มาแล้วค่ะ การใช้ คะ ค่ะ นะคะ ที่ถูกต้องที่ทุกคนรอคอย

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
        เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่า คำลงท้ายเสียงหรือที่บางท่านเรียกว่า หางเสียง นั้น เป็นสิ่งที่แทบจะขาดไม่ได้แล้วโดยเฉพาะกับการพูดนอบน้อม หรือสุภาพ อันเป็นการให้ความเคารพและให้เกียรติแก่ผู้ที่เราสื่อสารหรืออยู่ร่วมกันในสังคม   ซึ่งแบ่งเป็น ครับ สำหรับผู้ชายหรือสุภาพบุรุษ  และอีกกลุ่มหนึ่งที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ นั่นก็คือ คะ ค่ะ นะคะ สำหรับผู้หญิงหรือสุภาพสตรี  โดยเฉพาะในกลุ่มหลังนี้ในปัจจุบันพบว่ามีบางท่านที่ใช้ คะ ค่ะ นะคะผิดวิธีหรือผิดหลักกันอยู่ ซึ่งถ้าหากใช้ผิดวิธีแล้ว จะส่งผลให้เจตนาของการสื่อสารครั้งนั้นล้มเหลวลงได้นะคะ   เพื่อส่งเสริมการใช้ คะ ค่ะ นะคะ ให้ถูกวิธี จขกท.จะได้กล่าวเนื้อหาถัดไปจากนี้ค่ะ

จุดประสงค์ของกระทู้ครั้งนี้
        เพื่อส่งเสริมและรณรงค์ให้ใช้ คะ ค่ะ นะคะให้ถูกวิธี

ลำดับหัวข้อ แบ่งเป็น
        - พื้นฐานเบื้องต้น (Prerequisite)
        - การใช้ คะ ค่ะ นะคะ

พื้นฐานเบื้องต้น (Prerequisite)
ก่อนจะไปสู่การใช้ คะ ค่ะ นะคะ นั้น เรามาดูกันก่อนค่ะว่า เสียงวรรณยุกต์ที่มีในภาษาไทย มีกี่เสียง อะไรบ้าง

แผนภูมิแสดงระดับเสียงวรรณยุกต์ไทย

คำอธิบาย
         Medium tone = เสียงวรรณยุกต์สามัญ
         Low tone = เสียงวรรณยุกต์เอก
         Falling tone = เสียงวรรณยุกต์โท
         High tone = เสียงวรรณยุกต์ตรี
         Rising tone = เสียงวรรณยุกต์จัตวา


จากแผนภูมิ จะเห็นได้ว่า เสียงวรรณยุกต์ไทยมีทั้งหมด ๕ เสียง ได้แก่ เสียงวรรณยุกต์สามัญ เสียงวรรณยุกต์เอก เสียงวรรณยุกต์โท เสียงวรรณยุกต์ตรี และเสียงวรรณยุกต์จัตวา ตามลำดับนะคะ และตามที่ทราบกันดีว่า ภาษาไทยมีพยัญชนะทั้งสิ้น ๔๔ ตัว แบ่งออกเป็น ๓ หมู่ หรือที่เรียกกันว่า ไตรยางศ์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการผันเสียงวรรณยุกต์ การเขียนและการอ่านคำ มีดังนี้
          ๑) อักษรกลาง มี ๙ ตัว ได้แก่ ก จ ฎ ฎ ด ต บ ป อ
          ๒) อักษรสูง มี ๑๑ ตัว ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
          ๓) อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัว แบ่งเป็น อักษรต่ำคู่ (มีคู่เทียบเสียง) ๑๔ ตัว ได้แก่ ค ฅ ฆ ช ซ ฌ ฑ ฒ ท ธ พ ฟ ภ ฮ    และอักษรต่ำเดี่ยว ๑๐ ตัว ได้แก่ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ

คำเป็น–คำตาย
         คำเป็น หมายถึง พยางค์ที่สามารถออกเสียงให้ยาวอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่ขาดตอน แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ
              ๑) พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงยาวในแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด) รวมถึงสระ -ำ ใ- ไ- เ-า เช่น ตา มือ กำ ใบ ไม้ เขา
              ๒) พยางค์ที่มีตัวสะกดในแม่กง กน กม เกย เกอว เช่น ดง โยน โคม เสย อ่าว
         คำตาย หมายถึง พยางค์ที่ไม่สามารถออกเสียงให้ยืดยาวต่อเนื่องได้ แบ่งเป็น ๒ กลุ่มคือ
              ๑) พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด) ยกเว้นสระ -ำ ใ- ไ- เ-า เช่น จะ ติ เอ๊ะ โปะ กะปิ
              ๒) พยางค์ที่มีตัวสะกดในแม่กก กด กบ เช่น ตก โหด เก็บ

