บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ในครั้งที่แล้วผมได้อธิบายถึงการสร้างเขตปลอดภัยของการซื้อขาย (Safety zone) เพื่อใช้เป็นขอบเขตตัดสินใจที่เหมาะสมกับการลงทุนที่มีระยะเวลาของการลงทุนอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไปบางส่วนแล้ว
ท่านสามารถติดตามอ่านบทความก่อนหน้าได้จาก facebook หรือ blog ของผมได้ครับ
ในบทความนี้เราจะมาว่ากันต่อครับ ว่าเราจะใช้สัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI เป็นตัวจับสัญญาณการซื้อขายได้อย่างไรภายใต้เขตปลอดภัยของการซื้อขาย (Safety zone) ที่เรากำหนดขึ้นมา
จากภาพด้านบน เมื่อเส้นสัญญาณ RSI เคลื่อนตัวเพิ่มความชันมากขึ้นเรื่อยๆจนตัดขอบล่างของเขต Safety zone ให้ท่านทำการเข้าซื้อตามจังหวะดังนี้ครับ
ซื้อครั้งที่ 1 (ไม้ที่ 1) เมื่อ RSI = 40
ซื้อครั้งที่ 2 (ไม้ที่ 2) เมื่อ RSI = 50
ซื้อครั้งที่ 3 (ไม้ที่ 3) เมื่อ RSI = 60
โดยในแต่ละครั้งของการเข้าซื้อนั้นท่านอาจให้น้ำหนักการลงทุนที่เท่าๆกัน หรือ แตกต่างกันก็ได้ แต่โดยส่วนตัวผมจะให้น้ำหนักการลงทุนที่แตกต่างกัน
1. RSI = 40 ซื้อครั้งที่ 1 จำนวน 20%
การที่ให้น้ำหนักของการซื้อในจังหวะนี้ “น้อยที่สุด” ก็เพราะว่า เป็นสภาวะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในสภาพอ่อนตัวที่ยังไม่สามารถจะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวจนสามารถยืนราคาได้อย่างเข้มแข็งต่อไปได้หรือไม่ แม้ว่าสัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI จะเพิ่มความชันมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
2. RSI = 50 ซื้อครั้งที่ 2 จำนวน 50%
การที่ให้น้ำหนักของการซื้อในจังหวะนี้ “มากที่สุด” ก็เพราะว่า เป็นสภาวะที่ราคาหุ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติและมีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะสามารถยืนราคาได้อย่างเข้มแข็งต่อไปได้ เนื่องจากสัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI ยังคงเพิ่มความชันมากขึ้นเรื่อยๆ
3. RSI = 60 ซื้อครั้งที่ 3 จำนวน 30%
การที่ให้น้ำหนักของการซื้อในจังหวะนี้ “ปานกลาง” ก็เพราะว่า เป็นสภาวะที่ราคาหุ้นเข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไป (Overbought) เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงทิศทางขาขึ้นของราคาหุ้นอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มว่าจะสามารถยืนราคาได้อย่างเข้มแข็งต่อไปได้เรื่อยๆ
จากนั้นก็ให้ท่าน Let profit run ต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเส้น RSI จะเคลื่อนตัวเกินเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) แล้วก็ตาม (RSI > 70)
การซื้อหุ้นเมื่อ RSI > 70 นั้น เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะยิ่งค่า RSI มีค่าสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าสถานการณ์ของราคาหุ้นในช่วงเวลานั้นจะร้อนแรงเต็มไปด้วย Volume การซื้อขายที่หนาแน่นเย้ายวนชวนให้น่าซื้อก็ตาม
แต่หากอดใจต่อสิ่งเย้ายวนไม่ไหวการตัดสินใจซื้อขายนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น !! ..ย้ำนะครับว่าต้องเก็งกำไรระยะสั้นมากๆเท่านั้น เพราะราคาหุ้นในช่วงบริเวณนี้พร้อมที่จะปรับตัวลงมาอย่างรวดเร็วได้ในทุกเวลา
ในครั้งหน้าเราจะมาว่ากันต่อครับว่าจังหวะของการขายนั้นควรจะมีลักษณะอย่างไร
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.
บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
จับสัญญาณซื้อขายด้วย RSI ตอนที่ 4 : โดย คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ในครั้งที่แล้วผมได้อธิบายถึงการสร้างเขตปลอดภัยของการซื้อขาย (Safety zone) เพื่อใช้เป็นขอบเขตตัดสินใจที่เหมาะสมกับการลงทุนที่มีระยะเวลาของการลงทุนอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไปบางส่วนแล้ว
ท่านสามารถติดตามอ่านบทความก่อนหน้าได้จาก facebook หรือ blog ของผมได้ครับ
ในบทความนี้เราจะมาว่ากันต่อครับ ว่าเราจะใช้สัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI เป็นตัวจับสัญญาณการซื้อขายได้อย่างไรภายใต้เขตปลอดภัยของการซื้อขาย (Safety zone) ที่เรากำหนดขึ้นมา
จากภาพด้านบน เมื่อเส้นสัญญาณ RSI เคลื่อนตัวเพิ่มความชันมากขึ้นเรื่อยๆจนตัดขอบล่างของเขต Safety zone ให้ท่านทำการเข้าซื้อตามจังหวะดังนี้ครับ
ซื้อครั้งที่ 1 (ไม้ที่ 1) เมื่อ RSI = 40
ซื้อครั้งที่ 2 (ไม้ที่ 2) เมื่อ RSI = 50
ซื้อครั้งที่ 3 (ไม้ที่ 3) เมื่อ RSI = 60
โดยในแต่ละครั้งของการเข้าซื้อนั้นท่านอาจให้น้ำหนักการลงทุนที่เท่าๆกัน หรือ แตกต่างกันก็ได้ แต่โดยส่วนตัวผมจะให้น้ำหนักการลงทุนที่แตกต่างกัน
1. RSI = 40 ซื้อครั้งที่ 1 จำนวน 20%
การที่ให้น้ำหนักของการซื้อในจังหวะนี้ “น้อยที่สุด” ก็เพราะว่า เป็นสภาวะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในสภาพอ่อนตัวที่ยังไม่สามารถจะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวจนสามารถยืนราคาได้อย่างเข้มแข็งต่อไปได้หรือไม่ แม้ว่าสัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI จะเพิ่มความชันมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
2. RSI = 50 ซื้อครั้งที่ 2 จำนวน 50%
การที่ให้น้ำหนักของการซื้อในจังหวะนี้ “มากที่สุด” ก็เพราะว่า เป็นสภาวะที่ราคาหุ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติและมีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะสามารถยืนราคาได้อย่างเข้มแข็งต่อไปได้ เนื่องจากสัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI ยังคงเพิ่มความชันมากขึ้นเรื่อยๆ
3. RSI = 60 ซื้อครั้งที่ 3 จำนวน 30%
การที่ให้น้ำหนักของการซื้อในจังหวะนี้ “ปานกลาง” ก็เพราะว่า เป็นสภาวะที่ราคาหุ้นเข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไป (Overbought) เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงทิศทางขาขึ้นของราคาหุ้นอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มว่าจะสามารถยืนราคาได้อย่างเข้มแข็งต่อไปได้เรื่อยๆ
จากนั้นก็ให้ท่าน Let profit run ต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเส้น RSI จะเคลื่อนตัวเกินเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) แล้วก็ตาม (RSI > 70)
การซื้อหุ้นเมื่อ RSI > 70 นั้น เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะยิ่งค่า RSI มีค่าสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าสถานการณ์ของราคาหุ้นในช่วงเวลานั้นจะร้อนแรงเต็มไปด้วย Volume การซื้อขายที่หนาแน่นเย้ายวนชวนให้น่าซื้อก็ตาม
แต่หากอดใจต่อสิ่งเย้ายวนไม่ไหวการตัดสินใจซื้อขายนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น !! ..ย้ำนะครับว่าต้องเก็งกำไรระยะสั้นมากๆเท่านั้น เพราะราคาหุ้นในช่วงบริเวณนี้พร้อมที่จะปรับตัวลงมาอย่างรวดเร็วได้ในทุกเวลา
ในครั้งหน้าเราจะมาว่ากันต่อครับว่าจังหวะของการขายนั้นควรจะมีลักษณะอย่างไร
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.
บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม