ความรู้สึกเมื่อได้ไปญี่ปุ่นเอง พร้อมอัพเดทราคาเครื่องสำอางญี่ปุ่น จากตึกม่วง (พฤศจิกายน 2558)

กระทู้สนทนา
ไปซิ่งญี่ปุ่นมาค่ะ 22 – 27 พ.ย. ที่ผ่านมา แผนคือ Osaka – Kyoto – Nara – Tokyo บินสายการบิน Japan Airline ได้มาในราคา 20,390 บาท ลง Osaka และบินกลับจาก Narita ใช้ JR Pass แบบ 7 วัน ซื้อมาในราคา 8,150 บาท+ส่งฟรี EMS เป็นโปรปิดเทอมจาก Lostrip บริการดี ราคาถูกที่สุดเท่าที่ทำการเปรียบเทียบมา ช่วงโปรจะมีแถมบัตรลดราคาของ Donki, Laox, King Power

ไปซิ่งญี่ปุ่นมาค่ะ 22 – 27 พ.ย. ที่ผ่านมา แผนคือ Osaka – Kyoto – Nara – Tokyo บินสายการบิน Japan Airline ได้มาในราคา 20,390 บาท ลง Osaka และบินกลับจาก Narita ใช้ JR Pass แบบ 7 วัน ซื้อมาในราคา 8,150 บาท+ส่งฟรี EMS เป็นโปรปิดเทอมจาก Lostrip บริการดี ราคาถูกที่สุดเท่าที่ทำการเปรียบเทียบมา ช่วงโปรจะมีแถมบัตรลดราคาของ Donki, Laox, King Power

-----

เริ่ม…

-สนามบิน Kansai Intl (KIX) สนามบินขนาดกำลังดี ตม. ไม่น่ากลัว คิวไม่ยาว เพราะเราลง flight แรก ไม่โดนถามอะไรเลย ทั้งๆ ที่มาเป็นครั้งแรก ออกมารอกระเป๋า ช่วงนี้จะกดดันนิดนึง เพราะ จนท. กรมศุลอยู่ข้างหลัง เวลายืนรอกระเป๋ารู้สึกถึงรังสีที่ จนท. จ้องมา 555 พอได้กระเป๋า หันหน้าไปเจอปุ๊บ กวักมือเรียกกันใหญ่เลย เลือกไม่ถูกเลยจะเดินไปหาคนไหนดี ก็ผ่านมาได้ปรกติ ไม่โดนตรวจอะไร

-สถานที่ขาย Sim ใน KIX พอเดินออกมาข้างนอก จะมีที่ขาย Sim ของยี่ห้อต่างๆ หาง่าย แต่แนะนำให้เตรียมแบงค์ 1,000 เยนไว้ เพราะตู้รับไม่รับแบงค์ที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 เยน ต่ำกว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่มีจริงๆ ต้องแตกแบงค์ด้วยการซื้อของแทน ไม่มีที่ให้แลก

-ขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบนเพื่อแลกตั๋ว JR Pass คิวยาวเฟร่อออ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีขึ้นไป นี่ขนาดเราไปถึงเป็น Flight แรก พอเดินไปถึงคนต่อคิวเต็มเลย ถ้ามาหลายคนระหว่างยืนรอกระเป๋าแนะนำให้ส่งตัวแทนไปต่อคิวก่อน โดยเราสามารถฝากให้คนนั้นแลกตั๋วแทนเราได้เลย จะได้ไม่เสียเวลา

-การขึ้นรถไฟที่นี่ ควรทำการศึกษาข้อมูล และชื่อสถานีต่างๆ ที่เราจะไปไว้ก่อน อย่างน้อยให้รู้ชื่อสถานีที่จะไป เพราะ จนท, รถไฟทุกคน สามารถให้ความช่วยเหลือได้ดีกว่าถ้าเราบอกเค้าได้ว่า เราอยากไปสถานีไหน ใช้บัตรรถไฟอะไร ทริปนี้เราก็ถามตลอด ก็ได้คำตอบตลอด หลงทีเดียวคือไป Dotonbori โดยใช้ JR Namba นั่งไปลงนู่น Universal Studio 5555 ไม่ได้เกี่ยวกันเลย