หลักการผันเสียงวรรณยุกต์ไทย (Ref. http://www.mwit.ac.th/~saktong/learn6/74.pdf)
         ๑. อักษรกลาง คำเป็น ผันได้ครบ ๔ รูป ๕ เสียง คือ รูปและเสียงวรรณยุกต์ตรงกันสามัญ เอก โท ตรี จัตวา;   คำตาย ผันได้ ๓ รูป ๔ เสียง คือ มีพื้นเสียงวรรณยุกต์เอก  (เสียงวรรณยุกต์เอก ไม่มีรูปวรรณยุกต์) เสียงโท (มีรูปไม้โท) เสียงตรี (มีรูปไม้ตรี) และเสียงจัตวา (มีรูปไม้จัตวา)
         ๒. อักษรสูง คำเป็น ผันได้ ๒ รูป ๓ เสียง มีพื้นเสียงวรรณยุกต์จัตวา ผันรูปไม้เอกได้เสียงเอก และผันรูปไม้โทได้เสียงโท;   คำตาย ผันวรรณยุกต์ได้ ๑ รูป ๒ เสียง มีพื้นเสียงวรรณยุกต์เอก ผันด้วยไม้โท เป็นเสียงโท เช่น ขะ ข้ะ
         ๓. อักษรต่ำ คำเป็น พื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันได้ ๓ เสียง ใส่รูปวรรณยุกต์เอกเป็นเสียงโท ใส่รูปวรรณยุกต์โทเป็นเสียงตรี เช่น คา ค่า ค้า คัน คั่น  คั้น;  คำตาย พื้นเสียงเป็นเสียงโท ผันได้ ๓ เสียง ใส่รูปวรรณยุกต์โทเป็นเสียงตรี ใส่รูปวรรณยุกต์จัตวาเป็นเสียงจัตวา เช่น วาก ว้าก ว๋าก โนด โน้ด โน๋ด เชิด เชิ้ด เชิ๋ด โปรดสังเกตว่า อักษรต่ำ คําตายสระยาวที่ผันด้วยวรรณยุกต์จัตวาไม่มีคําใช้ในภาษาไทย;  คำตาย สระสั้น พื้นเสียงเป็นเสียงตรี  ผันได้ ๓ เสียง ใส่รูปวรรณยุกต์เอกเป็นเสียงโท ใส่รูปวรรณยุกต์จัตวาเป็นเสียงจัตวา เช่น คะ ค่ะ ค๋ะ คึก คึ่ ก คึ๋ก โปรดสังเกตว่า อักษรต่ำคําตายสระสั้นที่ผันด้วยวรรณยุกต์จัตวาไม่มีคําใช้ในภาษาไทย;  อักษรต่ำคู่ เมื่อผันคู่กับคู่เสียงซึ่งเป็นอักษรสูง จะผันได้ครบทั้ง ๕ เสียง;   อักษรต่ำเดี่ยว เมื่อมี “ห” หรืออักษรสูง หรืออักษรกลางมานำจะผันเสียงได้ตามอักษรที่นำ เช่น หนา หน่า หน้า หรือคำว่า “ตลาด” จะอ่านว่า “ตะ-หลาด” ไม่ใช่ “ตะ-ลาด” เป็นต้น

สรุปได้ดังตารางข้างล่าง


จากความรู้พื้นฐานดังกล่าว จะนำมาพิจารณาคำว่า คะ ค่ะ นะคะ นี้มีรูปเช่นไรบ้าง และอ่านออกเสียงต่างกันอย่างไร
เริ่มกันที่   คะ เป็นอักษรต่ำ คำตาย สระเสียงสั้นของแม่ ก กา ไม่มีตัวสะกด มีรูปวรรณยุกต์สามัญ : อ่านออกเสียงวรรณยุกต์ตรี
             ค่ะ เป็นอักษรต่ำ คำตาย สระเสียงสั้นของแม่ ก กา ไม่มีตัวสะกด มีรูปวรรณยุกต์เอก : อ่านออกเสียงวรรณยุกต์โท
             นะคะ เป็นอักษรต่ำ คำตาย สระเสียงสั้นของแม่ ก กา ไม่มีตัวสะกดทั้ง ๒ พยางค์ มีรูปวรรณยุกต์สามัญ : อ่านออกเสียงวรรณยุกต์ตรีทั้ง ๒ พยางค์
             นอกจากนี้ ใช้หลักเดียวกันนี้ในการผันเสียงวรรณยุกต์ของอักษรต่ำ คำตาย สระเสียงสั้นของแม่ ก กา ไม่มีตัวสะกดคำอื่น ๆ ได้ ได้แก่ ยะ-ย่ะ ละ-ล่ะ วะ-ว่ะ มะ-ม่ะ ฟะ-ฟ่ะ นะ-น่ะ ฮะ-ฮ่ะ เป็นต้น

