+++ แอ่นแอ้น พระเอกมาเเล้วจ้า +++++(คำต่อคำ! "อภิสิทธิ์" วิเคราะห์โศกนาฏกรรมกรุงปารีส)

กระทู้คำถาม
-เหตุก่อการร้ายที่ฝรั่งเศส

เท่าที่ติดตามสถานการณ์มาดูครั้งนี้ดูจะรุนแรง มีอะไรที่เราจะต้องพิจารณาเป็นพิเศษมากกว่าครั้งก่อนหรือไม่ เท่าที่พูดคุยมาดูเหมือนจะมีแต่รุนแรงขึ้น

"ผมคิดว่าทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างกันว่าครั้งนี้เป็นการกระทำที่รุนแรงโหดร้ายมาก มีการวางแผนอย่างดี เกิดขึ้นในหลายจุดในกรุงปารีส ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเมืองหลวง เมืองสำคัญเมืองหนึ่งในยุโรป แล้วก็เกิดขึ้นในขณะที่มีความพยายามที่จะเข้าไปปฏิบัติการณ์ในซีเรีย เพื่อที่จะกวาดล้อมกลุ่ม ISIS ฉะนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้ว และหลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ยังเห็นการยกระดับความรุนแรงทั้ง 2 ฝ่าย ก็คือทางฝ่ายฝรั่งเศสเองก็เข้าไปโจมตีฐานของ ISIS โดยที่มีมหาอำนาจอื่นๆ ซึ่งปฏิบัติการณ์อยู่แล้วในพื้นที่ตรงนั้น เพียงแต่ในรูปแบบซึ่งอาจจะแตกต่างกัน ก็ดูเหมือนว่าตรงนี้ก็คงจะเข้มข้นขึ้น

ขณะเดียวกันทางฝ่าย ISIS ก็ชัดเจนก็คือมีการตอบโต้ มีการขู่ แล้วก็เริ่มที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพว่าฝ่ายเขาก็มีเครือข่ายซึ่งกระจาย อยู่ในหลายพื้นที่ รวมทั้งในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมๆ กันนี้ ก็จะเห็นว่าทางประธานาธิบดีรัสเซีย คือประธานาธิบดีปูตินเองก็ค่อนข้างจะกล่าวหาชัดเจนขึ้น ตอนนี้วงแคบลงไปแล้วบอกว่ามีประเทศที่สนับสนุนทางด้านการเงินอยู่ใน G20 ด้วย ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ดังนั้นผมก็คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะนำไปสู่การขยายวงของความขัดแย้ง

บางคนก็ถึงขั้นกับเริ่มวิตกกังวลว่ามันจะไปสู่ภาวะที่เรียกว่าสงครามเต็มรูปแบบหรือเปล่า ขณะเดียวกันนั้น รูปแบบของความรุนแรง การก่อร้ายต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทยก็ไม่ควรจะมีใครอยู่ในภาวะที่ประมาท ก็คือไม่ต้องตื่นตระหนกนะครับ แต่ว่าต้องไม่ประมาท แล้วก็ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การเสนอข่าวจะต้องเข้มงวดกวดขันมากขึ้น แล้วก็ละเอียดมากขึ้นในการที่จะไปติดตามสิ่งที่อาจจะนำไปสู่ปฏิบัติการณ์ของ ความรุนแรงได้"

-ปฏิบัติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นแบบ Tit for Tat หรือว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน นั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่

