เรื่องราวของว่าที่เอฟบีไอหนุ่มยูท่าห์ ที่เคยเป็นเด็กหนุ่มผู้บ้าบิ่น แต่ความระห่ำของเขากลับกลายเป็นเรื่องน่าเศร้า จึงทำให้เขาหันหลังให้ความระห่ำและกลับมาอยู่ในกรอบที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อมีการปล้นแบบพิศดารทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นการปล้นเพชรจากตึกสูงในมุมไบ หรือการปล้นเครื่องบินขนเงินของสหรัฐที่น่านฟ้าของเม็กซิโก และโปรยทั้งเงินและเพชรที่ปล้นมาได้คืนแก่คนในพื้นที่นั้น
เพื่อสืบเสาะหาต้นตอของเรื่องทั้งหมด ยูท่าห์จึงต้องสวมรอยเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่น่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ เชื่อมันในการทำเรื่องบ้าระห่ำตามแนวคิดของโอซากิ เอท คือ การทำเรื่องสุดระทึกแปดอย่างเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้นหรือนิพพาน
แก่นของเรื่องมีอยู่แค่นี้ โดยรวมแล้วหนังออกมานั้นภาพสวยมาก ตระการตาและดูสมจริง ไม่ว่าจะฉากคลื่นยักษ์ที่สวยและได้อารมณ์ ฉากอื่นๆในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ในส่วนตัวของพระเอกนั้น เข้าขั้นหล่อมากถึงมากที่สุด เขาเคยเป็นนักแสดงในเรื่อง The Best Of Me มาก่อน แต่ในเรื่องนี้สามารถลบภาพนักแสดงวัยรุ่นในเรื่องก่อนหน้าได้อย่างสิ้นเชิง ถือว่าสอบผ่าน ตัวหลักอีกคนคือ โบดี้ ชายผู้เป็นเหมือนผู้นำของกลุ่มไล่ล่าหานิพพานนี้ เพื่อให้ถึงผู้ชักใยการปล้น ยูท่าห์จะต้องเข้ากลุ่มนี้ให้ได้ และต้องพิสูจน์ตัวเองกับโบดี้ว่าเขาคือผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ยืนหยัดในกลุ่มเดียวกัน และที่นั่นเอง เขาก็ได้พบกับแซมซาร่า หญิงสาวผู้ที่ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่น
ถ้าจะว่ากันตามตรงและไม่อ้อมค้อม จุดอ่อนที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ บท! ใครที่ยังไม่ได้ชมเรื่องนี้แต่ได้ดูตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาจะต้องเกิดความคาดหวังอย่างมากที่จะได้เห็นแอคชั่นอลังการ ฉากบู๊ล้างผลาญ แต่เชื่อเถอะครับว่า ตัวอย่างหนัง ดูสนุกกว่านั่งดูหนังเต็มเรื่องในโรงเสียอีก ด้วยบทของหนังที่สื่อถึงแก่นหนังไม่จบ จนตอนท้ายผมยังไม่อินกับคำว่าการพิชิตธรรมชาติทั้งแปดของโลกเพื่อเข้าถึงนิพพานตามแนวคิดของโอซากิเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งการสืบเสาะแสวงหาตัวการร้ายที่ทำเรื่องปล้นระห่ำนั้นก็ไม่ใช่เป็นหลักเท่ากับการที่พระเอกต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองกับโบดี้เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
แก่นแท้ของหนังไม่ได้ต้องการนำเสนอเรื่องการปล้นเพื่อคืนกำไรสู่สังคมแบบที่บทในหนังพยายามชักชวนและหว่านล้อม แต่มันเป็นการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยเปื่อยเพื่อพิชิตธรรมชาติให้ได้เท่านั้น ความกลวงของบททำให้ตัวหนังประดักประเดิด ดูแล้วชวนง่วง ไม่อิน ไม่ได้สนุกตื่นเต้นจนอยากจะเชียร์ให้คนเข้าไปชมแบบขาดไม่ได้
ถ้าใครไม่คิดมาก อยากไปดูความสวยงามของฉากต่างๆในหนัง ผมว่าก็ไม่เสียหายนะครับ แต่สำหรับผม โชคดีไปที่ได้ตั๋วฟรีเข้าไปดู เลยไม่ต้องทนทุกข์ออกมาร้องไห้นอกโรงหนัง ผมไม่ได้ว่าหนังมันไม่สนุกนะครับ แต่บทมันไม่คมพอที่จะดึงอารมณ์ร่วมจากผม ทั้งๆที่หนังแอ็คชั่นแบบนี้ คือแนวผมชัดๆ
หวังมาก ก็ผิดหวังมากนะครับ เคาะคะแนนไปที่ 6.5/10 ครับ
ขอบคุณที่ติดตาม....
