_เ ข า สั น ห น อ ก วั ว_แดนสวรรค์แห่งผืนป่าตะวันตก

วันนี้ขอมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้กับเพื่อนๆที่ชอบการเดินป่า ขึ้นเขา และชื่นชมธรรมชาติ

        เนื่องจากเมื่อช่วงปีใหม่ปี2556 ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติ
ณ ยอดเขาสันหนอกวัว ซึ่งตั้งอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี
โดยเริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพมหานครในวันที่ 30 ธันวาคม 2556 เวลา 7.00 น.
การเดินทางเหมาะกับผู้ที่เบื่อปัญหารถติดในวันหยุดเทศกาลเป็นอย่างมาก เพราะทางไปจังหวัดกาญจนบุรีนั้น
จะมีผู้เดินทางไปน้อย เนื่องจากไม่ใช่ทางผ่านของจังหวัดอื่นๆ ส่วนมากจึงมีเพียงรถที่มุ่งหน้าไปจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น
จึงทำให้การเดินทางค่อนข้างเป็นไปอย่างสบายๆ อีกทั้งบรรยากาศระหว่างทางก็ดีด้วย

ในทุกๆช่วงปีใหม่ ผมมักจะเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆ โดยมักไม่ค่อยได้วางแผนอะไรมากมายนัก
ซึ่งก็จะมีน้องๆที่ไม่ได้กลับต่างจังหวัดกับครอบครัวมักร่วมเดินทางไปด้วย
โดยที่น้องๆที่รู้จักผมทุกคนจะรู้กันดีว่า ผมจะไม่บอกว่าไปไหน เพราะบางครั้งตัวผมเองก็ไม่รู้

ในปีนั้น ผมออกเดินทางช่วงเช้าพร้อมกับพระอาทิตย์ที่พึ่งเริ่มขึ้น
เราเริ่มเดินทางเข้าเขตกาญจนบุรีมาสักพัก ก็จะพบกับร้านอาหารตามทางมากมาย
แต่มาเยือนเมืองกาญทั้งที ก็ต้องแว๊ะที่นี่เลย "ครัวกาญ"
เป็นร้านที่อยู่ระหว่างทาง เหมาะแก่การพักรถ พักคนเพื่อเติมพลัง

(เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสผ่านไปทางนั้น เหมือนร้านนี้เขาจะปิดบริการไปแล้ว) อมยิ้ม07

เมื่อเดินทางขึ้นเขาไปได้สักระยะหนึ่ง ผมก็มาถึงสำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาแหลม
จึงได้เลี้ยวรถเพื่อเข้าไปสอบถามที่เที่ยวบริเวณโดยรอบ
และได้ทราบข้อมูลว่า ที่อุทยานแห่งนี้สามารถเดินขึ้นไปยอดเขาได้
ซึ่งเขาลูกนี้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภาคตะวันตกอีกด้วย
เมื่อได้ยินดังนั้น ผมจึงทำการจองคิวเจ้าหน้าที่ทันที
โดยหันไปถามน้องๆที่มาด้วยว่าจะขึ้นไปด้วยหรือป่าว
เพราะถ้าไม่ไป ผมก็จะให้กางเต้นท์รออยู่ที่นี่
แต่ทั้งหมดก็บอกว่าจะขึ้นไปด้วย ผมจึงไม่ขัดอะไร

เมื่อทำการจองคิวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ไปนอนกางเต้นท์ที่จุดชมวิวป้อมปี
เพราะเราจะต้องขึ้นเขาสันหนอกวัวในเช้าวันถัดไป

หลังจากนั้นก็ขับรถออกจากสำนักงานอุทยานฯ เลยขึ้นมาอีกหน่อยตามที่เจ้าหน้าที่อุทยานบอก
ก็จะพบกับลานกางเต้นท์ป้อมปี ซึ่งนักท่องเที่ยวมักนิยมมาพักกันที่นี่ เนื่องจากมีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่งดงามมาก


สำหรับเรื่องการจองคิวเจ้าหน้าที่ขึ้นเขาสันหนอกวัวนั้น คิวจะไม่เยอะเหมือนขึ้นเขาช้างเผือก
เนื่องจากสภาพทางที่ค่อนข้างลำบากกว่า รวมถึงยังไม่ได้เป็นที่นิยม จึงทำให้คนสนใจขึ้นไปน้อย
ซึ่งวันที่ผมขึ้นไปนั้น มีแค่กลุ่มผมกลุ่มเดียว

