ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ...วันนี้อยากมาขอคำแนะนำอีกครั้งค่ะ
อาจจะยาวสักหน่อย แต่ขอความกรุณาด้วยนะคะ

เด็กม.ปลายหรือคนที่เรียนอยู่น่าจะพอมีความรู้สึกนี้อยู่บ้าง ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังอะไรทำนองนี้
เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย เรารู้สึกไม่ดีที่มีความคิดแบบนี้ กลัวว่ามันจะลุกลามในอนาคต
ช่วงนี้ช่วงสอบก็เครียดๆอยู่เรื่อยๆ อ่านหนังสือไปแล้วไม่ตรงกับที่ออกทั้งๆที่อ่านหนักมากแท้ๆ
มันเหมือนหมดกำลังใจ ไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทาง ไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม เรียนไปเพื่ออะไร
[ เคยมีคนบอกว่าให้คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่ไว้ แต่มันก็คิดได้นะ แต่เป็น 2 กรณีอ่ะ กรณีแรก : มีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นอีก กับ
กรณีที่สอง : ความคิดที่ว่า เกิดมาทำไม เกิดมาก็เป็นภาระเขา ทำไรให้ก็ไม่ได้ น่าจะตายๆไปซะอะไรอย่างนี้ ]

คนอื่นชอบบอกว่าเราเป็นคนเก่ง ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว แต่จริงๆเราว่ามันไม่ใช่อ่ะ (พูดแล้วอยากจะร้องไห้แม่มเถอะ!)
ที่บ้านเขาอยากให้เป็นหมอมาก ทั้งๆที่เราก็ไม่เคยบอกนะว่าอยากเป็น ชอบพูดทำนองว่า เก่งอยู่แล้วยังไงก็ติดหมอ จบแล้วต่อหมอใช่มะ เรียนหมอที่ไหนดีล่ะ หรือไม่ก็พวกไม่ได้บังคับหรอกนะแต่ก็อยากให้เป็นหมอมากกว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะอยากให้เลือกเองว่าชอบอะไร แต่เป็นหมอก็ดีนะ แต่อยากให้เป็นหมอมากกว่า หมอมันอย่างนั้นอย่างนี้นะ แล้วบางครั้งญาติไม่ก็คนรู้จักถามว่าจะเรียนต่ออะไร ได้เกรดเท่าไหร่ เขาก็ชอบบอกว่า อ๋อเนี่ยจบก็ไปต่อหมอแล้ว เราก็ได้แต่ยิ้มๆไม่ได้พูดอะไร พอรู้เกรดเราก็ชอบบอกว่า โห เกรดแบบนี้ก็ติดหมอสบายเลยสิ แล้วจะไปต่อหมอที่ไหนล่ะ เขาก็คุยอะไรต่อมิอะไรของเขาเสร็จสรรพ ทั้งๆที่เราไม่เคยพูดอะไรเลยสักครั้ง ว่าอยากต่ออะไร อยากต่อที่ไหน พอใจกับอาชีพนี้หรือเปล่า บางครั้งก็ชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่ก็ ดูสิบ้านนั้นลูกเขาเก่งมากเลยนะคนโตติดวิศวะxxx คนกลางก็ติดวิศวะxxx คนเล็กก็ติดหมอxxx ลูกบ้านนั้นติดจxx หลานบ้านนั้นติดธxxxxxx ซึ่งเอิ่ม...ก็นะ

