมังเวท!!! (ชื่อซ้ำกับบุคคลท่านใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย)
จ๋อมม ซู่วววว จ๋อมมม ซู่วววว จ๋อมม
เสียงไม้พาย สัมผัสกับน้ำดังจ๋อมแจ๋ม ความมืดแห่งรัตติกาล แลสายหมอกขาวโพลน กำลังบดบังทัศนเบื้องหน้า เสียจนเกือบหมดสิ้น แต่ภายใต้ความมืดมิด ก็ยังปรากฏกองเพลิง สูงท่วมยอดไม้ แล กลุ่มควัน พวยพุงขึ้นสู่ฟ้า
"หลวงพ่อขอรับ แถวนี้ คงจักมีเหตุร้ายเป็นแน่ อย่างไรเสีย เราเลี้ยงไปขึ้นท่าข้างหน้าดีหรือไม่ขอรับ"
พลเรือประนมมือ พร้อมรายงานเหตุการณ์เบื้องหน้า ให้กับภิกษุชราซึ่งดวงตาทั้งสองมืดบอดสนิทได้รับรู้
"มิต้องดอก ขึ้นท่านี่แหละโยมทิด อาตมาจักเดินไปดูเหตุการณ์เสียหน่อย เพื่อจักมีสิ่งใดต้องช่วย"
เมื่อเรือจอดสนิท หลางพ่อ เสือดำ อดีตขุนโจรผู้เกรียงไกร แห่งคุ้งสิงห์บุรี ก็รีบรุดเดินเข้าไปยังที่เกิดเหตุ
"หลวงพ่อขอรับ !!หลวงพ่อ !!รอกระผมด้วยขอรับ!!"
ไอ้ทิด พลเรือ รีบวิ่งตามหลวงพ่อไป สำหรับชาวบ้านทั่วไป เมื่อเห็นหลางพ่อเสือดำ อาจนึกฉงนใจ ทั้งๆที่ดวงตาทั้งสองมืดบอดสนิท แต่ท่าน กลับรู้ทิศ รู้ทาง แลล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่สำหรับทิศแก้ว ลูกศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อ รู้ดี ว่าด้วย หลวงพ่อเสือดำ มีวิชาอาคม แลตบะที่แก่กล้านัก ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงมีญาณ ที่ใช้ในการนำทาง
" หลวงพ่อขอรับ!!"
กว่าจะจ้ำท้าวทันได้ เล่นเอาหนุ่มๆอย่างทิดแก้ว หอบไม่น้อย
หลวงพ่อ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน กองเพลิงสูงเสียดฟ้า ยังคงทำหน้าที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างในหมู่บ้าน ให้มอดไหม้ หน้าหมู่บ้านเต็มไปด้วยซากศพ บ้างก็ถูกบั่นคอแลเสียบไว้ หน้าหมู่บ้าน บ้างก็โดนแขวนคอ ตาถลน ลิ้นจุกปาก มันช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่ใจเสียยิ่งนัก
"แกวววว อะแฮฮฮฮฮ แกววววว แกวววววว!!"
ภายหลังกองเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ได้ยินเสียงแห่งความบริสุทธิ์ที่ กำลังร้องขอชีวิตตนจากพญามัจจุราชที่คงกำลังจะคืบคลาน แผดเผาร่างน้อยๆ ให้ไหม้เป็นจุน
"หลวงพ่อขอรับ!!"
เจ้าทิดร้องเสียงหลง เมื่อหลวงพ่อ มุ่งหน้าเดินเข้าหากองเพลิง แลทันใดนั้น แทนที่เพลิงจะเเผดเผาร่างภิกษุเท่า แต่กลับแยกตัวเป็นทางยาว ประหนึ่งว่าหลวงพ่อ บังคับไฟพวกนี้ได้เสียอย่างนั้น
"แกววววว แกววววว แกววววว แกววววว!!!"
ภายในหมู่บ้าน มีแต่ซากศพ ทับถมกันเป็นกองเพนิน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว บริเวณ หลวงพ่อ เดินเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่ง ภายในปรากฏร่างหญิงสาว นอนจมกองเลือด ผ้าผ่อนหลุดหลุ่ย ใกล้กัน มีทารกตัวน้อย กำลังร้องไห้กระจองอแง
ถึงมิได้เห็นด้วยตา แต่หลวงพ่อก็สัมผัสได้ถึงความหดหู่ใจเบื้องหน้า ร่างน้อยถูกช้อนขึ้นมา ด้วยสองมือเเห่งพระธรรม บัดนี้ เสียงร้องได้เลือนหายไปเสียแล้ว <br>
หลวงพ่อ อุ้มทารกในมือ พลางเดินลงจากเรือน แลในนาทีนั้น เรือนก็พังคลืน พร้อมกับเพลิง ที่แผดเผาทุกสิ่งเสียหมดสิ้น!!
" เด็กหรือขอรับ"
"รีบเดินทางให้ถึงวัดก่อนเถิดโยมทิด"
สิ้นคำ หลวงพ่อจึงอุ้มทารกน้อย เดินจ้ำไปให้ถึงวัดเสียโดยเร็ว โดยมีใครคนหนึ่ง อาศัยความมืด เดินตามมาอย่างเงียบเชียบ
"แกร๊บบ แกร๊บบ แกร๊บบ"
หลวงพ่อเดินลัดเลาะตามแนวชายป่า มาจนถึง วัดขะนทะเล ซึ่งมิได้ต่างอันใดกับวัดร้างเลย ศาลา โบสถ์ ถูกปกคลุมไปด้วยกอไม้เลื้อย ที่ขึ้นหนาทึบ สลับช่อดอกไม้สีสด ส่งกลิ่นหอมชวนดม
"ใครที่ตามข้ามา จงสำแดงตัวให้เห็นเถิด"
หลวงพ่อ พูดพลางหยุดเดิน ส่งผลให้ไอ้ทิด ที่หวาดกกลัวเสียจนขี้ขึ้นสมอง ต้องกระโดด ผลุม เข้าไปหลบอยู่หลังหลวงพ่อ
แลทันใดนั้น ชายป่าที่ถัดออกไปไม่ไกลนัก ก็ปรากฎร่างเด็กน้อย หน้าตามอมแมม เดินกระเผลกๆ ออกมาประจันหน้ากับหลวงพ่อเสือ
"เอ็งเป็นใครกันเจ้าหนูน้อย"
เสียงหลวงพ่อเสือดำ ก่นถามเด็กตรงหน้า ด้วยอยากรู้ที่มาที่ไป แลเหตัใดถึงมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ยามดึกดื่นคำคืนเช่นนี้
"ฮึก ฮึก กระผมชื่อเรืองขอรับ"
เสียงตอบคำถามปนสะอื้นหลุดออกมาจากปากเจ้าเด็กน้อย น้ำตาที่ลอะสองข้างแก้ม แลเนื้อตัวที่เหม็นกลิ่นคาวเลือด ทำให้หลวงพ่อรู้ได้ทันทีว่า เด็กคนนี้คงจะเป็น ลูกของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเป็นแน่
"พ่อแม่เอ็ง หลุดพ้นบ่วงกรรมแล้วเจ้าหนธเอ๋ย อย่าคร่ำครวญให้เกิดทุกข์ไปเลย ถัาเอ็งไม่มีที่ไป ก็มาอยู่ก้นกุฏิ หลวงตาก็ได้<br>
หลวงพ่อเสือดำ พูดปลอบประโลมจิตใจ พลางลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
"เอ้า ไอ้ทิด เอ็งพาเจ้าเรือง ไปล้างหน้าล้างตัว หาเสื้อผ้าให้ผลัดเปลี่ยนไปเสียก่อน ตะวันขึ้นเมื่อใด ค่อยว่ากันอีกที"
"ขอรับ"
ไอ้ทิด รับคำหลวงพ่อเสือดำพลางจูงมือเจ้าเรือง หายไปหลังกุฎิ
ลับสายตาเจ้าทิด หลวงพ่อก็พลันก้มลงมองหน้าเจ้าทารกน้อย ที่กำลังหลับปุ๋ย มิรู้เรื่องรู้ราวอันใด ดูแล้วมันช่างน่าเอ็นดูเสียจริงๆ
"เจ้าหนูเอ๋ย ชีวิตเจ้าได้ตายแลเกิดใหม่แล้ว ต่อไปเบื้องหน้า เจ้าจงเติบโตเป็นคนดีเถิดนะ"
หลวงพ่อพูดพลางเดินขึ้นกุฏิไป เพื่อจัดที่หลับที่นอนให้เจ้าทารกน้อย รัตนิกาลอันสงบเงียบยังคงดำเนินต่อไป สายตาของชายร่างใหญ่ ที่ยืนมองจากชายป่า ยังคงทอดยาวไปบรรจบอยู่ที่กุฎิของหลวงพ่ออย่างมิวางตา!!!!!