Diary of Psycho man.......ผู้บริสุทธิ์

กระทู้สนทนา
================
Diry of Psycho man
ผู้บริสุทธิ์

================
:  Psycho G.

ความเดิมตอนที่แล้ว
ไม่มี^^..



             ในห้องทำงานเรียบง่ายติดดิน  เครื่องปรับอากาศถูกปลดระวางเพราะความชราภาพ  หน้าต่างห้องเปิดกว้างสู่โลกภายนอก พัดลมเพดานใบใหญ่ส่งเสียงครวญครางอ้อนวอนขณะพาใบพัดฝานอากาศ จิตแพทย์ชายวัยหนุ่มโยนหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดที่พาดข่าวด้วยตัวหนังสือขนาดเท่า “หม้อข้าวหม้อแกง” จั่วหัวข้อข่าวใหญ่ “ยกฟ้องคดีฆ่าหั่นศพ” ยกผลประโยชน์ให้แก่จำเลยลงถังขยะ เขารู้สึกรำคาญเบื่อหน่ายกับการซึมซับความไม่ยุติธรรมในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ

             สองวันก่อน อ่านข่าวดาราหนุ่มหน้าเกาหลี เมาแล้วขับรถชนคนกวาดถนนตายคาไม้กวาดบนทางเท้า เรียกว่าตายในหน้าที่ก็ว่าได้ แทบไม่มีใครพูดถึงคนกวาดถนนผู้น่าสงสาร หลายคนพูดถึงเลขทะเบียนรถแล้วนำไปซื้อหวย หน่วยงานทางจิตมาตรวจสภาพจิตใจของดาราหนุ่มอย่างเป็นห่วงว่าความหล่อจะคลาดเคลื่อน  สาวหลายคนส่งข้อความทางอินเตอร์เน็ตแสดงความเห็นใจ สาวหลายคนหิ้วกระเช้าดอกไม้ไปเยี่ยมถึงหน้าบ้าน  แม้ว่าจะมีบางคนเข้ามาแสดงความเห็นในทางตรงกันข้าม ปรากฏว่าถูกสาวแฟนคลับตั้งป้อมด่าถล่มยับเยินไม่มีชิ้นดีราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาสักสิบชาติ  สถานีโทรทัศน์จองตัวดาราหนุ่มไปสัมภาษณ์แพร่ภาพออกอากาศให้ความสำคัญราวกับวีรบุรุษเพิ่งกลับมาจากสมรภูมิรบ

             เกิดมาหน้าตาดี รวย เด่น ดัง บุพการีมีอำนาจ ทำอะไรก็ดูจะได้รับการปรานีไปแทบทุกเรื่อง คุณหมอคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย หันไปคว้าสมุดบันทึกของคนไข้บนโต๊ะทำงาน

            บันทึกของคนไข้อ่านสนุกมากกว่า



             ผมเป็นคนฆ่าเอง

             ข้อความแรกของบันทึกก็น่าสนใจแล้ว คุณหมอขยับแว่นอ่านต่ออย่างตั้งใจ

             บังเอิญโชคร้ายเกิดมารวย โคตรพ่อโคตรแม่พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายร่ำรวย มีตำแหน่งทางการเมืองสูงส่ง มีอำนาจมีอิทธิพลวารมีล้นฟ้า แต่กลับทำให้ชีวิตของผมเต็มไปด้วย “ความทุกข์” งง ใช่ไหมล่ะ...ก็ลองคิดดูง่ายๆ  ว่าอยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็มี อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครว่า เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก มันทำให้เกิดความน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ตอนอยู่อนุบาล บางวันผมต้องแอบเอาเงินในกระเป๋าทิ้งถังขยะตอนเช้า เพราะขี้เกียจพก ติดตัว

