
วันที่ 12 สิงหา 58
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ ... Bike for mom
ส่วนเรา แว๊นเพื่อเเม่ ถือกำเนิดทริปกะทันหัน ที่ตั้งใจไว้แล้ว
ลาดกระบัง-เขาใหญ่ 22ชม.No WiFi ถ่ายกล้องฟิล์ม
...ตอนนี้ดูเวลา ตีหนึ่ง ชม.แรกของวันที่12 แต่ไฉนละฝนถึง อุปกรณ์แรกที่จำเป็น คือเสื้อ(พอจะ)กันฝน กล้องดิจิตอลแบต2ขีด กล้องฟิล์ม2ฟิล์ม3ม้วน windowนำทางแผนที่ช่วยชีวิตแบบไม่ต้องใช้WiFi โทรศัพท์กับแบตที่เหลือประมาณ10เปอร์ คน4คนกับมอไซด์2คัน
...เติมพลังก่อนออก กับโจ๊กเกกี ถึงจะโจ๊กแต่ก็ไม่เรื่องตลกนะ
....ออก เดิน ทาง ....และตอนนี้ราวตี2 เราขับมาเลียบคลอง13 เป็นถนนเส้นตรง มีไฟตลอดสองข้างทาง พยายามมองนู้นมองนี้ ศศิชวนร้องเพลง เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงที่นอน
---- หยุดพักเครื่อง หยุดพักคน ที่เริ่มหมดแรง ตอนนี้ถึงบ้านสร้าง แอบเห็นป้ายปราจีนแวปๆ
ใจชื่นขึ้นมา แต่แอ๊ะ หัวรถมันส่ายๆ เรากำลังบดมันอยู่ มันบด บดมัน ยางงงงงงงายยยยย55555
ฟ้ายังไม่สว่างเสียงศศิพรึมพรำ เจ้ๆ มองหาป้ายปะยาง 24ชม.นะ แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนในหนังหรอก มันไม่มีอยู่จริง
...บด บด บด บด มาเรื่อยจนเข้าในตัวเมือง แวะถามมางมาร้านปะยาง แต่มันเช้าเกินไปร้านยังไม่เปิด
ได้เเต่ยืนรอ นั่งรอ กระโดดโลดเต้นหน้าร้านเค้า มีหมาสามสี่ตัว เห่าทักมาเป็นระยะ ไม่ได้ละ ต้องทำอะไรสักอย่าง แผนชั่วในหัวก็บังเกิด
เรามาแหย่หมากันๆ พอมันเห่าใช่ป่ะ เจ้าของร้านก็จะตื่น 555555555 เลวร้าย
ตัดบทอย่างรวดเร็ว เล่าแบบกระชับมิตรดีกว่าเนอะ
06.00 ปะยางร้านลุง(หน้าโรงเรียนกัลยาณี)
06.40 กินข้าว ข้าวมันไก่ตื่น
...สู่เขาใหญ่ (กับข้าวเหนียวหมู)
อยากจอดก็จอด แล้วเเต่คนขับเลย
ต่อไปเล่าเรื่องโดยฟิล์มม้วนกระเต็น
เราขึ้นไปผาตรอมใจก่อน แต่ไม่มีรูป ลงมาผาเดียวดายเลยแล้วกัน

01
หัวเดียว
............
ที่จริงก็มากันหลายหัวนะ เเต่เพราะเป็นหัวฟิล์มและตอนนี้เองกำลังนั่งอยู่บนผาเดียวดาย ไงละหัวเดียวป๊ะละ
'''' เขาที่,(เคย)วางสลับซับซ้อน ถูกม่านหมอกปิดลง เราต่างนั่งรอ รอให้ม่านถูกเปิดออก สีหมอกขาวราวฝัน ทำให้คนรอถึงกลับหลับไหล มันไม่ใช่เพราะอยากฝัน เเต่ร่างกายเหนื่อยล้า จากการเเว้นมาร่วมร้อยกว่ากิโล ง่วงคงไม่น่าแปลก ร อ ผ่านมาได้สักพักมองแหงนไปเบื้องหน้า หมอกยิ่งหนา หนาขึ้นจนมิดเขา
....ภาพที่เห็นยังไม่เป็นเหมือนภาพที่วาดไว้ เราควรจากลา เพื่อกลับมาพบใหม่ บางทีเขาอยากให้กลับมาอีกก็ได้นะ
(ภาพเเรกทั้งลุ้นทั้งตื่นเต้น)