"มันเป็นเรื่องยากนะครับ คือเวลาเรายืนอยู่ข้างนอกยังไม่ได้ไปร่วมในฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนั้น ก็อาจจะง่ายที่จะบอกว่า ก็ถอยกันมา แต่ผมคิดว่าเมื่อมีการตอบโต้กันไปกันมาในหลายต่อหลายกรณีเราก็จะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลุดจากวงจร แล้วก็ที่สำคัญก็คือว่าในแง่ของฝ่ายที่ก่อการร้ายเอง เขาก็พูดชัดเจนว่าจุดยืนของเขา คือเขาต้องการที่จะขยายอาณาเขตของเขา และเขาพร้อมที่จะใช้ความรุนแรง เพราะฉะนั้น มันก็ยากกันนิดนึงที่จะบอกว่าการตอบโต้กันไปกันมามันคงไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง การใช้ความรุนแรงมันคงจะใช้ไม่ได้นั้น มันพูดได้แต่ขณะเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งประกาศว่ามันเป็นแนวทางของเขาอยู่แล้ว ที่จะใช้ความรุนแรง เราจะทำอย่างไร

ผมถึงคิดว่า ครั้งนี้มันเป็นเรื่องของความท้าทายที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ ความจริงก็เคยพูดประเด็นเหล่านี้ตั้งแต่ตอนที่ ISIS ปรากฎตัวขึ้นมาแรกๆ เพียงแต่ว่าขณะนี้เราคิดว่าเราได้มองเห็นศักยภาพของเขาแล้วว่ามันไม่ได้ จำกัดอยู่ในพื้นที่ซีเรีย อิรักเท่านั้น แล้วก็ที่สำคัญก็คือ เขาใช้เครือข่ายของอินเทอร์เน็ตค่อนข้างที่จะเก่ง แล้วก็ค่อนข้างที่จะมีประสิทธิภาพในการทำเรื่องนี้ด้วย"

-มีพลเมืองชาวยุโรปเองที่ถูก Recruit เข้าไปอยู่ในกระบวนการของ ISIS ด้วย นั่นก็เป็นเหตุผลนึงด้วยใช่หรือไม่

"ใช่ครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นปรากฎการณ์ที่ในแง่นึงก็อาจจะดูแปลก เราก็ได้ทราบมาระยะหนึ่งแล้วว่า การดึงคนเข้าไปร่วมกระบวนการนั้นเขาก็ทำโดยสามารถที่จะดึงคนการศึกษาดีๆ ด้วยซ้ำในยุโรป จากหลายต่อหลายประเทศ แล้วก็จริงๆ นอกยุโรปด้วย เพราะฉะนั้นจุดยืนที่มันโหดเหี้ยมดูรุนแรงและเราก็มีความรู้สึกว่ามันสุดโต่งนั้น มันกลับกลายไปสามารถที่จะไปดึงดูดคนให้ไปต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์ได้ อันนี้ต้องบอกว่าดูผิวเผินนั้นมันก็ดูแปลกนะครับ แต่ในทางกลับกันก็บอกเช่นเดียวกันว่า กลุ่มก่อการร้ายนี้น่าจะเป็นกลุ่มแรก ที่พูดง่ายๆ คือ เปิดหน้าชก ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะบอกว่าใช้ความรุนแรง เป็นเรื่องศาสนาอย่างนี้เป็นต้น"

-จากนี้ไปโลกจะเป็นอย่างไร

"ผมคิดว่าความขัดแย้งตรงนี้คงจะใช้เวลานานมากในการที่จะคลี่คลาย ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าประเทศมหาอำนาจทั้งหลายไปในแนวทางที่บอก เอาละต้องกวาดล้างกันจริงๆ จังๆ 1. ก็คงไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ ไม่ใช่ง่ายๆ แล้วก็ต้องใช้กองกำลังค่อนข้างเยอะ 2.มันก็ตั้งคำถาม ผมว่าคุณวารินทร์ก็คิดอยู่ในใจที่ถามผมเมื่อกี้ว่า ในวันที่สหรัฐฯ ไปบุกอิรัก เพื่อบอกว่าจะไปกำจัดอาวุธร้ายแรงอะไรต่างๆ แล้วก็มันจะนำมาสู่ความสงบนั้น สุดท้ายมันก็ไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรของการตอบโต้กันในทางความรุนแรง เพราะฉะนั้นต่อให้ปฏิบัติการณ์ต่างๆ มีการกวดล้างไป ตราบเท่าที่ยังมีคนจำนวนหนึ่งในโลกที่มีความรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม เป็นการไปรังแก จะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีการตอบโต้อีก ในแง่นึงอาจจะต้องบอกเราก็ต้องทำใจว่าโลกจากวันนี้ไปเราจะต้องอยู่กับสิ่งเหล่านี้"