ปล ผมได้รีวิวลง FB ของตัวเองตาม LINK ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/Invisiblesane-180287301982395/
https://www.facebook.com/180287301982395/photos/a.1072398339437949.1073741825.180287301982395/1077003055644144/?type=3
[SR] Review : Point Break หนังจบ อารมณ์ไม่จบ
เรื่องราวของว่าที่เอฟบีไอหนุ่มยูท่าห์ ที่เคยเป็นเด็กหนุ่มผู้บ้าบิ่น แต่ความระห่ำของเขากลับกลายเป็นเรื่องน่าเศร้า จึงทำให้เขาหันหลังให้ความระห่ำและกลับมาอยู่ในกรอบที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อมีการปล้นแบบพิศดารทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นการปล้นเพชรจากตึกสูงในมุมไบ หรือการปล้นเครื่องบินขนเงินของสหรัฐที่น่านฟ้าของเม็กซิโก และโปรยทั้งเงินและเพชรที่ปล้นมาได้คืนแก่คนในพื้นที่นั้น
เพื่อสืบเสาะหาต้นตอของเรื่องทั้งหมด ยูท่าห์จึงต้องสวมรอยเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่น่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ เชื่อมันในการทำเรื่องบ้าระห่ำตามแนวคิดของโอซากิ เอท คือ การทำเรื่องสุดระทึกแปดอย่างเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้นหรือนิพพาน
แก่นของเรื่องมีอยู่แค่นี้ โดยรวมแล้วหนังออกมานั้นภาพสวยมาก ตระการตาและดูสมจริง ไม่ว่าจะฉากคลื่นยักษ์ที่สวยและได้อารมณ์ ฉากอื่นๆในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ในส่วนตัวของพระเอกนั้น เข้าขั้นหล่อมากถึงมากที่สุด เขาเคยเป็นนักแสดงในเรื่อง The Best Of Me มาก่อน แต่ในเรื่องนี้สามารถลบภาพนักแสดงวัยรุ่นในเรื่องก่อนหน้าได้อย่างสิ้นเชิง ถือว่าสอบผ่าน ตัวหลักอีกคนคือ โบดี้ ชายผู้เป็นเหมือนผู้นำของกลุ่มไล่ล่าหานิพพานนี้ เพื่อให้ถึงผู้ชักใยการปล้น ยูท่าห์จะต้องเข้ากลุ่มนี้ให้ได้ และต้องพิสูจน์ตัวเองกับโบดี้ว่าเขาคือผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ยืนหยัดในกลุ่มเดียวกัน และที่นั่นเอง เขาก็ได้พบกับแซมซาร่า หญิงสาวผู้ที่ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่น
ถ้าจะว่ากันตามตรงและไม่อ้อมค้อม จุดอ่อนที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ บท! ใครที่ยังไม่ได้ชมเรื่องนี้แต่ได้ดูตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาจะต้องเกิดความคาดหวังอย่างมากที่จะได้เห็นแอคชั่นอลังการ ฉากบู๊ล้างผลาญ แต่เชื่อเถอะครับว่า ตัวอย่างหนัง ดูสนุกกว่านั่งดูหนังเต็มเรื่องในโรงเสียอีก ด้วยบทของหนังที่สื่อถึงแก่นหนังไม่จบ จนตอนท้ายผมยังไม่อินกับคำว่าการพิชิตธรรมชาติทั้งแปดของโลกเพื่อเข้าถึงนิพพานตามแนวคิดของโอซากิเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งการสืบเสาะแสวงหาตัวการร้ายที่ทำเรื่องปล้นระห่ำนั้นก็ไม่ใช่เป็นหลักเท่ากับการที่พระเอกต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองกับโบดี้เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
แก่นแท้ของหนังไม่ได้ต้องการนำเสนอเรื่องการปล้นเพื่อคืนกำไรสู่สังคมแบบที่บทในหนังพยายามชักชวนและหว่านล้อม แต่มันเป็นการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยเปื่อยเพื่อพิชิตธรรมชาติให้ได้เท่านั้น ความกลวงของบททำให้ตัวหนังประดักประเดิด ดูแล้วชวนง่วง ไม่อิน ไม่ได้สนุกตื่นเต้นจนอยากจะเชียร์ให้คนเข้าไปชมแบบขาดไม่ได้
ถ้าใครไม่คิดมาก อยากไปดูความสวยงามของฉากต่างๆในหนัง ผมว่าก็ไม่เสียหายนะครับ แต่สำหรับผม โชคดีไปที่ได้ตั๋วฟรีเข้าไปดู เลยไม่ต้องทนทุกข์ออกมาร้องไห้นอกโรงหนัง ผมไม่ได้ว่าหนังมันไม่สนุกนะครับ แต่บทมันไม่คมพอที่จะดึงอารมณ์ร่วมจากผม ทั้งๆที่หนังแอ็คชั่นแบบนี้ คือแนวผมชัดๆ
หวังมาก ก็ผิดหวังมากนะครับ เคาะคะแนนไปที่ 6.5/10 ครับ
ขอบคุณที่ติดตาม....
ปล ผมได้รีวิวลง FB ของตัวเองตาม LINK ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้