ตามหัวข้อเลยครับ
ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เรียกว่าเฟรชชี่ใสๆเลยก็ว่าได้ ระยะเวลาในการเรียนตอนนี้ก็เพิ่งผ่านไปแค่เทอมเดียว การปรับตัวในเรื่องเรียนสำหรับตัวผมผมว่ามันค่อนข้างสบาย ไม่ยากและไม่ง่ายเกินความอดทนของเรา แต่เรื่องของการใช้ชีวิตในมหาลัยนี่สิที่ผมค่อนข้างที่จะอึดอัด อ่านไปอ่านมามันอาจจะดูตลกนะครับ เพราะเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวผมเองที่คิด แค่อยากระบายน่ะครับ สมัยก่อนที่ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยม ชีวิตดูสนุกมาก ย้อนนึกถึงช่วงเวลาหลังจากเลิกเรียน ผมกับเพื่อนก็ต่างพากันวิ่งเข้าร้านเกมส์ ไปกินข้าว แฮงกเอาท์อะไรต่างๆนาๆ อยากไปเที่ยวไหน อยากกินอะไรก็ได้กิน ไปได้ทุกที่ทุกเวลาโดยที่ไม่มีข้อแม้ พูดง่ายๆว่าความสุขเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งนอกและในห้องเรียน เพียงแค่มีเพื่อนอยู่ข้างๆกัน มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะเรื่องความรัก ก็มีแต่เพื่อนที่คอยปลอบ คอยพูดทุกอย่างทำทุกทางที่จะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น หากเพื่อนในกลุ่มอยากจีบสาวสักคน คนทุกคนในกลุ่มก็ต้องทำตามแผนเป็นกระบวนการ รั้วโรงเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ กระโดดทีจนสะเทือนไปถึงน้องชายเลยทีเดียว แต่ก็กระโดดจนชิน มีอะไรไม่ปิดบังกันมาตลอด (แต่อาจจะมีบ้างสำหรับเรื่องส่วนตัว) แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ สำหรับผมคำว่ามิตรภาพในวัยนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด พอมาถึงตอนนี้ มันแลดูจะอธิบายยากมาก ถ้าจะให้อธิบายออกมาจากความรู้สึกลึกๆจริงๆก็นอยด์บ้าง ซึ่งมันไม่น่าใช่นิสัยผู้ชายเลยอะเนอะ ฮ่าๆๆ เริ่มใหม่ๆอะไรๆมันก็คงจะใหม่เช่นกัน นี่คือความคิดของผมครั้งแรกก่อนที่จะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ผมได้เจอผู้คนมากมายที่แตกต่างกันออกไป ตอนนี้ผมมีเพื่อนอยู่สองคนในกลุ่ม รวมผมเป็นสาม ผมเป็นหัวหน้าห้อง มีคนหลายคนที่รู้จักผม มีคนหลายคนที่เข้ามาพูดคุยกับผม แต่ก็เพียงเพราะเรื่องงานในห้องหรือสาขาแค่นั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่มีเพื่อนคบนะครับ เพื่อนหลายคนพยายามเข้าหาผม เพราะผมว่าผมค่อนข้าง friendly นะ รอยยิ้มผมมาเป็นที่หนึ่งตลอดเวลาพูดคุยกับเพื่อน แต่อาจจะเป็นเพราะบุคลิกของผมเวลาเดินกิน นั่ง นอน มันอาจจะดูมาดๆ น่าหมั่นไส้ คนเลยไม่ชอบเยอะเช่นกัน แต่คนเกลียดและคนรักมันต้องมีเป็นธรรมดาของโลกแหละครับ เรื่องนี้เราจะไม่พูดถึง แต่เรื่องที่ผมอึดอัดมาตลอดเกือบ 5 เดือนในเทอมแรก คือเวลาแห่งความสุขที่เหมือนช่วงมัธยมมันไม่มีแล้วน่ะสิครับ เพื่อนสนิทผมเวลาเรียนในคลาสก็พูดคุยกันปกติช่วยกันเรียน