เราก็ไม่เชิงว่าจะไม่ชอบหมอหรอกนะ แต่ตัวเองแค่ยังไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ชอบอะไร แต่คิดว่าน่าจะไม่ใช่หมอ อาจจะเพราะได้ยินด้านลบมามากก็ได้มั้ง เราเคยชอบเล่นกีฬา ชอบภาษา แล้วก็ชอบเล่นดนตรีตอนที่ยังอยู่รร.เก่า แต่ตอนนี้ม.ปลายแล้วเลยย้ายรร.มาเพราะรร.เก่าไม่มีม.ปลาย รร.ใหม่เราเป็นอันดับต้นๆประเทศอ่ะ มีแต่เด็กเก่งๆ เราก็ไม่เข้าใจว่าสอบติดเข้าไปได้ไง มีแต่คนบอกว่าคงเพราะสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนดีเลยได้เข้า
แต่เพราะเป็นสังคมใหม่มั้ง เราก็เลยกดดัน เราเป็นคนเงียบๆ คนอื่นน่าจะไม่รู้ว่าเราเครียดอยู่ (หลายคนชอบบอกว่าเดาอารมณ์เราไม่ออก)
เมื่อก่อนเราเล่นกีฬาจนได้เป็นนักกีฬารร. แต่ตอนนี้ไม่แล้วเพราะไม่มีเวลาไปเล่นต้องเอาเวลาทั้งหมดที่เหลือไปเรียนพิเศษ
เมื่อก่อนชอบภาษา คุยกับอ.ต่างชาติที่รร.เก่าตลอดไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นทุกคนที่อยู่ในรร.เลยดีกว่า แต่ตอนนี้ก็ไม่ เพราะอ.ต่างชาติที่นี่ดูไม่ค่อยเฟรนด์ลี่เท่าไหร่ ดูน่ากลัวๆยังไงก็ไม่รู้ เราเลยไม่กล้าคุย (เรื่องมันยาวกว่านี้แหละ แต่ขี้เกียจเล่า)
เมื่อก่อนเราเล่นดนตรี+อยู่วงโยฯ ว่างๆก็เข้าไปฝึก ไปช่วยคนอื่นฝึกตลอด แต่มีอยู่ช่วงนึงที่บ้านรู้ (เราบอกแม่คนเดียว) ว่าอยู่วงโยฯ ก็มาบอกเราเป็นนัยๆว่า อย่าจริงจังมาก เอาเวลาไปเรียนดีกว่านะทั้งๆที่ตอนนั้นเราก็เรียนดีมาตลอด เกรดไม่เคยตกเลย เกรดดีขึ้นด้วยซ้ำ สักพักเราก็เลิกเล่น เพราะเวลาซ้อมมันซ้อนทับกับเวลาที่ต้องเอาไปเรียนพิเศษ

รร.เก่าเราเป็นธรรมดาๆ อยู่นอกตัวเมือง เด็กๆก็มีตั้งแต่ไม่ค่อยมีจนถึงปานกลาง ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษรู้จักกันแค่ในชุมชนเท่านั้น เด็กก็เอ่อ...มีหลายประเภทแหละ แต่ก็ออกแนวเถื่อนๆหน่อยตามประสาอ่ะนะ แต่เราก็ไม่ค่อยไปยุ่งกับพวกนั้นอยู่แล้ว ในมุมมองของเราถึงเขาจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ถือว่าจริงใจในระดับนึงเลย ดีกว่าบางประเภทที่ดูภายนอกเหมือนเป็นคนดีคนจริงใจ แต่ความจริงแล้วไม่ เด็กที่นี่ไม่ค่อยซีเรียสกับการเรียนเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะยังเด็กอยู่ด้วยมั้ง อ.ก็สนับสนุนกิจกรรมเต็มที่ เราก็ไปแข่งขันหรือไปสอบอยู่เป็นประจำเลยเหมือนได้ไปเที่ยวไปในตัว ไปที่แปลกๆบ้าง (เราไม่ค่อยได้ไปไหน เพราะต้องเรียนพิเศษ) แต่รร.ใหม่เป็นรร.เด็กเก่งก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแข่งขันหรือออกนอกสถานที่เท่าไหร่ เด็กที่นี่ก็ออกแนวค่อนข้างมีฐานะไปจนถึงรวย บางคนก็เป็นลูกคนใหญ่คนโต ลูกคนดังอะไรประมาณนี้ บ้านเราก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมาก ก็ปานกลางๆ เรารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนที่เพื่อนคุยกันแล้วเป็นประโยคสนทนาประมาณ นี่ๆอันนี้ดีมากเลยนะ แกรู้จักป่ะ อ่าว..ไม่หรอ ลองไปหามาใช้ดูนะ แค่ x,xxx บาทเอง แกๆดูนี่ดิ เราเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน xx,xxx เอง บางครั้งก็เออที่บ้านเราเพิ่งซื้อไอนั่นมาแหละ xxx,xxx กับ.... อีก xxx,xxx บาท บ้านแกมีป่ะ เราก็ยิ้มๆไม่ได้ตอบอะไร คนอื่นก็บอกว่ามีแบบนี้ในทุกสังคมแหละ อาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยชินกับสังคมแบบนี้เท่าไหร่มั้ง บางครั้งเราก็น้อยเนื้อต่ำใจนะว่าทำไมถึงไม่มีแบบเขาบ้าง แต่ก็..แล้วไง มีก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขขึ้นสักเท่าไหร่