นี่คือวิวบริเวณจุดกางเต้นท์ ป้อมปี ซึ่งมีจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ด้วย


สำหรับคนที่อยากลงเล่นน้ำ สามารถกระโดดลงไปได้เลย
ซึ่งทางอุทยานฯมีห่วงยางไว้รองรับ แต่ไม่มาก เพราะน้อยคนนักที่จะลงไปเล่น หลิ่วตา

เมื่อหันไปมองรอบๆจุดชมวิว ก็พบเห็นกับบ้านพักเจ้าหน้าที่ ซึ่งลอยอยู่ริมน้ำ
เป็นบ้านพักที่บรรยากาศดีเหลือเกินนนนน


ที่นี่เขามีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณริมเขื่อนฯ
ซึ่งเป็นจุดที่สวยงาม เหมาะแกการเอาร่างกายมารับลมหนาว และแสงแดดอ่อนๆเป็นอย่างมาก


หลังจากเดินชมวิวได้สักพัก ก็ได้เวลาเตรียมที่พัก
ซึ่งจะสังเกตุเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวเริ่มมาจับจองพื้นที่กันแล้วววว
เพราะที่นี่จะเป็นจุดพัก เพื่อเตรียมตัวไปยังที่อื่นๆต่อไป


พอแสงแดดเริ่มอ่อน ดวงอาทิตย์เริ่มตก
ก็ถึงเวลาบรรดานักเก็บภาพออกมาเก็บภาพสวยๆกัน

รวมถึงคู่รักคู่นี้ด้วย ซึ่งผมขออนุญาตแอบถ่ายมา เพราะรู้สึกมีความสุขขณะที่มอง
(จริงๆก็รู้สึกอิจฉาหน่อยๆ เพราะไม่มีคู่อย่างเขา T_T)


พระอาทิตย์กำลังตก บรรดาเหล่านักเก็บภาพเริ่มทยอยกันมารอ


เป็นโชคร้ายของบรรดานักเก็บภาพ ที่วันนี้ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกลงน้ำ
เพราะมีกลุ่มเมฆที่ปลายขอบฟ้ามาบดบัง

แต่ถึงอย่างนั้นวิวก็ยังสวย จนต้องขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักภาพ


พระอาทิตย์หายไปแล้ว แต่บรรดานักเก็บภาพยังคงอยู่
เพราะที่นี่ยังคงมีมุมสวยๆอีกมากมายให้เก็บภาพกัน

และเมื่อพระอาทิตย์เริ่มหายไป กลุ่มหมอกอ่อนๆก็เริ่มลอยมา


แสงสีแดง ที่ส่องผ่านกลุ่มเมฆ ณ จุดชมวิวป้อมปี


เมื่อแสงอาทิตย์มืดลง แสงไฟในป้อมปีก็สว่างขึ้น
เจ้าหน้าที่อุทยานได้ทำการแสดงดนตรีสด ซึ่งไพเราะมาก


และยังมีการแสดงจากเด็กๆเผ่าต่างๆ


นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก


ยิ่งดึกคนยิ่งมากขึ้นทุกที


หลังจากพักผ่อนที่ป้อมปี 1 คืน ก็ได้เวลาตื่นมาเตรียมความพร้อม

ภาพแรกที่ออกมาจากเต้นท์ ก็ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นทันที


เมื่อเก็บเต้นท์จากป้อมปีเสร็จ ก็ขับรถลงมาจอดที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เพื่อรอเจ้าที่

ระหว่างรอขอเดินไปเตรียมของ และ เตรียมท้องได้ที่ ร้านค้าของอุทยาน


หลังจากเตรียมของกันเรียบร้อย เราก็แบบกเป้ขึ้นรถกระบะของทางอุทยาน พร้อมกับเจ้าหน้าที่นำทาง


ทางขึ้นเขาอนุญาตให้เฉพาะรถของทางอุทยานเท่านั้น ซึ่งมีความลาดชันพอสมควร


ขับขึ้นเขามา 4 กิโลกว่าๆ ก็ถึงจุดที่ต้องลงเดิน
ก่อนลงขอเก็บภาพข้อความหลังรถของเจ้าหน้าที่อุทยาน ที่โดนใจผมมาสักภาพ


ว่าแล้วก็เริ่มเดินขึ้นเขากันได้เลย!!!
เราเริ่มเดินกันตอน 8.00 น. อากาศระหว่างทางเย็นและสดชื่นมาก