ทำงานทุกอย่างช่วยกัน เวลาในส่วนนี้ผมยอมรับในเรื่องของมิตรภาพที่ดีมากๆ เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนที่เกเร ก็แหงล่ะ มีแค่สามคนนิ แต่เวลานอกคลาสนี่สิครับ มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่า เหมือนบนโลกนี้ผมมีแค่ผมและโทรศัพท์มือถือที่เป็นเพื่อนกัน เลิกคลาสปุ้ป.. ต่างคนต่างแยก อีกคนมีแฟน ก็ต้องไปดูแลแฟน อีกคนติดบ้าน ต้องรีบกลับบ้านตลอด (ไอ้คนสุดท้ายนี่มันไข่ในหินชัดๆ) เพื่อนทั้งสองเป็นผู้ชายที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน พวกมันไม่สนที่จะเที่ยว พวก เครื่องดื่มแอล บุหรี่ สารเสพติดทุกชนิด มันไม่แตะ แต่ก็ไม่แปลกนะครับ ผู้ชายไม่จำเป็นต้องลองพวกนี้ไปเสมอ บางทีผมก็เหงา วัยนี้มันไม่มีใครอยู่ติดบ้านหรอกครับ อยากไปเที่ยว อยากไปทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่มันน่าจะทำให้เราrelaxได้หลักจากเรียนมาเครียดๆ แล้วยิ่งตอนนี้พวกมันก็ทำงาน part-time ด้วย วันเสา์อาทิตย์นี่ไม่มีใครว่างเลยทีเดียว ไอ้ตัวเราเองถ้าถามว่า ทำไมผมถึงไม่ไปทำกับพวกมัน ก็คงเป็นเพราะผมเลือกงานมั้ง ผมไม่ชอบร้านอาหาร ผมเคยทำมาหลายที่แต่ผมก็ไม่ชอบ มันเลยเป็นข้อเสียที่ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนสองคนนั้นมากนัก มีอะไรพวกมันก็คุยกันสองคน มันจะปรึกษาผมแค่เรื่องเรียนแค่นั้นแหละครับ ไอ้ตัวผมเองเวลาไปไหนมาไหนเลยต้องไปคนเดียวตลอด แต่มันก็ดีบางช่วงเวลา ที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มีเพื่อนคนอื่นมาชวนผมไปเที่ยวนะครับ ก็ไปบ้างแต่ก็ไม่บ่อย เพื่อนเที่ยวสำหรับผมผมว่ามันหาง่ายมากนะ แต่การที่จะได้เที่ยวกับเพื่อนที่สนิทค่อนข้างถึงรู้ใจกันเนี้ยมันจะดีมากเลย เวลาผมนอยด์เรื่องนี้ทีไร ผมก็กลับไปคิดถึงแต่ก่อน หรือนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นของการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ก็ว่าได้ ผมคิดว่าคนเราก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวแหละครับ ไม่มีเพื่อนคนไหนที่อยู่กับเพื่อนหรือเทคแคร์เพื่อนตลอดเวลาหรอก เพราะยังไงถ้าถึงวันหนึ่งที่ต่างคนต่างมีครอบครัว ยังไงก็ถึงเวลาที่แยกย้าย อาจจะได้เจอกันนานๆครั้ง แต่ผมแค่อยากใช้เวลาในช่วงนี้ ช่วงที่ผมคิดว่าวัยทำงานคงไม่มีโอกาสแบบนี้ให้คุ้มที่สุด แล้วผมคิดว่าเวลามันน่าจะวัดใจของมิตรภาพได้มากกว่านี้ พอถึงปี4ผมอาจจะกลับมาเขียนกระทู้อีกครั้ง เพื่อขอบใจพวกมันสองคนนั้นก็ได้ ที่สอนให้ผมโต เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา "ต่อให้เพื่อนโกรธเรามาก เพียงเพราะแค่ความไม่เข้าใจกัน มันก็ไม่น่าเสียน้ำตาให้กับเพื่อนที่คิดคอยจะหักหลังทรยศเรา" ขอแค่พวกมันสองคนซื่อสัตย์ด้วยกันก็พอครับ
