ยาคูลท์ ที่บอกว่า มีแล๊กโตบาซิลลัสอยู่8000ล้านตัวในขวด ใครเป็นคนนับหรอครับ

กระทู้คำถาม
ถ้าในขวดมันมี1000กว่าล้านตัว จะมีใครรู้ไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่เกี่ยวกับใครนับนะ แต่มีประโยชน์ดี

ความคิดเห็นที่ 37  

To Rep.34
ดร.มิโนรุ ชิโรตะ (Dr.Minoru Shirota) ค่ะ
สายพันธุ์ที่ใช้คือ Lactobacillus casei สายพันธุ์ Shirota ค่ะ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ค้นพบโดย ดร.ชิโรตะ เอง ไม่ใช่ Lactobacilus bulgaricus
ปริมาณเชื้อใน 1 ขวด ถ้าเป็นปริมาณมาตรฐานคือ 8000 ล้านเซล/ขวด
แต่ในประเทศญี่ปุ่นเองจะมียาคูลท์ที่มีปริมาณเชื้อเป็น 3X และ 4X ของของปริมาณปกติให้เลือกบริโภค และรสชาตดีกว่าที่ผลิตจำหน่ายในเมืองไทยมาก (ของเมืองไทยมันหวานไป แถมมีรสเฝื่อนด้วย เพราะส่วนผสมในการหมักมีน้ำชาอยู่ด้วย กินแล้วลองสังเกตุรสดูนะคะ)
ทำไมต้อง 3X และ 4X ?
เพราะเมื่อเรากินเจ้า 8000 ล้านเซลล์ ลงไปและผ่านกระเพาะซึ่งมีกรดเข้มข้น และผ่านลำใส้ที่มีด่างแก่ เจ้า 8000 ล้านเซลล์นั้น จะเด๊ดซะมอเร่ และหลงเหลือไปจนถึงลำใส้ใหญ่ซักประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณเริ่มต้นเท่านั้นเอง 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือถ้าโชคดีก็จะสามารถครอบครองพื้นที่ (บางส่วน ถ้าเจ้าบ้านเขาไม่เห็นว่าเป็นศัตรูนะคะ และก็ถ้าเขาสามารถทนเกลือน้ำดีได้ เนื่องจากเขาเป็นแบคทีเรียแกรมบวกที่ถูกยับยั้งการเจริญได้โดยเกลือน้ำดี) และเจริญที่ลำไส้ใหญ่ แบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ การที่จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้อาหารการกินของเขาก็ต้องเหมาะสมด้วย
ดังนั้น 3X หรือ 4X จึงดีกว่าเพราะเหลือจำนวนที่จะสามารถอยู่รอดได้ที่ลำไส้ใหญ่มากกว่า.....เห็น ๆ
.
.
เหตุผลที่ทำไมยาคูลท์ ทำแขนาด 80 มล. และใช้บรรจุภัณฑ์เดิม ๆ ตลอด
ก็เพราะภาพพจน์ของ brand นั่นเอง ...... เมื่อมันติดตลาด ติดตาต้องใจ
ผู้บริโภคแล้วไซร้ ใยจึงต้องทำอะไรให้เสียเงินเพิ่มด้วยเล่า
.
อ้อ..ขอเพิ่มเติม ต้นเชื้อส่งตรงจากแล็ปที่ญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ (เชื้อที่ใช้ผ่านการ
ดัดแปลงพันธุกรรมเรียบร้อย) แล็ปที่เมืองไทยมีหน้าที่แค่ต่อเชื้อ
เพิ่มจำนวนเพื่อใช้เป็นกล้าเชื้อในการหมัก เท่านั้น  สำหรับต้นเชื้อถ้าเปิด
ampule แล้ว จะสามารถใช้หมักนมเปรี้ยวได้ตามจำนวน batch ที่ทางญี่ปุ่น
ระบุมาให้ เท่านั้น(อาจหมักได้น้อย batch กว่า เนื่องจากมีคุณสมบัติในการเจริญ และผลิตกรดแล็คติก ได้น้อยลง) เนื่องจากเขาต้องควบคุมจำนวน
(8000 ล้านเซลล์นั่นแหละ) และปริมาณของกรดแล็กติกที่มีอยู่ในขวด
.
ดังนั้นอยากจะกิน 2 ขวด 3 ขวด ต่อวันก็จงกินไปเถิดค่ะ และขอให้กินอย่าง
สม่ำเสมอเพื่อรักษาระดับของเชื้อที่อยู่ในลำไส้ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
เพราะเขาเป็นเชื้อที่ดี ทำหน้าที่ผลิต bacteriocin ช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่
ก่อโรคในระบบทางเดินอาหารและลำไส้  ผลิตกรดแล็คติกซึ่งช่วยปรับ
สภาพความเป็นกรดของช่องคลอดให้เหมาะสม ทำให้เจ้าตัวร้าย Candida
albican ไม่สามารถเจริญได้
ถ้าสนใจมากกว่านี้เกี่ยวกับแบคทีเรียในจีนัส Lactobacillus ลองใช้คำค้น
Lactobacillus probiotics ดูนะคะ
อากู๋...ตอบเราได้เสมอ


บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น...Yakult Hosha Co., Ltd. ไม่ได้ผลิตแค่นมเปรี้ยวนะคะ
แต่ผลิตยาด้วย บริษัทที่ผลิตยาคือ Yakult Phamarceutical Ind. Co., Ltd.