             สุดท้ายผมเรียนอนุบาลอยู่ที่บ้าน จ้างครูมาสอน แล้วก็เรียนจบแบบงง ๆ

             พอขึ้นชั้นประถม ผมเคยเอาก้อนหินทุบหน้าของเพื่อนคนหนึ่งอาการปางตาย เพราะหมอนั่นไม่ยอมเขียนการบ้านให้  ทำไมเห็นแก่ตัวอย่างนั้นนะคนเรา คนอย่างมันไม่เห็นมีอะไรดีเลย นอกจากเรียนเก่ง สอบได้ที่หนึ่ง นิสัยดี เรียบร้อยเท่านั้น น่ารังเกียจมากคนแบบมันควรโดนจัดหนัก  รอยแผลเป็นกลางแสกหน้าฝากไว้คงทำให้สำนึกว่าขัดใจลูกคนรวยอำนาจล้นฟ้าผลเป็นอย่างไร

            ผลนะเหรอ เจ้าเด็กเห็นแก่ตัวนั่นถูกพักการเรียน ฐานทำให้ลูกชายผู้มีอุปการคุณของโรงเรียน ระคายเคืองทางอารมณ์ ทางบ้านไม่มีใครกล้าเอาเรื่องเพราะมีคนแปลกหน้าไปข่มขู่ถึงบ้าน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน สมน้ำหน้า

            ครูคนหนึ่งให้การบ้านผม 2 ข้อ ผมไม่ได้ทำเพราะคิดว่าการบ้านคือการก่ออาชญากรรมทางการศึกษา

            ครูคนนั้นถามผมในห้องเรียนว่าทำไมไม่ทำการบ้าน วันรุ่งขึ้นครูถูกย้ายไปอยู่ชายแดนภาคใต้ ข้อหาดูถูกนักเรียนทำให้ได้รับความอับอายเสื่อมเสีย อย่างว่าล่ะครับ อะไรก็เป็นไปได้ ถ้าอยากจะเป็นไปได้สำหรับโลกของผม


             ผมเรียนจบการศึกษาภาคข้อร้องด้วยเกรดเฉลี่ย 4.0 แม้ว่าแทบไม่ได้ไปโรงเรียนเลย ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ไม่กล้ายุ่งกับผมเพราะผมมีผลต่อจำนวนเงินบริจาค  ฟังว่าแกไปด่าและลงโทษครูที่ให้คะแนนผมน้อย

             พอโตเป็นผู้ใหญ่มีการงานทำโดยไม่ต้องสอบแข่งขันกับใคร  ทุกอย่างสะดวกสบาย อิทธิพลชาติตระกูลหนุนเกื้อเต็มสูบ

             กฎหมายหรือครับ

             อ๋อ.... ไม่มีปัญหาอะไร เงินซื้ออะไรไม่ได้ทุกอย่างก็จริงผมไม่เถียง ซื้อคนตายให้ฟื้นขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็ซื้ออะไรต่อมิอะไรได้ไม่น้อยเลย ซื้อวุฒิทางการศึกษา ซื้อหลักฐานการผ่านเกณฑ์ทหาร ซื้อตำแหน่ง ซื้อผิดให้เป็นถูก ซื้อหน้ามือให้เป็นหลังมือก็ยังได้  ซื้อสีดำคนขายยังหยิบกระป๋องสีขาวมาให้   ดังนั้นผมจึงเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น แต่ขอบคุณที่ผมไม่อยากเป็นนายก ผมคิดว่ามันน่าเบื่อ

             ผมสั่งขีปนาวุธและปืนต่อสู้อากาศยาน มาติดตั้งรอบรั้วบ้านอันมีพื้นที่กว้างใหญ่พอจะสร้างอาคารให้คนจนอยู่ได้นับพันครอบครัว เพราะวันหนึ่งผมรู้สึกรำคาญเครื่องบินโดยสารของสายการบินที่ชอบบินผ่านหมู่บ้านของผมบ่อยๆ  ผมประกาศกร้าวทางสื่อต่างๆ ถ้าขืนบินเฉียดใกล้มาอีกไม่ยอมเลี้ยวโค้งหลบเส้นทางจะสอยให้ตก สนามบินย้ายจากดอนเมืองไปอยู่สุวรรณภูมิหลังจากเหตุการณ์นั้น นี่เป็นความลับที่ผมไม่เคยบอกใคร ว่าแต่จะมีคนเชื่อผมไหมนะ  ผมนี่ล่ะอยู่เบื้องหลังการย้ายสนามบิน  รู้แล้วอย่าไปบอกใครเชียว