อยากระบายครับ "ชีวิตของเด็กมัธยมกับชีวิตของนักศึกษาในมหาลัย"
ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เรียกว่าเฟรชชี่ใสๆเลยก็ว่าได้ ระยะเวลาในการเรียนตอนนี้ก็เพิ่งผ่านไปแค่เทอมเดียว การปรับตัวในเรื่องเรียนสำหรับตัวผมผมว่ามันค่อนข้างสบาย ไม่ยากและไม่ง่ายเกินความอดทนของเรา แต่เรื่องของการใช้ชีวิตในมหาลัยนี่สิที่ผมค่อนข้างที่จะอึดอัด อ่านไปอ่านมามันอาจจะดูตลกนะครับ เพราะเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวผมเองที่คิด แค่อยากระบายน่ะครับ สมัยก่อนที่ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยม ชีวิตดูสนุกมาก ย้อนนึกถึงช่วงเวลาหลังจากเลิกเรียน ผมกับเพื่อนก็ต่างพากันวิ่งเข้าร้านเกมส์ ไปกินข้าว แฮงกเอาท์อะไรต่างๆนาๆ อยากไปเที่ยวไหน อยากกินอะไรก็ได้กิน ไปได้ทุกที่ทุกเวลาโดยที่ไม่มีข้อแม้ พูดง่ายๆว่าความสุขเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งนอกและในห้องเรียน เพียงแค่มีเพื่อนอยู่ข้างๆกัน มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะเรื่องความรัก ก็มีแต่เพื่อนที่คอยปลอบ คอยพูดทุกอย่างทำทุกทางที่จะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น หากเพื่อนในกลุ่มอยากจีบสาวสักคน คนทุกคนในกลุ่มก็ต้องทำตามแผนเป็นกระบวนการ รั้วโรงเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ กระโดดทีจนสะเทือนไปถึงน้องชายเลยทีเดียว แต่ก็กระโดดจนชิน มีอะไรไม่ปิดบังกันมาตลอด (แต่อาจจะมีบ้างสำหรับเรื่องส่วนตัว) แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ สำหรับผมคำว่ามิตรภาพในวัยนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด พอมาถึงตอนนี้ มันแลดูจะอธิบายยากมาก ถ้าจะให้อธิบายออกมาจากความรู้สึกลึกๆจริงๆก็นอยด์บ้าง ซึ่งมันไม่น่าใช่นิสัยผู้ชายเลยอะเนอะ ฮ่าๆๆ เริ่มใหม่ๆอะไรๆมันก็คงจะใหม่เช่นกัน นี่คือความคิดของผมครั้งแรกก่อนที่จะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ผมได้เจอผู้คนมากมายที่แตกต่างกันออกไป ตอนนี้ผมมีเพื่อนอยู่สองคนในกลุ่ม รวมผมเป็นสาม ผมเป็นหัวหน้าห้อง มีคนหลายคนที่รู้จักผม มีคนหลายคนที่เข้ามาพูดคุยกับผม แต่ก็เพียงเพราะเรื่องงานในห้องหรือสาขาแค่นั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่มีเพื่อนคบนะครับ เพื่อนหลายคนพยายามเข้าหาผม เพราะผมว่าผมค่อนข้าง friendly นะ รอยยิ้มผมมาเป็นที่หนึ่งตลอดเวลาพูดคุยกับเพื่อน แต่อาจจะเป็นเพราะบุคลิกของผมเวลาเดินกิน นั่ง นอน มันอาจจะดูมาดๆ น่าหมั่นไส้ คนเลยไม่ชอบเยอะเช่นกัน แต่คนเกลียดและคนรักมันต้องมีเป็นธรรมดาของโลกแหละครับ เรื่องนี้เราจะไม่พูดถึง แต่เรื่องที่ผมอึดอัดมาตลอดเกือบ 5 เดือนในเทอมแรก คือเวลาแห่งความสุขที่เหมือนช่วงมัธยมมันไม่มีแล้วน่ะสิครับ เพื่อนสนิทผมเวลาเรียนในคลาสก็พูดคุยกันปกติช่วยกันเรียน ทำงานทุกอย่างช่วยกัน เวลาในส่วนนี้ผมยอมรับในเรื่องของมิตรภาพที่ดีมากๆ เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนที่เกเร ก็แหงล่ะ มีแค่สามคนนิ แต่เวลานอกคลาสนี่สิครับ มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่า เหมือนบนโลกนี้ผมมีแค่ผมและโทรศัพท์มือถือที่เป็นเพื่อนกัน เลิกคลาสปุ้ป.. ต่างคนต่างแยก อีกคนมีแฟน ก็ต้องไปดูแลแฟน อีกคนติดบ้าน ต้องรีบกลับบ้านตลอด (ไอ้คนสุดท้ายนี่มันไข่ในหินชัดๆ) เพื่อนทั้งสองเป็นผู้ชายที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน พวกมันไม่สนที่จะเที่ยว พวก เครื่องดื่มแอล บุหรี่ สารเสพติดทุกชนิด มันไม่แตะ แต่ก็ไม่แปลกนะครับ ผู้ชายไม่จำเป็นต้องลองพวกนี้ไปเสมอ บางทีผมก็เหงา วัยนี้มันไม่มีใครอยู่ติดบ้านหรอกครับ อยากไปเที่ยว อยากไปทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่มันน่าจะทำให้เราrelaxได้หลักจากเรียนมาเครียดๆ แล้วยิ่งตอนนี้พวกมันก็ทำงาน part-time ด้วย วันเสา์อาทิตย์นี่ไม่มีใครว่างเลยทีเดียว ไอ้ตัวเราเองถ้าถามว่า ทำไมผมถึงไม่ไปทำกับพวกมัน ก็คงเป็นเพราะผมเลือกงานมั้ง ผมไม่ชอบร้านอาหาร ผมเคยทำมาหลายที่แต่ผมก็ไม่ชอบ มันเลยเป็นข้อเสียที่ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนสองคนนั้นมากนัก มีอะไรพวกมันก็คุยกันสองคน มันจะปรึกษาผมแค่เรื่องเรียนแค่นั้นแหละครับ ไอ้ตัวผมเองเวลาไปไหนมาไหนเลยต้องไปคนเดียวตลอด แต่มันก็ดีบางช่วงเวลา ที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มีเพื่อนคนอื่นมาชวนผมไปเที่ยวนะครับ ก็ไปบ้างแต่ก็ไม่บ่อย เพื่อนเที่ยวสำหรับผมผมว่ามันหาง่ายมากนะ แต่การที่จะได้เที่ยวกับเพื่อนที่สนิทค่อนข้างถึงรู้ใจกันเนี้ยมันจะดีมากเลย เวลาผมนอยด์เรื่องนี้ทีไร ผมก็กลับไปคิดถึงแต่ก่อน หรือนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นของการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ก็ว่าได้ ผมคิดว่าคนเราก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวแหละครับ ไม่มีเพื่อนคนไหนที่อยู่กับเพื่อนหรือเทคแคร์เพื่อนตลอดเวลาหรอก เพราะยังไงถ้าถึงวันหนึ่งที่ต่างคนต่างมีครอบครัว ยังไงก็ถึงเวลาที่แยกย้าย อาจจะได้เจอกันนานๆครั้ง แต่ผมแค่อยากใช้เวลาในช่วงนี้ ช่วงที่ผมคิดว่าวัยทำงานคงไม่มีโอกาสแบบนี้ให้คุ้มที่สุด แล้วผมคิดว่าเวลามันน่าจะวัดใจของมิตรภาพได้มากกว่านี้ พอถึงปี4ผมอาจจะกลับมาเขียนกระทู้อีกครั้ง เพื่อขอบใจพวกมันสองคนนั้นก็ได้ ที่สอนให้ผมโต เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา "ต่อให้เพื่อนโกรธเรามาก เพียงเพราะแค่ความไม่เข้าใจกัน มันก็ไม่น่าเสียน้ำตาให้กับเพื่อนที่คิดคอยจะหักหลังทรยศเรา" ขอแค่พวกมันสองคนซื่อสัตย์ด้วยกันก็พอครับ