ปัจจุบันยาคูลท์ มีทั้งบริษัท และโรงงานผลิตในประเทศเวียดนาม (คู่แข่งทาง
เศรษฐกิจของไทย) ด้วยนะคะ ในชื่อ Yakult Vietnam Co., Ltd.
เริ่มการผลิตเต็มที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง.... ไม่แน่ ในอนาคต
ยาคูลท์จากเวียดนามอาจจะมาตีตลาดเมืองไทยก็ได้ ใครจะไปรู้

นอกจากผลิตนมเปรี้ยวจาก  Lactobacillus แล้ว ยาคูลท์ยังผลิตนมเปรี้ยว
โดยใช้แบคทีเรีย Bifidobacteria ด้วยนะคะ

แต่ไอ้ที่ตอบ ๆ มาทั้งหมดนี่ ตอบในฐานะนักจุลชีววิทยา และมีคุณหลาน
ที่เป็นอดีตพนักงานต้มชาและนับจำนวนเชื้อในนมเปรี้ยวของบริษัทยาคูลท์
(ใช้งานนักจุลชีววิทยาไม่เต็มประสิทธิภาพเลย...ให้ตายเถอะ)

โอย....คิดถึงรสชาติยาคูลท์แบบญี่ปุ่นจริง ๆ หนอ

จากคุณ : MissMicrobe (MissMicrobe)  - [ 15 ก.ย. 51 22:21:48 ]

http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/09/X6995669/X6995669.html
ความคิดเห็นที่ 14
นักเรียน Food science หรือ Microbiology ต้องได้ทำทุกคนครับ ก็จะใช้วิธีการที่เป็นการนับจำนวนต่อตัวอย่างที่เจือจางมาเเล้ว แล้วค่อยคำนวนกลับไปครับ

ดังนั้นคนที่นับเพื่อประกันคุณภาพจำนวนของจุลินคือคนทีทำงานในห้องแล็ปของยาคูลท์ครับ ถ้าจะให้จำเพาะเจาะจงลงไป คนที่จบมาส่วนใหญ่นั้นก็จะเรียนจบมาจากสายจุลชีววิทยา หรือวิทยาศาสตร์การอาหาร แต่จริงๆ นักวิทย๋การอาหาร หรือนักจุลชีววิทยาอาจจะไม่ต้องทำงานส่วนนี้ตรงๆ เพราะอาจทำงานเป็นคนคุมเเล็บทั้งหมด และให้พนักงานแล็บทั่วๆ ไปที่มีการฝึกหัดเป็นผู้ทำได้ครับ แล้วเขาจะเป็นทวนสอบข้อมูลหรือรายงานอีกทีก็เป็นได้ครับ ดังนั้นหากไม่ได้มีความรู้โดยตรงก็สามารถทำได้ ที่ผมเคยรู้จักอยู่คนหนึ่งยังจบมาจากจิตวิทยาเลย อีกคนจบ ม 6 ครับ ทำงานในเเล็บ Chemistry และ Microbiology ของโรงงานอาหาร

สถานที่รับตรวจประเมินอาหารก็ทำได้ครับ เช่นบริษัทเอกชนที่ตรวจรับรองอาหาร สภาบันอาหาร หรืออื่นๆ ครับ
ความคิดเห็นที่ 7
จะมานั่งนับทำไม ก็ให้หัวหน้ามันสั่ง "นับตลอด...นับ!!!"
แล้วพวกที่เหลือมันจะเรียงแถวกัน แล้วก็ขาน 1 2 3 .... ไปเรื่อยๆจนถึงตัวสุดท้าย เราก็จะรู้ว่ามีกี่ตัว
ถ้าเกินก็เอาออก ถ้าไม่พอก็เอามาเพิ่ม แค่เนี้ย..!!!
ความคิดเห็นที่ 24
อธิบายให้ง่ายๆนะครับ
ออกตัวก่อนผมไม่ใช่นักจุลชีวะนะครับ
แล้วเค้าก็มีหลายวิธีนะครับ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าในโรงงานเค้าใช้วิธีไหน)
เค้าใช้วิธีประมาณนี้ รายละเอียดเป๊ะๆขอไม่ลงนะครับ
ให้คนนอกสายวิทย์เข้าใจกระบวนการเฉยๆ. อาจมีไม่ตรงทฤษฏีบ้างอย่าว่ากันนะครับ