-Lawson คือ 7-11 ในเมืองไทย ไปที่ไหนก็เจอแต่ Lawsom เอาแค่โรงแรม 3 ที่ที่เราไปพัก รับรองมี Lawson อยู่ใกล้ๆ

-เวลาซื้อบุหรี่ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ จะต้องกดหน้าจอยืนยันว่าเราอายุมากกว่า 20 ปี ไม่รู้เราหน้าเด็ก หรือเค้าทำแบบนี้กับทุกคน 5555

-ข้าวหน้าปลาไหล Nezameya ที่ใกล้กับ Fushimi Inari อร่อยดีมีประโยชน์ เป็นไปตามรีวิว ตอนเราไปไม่มีคิวเลย โชคดีมาก เราสั่งชุดยอดนิยม ข้าวหน้าปลาไหล+น้ำซุป ราคาประมาณ 2,000 เยน


-ศาลเจ้า Fushimi Inari คนเยอะสุดๆ เป็นหนึ่งสถานที่ที่เรารู้สึกว่า รูปในรีวิวสวย แต่ของจริงคือเฉยๆ ออกแนวโทรมด้วยซ้ำ


-Dotonbori ก็แบบเฉยๆ คนเยอะเกิน เดินลำบาก เกี๊ยวซ่ายืนกินอร่อยดี เช็คราคาเครื่องสำอางมีครบทั้ง Sundrug, Donki, Mutsumoto เดินกันขาลาก


-Osaka Castle เป็นอะไรที่เดินเหนื่อย แต่สวยงามตามท้องเรื่อง และรีวิว คุ้มค่ากับการไปเยือน ระหว่างทางมีใบไม้เหลือง แดงให้ดูเป็นระยะๆ ไอติมอร่อย 5555



-จากสถานีรถไฟ JR Nara สามารถเดินไปยังวัด Todaiji เจดีย์ 5 ชั้นได้ ใครไม่อยากเสียค่ารถเมล์ และคิดว่าถึกพอ เดินโลด ประมาณ 2 กิโลกว่าๆ สนุกสนานตลอดทาง เพราะมีร้านขายของเยอะแยะ สถานที่ท่องเที่ยวตรงนี้สำหรับเราเฉยๆ ไม่สวยเหมือนในรีวิว



-น้องกวางที่เมือง Nara น่าสงสาร เจอตัวนึงเดินขาเป๋ ไม่รู้แก่แล้ว หรือโดนรถชน เจออีกตัวตาเสียข้างนึง ตัวนี้น่าจะแก่แล้ว อาหารกวาง 150 เยน พอมีอาหารก็มีกวางมารุมล้อม แต่ระวังน้องกวางใจร้อน ป้อนอาหารช้าน้องจะกินอย่างอื่นแทน น้องชายเราโดนแย่งใบปลิวไปจากมือ คงคิดว่าเป็นอาหารยืนเคี้ยวใบปลิวสนุกสนาน ส่วนเราโดนดึงกระเป๋าที่ถือไว้ในมืออีกข้าง


-นั่ง Shinkansen เข้า Tokyo สบายยยย อย่าลืมดูตู้ด้วยว่า Reserved or Non-Reserved seat ถ้านั่งจาก Osaka เข้า Tokyo ให้นั่งฝั่งที่มีเก้าอี้ 2 ตัวจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ แต่ถ้านั่งจาก Tokyo ไป Osaka, Kyoto, Nara ให้นั่งฝั่งเก้าอี้ 3 ตัวถึงจะเห็นภูเขาไฟฟูจิ


-ตลาด Ameyoko ก็ธรรมดานะ ไม่ได้น่าตื่นเต้นใดๆ ทั้งสิ้น ตอนอ่านรีวิวนี่คืออยากไปเดิน พอไปจริงๆ อารมณ์เหมือนเดินจตุจักร แต่ร้าน drug store เยอะมาก เทียบราคากันหมึกหมด กระดาษไม่มีที่จดเลย


