กรรมฐานทั้ง40กอง เจริญกองไหนก็ได้ตามจริตวาสนาบารมีที่เคยสร้างสมใว้ เพราะกรรมฐานทุกกองเป็นไปเพื่อความสงบ เมื่อสงบย่อมเกิดปัญญา เห็นความจริงของธรรมชาติ เมื่อใจมันสงบ มันเห็นความจริงของธรรมชาติ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา ใจมันก็รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมชาติ จากเดิมที่ใจมีตัณหา อยากสิ่งใดไม่สมหวังเป็นทุกข์ ไม่อยากสิ่งใดประสบพบเจอเป็นทุกข์ ยึดมั่นสิ่งใดสงวนสิ่งใดต้องพรัดพรากเป็นทุกข์ เมื่อเจริญกรรมฐาน40กอง กองใดกองหนึ่ง ใจย่อมสงบ เมื่อใจสงบย่อมเกิดปัญญาเห็นความจริง ว่าธรรมชาติฝืนไม่ได้ อุปมาเหมือนฝนที่ตกจากท้องฟ้า มันต้องมาจากบนฟ้าลงมาสู่ดิน คราวนี้ใจผู้ใดไม่สงบมีตัณหาเป็นอันมาก ก็จะไปฝืนธรรมชาติ ไปมีอัตตาตัวตนไปขวางธรรมชาติ ก็จะพยายามเอาฝนจากแผ่นดินให้ตกลงไปที่ท้องฟ้า ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าขบขัน แต่เมื่อใจผู้ใดมีความสงบ ใจผู้นั้นก็เห็นความจริง จะไม่ไปฝืนธรรมชาติ การที่ใจไม่ฝืนธรรมชาติ เป็นการฝึกอย่างแท้จริงตรงนี้เป็นปัญญา ฝึกใจยอมรับความจริงของธรรมชาติ เมื่อใจยอมรับความจริงของธรรมชาติไม่ฝืนธรรมชาติ ใจก็ไม่ทุกข์ เป็นผู้หมดตัณหา ไม่มีความอยาก ไม่มีความไม่อยาก ไม่มีความยึดมั่น ในธรรมชาตินี้ เพราะเห็นความจริง สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา เมื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์ใจก็จะไม่ฝืนธรรมชาติ ปล่อยวางถ่ายเดียว แต่นักปฏิบัติต้องทำใจให้สงบเสียก่อน ซึ่งยากเพราะนิวรณ์5มันขวาง ถ้าผ่านนิวรณ์5ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสมาธิ หรือ เดิน ยืน นั่ง นอน ใจมันก็สงบได้ เพราะมันมีปัญญาไม่ฝืนธรรมชาติ พระพุทธเจ้าท่านสอนบุรุษให้เห็นความจริงอย่างนี้ ให้เห็นความจริงของธรรมชาติ ว่าฝืนไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านก็เรียนรู้จากธรรมชาตินี้และ ไม่ได้ตรัสรู้นอกโลก ท่านก็แจ้งในโลกนี้ก่อน เมื่อแจ้งในโลกนี้แล้ว ท่านก็เห็นแจ้งว่าโลกทั้งปวง ฝืนไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติหมุนวนไม่รู้จบ ท่านก็ฝึกบรุษให้มีปัญญาเพียรละขันธ์5 หมดตัณหาในขันธ์5นั้นแล
กรรมฐานทั้ง40กองเป็นไปเพื่อความสงบ เมื่อสงบไม่ฝืนธรรมชาติเป็นปัญญา