พระพุทธเจ้าตั้งนิพพาน ไว้กี่ประเภท แต่ละประเภทหมายความว่าอย่างไร
ทำไมบางคนยืนยันจัง ว่านิพพานมีแบบเดียวคือหลุดพ้นกิเลสไป นี่คือศึกษาพระไตรปิฏกกันดีแล้วหรือยัง
จิตว่าง ระงับกิเลสชั่วคราว มันเกิดขึ้นได้ ด้วยกำลังวิปัสสนาญาณ ทำให้กิเลสระงับชั่วคราว
แล้วเดินปัญญาได้ ก็มีนะ
ศึกษากันดีแล้วหรือยัง (อ่านในรูปข้างล่างดีๆ มีคำว่า
ระงับไปชั่วคราว อยู่นะ)
^
|
|
ข้อความนี้จะระบุว่า นิพพานแต่ละข้อนั้น Map กับ โสฬสญาณ ข้อ ใดบ้าง สามารถอ่านประกอบได้จาก
http://www.nkgen.com/715.htm
โดยใช้เกณฑ์ สังโยชน์ 10 กับ โสฬสญาณ (ญาณวิปัสสนา16) ในการแยก ดังรูปข้างบน
เอาละ ถ้าจำแนก
จากภาพนี้ นิพพานในความหมายของบางคนคือ นิพพานที่หลุดพ้นอาสวะกิเลสแล้ว คือตัวสุดท้าย
ซึ่ง ตทังคนิพพาน นั้นคนละประเภทกับนิพพานตวที่หลุดพ้นก็จริง แต่หากจะบอกว่าไม่จัดอยู่ในประเภทนิพพานนั้น ก็ไม่อาจจะกล่าวได้
พระไตรปิฏกจะไม่ขัดแย้งกันเอง ดังนั้น ในพระสูตรอื่น ก็จะมีการเชื่อมโยงถึงการยืนยันจำแนกประเภทนิพพานไว้ตามนี้จริง
เหตุใดพระไตรปิฏก จำแนกประเภทนิพพาน ไว้ ดังนี้ แต่ทำไมบางคนถึงยืนยันจะจำแนกให้เป็นประเภทเดียวให้ได้
จนมาว่าท่านพุทธทาสเสีย เนี่ยเป็นจุดที่ควรต้องสงสัยตัวเองแล้ว
และกลับมาถามตัวเอง ว่า เหตุใดความสงสัยท่านจึงมีมากมาย ท่านลงมือปฏิบัติภาวนามากกว่าใช้ความคิดแทนหรือไม่
วิกิจฉาในพระธรรมท่านจึงมีอยู่ในใจอยู่
ท่านลองคิดตามดูหากนิพพานมี แบบเดียว เพราะทุกคนคิดว่า นิพพานเป็นความว่าง พ้นจากกิเลสทั้งหมด
แต่พอมาปฏิบัติ ได้ ตทังคนิพพาน , วิกขัมภนนิพพาน,สมุจเฉทนิพพาน ,ปฏิปัสสัทธินิพพาน
ทุกนิพพานนี้ล้วนเกิดผลให้จิตเป็นความว่างเช่นกันหมด ตามระดับรอบญาณนั่นๆ
ถ้าไม่จำแนกเช่นนี้ ก็จะพลอยคิดว่า นี่คือ ความว่าง เรานิพพานแล้ว กันเสียหมด
ปุถุขนจิตมีความว่าง ก็อาจนึกว่าตัวเองบรรลุธรรมแล้ว ทั้งๆที่ภูมิธรรมยังไปไม่ถึง
เพราะตอนเดินปัญญาได้ความว่างมาเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่ความว่างแบบเดียวกับการละอาสวะกิเลสอย่างแท้จริง
อย่างน้อยเมื่อสำรวจตัวเอง แล้วหาคำว่านิพพาน
หากยังมีวาสนาก็ย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า ความว่างนี้ ไม่ใช่ความว่างอันเป็นนิพพานเพื่อพ้นอาสาวะ
หากแต่เป็นนิพพานชั่วคราว ตามระดับกำลังญาณนั้นๆ
ซึ่งนิพพานชั่วคราวก็มาจากการเข้าถึงสภาวะความว่าง ที่นำไปสู่การเดินปัญญา
และเป็นต้นทางแห่งการดำเนินไปถึง การสำเร็จมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป้นนิพพานตัวสุดท้ายที่ท่านหมายถึง คือ นิสสรณนิพพาน