-ร้ายขายผลไม้แท่งๆ ที่เสียบไม้ 100 – 200 เยน แนะนำให้ซื้อร้านคุณลุงเจ้าที่สอง ลุงแก่ๆ แกขายคนเดียว สงสารรรร สังเกตง่ายๆ ที่ร้านลุงจะมีขายแค่ทับทิมแพ็ค 3 ลูก, ส้มแพ็ค 3 ลูก แล้วก็ทุเรียนมั้ง จะมีตู้ขายผลไม้เสียบอยู่ข้างๆ มีสับปะรด, แคนตาลูปเขียวกับส้ม อยู่ใกล้ๆ ร้านขายนาฬิกาที่คนขายยืนตะโกนบนเก้าอี้จนเสียงแหบแต่ไม่มีใครซื้อ

-ร้านรองเท้า ABC Mart ก็ไม่มีอะไรเลย ทำไมคนรีวิวกันเยอะแยะ ไม่มีอะไรน่าสนใจ

-ร้านซูชิหน้าล้น อ่านรีวิวคิวยาวเหยียด รอนาน เราไปกิน 3 รอบ 3 วันติด ไม่เคยต้องต่อคิว ไปจนเชฟจำได้ เชฟอายตลอดเวลาสั่งอาหาร ยิ้มหน้าแดงเชียว อาหารในร้านก็ปรกติไม่ได้เยอะเว่อร์วังตามรีวิว แต่ทีเด็ดคือสาวเสิร์ฟ หน้าตาเอ๊กซ์ยังกับนางเอกหนังเอวี (ไม่มีภาพปลากรอบสาวเอวี)




-มีซูชิอีกร้านที่กินได้แบบแก้ขัด เป็นร้าน 165 เยนทุกจาน เมนูก็ทั่วๆ ไป คนไม่เยอะ


-Asakusa Temple or Sensoji Temple สำหรับเราก็ผิดหวัง ในรีวิวดูใหญ่โตลังการงานสร้าง แต่ของจริงเราว่าเฉยๆ ไม่ได้รัชดาลัยขนาดนั้น ถนนตลอดทางเดินเข้าวัดก็มีของให้ดูเยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดึงดูดให้เสียตังค์


-Tokyo Sky Tree อันนี้ซิ อลังการงานสร้างมาก ใหญ่โตสมเกียรติ ดูมีพลัง สตรอง ชอบทุกอย่างของตัวตึก แต่ไม่ได้ขึ้นเพราะแพง ฮาาา ดูแค่รอบนอกพอ


-ร้านไอติม โคนงาดำ Tomorakuno 63℃ อร่อยสุดๆ แต่ซื้อแล้วห้ามเดินกิน ต้องนั่งกินให้หมดก่อน

-Rilakuma Shop @ Tokyo Sky Tree อันนี้ผิดหวัง ดูในรีวิวเหมืนร้านใหญ่มากกก พอไปถึงจริงๆ มันเล็กมาก อารมณ์แค่มุม Sanrio มุมนึงใน Central บางนา

-Ichiran Remen ราเม็งข้อสอบ เราไปกินที่ Artre สถานี JR Ueno คิวเกือบยาว จะบอกว่า “เค็มมาก” สงสารไตเลยอ่ะ เราเลือกเผ็ดนะดับ 3 น้ำซุปหอมหวนชวนดม  แต่พอซดเท่านั้นแหล่ะ ไตวายเลย



-Hachikō ก็ไม่มีอะไร รู้แค่อยู่ใกล้ที่สูบบุหรี่ไปนะ



-ห้าแยก Shibuya ผิดหวังฟาดงวงฟาดงามากๆ อันนี้ ดูในหนัง ในรีวิว ทำไมมันช่างใหญ่โต สวยงามสามสิบแปดทิศ ของจริงคือ ห้าแยกลาดพร้าวยังใหญ่กว่ามั้ย คิดแง่บวกไหนลองไป Starbucks สิ รีวิวบอกว่ามุมนี้เด็ดสุด เสียตังค์ซื้อกาแฟ กับขนมปังเรียบร้อย มีมุมว่างพอดี พอไปนั่ง นี่คือสิ่งที่ได้


-ผู้ชายญี่ปุ่นงานดีมาก ผู้หญิงก็เช่นกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่