
ด.ร.อัมเบดการ์ ผู้เกิดมาจากสังคมอันต่ำต้อย ต่อสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติอันเป็นส่วนรวม ตั้งแต่เกิดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต บัดนี้ ท่านได้จากไปแล้ว ทิ้งแต่ความดีเอาไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้สรรเสริญ บรรดาชาวพุทธในอินเดียเชื่อกันว่า วิญญาณของท่านอัมเบดการ์คงยังไม่ไปไหน แต่จะยังคงวนเวียนอยู่กับพวกเขา และคอยช่วยเหลือพวกเขา เพราะอัมเบดการ์ไม่เคยทิ้งคนจน ไม่เคยลืมคนยาก มีแต่การช่วยเหลือพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาสวด "พุทธัง สรณัง คจฺฉามิ ธรรมัง สรณัง คจฺฉามิ สังฆัง สรณัง คจฺฉามิ " แล้ว พวกเขายังอ้างเอาด.ร.อัมเบดการ์เป็นสรณะหรือที่พึ่งด้วย โดยสวดว่า "พิมพัง (ขื่อเดิมของอัมเบดการ์) สรณัง คัจฉามิ" อยู่จนทุกวันนี้

ด.ร.อัมเบดการ์ มีผลต่อความเคลื่อนไหวหลายอย่างในอินเดียขณะนั้น ท่านเป็นอธิศูทรคนแรก ที่ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอินเดีย หลังจากที่อินเดียได้รับเอกราช ได้เป็นผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญของอินเดีย ท่านเป็นผู้ชี้แจงต่อที่ประชุมในสภา โดยการอนุมัติของ ด.ร.ราเชนทรประสาท ให้ชี้แจงอธิบายต่อผู้ซักถาม ถึงบางข้อบางประเด็นในรัฐธรรมนูญหนังสือพิมพ์บางฉบับลงเหตุการณ์ตอนนี้ว่า "ด.ร.อัมเบดการ์ ทำหน้าที่ชี้แจงอธิบาย เรื่องร่างรัฐธรรมนูญต่อผู้ร่วมประชุม ประดุจพระอุบาลีเถรเจ้า วิสัชชนาข้อวินัยบัญญัติ ในที่ประชุมปฐมสังคายนา ต่อพระสงฆ์ ๕๐๐ มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ฉะนั้น" ซึ่งถือได้ว่าท่านเป็นผู้ต่อสู้เพื่อทำลายความอยุติธรรม ที่ชนในชาติทำกับคนในชาติเดียวกัน นอกจากนั้นท่านยังได้ผลักดันให้มีสัญญาลักษณ์ของพุทธศาสนาปรากฏเป็นสัญญาลักษณ์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน คือ สัญญาลักษณ์ของพุทธศาสนา เป็นพระธรรมจักรปรากฏที่ธงชาติ
บั้นปลายชีวิต
เป็นที่น่าเสียดายว่า หลังจากพิธีปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธได้ ๓ เดือน ท่านอัมเบดการ์ได้ถึงแก่กรรม ด้วยโรคร้าย ในวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ (ในอินเดียเป็นปี ๒๕๐๐ อินเดียนับพุทธศักราชเร็วกว่าไทย ๑ ปี เช่นเดียวกับพม่า และ ลังกา) เสมือนหนึ่งว่าท่านได้ถูกกำหนดมาให้เป็นผู้ที่นำพาพระพุทธศาสนากลับมาสู่อินเดียอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อท่านอัมเบดการ์ถึงแก่กรรม ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายยุ่งเหยิงให้กับชาวศูทรเป็นอันมาก เพราะยังไม่ทันที่ท่านจะพาพวกเขาไปถึงจุดหมาย ท่านก็ต้องมาด่วนถึงแก่กรรมไปเสียก่อน เสมือนเรือที่ขาดหางเสือ หลายท่านแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อข่าวการมรณะกรรมของท่าน แพร่สะพัดออกไป ได้มี ทั้งรัฐมนตรีนักการเมืองเดินทางมาเคารพศพ และแสดงความเสียใจแก่ภรรยาของท่าน โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรีเนรูห์ได้กล่าวอย่างเศร้าสลดว่า "เพชรของรัฐบาลได้หมดไปเสียแล้ว"