02
เธอและเขา
เธอมองเขา เขาก็มองเธออยู่นะ
#หินบังพุง

03
ขาเขาที่เข้ามา
ทุกอย่างมันลงตัว มาได้ทันเวลาพอดี

04
เขาหรือเรา
เราเหงา แต่เขาคงเหงายิ่งกว่า
(หมอกยังเยอะอยู่จนมองไม่เห็นเขา) มอสโตะ

05
เรากลับกันเถอะ ค่อยมาหาเขาใหม่

06
แว๊นทุกที่ ที่มีเขา
เรามักเจอเด็กแว๊นตามท้องถนน ที่นี่ก็มีนะ เจอเค้าได้>>>วลีมีหมวกกันน็อค

07
เหมือนเดินทางไกล ค่ายลูกเสือ สมัยมอต้น

08
"ท้องฟ้ากว้างไกล จะเอาง่ายๆมันไม่ได้หรอกเธอ"
จำได้ว่าตอนนั้นฮัมเพลงนี้อยู่ทั้งวัน อยู่ดีดีก็คิดถึงเขาขึ้นมา
ถ่ายระหว่างทางลงจากผาเดียวดาย

09
เรียกให้หันมา

10
มาม่าคับ
บ่ายมาเริ่มหิว มาม่าคัพ20.- ช่วยชีวิตคนงบน้อยอย่างเรา
มีคนเคยบอกว่า ไม่จำเป็นต้องกินของแพง แต่มันอยู่ที่เรากินกับใคร ที่ไหนมากกว่า ...ลองจิตนาการเล่นๆ เหมือนนั่งอยู่ร้านอาหารริมน้ำ แล้วเปิดเพลงอคูสติกคลอเบาๆ เสียงน้ำไหล ลมหนาวปะทะตัว ผีเสื้อนับสิบบินอยู่รอบกาย มันใช่เลย
ที่จริงเหตุผลที่ถ่ายรูปนี้ มันอยู่ในช่วงรอให้เส้นมาม่าอืด ชอบมโนไปเองว่าเหมือนได้กินราเมง จบนะ ราเมงในน้ำต้มยำ

11
ตั้งใจถ่ายผีเสื้อ
(ผีเสื้อ หรือผีหลอก) ไม่เห็นเลย

12
ไม่ได้เล่นแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว ได้แต่มอง
หันดูข้างๆ

13
นี่สินะ เรียกว่าวันพักผ่อน

14
ตอนนี้ราวๆ4โมงเย็น
ได้เวลาบอกลาเขา แล้วเราคงได้เจอกันใหม่

15
หลังจากลงจากเขา ก็จะกลับหรือไปต่อ งั้นไปต่อแล้วกัน
No Wi-fi
จำได้ว่า เรามีภาพนึงที่ถ่ายรูปรวมกันสี่คน ตั้งกล้องไว้กลางถนน เเต่พอล้างออกมา มันถ่ายไม่ติด แอบเสียใจนึดๆ เพราะตอนนั้นตั้งใจถ่ายรูปนั้นมาก นี่แหละเสน่ห์ของฟิล์ม ใจเต้นไม่เคยเป็นจังหวะ
"อ่างเก็บน้ำวังบอน"เหลืออยู่ภาพเดียว...ขอเรียกภาพนี้ว่าภาพหมู่ละกันนะ อย่างน้อยเราก็เป็นคนกดชัตเตอร์
... เรา 1 2 3 4 คน
ทุกคน no wifi โทรสับทุกเครื่องแบตหมต กล้องดิจิตอลก็ดับไปพร้อมกัน เหลือเพียงวัตถุนึง ที่เรียกว่ากล้องฟิล์ม ที่ถูกใช้บรรทึกภาพสถานที่นี้ไว้ เห็นภาพเเล้ว ความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นคือ รู้สึกโคตรดีเลย เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน มองหน้ากัน เอ่อ มันชัดกว่าในจอเยอะเลย ^^