             ความรวยทำให้ชีวิตน่าเบื่อ อยากได้อะไรก็ได้มาง่ายๆ ไม่มีความหมายอะไรเลย

             มีเรื่องเร้าใจตื่นเต้นอยู่บ้างเมื่อสาวสวยคนหนึ่งมาพัวพันไม่ยอมเลิก ก็แน่ล่ะครับ ผมหล่อขนาดพระเอกดาราเกาหลีสิบคนเอาความหล่อมารวมกันยังไม่เท่า  แถมยังรวยไม่รู้จบอีก สาวไหนก็ต้องหลงเป็นธรรมดา ขนาดบางทีเห็นหน้าตัวเองในกระจกยังนึกเบื่อกับหน้าสุดหล่อทั้งที่ไม่ได้ทำท่าหน้าหล่อสักนิด นั่งก็หล่อ นอนก็หล่อใครจะไปทนไหว เข้าห้องน้ำก็ยังรู้สึกว่าความหล่อยังไม่ระเหยไปไหน เดี๋ยวว่างๆ จะฟ้องกรมการแพทย์ว่าทำไมไม่ผลิตยาลดความหล่อความรวยออกมาจำหน่าย


            เธอน่าจะรู้ว่าผมไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน เพราะผมหล่อรวยเกินกว่าเหตุ แต่หล่อนยังตามตื้อผมอยู่ได้ ด้วยหวังว่าจะมอบตำแหน่งสามีในทางกฎหมายให้กับเธอ

             แน่ล่ะครับว่าผมไม่ยอมอย่างแน่นอน ผมเป็นคนของสาธารณะชน ผู้หญิงในโลกควรมีสิทธิ์ในตัวผมโดยเท่าเทียมกัน คุณก็รู้ว่าผมคิดถูกต้อง เหมือนห้องน้ำสาธารณะที่ไม่ได้ออกแบบมาให้คนหนึ่งคนใดใช้เพียงลำพัง หรือคุณจะเถียง เพียงแต่ผมเป็นห้องน้ำเลือกคนใช้ได้เท่านั้น

             ผมยื่นคำขาด และเสนอเงินมหาศาลแต่เธอไม่ยอม ดังนั้นผมจึงจัดการหล่อน

             ในห้องครัว...ผมหั่นเธอออกเป็นชิ้นๆ เหมือนคุณหั่นเนื้อนั่นล่ะ สนุกอย่าบอกใครเชียว เสียงคมมีดกระทบกระดูกกรีดคว้านลงไปบนเนื้อ มันไพเราะเพราะพริ้งยิ่งกว่าซิมโฟนีหมายเลข 4 ความรู้สึกขณะกดใบมีดจมลงไปมันนุ่มเนียนเร้าใจราวกับเดินทางผ่านโลกใหม่อันตื่นตาตื่นใจ ตับไตไส้พุงกองเรียงรายท่ามกลางสีแดงฉานแต่งแต้มงดงามราวภาพฝัน เปล่า...ผมว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดอะไรหรอกครับ ใบหน้าของเธอยังคงประดับด้วยรอยยิ้มขณะผมใช้ใบมีดเลื่อยหัวของเธอให้ขาดออกจากร่าง

             “ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้คุณไปอยู่กับใครหรอกค่ะ...นอกจากฉัน”

             นั่น....ยังมีหน้ามาพูดอีก ขนาดมีแค่หัว คิดดูแล้วก็ตลกดีเหมือนกันครับ ทำไมเธอไม่รู้สึกอะไรเลย คุณว่าแปลกดีไหมล่ะ
ตำรวจมาขณะผมนั่งชื่นชมอิ่มเอมใจในผลงาน  ใช่แล้วผมอยากติดคุกเพื่อหาความตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่

             ในคุก... โลกคงมีสีสันพรรณรายมากกว่าภายนอกอันจืดชืดมากมายผมอยากติดคุกดูสักสิบ ยี่สิบปี เล่นๆ เย็นๆ ใจ ผมวาดภาพหวังสวยงามเพราะอยากลองติดคุกดูให้หายเบื่อ

             แต่รู้ไหม เขาพิพากษาผมว่าอย่างไร

             ยกฟ้องคดีฆ่าหั่นศพ เพราะไม่มีพยานเห็นว่าผมเป็นคนลงมือฆ่า พวกตำรวจเห็นเพียงแต่ว่า ผมนั่งถือมีดอาบเลือดอยู่ในที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ไม่ได้เห็นเวลาลงมือฆ่า เมื่อไม่เห็นว่าลงมืออย่างไร ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นฝีมือของผม

             ยกฟ้อง... ยกผลประโยชน์ให้แก่จำเลย

             ผมแผดร้องโหยหวนกับการผิดหวังเป็นครั้งแรก พยายามประกาศก้องว่าผมคือฆาตกรตัวจริงเสียงจริง ผมฆ่าเธอกับมือและพยายามแสดงว่าทำอย่างไร แต่ไม่มีใครเชื่อว่าคนหล่อรวยดังเด่นอย่างผมจะทำแบบนั้นได้

             ทั้งตำรวจทั้งกฎหมาย ไม่เห็นใจผม พวกเขาพยายามยัดเยียดข้อหา “ผู้บริสุทธิ์” ให้ผม  เงินซื้ออะไรทุกอย่างไม่ได้จริงๆ

             “แย่หน่อยนะคะที่รัก” เสียงของเธอคนนั้นดังด้วยน้ำเสียงแสดงความเห็นใจ เธอยังคงปรากฏตัวให้มองเห็นเป็นระยะ บางครั้งก็ในห้องน้ำ ในห้องครัว นอกหน้าต่าง หรือบางครั้งก็มาปรากฏตัวนอนบนเตียงอยู่ข้างๆ ราวกับมีชีวิต ท่าทางไม่ยอมปล่อยผมอย่างที่เธอเคยบอก ผมไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ แต่บางคืนก็ตกใจเหมือนกันเมื่อเห็นเธอยืนนิ่งผมปรกหน้าตัวแข็งทื่อในมุมมืดของบ้าน เธอแกล้งล้อผมเล่นเท่านั้น

             “ไม่เป็นไร...ผมยังมีแผนสอง คุณคอยดูก็แล้วกัน”

             ผมบอกเธออย่างยิ้มกริ่ม ไม่มีวันหรอกจะยอมแพ้ ยังไงก็จะติดคุกให้ได้ มันเป็นเกมชีวิตใหม่น่าตื่นเต้นเร้าใจเหลือเกิน

             “พยายามเข้านะคะ”

             "ขอบคุณ" ผมยิ้มแค่นๆ เธอหัวเราะแล้วยิ้มให้ผมอย่างไม่ถือสาหาความ


             วันต่อมาผมเริ่มแผนสอง

             ผมไปยืนอยู่หน้าโรงพัก ลากผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านหน้าโรงพักแบบไร้เดียงสา ลากหล่อนไปต่อหน้าตำรวจทั้งโรงพักแล้วจัดการสับหล่อนเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตาตำรวจและนักข่าวแบบเดียวกับที่ผมทำกับสาวคนนั้น  เอาสิว่าจะทำอย่างไร
ทนายของตระกูล วิ่งมาหาผมในเวลาสิบนาที เหมือนพวกเขารออยู่รอบตัวผม บินวนรอบตัวเหมือนแมลงวันหรือฝูงเหลือบไม่มีผิด

             “ใจเย็นๆนะครับ คุณหนู” ทนายบอกพลางยิ้มอย่างมั่นใจ แก้วตาเปลี่ยนเป็นรูปเงินใบละพันลอยฟ่องเต็มดินฟ้าอากาศ