สมมติเค้ากำหนดว่ามี8พันล้านตัวใน1ขวด80มล
เค้าแค่ใช้น้ำเปล่าๆขวดละ1000มล.ซัก3ขวดกับกล้องก็ทำได้แล้วครับ

ขั้นแรกดูดยาคูลย์มา1มล. แสดงว่าจะมีเชื้อติดมา800ล้านตัวใช่ป่ะ
(ในยาคูลย์1ขวด 80มล.มี8000ล้านตัว ดังนั้นดูดมา1มล.ก็มีเชื้อติดมา800ล้านตัว)
เค้าก็เอา1มล.ที่ดูดมานี้ ใส่ในน้ำเปล่าขวดใหม่1000มล.แล้วคนให้เข้ากัน
แสดงว่าในขวดใหม่ขวดที่1นี้จะมีเชื้อ 800ล้านตัว(ที่ดูดมา1มล)ในน้ำเปล่า1000มล.
หรือคิดอีกอย่างว่า ขวดใหม่นี้จะมีเชื้อ 0.8ล้านตัว(8แสนตัว)ในน้ำ1มล.

แล้วเค้าก็ดูดน้ำจากขวดที่1 (ที่มีเชื้อ8แสนตัว/1มล.)
จำนวน1มล. มาใส่ขวดที่สองที่มีน้ำเปล่าอีก 1000มล.
แสดงว่าในขวดที่สองจะมีเชื้อ8แสนตัว ในน้ำ1000มล
หหรือคิดเป็น800ตัวในน้ำ1มล.

จากนั้นเค้าก็ดูดน้ำจากขวดที่2 มาอีก1มล.(ทีนี้จะมีเชื้ออยู่แค่800ตัว) มาใส่ขวดที่3ที่มีน้ำเปล่าอีก1000มล.
แสดงว่าในขวดที่3จะมีเชื้อ 800ตัวในน้ำ1000มล.
หรือคิดเป็น 0.8ตัวต่อ1มล.

ทีนี้ก็เอาไปตรวจได้ละ
ถ้าดูดน้ำจากขวดขวดที่3ไปซัก10ซีซี เอาไปส่องกล้องก็ควรมีเชื้อวิ่งดุ๊กดิ๊กอยู่8ตัว อะไรประมาณนั้น
เค้าก็ดูดน้ำมา10มล. เอาไปเทใส่ในแผ่นที่เป็นตารางที่แล้วเอากล้องส่องดูถ้ามี8ตัวก็โอเคผ่าน

จริงๆวิธีนับมีหลายวิธีนะครับ เช่น
การวัดความเข้มข้นจากสีที่เราเอาแต่ละขวดไปส่อง ถ้าเชื้อมากน้ำก็จะสีเข้ม เชื้อน้อยน้ำก็ใสกว่า ดังนั้นถ้าตรวจแล้วสีเข้มเท่านี้ถึงเท่านั้นก็ผ่าน ถ้าสีเข้มไปหรืออ่อนไปก็ต้องลดหรือเพิ่มเชื้อลงไปให้ได้พอเหมาะ

หรือใช้การเจือจางมากๆแล้วเพาะเชื้อนับกลุ่มที่เชื้อขึ้นมาก็มี เช่นเอาน้ำขวดสุดท้าย10มล.ที่ควรจะมีเชื้อ8ตัว
เอาไปเทใส่จานเลี้ยงเชื้อ คล้ายๆเยลลี่ปีโป้แต่เป็นแผ่นๆกลมๆ ก็ควรมีเชื้องอกมา8กลุ่ม เป็นต้น

ผิดพลาดยังไงนักจุลชีวะแก้ให้ด้วยน้า
ความคิดเห็นที่ 11
คือกระบวนการผลิตเค้าก็ต้องมีขั้นตอนอยู่แล้วว่าใส่หัวเชื้อตั้งต้นเท่าไหร่ เมื่อกระบวนการหมักเกิดขึ้นเวลาผ่านไปสุดท้ายแล้วจะได้จำนวนเชื้อเท่าที่ต้องการ คือมี protocol ที่แน่นอนอยู่แล้ว.. ส่วนการนับเชื้อ ก็จะใช้วิธีนำนมเปรี้ยวมาเจือจางมากๆ น่ะค่ะ (สมมุติว่าเจือจางหมื่นเท่า) แล้วก็นำนมที่เจือจางมาใส่ลงในอาหารเลี้ยงเชื้อแข็ง (agar plate) รอเชื้อโตแล้วก็นับจำนวน แล้วก็คูณกลับด้วยค่าการเจือจาง ประมาณนั้นน่ะค่ะ... อันนี้เราใช้ความรู้ที่รำเรียนมาตอบนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่