16
ไปตามทางของเรา
อย่างกับฉากหนังสยอง 5555เจอทั้งหมอกและควัน หัวศศิ จุดหมายคือเขื่อนขุนด่านปราการชล

17
ถูกที่แต่ไม่ถูกทาง ขุนด่านอยู่ไหน กลับไปตั้งหลักใหม่

18
ขุนด่าน มั้ยละ

19
นี่ๆ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง

20
ฟ้าเปลี่ยนสี เพื่อเปลี่ยนวันใหม่
21
-
แวะกินส้มตำ ร้านนี้นัววววววมาก
จำชื่อไม่ได้ แต่ให้ไปอีกทีคงจำได้
เรื่องมันยังไม่จบ เเต่ความรู้สึกเล่าต่อไม่ได้ ขอกลับลาดกระบังก่อนเนอะ
จบการเดินทาง200กว่ากิโล 22 ชม
^^ขอบคุณศศิ มอสโตะ วลี ที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ ความทรงจำนี้โคตรพิเศษเลยหว่ะ
^_____^ ขอบคุณที่ผ่านมาอ่าน และลิ้มรสฟิล์มจากมุมที่เราใส่ใจลงไป
ขอบคุณจริงๆ
....กระเต็น เขียน จบ 23/11/2558
[CR] เขาใหญ่ ตัวเราเล็กนิดเดียว
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ ... Bike for mom
ส่วนเรา แว๊นเพื่อเเม่ ถือกำเนิดทริปกะทันหัน ที่ตั้งใจไว้แล้ว
ลาดกระบัง-เขาใหญ่ 22ชม.No WiFi ถ่ายกล้องฟิล์ม
...ตอนนี้ดูเวลา ตีหนึ่ง ชม.แรกของวันที่12 แต่ไฉนละฝนถึง อุปกรณ์แรกที่จำเป็น คือเสื้อ(พอจะ)กันฝน กล้องดิจิตอลแบต2ขีด กล้องฟิล์ม2ฟิล์ม3ม้วน windowนำทางแผนที่ช่วยชีวิตแบบไม่ต้องใช้WiFi โทรศัพท์กับแบตที่เหลือประมาณ10เปอร์ คน4คนกับมอไซด์2คัน
...เติมพลังก่อนออก กับโจ๊กเกกี ถึงจะโจ๊กแต่ก็ไม่เรื่องตลกนะ
....ออก เดิน ทาง ....และตอนนี้ราวตี2 เราขับมาเลียบคลอง13 เป็นถนนเส้นตรง มีไฟตลอดสองข้างทาง พยายามมองนู้นมองนี้ ศศิชวนร้องเพลง เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงที่นอน
---- หยุดพักเครื่อง หยุดพักคน ที่เริ่มหมดแรง ตอนนี้ถึงบ้านสร้าง แอบเห็นป้ายปราจีนแวปๆ
ใจชื่นขึ้นมา แต่แอ๊ะ หัวรถมันส่ายๆ เรากำลังบดมันอยู่ มันบด บดมัน ยางงงงงงงายยยยย55555
ฟ้ายังไม่สว่างเสียงศศิพรึมพรำ เจ้ๆ มองหาป้ายปะยาง 24ชม.นะ แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนในหนังหรอก มันไม่มีอยู่จริง
...บด บด บด บด มาเรื่อยจนเข้าในตัวเมือง แวะถามมางมาร้านปะยาง แต่มันเช้าเกินไปร้านยังไม่เปิด