             “คุณหนูไม่ได้ทำอะไรผิด สิ่งที่คุณหนูทำคือเฉือนเนื้อของเธอเท่านั้น ไม่มีอะไรผิด แหม ถ้าคุณหนูผิดพ่อค้าแม่ค้าปลาเชือดปลาเชือดเนื้อขายก็ผิดสิครับ แต่เธอดันตายของเธอเองไม่เกี่ยวกับคุณหนู ไม่ต้องกังวลครับ ความยุติธรรมมีเสมอ”

             โว้ย.........

             มันบ้าอะไรกันนี่ ผมเริ่มสังเกตว่าผู้หญิงเคราะหํร้ายฆ่าตายดังกล่าว คือผู้หญิงที่ผมฆ่าเธอไปแล้วในห้องครัวนั่นเอง ทำไมมาปรากฏตัวให้ผมหั่นเธอเป็นรอบสองอีก หรือว่าเป็นอารมณ์ขันแบบตลกร้ายสยองของเธอ

             “คุณมาได้ไง.....” ผมครางด้วยความแปลกใจ เธอขยับศีรษะไปมาอยู่ในกองชิ้นส่วนอวัยวนองเลือดะ ท่าทางเธอดูสบายใจดีไม่เดือดร้อนอะไร

             “บอกแล้วไงคะว่า ฉันจะไม่ยอมปล่อยคุณ”

             “ทำไมทำแบบนี้”

            “ก็คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ”

             ยังมีหน้ามาย้อนถาม ผมหันไปมองหน้าตำรวจคนหนึ่งเป็นเชิงบอกว่าให้จัดการกับเศษซากศพบนพื้นเสียที เขารีบวิ่งไปหาถุงขนาดใหญ่มาใบหนึ่งแล้วเริ่มเก็บส่วนต่างๆ ของศพ เธอส่งเสียงหัวเราะเหมือนคนเส้นตื้นเมื่อถูกลำเลียงชิ้นส่วนไปเก็บในถุง

             “เจอกันที่บ้านนะคะ”   เธอร้องบอกด้วยเสียงรื่นรมย์ส่งท้าย

             ศาลยกฟ้องอีกแล้ว เหตุผลคือ เธอตายเองเพราะไม่ยอมหายใจ ไม่เกี่ยวกับผม สิ่งที่ผมทำคือหั่นเนื้อ..คนหั่นเนื้อผิดตรงไหน...ศาลพยายามชี้แจงอย่างจริงจังว่าหั่นเนื้อก็เหมือนกับคนหั่นเนื้อในร้านอาหารทั่วไปเขาทำกัน คนขายลาบ ก้อย ซกเล็ก หน้าปากซอยยิ่งหั่นมากกว่าผม ทั้งหั่นทั้งสับจนละเอียด ก่อนโรยด้วยพริกป่นข้าวคั่ว บีบน้ำมะนาว ราดน้ำปลา ใส่น้ำดีรสขม  นั่นยิ่งโหดซาดิสม์กว่าก็ยังไม่ผิด

             ศาลแยกระหว่างความตาย กับการสับหั่นเนื้อ ออกจากกัน ผมจึงรอดอีกครั้ง

            “เสียใจด้วยนะคะ เราต้องอยู่ด้วยกันนอกคุกต่อไป”

             เธอหันมายิ้มหวาน ขณะผมเดินคอตกออกมาจากศาล น่าแปลกว่าเงินซื้อคุกให้คนอย่างผมไม่ได้
มันจะมากเกินไปแล้วนะ

            คนอยากติดคุกจนตัวสั่นอย่างผม ทำไมถึงทำไม่ได้ ผิดเหรอที่ผมเกิดมาบนกองเงินกองทอง แม่นมคนเลี้ยงบอกว่าตอนคลอดผมคาบช้อนเงินช้อนทองออกมาเสียด้วยซ้ำ




..........
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่