การปฏิเสธว่า ตทังคนิพพาน ไม่ใช่นิพพาน จึงไม่ควรกล่าวเช่นนั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้จำแนกไว้เปล่าประโยชน์
หากท่านเคยพบ ตทังคนิพพาน แม้สักครั้งแล้ว ท่านก็จะเข้าใจได้เอง ว่ามันเป็นความว่าง และความสุขเย็นเช่นไร
และเดินปัญญา พิจารณาธรรมเช่นไร
ต่อมา มาลองดูว่า ท่านพุทธทาสกล่าวถึง นิพพานชั่วคราวไว้อย่างไร
นิพพานชั่วขณะหรือชั่วคราว = ตทังคนิพพาน
และตทังคนิพพาน ตามพระไตรปิฏก หมายความตามนี้
ซึ่งก็ไม่ได้ขัดกันแต่อย่างใด ดังนั้นที่ว่าท่านพุทธทาสสอนนิพพานชั่วคราวอะไรเนี่ย เรายืนยันว่าท่านสอนถูกต้องนะคะ
ปล. จขกท ขอตัวไม่ตอบข้อสงสัยท่านใด เนื่องจากหยิบยกมาอธิบายชัดแล้ว เป็นเหตุเป็นผลชัดเจนแล้ว
จึงไม่ขอแก้ทิฐิใคร
ท่านใดสงสัยอะไร ถามมาก็ไม่ขอตอบนะคะ
ทุกคนก็พึงแยบคายในพระธรรม และปฏิบัติภาวนาตามคำสอนพระพุทธองค์
จึงคลายสิ่งที่ท่านสงสัยได้
จขกทไปภาวนาแทนใครไม่ได้ ดังนั้นใครอยากรู้ว่า นิพพานชั่วคราวหน้าตาเป็นอย่างไรก็ต้องไปทำเอง
ในห้องศาสนาเองก็มีคนที่ทราบเรื่องนิพพานชั่วคราวของท่านพุทธทาสอย่างดีมีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แต่คิดว่าคนไม่รู้น่าจะมีมากกว่า จึงขอนำมาเป็นวาระที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาอธิบายแล้วกันนะคะ
นิพพานชั่วคราว ไม่น่าใช้แล้วสับสนนะ พระพุทธเจ้ายังจำแนกนิพพานไว้5 ประเภทเลย
ทำไมบางคนยืนยันจัง ว่านิพพานมีแบบเดียวคือหลุดพ้นกิเลสไป นี่คือศึกษาพระไตรปิฏกกันดีแล้วหรือยัง
จิตว่าง ระงับกิเลสชั่วคราว มันเกิดขึ้นได้ ด้วยกำลังวิปัสสนาญาณ ทำให้กิเลสระงับชั่วคราว
แล้วเดินปัญญาได้ ก็มีนะ
ศึกษากันดีแล้วหรือยัง (อ่านในรูปข้างล่างดีๆ มีคำว่า ระงับไปชั่วคราว อยู่นะ)
^
|
|
ข้อความนี้จะระบุว่า นิพพานแต่ละข้อนั้น Map กับ โสฬสญาณ ข้อ ใดบ้าง สามารถอ่านประกอบได้จาก http://www.nkgen.com/715.htm
โดยใช้เกณฑ์ สังโยชน์ 10 กับ โสฬสญาณ (ญาณวิปัสสนา16) ในการแยก ดังรูปข้างบน
เอาละ ถ้าจำแนก จากภาพนี้ นิพพานในความหมายของบางคนคือ นิพพานที่หลุดพ้นอาสวะกิเลสแล้ว คือตัวสุดท้าย
ซึ่ง ตทังคนิพพาน นั้นคนละประเภทกับนิพพานตวที่หลุดพ้นก็จริง แต่หากจะบอกว่าไม่จัดอยู่ในประเภทนิพพานนั้น ก็ไม่อาจจะกล่าวได้
พระไตรปิฏกจะไม่ขัดแย้งกันเอง ดังนั้น ในพระสูตรอื่น ก็จะมีการเชื่อมโยงถึงการยืนยันจำแนกประเภทนิพพานไว้ตามนี้จริง
เหตุใดพระไตรปิฏก จำแนกประเภทนิพพาน ไว้ ดังนี้ แต่ทำไมบางคนถึงยืนยันจะจำแนกให้เป็นประเภทเดียวให้ได้
จนมาว่าท่านพุทธทาสเสีย เนี่ยเป็นจุดที่ควรต้องสงสัยตัวเองแล้ว
