เหตุผลแค่ไหนถึงจะเพียงพอต่อการแยกทางกับสามี

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเพราะยาวมากและแสดงความคิดเห็นกระทู้นี้นะค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันคบกับสามีคนนี้มา 3 ปี จนหมั้นกันแล้วก็ตั้งท้องเมื่อกลางปีปีที่แล้ว
สามีของดิฉันเป็นคนทำงานเก่งเรียกว่า บ้างานก็ว่าได้ ทำงานไม่เป็นเวลาเนื่องจากทำธุรกิจ MLM หรือ ที่หลายๆคนเรียกกันว่า "ธุรกิจขายตรง"  สามีของดิฉันอยู่ในตำแหน่งที่สูง จึงมีคนเข้ามาชื่นชอบ แต่เรื่องนั้นดิฉันไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเข้าใจว่านั้นคืองาน ส่วนดิฉันไม่ได้ทำด้วยนะค่ะ ดิฉันทำงานบริษัทเป็นเลขาผู้บริหารระดับสูง จึงดูเหมือนว่าเวลาไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไหร่ สามีของดิฉันทำงานกลับบ้านดึก 5 ทุ่มนี่ถือว่าเร็วสุดสำหรับเค้าแล้ว ตี 2 บ้าง ตี 4 บ้าง หรือไม่ก็ไม่กลับเลยนอนบ้านทีมงาน

เป็นแบบนี้มาเรื่อยจนกระทั้งดิฉันตั้งท้องแล้วต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านสามี ดิฉันแทบจะดูแลตัวเองตลอด ดิฉันขับรถไปหาหมอตรวจเช็คทุกเดือนเองแทบทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่เตือนไม่บอกนะค่ะ แต่อาจจะไม่ได้เตือนบ่อย ในระหว่างที่ดิฉันท้องสามีของดิฉันไม่เคยถามเลยว่า ดิฉันอยากกินอะไรไหม อยากไปไหนหรือป่าว แพ้อะไรบ้างไหม หรือแม้กระทั้งถามว่าวันนี้ดิฉันและลูกเป็นไงบ้าง เวลาไปไหนด้วยเช่นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศที่ต้องไปดูงาน สามีของดิฉันก็มักจะปล่อยให้ดิฉันอยู่กับทีมงานของเค้า จนดิฉันรู้สึกเหมือนมาคนเดียวทุกครั้ง ดิฉันก็ไม่ได้โวยวายอะไร แต่ก็มีบอกให้เค้ารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไงแค่นั้น
จนดิฉันท้องได้ 5 เดือน ดิฉันแอบเปิดกระเป๋าตังเค้าจนพบถุงยาง และซองใส่คัตตอลบัดของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เปิดให้บริการรายวันเท่านั้น แต่เรื่องนี้ดิฉันเงียบไม่ได้พูดอะไร จนมากระทั้งดิฉันค้นรถสามีจนเจอกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่มีข้อความว่า "ดูแลตัวเองด้วยนะที่รัก เข้าซื้อยาเอาไว้ให้ เที่ยวให้สนุกนะอย่าลืมกอดหมอนผ้าห่มที่เค้าให้ด้วยนะ รักตัวเอง แพร" ดิฉันสั่นทำอะไรไม่ถูก เงียบและแฟนของดิฉันก็เดินมาที่รถพอดีจนเค้าเห็นว่าเรารู้เรื่องแล้ว แต่ตอนนั้นดิฉันเงียบไม่ได้โวยวายหรือพูดอะไร ได้แต่ร้องไห้แล้วก็ไม่พูดอะไรกับเค้าถามคำตอบคำ ในใจคิดแต่ว่าทนไว้ทนไว้เพื่อลูก