ในวันต่อมา นายกรัฐมนตรีเนรูห์ ได้กล่าวไว้อาลัย ด.ร.อัมเบดการ์ และสดุดีถึงคุณงามความดีของเขาอย่างมากมาย ตอนหนึ่งเขาได้ กล่าวว่า "ชื่อของ "อัมเบ็ดการ์" จะต้องถูกจารึกและจดจำต่อไปอีกชั่วกาลนาน โดยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อลบล้าง ความอยุติธรรมในสังคมฮินดู "อัมเบดการ์" ต่อสู้กับสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นที่จำต้องต่อสู้ "อัมเบดการ์" ได้เป็นคนปลุกให้สังคมของฮินดู ให้ตื่นจากความหลับไหล" จากนั้นจึงให้มีการหยุดการประชุมของรัฐสภา เพื่อไว้อาลัยแด่ ด.ร. อัมเบดการ์
ต่อจากนั้นได้มีบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ทราบข่าวการมรณกรรมของด.ร.อัมเบดการ์ ได้ส่งโทรเลขไป แสดงความเสียใจต่อภรรยาของดร.อัมเบดการ์ โดย "มุขมนตรีของบอมเบย์" คือนายชะวาน ถึงกับประกาศให้วันเกิดของอัมเบดการ์ เป็นวันหยุดราชการของรัฐ เพื่อเป็นเกียรติและสดุดีแก่ดวงวิญญาณของท่านอัมเบดการ์ โดยภรรยาของท่านต้องการที่จะนำศพของท่านอัมเบดการ์ ไปทำพิธียังบอมเบย์ ซึ่งรัฐบาลก็ได้จัดเที่ยวบินพิเศษให้ เมื่อเครื่องบินนำศพมาถึงบอมเบย์ ประชาชนหลายหมื่นคน ได้มารอรับศพของอัมเบดการ์ ซึ่งหลายคนไม่สามารถอดกลั้นความเศร้าโศรกไว้ได้ พากันร่ำไห้ไปตามๆกัน
สังเขป
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://krooair.blogspot.com/2009/08/blog-post_25.html?m=1
ด.ร.อัมเบดการ์ ผู้เกิดมาจากสังคมอันต่ำต้อย ต่อสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติอันเป็นส่วนรวม
ด.ร.อัมเบดการ์ ผู้เกิดมาจากสังคมอันต่ำต้อย ต่อสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติอันเป็นส่วนรวม ตั้งแต่เกิดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต บัดนี้ ท่านได้จากไปแล้ว ทิ้งแต่ความดีเอาไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้สรรเสริญ บรรดาชาวพุทธในอินเดียเชื่อกันว่า วิญญาณของท่านอัมเบดการ์คงยังไม่ไปไหน แต่จะยังคงวนเวียนอยู่กับพวกเขา และคอยช่วยเหลือพวกเขา เพราะอัมเบดการ์ไม่เคยทิ้งคนจน ไม่เคยลืมคนยาก มีแต่การช่วยเหลือพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาสวด "พุทธัง สรณัง คจฺฉามิ ธรรมัง สรณัง คจฺฉามิ สังฆัง สรณัง คจฺฉามิ " แล้ว พวกเขายังอ้างเอาด.ร.อัมเบดการ์เป็นสรณะหรือที่พึ่งด้วย โดยสวดว่า "พิมพัง (ขื่อเดิมของอัมเบดการ์) สรณัง คัจฉามิ" อยู่จนทุกวันนี้
ด.ร.อัมเบดการ์ มีผลต่อความเคลื่อนไหวหลายอย่างในอินเดียขณะนั้น ท่านเป็นอธิศูทรคนแรก ที่ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอินเดีย หลังจากที่อินเดียได้รับเอกราช ได้เป็นผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญของอินเดีย ท่านเป็นผู้ชี้แจงต่อที่ประชุมในสภา โดยการอนุมัติของ ด.ร.ราเชนทรประสาท ให้ชี้แจงอธิบายต่อผู้ซักถาม ถึงบางข้อบางประเด็นในรัฐธรรมนูญหนังสือพิมพ์บางฉบับลงเหตุการณ์ตอนนี้ว่า "ด.ร.