เราดูเหมือนไม่ค่อยแคร์อะไร แต่เอาจริงๆก็คิดเล็กคิดน้อยอ่ะแหละ แต่ก็ไม่เคยบอกคนอื่นไปตรงๆ ไม่อยากให้ดูอ่อนแอหรือเป็นภาระใคร คนอื่นเลยไม่ค่อยรู้กัน คิดว่าคนอื่นคงมีเรื่องเครียดอยู่แล้วเลยไม่อยากเป็นภาระให้ใครอีก แต่กลายเป็นว่าเหมือนความเครียดมันสะสม ความอัดอั้นตันใจมันพอกพูนจนไม่รู้จะไปพูดกับใคร เลยอยากมาระบายและหาคำแนะนำ แถมช่วงนี้เราก็รู้สึกเหมือนอารมณ์มันอ่อนไหวกว่าเดิม นิดๆหน่อยๆก็ร้องไห้ บางครั้งกินข้าวกับที่บ้านอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาทั้งๆที่เราก็ยังไม่เข้าใจว่าร้องไห้ทำไมหรือว่าร้องไห้เรื่องอะไร

เราอาจพูดเวิ้นเว้อและยาวเกินไปสักหน่อยต้องขอโทษตรงนี้ด้วยนะคะ

สำหรับคนที่ไม่อยากอ่านยาว เราก็ขอถามสั้นๆตรงนี้เลยว่า
1. มีวิธียังไงให้เพิ่มไฟให้ตัวเองในการอ่านหนังสือต่อคะ?
( มีคนบอกว่าให้นึกถึงจุดหมายเอาไว้ : ซึ่งเราไม่มี , ให้นึกถึงพ่อแม่ : ก็อย่างที่บอกไปบางครั้งอารมณ์แบบกรณีที่สองมันก็มา , ให้นึกถึงอนาคตของเรา : ซึ่งมันช่างว่างเปล่า ไม่มีจุดหมายปลายทาง แล้วจะมีอนาคตได้ยังไงถ้ายังไม่มีแบบแผน )
2. มีวิธียังไงให้หาตัวเองเจอหรอคะ ว่าอยากทำอะไรหรืออยากเป็นอะไร
3. คนที่ทำงานในตอนนี้ รู้ได้ไงคะว่าอยากทำอาชีพนี้แล้วรู้ตอนไหน แล้วคนที่ไม่รู้ละคะ ทำไมถึงยังเลือกอาชีพนี้ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ
4. สรุปแล้วหมอเนี่ยเป็นยังไงกันแน่คะ ที่นอกจากประโยคที่เราได้ยินมาซ้ำๆว่า ได้เงินดี เรียนจบแล้วรักษาคนในครับครัวได้ (ทั้งๆที่จริงๆก็ไม่มีเวลาขนาดนั้นไม่ใช่หรอคะหรือว่ามีจริงๆ?)
5. หมอนี่จบ 6 ปีแล้วเป็นหมออะไรคะ หมอทั่วไป? หมออายุรกรรม? เพราะจำได้ว่าถ้าจะเป็นเฉพาะทางก็ต้องต่อป.โทอีก
6. ถามคนที่จบหมอแล้วเป็นยังไงบ้างคะ มีความสุขดีไหม ทำงานเป็นไงบ้าง แล้วทำไมถึงเลือกมาเป็นหมอ
7. เวลาเครียดๆนี่ทำอะไรให้หายหรอคะ
8. อย่างนี้เราจะเรียกว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าคะ?
9. คนที่เรียนหนักแล้วยังเล่นกีฬาหรือเล่นดนตรีอยู่ยังมีอยู่บ้างไหมคะ แบ่งเวลาไปให้สิ่งที่ตัวเองชอบกันยังไงโดยไม่ทับเวลาเรียนพิเศษ
10. คนที่ทำงานอยู่ตอนนี้ที่ยังมีความสุขอยู่มีจริงๆใช่ไหมคะ เราเจอแต่คนที่ทำงานแล้วไม่มีความสุข (พอเขามาเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง เราก็เริ่มเครียดแทนแล้วค่ะ)

ขอบคุณทุกคำชี้แนะล่วงหน้าเลยนะคะ

ขอแก้ไขแท็กหน่อยนะคะ
แท็กแพทย์ เพราะอยากเข้าใจทัศนคติของคนเป็นแพทย์หน่อยค่ะ ว่าเป็นยังไง ทำงานมีความสุขดีไหม ทำไมถึงเลือกอาชีพนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่