และกลับมาถามตัวเอง ว่า เหตุใดความสงสัยท่านจึงมีมากมาย ท่านลงมือปฏิบัติภาวนามากกว่าใช้ความคิดแทนหรือไม่
วิกิจฉาในพระธรรมท่านจึงมีอยู่ในใจอยู่
ท่านลองคิดตามดูหากนิพพานมี แบบเดียว เพราะทุกคนคิดว่า นิพพานเป็นความว่าง พ้นจากกิเลสทั้งหมด
แต่พอมาปฏิบัติ ได้ ตทังคนิพพาน , วิกขัมภนนิพพาน,สมุจเฉทนิพพาน ,ปฏิปัสสัทธินิพพาน
ทุกนิพพานนี้ล้วนเกิดผลให้จิตเป็นความว่างเช่นกันหมด ตามระดับรอบญาณนั่นๆ
ถ้าไม่จำแนกเช่นนี้ ก็จะพลอยคิดว่า นี่คือ ความว่าง เรานิพพานแล้ว กันเสียหมด
ปุถุขนจิตมีความว่าง ก็อาจนึกว่าตัวเองบรรลุธรรมแล้ว ทั้งๆที่ภูมิธรรมยังไปไม่ถึง
เพราะตอนเดินปัญญาได้ความว่างมาเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่ความว่างแบบเดียวกับการละอาสวะกิเลสอย่างแท้จริง
อย่างน้อยเมื่อสำรวจตัวเอง แล้วหาคำว่านิพพาน
หากยังมีวาสนาก็ย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า ความว่างนี้ ไม่ใช่ความว่างอันเป็นนิพพานเพื่อพ้นอาสาวะ
หากแต่เป็นนิพพานชั่วคราว ตามระดับกำลังญาณนั้นๆ
ซึ่งนิพพานชั่วคราวก็มาจากการเข้าถึงสภาวะความว่าง ที่นำไปสู่การเดินปัญญา
และเป็นต้นทางแห่งการดำเนินไปถึง การสำเร็จมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป้นนิพพานตัวสุดท้ายที่ท่านหมายถึง คือ นิสสรณนิพพาน
การปฏิเสธว่า ตทังคนิพพาน ไม่ใช่นิพพาน จึงไม่ควรกล่าวเช่นนั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้จำแนกไว้เปล่าประโยชน์
หากท่านเคยพบ ตทังคนิพพาน แม้สักครั้งแล้ว ท่านก็จะเข้าใจได้เอง ว่ามันเป็นความว่าง และความสุขเย็นเช่นไร
และเดินปัญญา พิจารณาธรรมเช่นไร
ต่อมา มาลองดูว่า ท่านพุทธทาสกล่าวถึง นิพพานชั่วคราวไว้อย่างไร
นิพพานชั่วขณะหรือชั่วคราว = ตทังคนิพพาน
และตทังคนิพพาน ตามพระไตรปิฏก หมายความตามนี้
ซึ่งก็ไม่ได้ขัดกันแต่อย่างใด ดังนั้นที่ว่าท่านพุทธทาสสอนนิพพานชั่วคราวอะไรเนี่ย เรายืนยันว่าท่านสอนถูกต้องนะคะ
ปล. จขกท ขอตัวไม่ตอบข้อสงสัยท่านใด เนื่องจากหยิบยกมาอธิบายชัดแล้ว เป็นเหตุเป็นผลชัดเจนแล้ว
จึงไม่ขอแก้ทิฐิใคร
ท่านใดสงสัยอะไร ถามมาก็ไม่ขอตอบนะคะ
ทุกคนก็พึงแยบคายในพระธรรม และปฏิบัติภาวนาตามคำสอนพระพุทธองค์
จึงคลายสิ่งที่ท่านสงสัยได้
จขกทไปภาวนาแทนใครไม่ได้ ดังนั้นใครอยากรู้ว่า นิพพานชั่วคราวหน้าตาเป็นอย่างไรก็ต้องไปทำเอง
ในห้องศาสนาเองก็มีคนที่ทราบเรื่องนิพพานชั่วคราวของท่านพุทธทาสอย่างดีมีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แต่คิดว่าคนไม่รู้น่าจะมีมากกว่า จึงขอนำมาเป็นวาระที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาอธิบายแล้วกันนะคะ