ขอย้อนกลับไปก่อนจะท้องนะค่ะ เค้าไม่ได้เพิ่งเจ้าชู้ค่ะ เค้าเจ้าชู้มาตั้งแต่สมัยที่คบเป็นแล้วค่ะ ด้วยความที่ต้องไปบรรยายตามจังหวัดนู้นจังหวัดนี้ จึงได้ผู้หญิงมาตลอดมีแบบเล่นๆไปจนถึงคบกันปีๆเลย ทั้งที่ผู้หญิงพวกนั้นก็รู้นะค่ะว่ามีแฟนแล้ว ดิฉันเป็นคนนิ่งๆไม่โวยวาย ไม่อยากทะเลาะแต่สังเกตุพฤติกรรมแฟนตลอด สามีของดิฉันเป็นคนหวงโทรศัพท์มากๆ แม้กระทั้งเข้าห้องน้ำกลางดึกยังพกติดตัวไปด้วยเลย สมัยก่อน ไอโฟนยังไม่แสกนนิ้วเปลี่ยนรหัสแทบจะทุกวัน เพราะแบบนี้ดิฉันเลยเริ่มมองคนใหม่ เปิดรับคนเค้ามาให้ดีและคุณสมบัติเทียบเท่ากับแฟนที่คบอยู่ทั้งหน้าตาและฐานะ เพราะคิดว่าหน้าตาเราก็ไม่ได้แย่การศึกษาก็สูง งานก็ดี ฐานะที่บ้านก็ไม่ลำบากแต่อาจจะไม่รวยเท่าเค้า ไม่จำเป็นต้องง้อเค้า จนมาเจอคนนึงซึ่งคุณสมบัติใกล้เคียงแต่พอคุยไปคุยมา เค้าคนนั้นกลับไม่จริงจังกับเรา ดิฉันเสียใจเลยต้องกลับไปคุยกับเค้าเพราะเค้ามาตามง้อและขอดิฉันแต่งงานเราหมั้นกันแล้วดิฉันก็ตั้งท้อง

พอดิฉันตั้งท้องอย่างที่ได้พูดไปเค้าไม่เคยสนใจหรือใส่ใจอะไรตัวฉันเลย แม้กระทั้งลืมวันเกิดของดิฉัน เค้ายังคงติดเพื่อน ติดสังคมและเรื่องของตัวเอง เช่นวันไหนไม่มีงานก็ไม่ไปฟิตเนต ไปเล่นเวฟบอร์ด เตะบอล เล่นบาสกับเพื่อน กลับมาก็ตี 1 ตี 2 ไม่ต่างกับวันทำงาน ฉันเข้มแข็งแล้วก็คิดเสมอว่าทนไว้เพื่อลูก รอเวลาลูกออกมาเค้าอาจจะเปลี่ยน