การใช้ คะ ค่ะ นะคะ มีดังต่อไปนี้ค่ะ

ใช้ คะ ก็ต่อเมื่อ
     – เมื่อประโยคนั้นมีเจตนาถามซึ่งต้องการคำตอบและมีคำแสดงการถาม (ใคร ผู้ใด อะไร ไหน ที่ไหน เมื่อไร เมื่อใด ทำไม เพราะเหตุใด เพราะอะไร เพราะใคร ไหม มั้ย หรือไม่ ได้ไหม ได้หรือไม่ ใช่ไหม ใช่หรือไม่ แน่หรือ จริงหรือ หรือเปล่า รึเปล่า หรือ เหรอ หรอ เท่าไร เท่าไหร่ อย่างไร ยังไง อย่างใด เช่นใด เช่นไร กี่บาท กี่กีบ กี่กลีบ กี่กิโลกรัม กี่ชิ้น กี่อัน กี่อย่าง กี่เลา กี่ตัว) ปรากฏอยู่ในประโยคอย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง สำนวน “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ใช้ในความหมายว่าอย่างไรคะ, หนูจะไปไหนคะ ลูก, สับปะรดนี้ราคาเท่าไหร่คะ, เกิดอะไรขึ้นคะ, เมื่อไรคุณจะทำงานเสร็จคะ จะเลยกำหนดส่งแล้วนะ, กางเกงเอว 29" มีกี่ตัวคะ
     – เมื่อต้องการเรียกบุคคลหรือกลุ่มบุคคลโดยตรง โดยไม่ต้องมีส่วนของภาคแสดงเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่าง พี่คะ คุณกรคะ เพื่อน ๆ คะ พ่อคะแม่คะ ท่านคะ
     – ลงข้างท้ายคำว่า ซิ ซี สิ เพื่อแสดงการเร่งเร้า สงสัย ประชด ยกตัวอย่าง นั่นซิคะ ขอยืมเงินหน่อยซีคะ พี่ชาย ใช่สิคะ

ใช้ ค่ะ ก็ต่อเมื่อ
     – ประโยคนั้นเป็นประโยคบอกเล่าทั่วไป และการทักทาย ยกตัวอย่าง สวัสดีค่ะ โตขึ้นหนูอยากเป็นครูค่ะ วันนี้ร้านหยุด/ปิด ๑ วันค่ะ ขอบคุณค่ะ
     – ประโยคบอกเล่าที่เป็นส่วนนำของประโยคที่มีเจตนาถาม ยกตัวอย่าง สอบถามค่ะ (ทำไมคุณถึงใช้บริการรถโดยสารสาธารณะคะ) หนูสงสัยค่ะว่า (เส้นทางจากเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ไปโรบินสันรัชดาภิเษกไปอย่างไรได้บ้างคะ)
     – ประโยคร้องขอ คำสั่ง ชี้แนะ เช่น ขอทางหน่อยค่ะ ช่วยรูดซิปกางเกงของคุณด้วยค่ะ ช่วยปิดหน้าต่างให้เรียบร้อยด้วยค่ะ โปรดแจ้งชื่อและจังหวัดของผู้ที่ท่านต้องการทราบเลขหมายด้วยค่ะ เซ็นชื่อด้วยค่ะ
     – เรียกบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องการโดยมีคำว่า เรียน ถึง นำหน้า เพื่อตอบประเด็นข้อสงสัยอย่างเป็นส่วนตัว (การสนทนาระหว่างบุคคล ๒ คน เช่น คอลเซ็นเตอร์กับลูกค้า) ยกตัวอย่าง
                      สมพร : ดิฉันอยากฝากประจำที่ได้ดอกเบี้ยสูง ตอนนี้ทาง ธ.ออมทรัพย์ มีบัญชีแบบไหนให้เลือกบ้างไหมคะ
            ธ.ออมทรัพย์ : เรียน คุณสมพร ค่ะ ขณะนี้ ธ.ออมทรัพย์ มีบัญชีฝากประจำสำหรับลูกค้าบุคคลดังต่อไปนี้ค่ะ...
     – ประโยคที่มีส่วนแสดงการถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ ยกตัวอย่าง เขาเป็นใครมาจากไหนหนูยังไม่รู้จักเลยค่ะ

ใช้ นะคะ ก็ต่อเมื่อ
     – ประโยคนั้นมีเจตนาเชิญชวนอ้อนวอนอย่างสุภาพ ยกตัวอย่าง มารักษาสิ่งแวดล้อมกันนะคะ กรุณาปิดมือถือก่อนเข้าห้องสอบด้วยนะคะ
     – ประโยคบอกเล่าที่ต้องการความเป็นกันเองค่อนข้างมาก เช่น กรณีแม่กับลูก ยกตัวอย่าง อยู่กับพ่อก่อนนะคะลูก อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวหลงทาง, กรณีที่ต้องการอ้อนวอนและให้เกียรติแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ยกตัวอย่าง ขอบคุณนะคะ ขอโทษนะคะ ช่วยน้องหน่อยเถอะ นะคะคุณพี่ จริง ๆ นะคะ
     – ใช้ลงท้ายแทน คะ ในประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบ เพื่อเน้น ย้ำ หรือต้องการความมั่นใจ ความแน่ใจในคำตอบหรือยืนยันสิ่งที่ได้ยินในเวลานั้น ยกตัวอย่าง อะไรนะคะ ใครนะคะ

หลังจากอ่านกระทู้นี้บริบูรณ์แล้ว จขกท.หวังว่าจะมีผู้ใช้ คะ ค่ะ นะคะ ได้ถูกต้องกันมากขึ้น (หรือไม่มีใครใช้ผิดอีกเลย) นะคะ
ขอบคุณมาก ๆ และสวัสดีค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่