เดินผ่านผืนป่าแบบไม่ลำบากมากนักมาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ต้องเจอกับจุดวัดใจ
เพราะต้องเดินบริเวณขอบเขา เพื่ออ้อมไปยังเป้าหมายของเรา
ซึ่งตลอดระยะทางช่วงนี้เจ้าหน้าที่จะตะโกนเตือนตลอดว่า "เดินชิดซ้าย เดินชิดซ้าย"
นั้นเพราะหากพลาดก้าวไปขวาสักหน่อย อาจมีร่วงลงไปนอนตีนเขาก็เป็นได้


ผ่านจุดเสียว มาเจอจุดทำลายแรง!!!
เพราะเป็นเส้นทางขึ้นเขา ทั้งยาวและชัน
พี่เจ้าหน้าที่เขาเดินแบบชิวๆ แต่พวกเราชิวได้สักพัก ก็ต้องอยู่ในสภาพนี้ T_T


เส้นทางยังคงยาวไกล
เราต้องเร่งทำเวลาเพื่อให้ถึงจุดพักให้ทันเที่ยง
และจะแวะกินข้าวกันที่นั้น


ตลอดระยะทางเราสังเกตุเห็นผืนป่าที่นี่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์
มีรอยเท้าสัตว์หลายชนิด รวมถึงมีร่องรอยการแอบขุดของป่า


เมื่อเดินขึ้นเขามาได้ 7 กิโลเมตร ก็พบกับจุดพัก ซึ่งเป็นลานโล่งๆ
พี่เจ้าหน้าที่เขาก่อไฟ ต้มน้ำ ซึ่งพวกเราก็อาศัยน้ำของพี่เขาต้มมาม่าที่เตรียมมา ^ ^


พี่เจ้าหน้าที่ยังเดินไปกรอกน้ำจากต้นน้ำที่ไหลผ่านบริเวณจุดพัก
ซึ่งอาจดูไม่น่ากิน แต่ขอบอกเลยครับว่า ไร้รส ไร้กลิ่น ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ


เมื่อพักกันได้สักพัก ก็ต้องเริ่มออกเดินทางต่อ เพื่อให้ถึงยังเป้าหมายก่อนพระอาทิตย์ตก


เดินๆๆ ขึ้นๆๆ ลงๆๆ
เมื่อทำซ้ำๆอยู่แบบนี้ไปๆ มาๆ ร่างกายมันบอกเราว่า "ไม่ไหว"
แต่สิ่งที่ยังทำให้เราเดิน และ ยิ้มอยู่ได้ มีแค่ใจที่บอกกับเราว่า "สู้ต่อไป ไอ้มดแดง" ^ ^


เมื่อเดินมาได้ 15 กิโลเมตร ในที่สุด เวลา 16.30 น.
เราก็มาถึงยังจุดกางเต้นท์ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดยอดสุดของภูเขาประมาณ 500 เมตร


เมื่อถึงตำแหน่งกางเต้นท์ พวกเราก็นั่งพัก เพราะเรี่ยวแรงเริ่มหมด
แต่พี่เจ้าหน้าที่อุทยานเขาเดินเก็บกิ่งไม้ เพื่อเตรียมก่อกองไฟให้พวกเรา  T_T


หลังจากนั่งพักกันได้สักครู่ ก็เริ่มจัดเตรียมที่พัก


เมื่อทำการเตรียมที่พักเสร็จ เราก็เดินลงมาประมาณ 300 เมตร เพื่ออาบน้ำ ล้างตัว


ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่เขาถือถังน้ำเพื่อลงมากรอกน้ำจากน้ำตกไว้ให้เราใช้ T_T


สำหรับท่านใดที่จะมา แล้วห่วงเรื่องห้องน้ำห้องท่า หมดห่วงไปได้เลยครับ
เพราะด้านบน ทางเจ้าหน้าที่อุทยานเขาเตรียมไว้ให้เรียบร้อย


นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "ส้วมหลุม"
ตามสภาพเลยครับ ^ ^


เมื่อล้างเนื้อล้างตัว จัดเตรียมที่พักเสร็จ ก็ได้เวลาชมวิวยอดเขา
เมื่อเดินขึ้นไปได้สักพัก ก็เริ่มเห็นวิวสวยๆ


และสวยมากยิ่งขึ้นเมื่อเดินไปถึงยอดเขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่