พอฉันคลอดลูก เป็นลูกสาวน่าตาน่ารักตาโตขาวเหมือนเด็กฝรั่งเลย ดิฉันลาออกจากงาน ทิ้งสังคม และรายได้ที่เยอะพอสมควร เพื่อหวังแต่เพียงว่าจะเลี้ยงเค้าให้ดีและให้ความรักความอบอุ่นเค้ามากที่สุด แต่แล้วกลับไม่ใช่เค้ายังเหมือนเดิม ดิฉันเลี้ยงลูกคนเดียวไม่จ้างพี่เลี้ยงมาช่วย แต่ดิฉันมีแม่บ้านที่คอยช่วยซักผ้า ทำความสะอาดบ้านให้ 2 คน ซึ่งก็ถือว่าสบายกว่าคัยหลายคน ครอบครัวของดิฉันอยู่กันมีกันหลายคนและก็อยู่แยกบ้านกันซึ่งทำบ้านติดๆกัน ฉันโตมากับครอบครัวที่มีความสุข ไปไหนไปด้วยกันเป็นห่วงกันพี่น้องรักกัน ซึ่งต่างกับครอบครัวเค้า ที่ต่างคนต่างออกจากบ้านไปทำงาน นานๆจะได้กินข้าวพร้อมกัน เมื่อเค้ายังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่สนใจไม่ดูแล จนดิฉันคุยกับแม่ของเค้าว่าฉันไม่ไหวแล้วดิฉันขอเลิกกับเค้า ทุกวันนี้ไม่มีความสุขเลย แม่สามีบอกให้ทนค่อยๆปรับไป ดิฉันกลับมาอยู่บ้านของฉันเอง แต่สามีดิฉันก็ยังคงไปๆมาๆ มาบ้างไม่มาบ้างถ้าวันไหนมานอนเช้าก็กลับไปอาบน้ำที่บ้านซึ่งทำเหมือนบ้านเราเป็นโรงแรม บางทีดิฉันก็งงกับพฤติกรรมของสามีดิฉันเหมือนกัน จนมาจับได้อีกคราวนี้ฉันเริ่มไม่ไหวเริ่มมีด่าและไล่เค้าให้ออกไปจากชีวิตฉันกับลูก เค้าโกหกไปโกหกมา พอจับได้แต่เค้าก็ขอโทด ทำมึนใส่และบอกไม่มีอะไร และก็บอกแต่เพียงว่า "พี่รักลูกและเมียของพี่" ดิฉันเริ่มปล่อย จากเดิมที่ไม่โทรตามอยู่แล้วคราวนี้ไม่โทรเลย จนมาจับได้อีกครั้งล่าสุดเมื่อ 2 อาทิดที่แล้ว คราวนี้หนักค่ะ ดิฉันสุ่มรหัสเข้าโทสับเค้าดันถูก ดิฉันไม่รีรอ export chat ในโทรศัพท์เข้า Email ซึ่งไม่รุว่าคัยเป็นคัย เพื่อทำำเวลาให้เร็วที่สุด แล้วดิฉันมาไล่อ่านจนมาพบว่า มีผู้หญิงคนนึงที่เค้าคุยอยู่ซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือทีมงานของเค้าและดิฉันก็รู้จัก วันสัมมนาที่ต่างจังหวัดดิฉันกับลูกก็ไป แต่เค้าก็กล้าที่จะนัดเจอกัน มันไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรก เนื้อข้อความบ่งบอกว่าเค้าสองคนมีอะไรกันแล้ว แต่ก็ต่างไม่มีคัยยอมรับ ดิฉันไม่ใช่คนโง่ที่ดูไม่ออก ดิฉัน 29 ส่วนสามีของดิฉัน 32 เราก็ต่างโตพอที่จะตัดสินใจอะไรได้แล้ว แต่เป็นเพราะลูกดิฉันไม่อยากให้เค้ารู้สึกไม่ดีหรือมีปมถ้าต้องรู้ว่าพ่อแม่แยกทางกัน แต่ตอนนี้ดิฉันไม่ไหวแล้ว ฉันหมดความเชื่อใจ หมดความรู้สึกดีๆที่มีให้ จนไม่รุว่ารักอยู่หรือป่าว คิดแต่เพียงว่าไม่เอาแล้วผู้ชายคนนี้ดิฉันบอกกับสามีว่า "ช่วยกันดูแลลูกแล้วกัน คุยกันเฉพาะลูกต่างคนต่างอยู่ จนตอนนี้ลูกได้ 8 เดือนแล้ว ดิฉันก็ยังคงพาลูกไปฉีดวัคซีนเอง มีเพียงสองครั้งเท่านั้นที่เค้าไป (ก็มาช้าจนได้คิวสุดท้าย) นอกนั้นพ่อเค้าก็ยังคงลืมวันนัดอยุ่ดี

ด้านดีเค้าก็มีคะ เค้าไม่ดูดบุหรี่ กินเหล้า เค้าเป็นคนทำงานเก่งหาเงินเก่ง ถึงแม้ฐานะทางบ้านเค้าจะดีอยู่แล้วก็ตามพ่อแม่เค้าเป็นหมอ เค้าก็สามารถหาเงินได้เยอะมากพอๆกับรายได้ผู้บริหารระดับสูงเลยก็ว่าได้ นั่นหมายความว่าไม่ต้องกังวลเลยเรื่องจะไม่มีกินหรือว่าจะลำบากเลย เค้าบอกว่าทำงานหนักเพื่อลูกเมียจะได้สบาย แต่ทุกวันนี้ดิฉันก็ไม่ลำบาก และดิฉันก็ไม่ได้มองที่ตัวเงินมากกว่าความสุขของคนในครอบครัว เงินต่อให้มีมากแต่ถ้ามันทำให้คนในครอบครัวไม่มีความสุขดิฉันก็ไม่เอา

ทุกวันนี้ดิฉันพาลูกไปเที่ยวทั้งไทยและตปท.กันสองคน เค้าเลี้ยงง่ายไม่งอแงเลยค่ะ พาไปไหนก็ไม่บ่น ดิฉันสามารถยืนด้วยตัวของดิฉันเองโดยที่ไม่ต้องง้อเค้า แต่ติดที่ลูกจริงๆค่ะ ดิฉันดูแลตัวเองไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวเลยค่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเค้าไม่หยุดสักที

จากเรื่องที่ดิฉันได้เล่ามา ยาวไปหน่อยแต่อยากให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของดิฉัน ถ้าเป็นพวกคุณ คุณจะเลิกกับสามีคนนี้ไหมค่ะ หรือดิฉันควรทนไปรอลูกโตแล้วอะไรจะดีขึ้น อยู่อึนๆไปแบบนี้ไปก่อน หรือแบบไหนที่ดิฉันควรทำ

ขอบคุณมากมากค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่