ได้เเต่ยืนรอ นั่งรอ กระโดดโลดเต้นหน้าร้านเค้า มีหมาสามสี่ตัว เห่าทักมาเป็นระยะ ไม่ได้ละ ต้องทำอะไรสักอย่าง แผนชั่วในหัวก็บังเกิด
เรามาแหย่หมากันๆ พอมันเห่าใช่ป่ะ เจ้าของร้านก็จะตื่น 555555555 เลวร้าย
ตัดบทอย่างรวดเร็ว เล่าแบบกระชับมิตรดีกว่าเนอะ
06.00 ปะยางร้านลุง(หน้าโรงเรียนกัลยาณี)
06.40 กินข้าว ข้าวมันไก่ตื่น
...สู่เขาใหญ่ (กับข้าวเหนียวหมู)
อยากจอดก็จอด แล้วเเต่คนขับเลย
ต่อไปเล่าเรื่องโดยฟิล์มม้วนกระเต็น
เราขึ้นไปผาตรอมใจก่อน แต่ไม่มีรูป ลงมาผาเดียวดายเลยแล้วกัน
01
หัวเดียว
............
ที่จริงก็มากันหลายหัวนะ เเต่เพราะเป็นหัวฟิล์มและตอนนี้เองกำลังนั่งอยู่บนผาเดียวดาย ไงละหัวเดียวป๊ะละ
'''' เขาที่,(เคย)วางสลับซับซ้อน ถูกม่านหมอกปิดลง เราต่างนั่งรอ รอให้ม่านถูกเปิดออก สีหมอกขาวราวฝัน ทำให้คนรอถึงกลับหลับไหล มันไม่ใช่เพราะอยากฝัน เเต่ร่างกายเหนื่อยล้า จากการเเว้นมาร่วมร้อยกว่ากิโล ง่วงคงไม่น่าแปลก ร อ ผ่านมาได้สักพักมองแหงนไปเบื้องหน้า หมอกยิ่งหนา หนาขึ้นจนมิดเขา
....ภาพที่เห็นยังไม่เป็นเหมือนภาพที่วาดไว้ เราควรจากลา เพื่อกลับมาพบใหม่ บางทีเขาอยากให้กลับมาอีกก็ได้นะ
(ภาพเเรกทั้งลุ้นทั้งตื่นเต้น)
02
เธอและเขา
เธอมองเขา เขาก็มองเธออยู่นะ
#หินบังพุง
03
ขาเขาที่เข้ามา
ทุกอย่างมันลงตัว มาได้ทันเวลาพอดี
04
เขาหรือเรา
เราเหงา แต่เขาคงเหงายิ่งกว่า
(หมอกยังเยอะอยู่จนมองไม่เห็นเขา) มอสโตะ
05
เรากลับกันเถอะ ค่อยมาหาเขาใหม่
06
แว๊นทุกที่ ที่มีเขา
เรามักเจอเด็กแว๊นตามท้องถนน ที่นี่ก็มีนะ เจอเค้าได้>>>วลีมีหมวกกันน็อค
07
เหมือนเดินทางไกล ค่ายลูกเสือ สมัยมอต้น
08
"ท้องฟ้ากว้างไกล จะเอาง่ายๆมันไม่ได้หรอกเธอ"
จำได้ว่าตอนนั้นฮัมเพลงนี้อยู่ทั้งวัน อยู่ดีดีก็คิดถึงเขาขึ้นมา
ถ่ายระหว่างทางลงจากผาเดียวดาย
09
เรียกให้หันมา
10
มาม่าคับ
บ่ายมาเริ่มหิว มาม่าคัพ20.- ช่วยชีวิตคนงบน้อยอย่างเรา
มีคนเคยบอกว่า ไม่จำเป็นต้องกินของแพง แต่มันอยู่ที่เรากินกับใคร ที่ไหนมากกว่า ...ลองจิตนาการเล่นๆ เหมือนนั่งอยู่ร้านอาหารริมน้ำ แล้วเปิดเพลงอคูสติกคลอเบาๆ เสียงน้ำไหล ลมหนาวปะทะตัว ผีเสื้อนับสิบบินอยู่รอบกาย มันใช่เลย