อัมเบดการ์ ทำหน้าที่ชี้แจงอธิบาย เรื่องร่างรัฐธรรมนูญต่อผู้ร่วมประชุม ประดุจพระอุบาลีเถรเจ้า วิสัชชนาข้อวินัยบัญญัติ ในที่ประชุมปฐมสังคายนา ต่อพระสงฆ์ ๕๐๐ มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ฉะนั้น" ซึ่งถือได้ว่าท่านเป็นผู้ต่อสู้เพื่อทำลายความอยุติธรรม ที่ชนในชาติทำกับคนในชาติเดียวกัน นอกจากนั้นท่านยังได้ผลักดันให้มีสัญญาลักษณ์ของพุทธศาสนาปรากฏเป็นสัญญาลักษณ์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน คือ สัญญาลักษณ์ของพุทธศาสนา เป็นพระธรรมจักรปรากฏที่ธงชาติ
บั้นปลายชีวิต
เป็นที่น่าเสียดายว่า หลังจากพิธีปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธได้ ๓ เดือน ท่านอัมเบดการ์ได้ถึงแก่กรรม ด้วยโรคร้าย ในวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ (ในอินเดียเป็นปี ๒๕๐๐ อินเดียนับพุทธศักราชเร็วกว่าไทย ๑ ปี เช่นเดียวกับพม่า และ ลังกา) เสมือนหนึ่งว่าท่านได้ถูกกำหนดมาให้เป็นผู้ที่นำพาพระพุทธศาสนากลับมาสู่อินเดียอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อท่านอัมเบดการ์ถึงแก่กรรม ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายยุ่งเหยิงให้กับชาวศูทรเป็นอันมาก เพราะยังไม่ทันที่ท่านจะพาพวกเขาไปถึงจุดหมาย ท่านก็ต้องมาด่วนถึงแก่กรรมไปเสียก่อน เสมือนเรือที่ขาดหางเสือ หลายท่านแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อข่าวการมรณะกรรมของท่าน แพร่สะพัดออกไป ได้มี ทั้งรัฐมนตรีนักการเมืองเดินทางมาเคารพศพ และแสดงความเสียใจแก่ภรรยาของท่าน โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรีเนรูห์ได้กล่าวอย่างเศร้าสลดว่า "เพชรของรัฐบาลได้หมดไปเสียแล้ว"
ในวันต่อมา นายกรัฐมนตรีเนรูห์ ได้กล่าวไว้อาลัย ด.ร.อัมเบดการ์ และสดุดีถึงคุณงามความดีของเขาอย่างมากมาย ตอนหนึ่งเขาได้ กล่าวว่า "ชื่อของ "อัมเบ็ดการ์" จะต้องถูกจารึกและจดจำต่อไปอีกชั่วกาลนาน โดยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อลบล้าง ความอยุติธรรมในสังคมฮินดู "อัมเบดการ์" ต่อสู้กับสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นที่จำต้องต่อสู้ "อัมเบดการ์" ได้เป็นคนปลุกให้สังคมของฮินดู ให้ตื่นจากความหลับไหล" จากนั้นจึงให้มีการหยุดการประชุมของรัฐสภา เพื่อไว้อาลัยแด่ ด.ร. อัมเบดการ์
ต่อจากนั้นได้มีบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ทราบข่าวการมรณกรรมของด.ร.อัมเบดการ์ ได้ส่งโทรเลขไป แสดงความเสียใจต่อภรรยาของดร.อัมเบดการ์ โดย "มุขมนตรีของบอมเบย์" คือนายชะวาน ถึงกับประกาศให้วันเกิดของอัมเบดการ์ เป็นวันหยุดราชการของรัฐ เพื่อเป็นเกียรติและสดุดีแก่ดวงวิญญาณของท่านอัมเบดการ์ โดยภรรยาของท่านต้องการที่จะนำศพของท่านอัมเบดการ์ ไปทำพิธียังบอมเบย์ ซึ่งรัฐบาลก็ได้จัดเที่ยวบินพิเศษให้ เมื่อเครื่องบินนำศพมาถึงบอมเบย์ ประชาชนหลายหมื่นคน ได้มารอรับศพของอัมเบดการ์ ซึ่งหลายคนไม่สามารถอดกลั้นความเศร้าโศรกไว้ได้ พากันร่ำไห้ไปตามๆกัน
สังเขป
อ้างอิงข้อมูลจาก http://krooair.blogspot.com/2009/08/blog-post_25.html?m=1