ที่จริงเหตุผลที่ถ่ายรูปนี้ มันอยู่ในช่วงรอให้เส้นมาม่าอืด ชอบมโนไปเองว่าเหมือนได้กินราเมง จบนะ ราเมงในน้ำต้มยำ
11
ตั้งใจถ่ายผีเสื้อ
(ผีเสื้อ หรือผีหลอก) ไม่เห็นเลย
12
ไม่ได้เล่นแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว ได้แต่มอง
หันดูข้างๆ
13
นี่สินะ เรียกว่าวันพักผ่อน
14
ตอนนี้ราวๆ4โมงเย็น
ได้เวลาบอกลาเขา แล้วเราคงได้เจอกันใหม่
15
หลังจากลงจากเขา ก็จะกลับหรือไปต่อ งั้นไปต่อแล้วกัน
No Wi-fi
จำได้ว่า เรามีภาพนึงที่ถ่ายรูปรวมกันสี่คน ตั้งกล้องไว้กลางถนน เเต่พอล้างออกมา มันถ่ายไม่ติด แอบเสียใจนึดๆ เพราะตอนนั้นตั้งใจถ่ายรูปนั้นมาก นี่แหละเสน่ห์ของฟิล์ม ใจเต้นไม่เคยเป็นจังหวะ
"อ่างเก็บน้ำวังบอน"เหลืออยู่ภาพเดียว...ขอเรียกภาพนี้ว่าภาพหมู่ละกันนะ อย่างน้อยเราก็เป็นคนกดชัตเตอร์
... เรา 1 2 3 4 คน
ทุกคน no wifi โทรสับทุกเครื่องแบตหมต กล้องดิจิตอลก็ดับไปพร้อมกัน เหลือเพียงวัตถุนึง ที่เรียกว่ากล้องฟิล์ม ที่ถูกใช้บรรทึกภาพสถานที่นี้ไว้ เห็นภาพเเล้ว ความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นคือ รู้สึกโคตรดีเลย เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน มองหน้ากัน เอ่อ มันชัดกว่าในจอเยอะเลย ^^
16
ไปตามทางของเรา
อย่างกับฉากหนังสยอง 5555เจอทั้งหมอกและควัน หัวศศิ จุดหมายคือเขื่อนขุนด่านปราการชล
17
ถูกที่แต่ไม่ถูกทาง ขุนด่านอยู่ไหน กลับไปตั้งหลักใหม่
18
ขุนด่าน มั้ยละ
19
นี่ๆ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
20
ฟ้าเปลี่ยนสี เพื่อเปลี่ยนวันใหม่
21
-
แวะกินส้มตำ ร้านนี้นัววววววมาก
จำชื่อไม่ได้ แต่ให้ไปอีกทีคงจำได้
เรื่องมันยังไม่จบ เเต่ความรู้สึกเล่าต่อไม่ได้ ขอกลับลาดกระบังก่อนเนอะ
จบการเดินทาง200กว่ากิโล 22 ชม
^^ขอบคุณศศิ มอสโตะ วลี ที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ ความทรงจำนี้โคตรพิเศษเลยหว่ะ
^_____^ ขอบคุณที่ผ่านมาอ่าน และลิ้มรสฟิล์มจากมุมที่เราใส่ใจลงไป
ขอบคุณจริงๆ
....กระเต็น เขียน จบ 23/11/2558