-ตรงนี้มีแนวคิด 2 แนวคิดที่ค่อนข้างขัดแย้งกัน เราเป็นส่วนหนึ่งกับประชาคมโลก และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฝรั่งเศส และประเทศต่างๆ ด้วย เราต้องสนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้าย แต่ขณะเดียวกันการไปถล่มในซีเรีย หลักมนุษย์ธรรมที่ไปถล่ม ไปทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตรงนี้คุณอภิสิทธิ์มองว่ามันทำให้เราได้เห็นหรือว่าต้องติดตามอะไรบ้าง

"แน่นอนที่สุดนะครับ เราก็ต้องผนึกกำลังกับชาวโลกในการต่อต้านการก่อการร้าย ไม่ยอมรับความรุนแรงจากการก่อการร้าย แล้วก็ต้องเป็นกำลังใจ ต้องยืนหยัด แล้วก็ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่มีประเทศไหนที่จะยอมจำนนกับวิธีการแบบนี้ ส่วนปฏิบัติการณ์ใดๆ ที่จะนำไปสู่เรื่องของการใช้กองกำลัง ความรุนแรง หรือสงครามนั้น ผมคิดว่ามันต้องอยู่บนพื้นฐานของกติกาโลก นั่นก็หมายความว่าสหประชาชาติก็ดี บรรดาข้อตกลงระหว่างประเทศก็ดี ว่าในการที่จะประกาศสงคราม ในการที่จะไปทำสงครามนั้น ขอบเขต วิธีการ ขั้นตอนมันอยู่ตรงไหน คือถ้าไปในลักษณะนั้นผมคิดว่าเราก็คงวางตัวไม่ยาก แต่ว่าถ้าหากว่าบางประเทศคิดว่ามีอำนาจมากกว่าที่จะต้องไปปฏิบัติตาม เงื่อนไขเหล่านั้น แล้วก็ว่าไปโดยฝ่ายเดียว แล้วพยายามจะดึงเราเข้าไป แล้วบังเอิญเป็นมิตรประเทศของเรา อันนี้แหละครับคือเป็นสิ่งที่เราก็ต้องระมัดระวังว่าเราจะถูกดึงเข้าไปสู่ ความขัดแย้งด้วยหรือไม่"

-ดูเหมือนจะเป็นอย่างหลังเสียด้วย

"เราก็ผ่านปัญหานี้มาแล้วในกรณีของอิรัก ซึ่งผมก็คิดว่ามันก็ต้องเป็นบทเรียน ส่วนครั้งนี้ก็คงยังจับตากันอยู่ครับว่าในแง่ของ ฝรั่งเศสนั้นเขาถือว่าเขาถูกกระทำ เขาถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13 นั้นเป็นการประกาศสงครามกับเขา เขาก็จะไปต่อสู้ ส่วนบรรดามหาอำนาจอื่นที่ขณะนี้กำลังปรึกษาหารือร่วมปฏิบัติการณ์ในบางรูป แบบนั้น ผมคิดว่ายังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ว่าในที่สุดแล้วจะสรุปว่าวิธีการที่จะดำเนินการต่อไปในแง่ของการเป็นผู้นำของประชาคมโลกนั้นจะทำอย่างไร แล้วใครจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง"

-อันนี้คือการต่อต้านกับกลุ่มก่อการร้าย ISIS แต่บ้านเราเองเราก็ต้องเฝ้าระวังกับกลุ่มที่ก่อเหตุในบ้านเราเหมือนกัน อย่างที่ผ่านมาเราก็มีความสูญเสียกับแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรเหมือนกัน คุณอภิสิทธิ์มองว่าเหตุการณ์ในบ้านเราตอนนี้ก็มีการเฝ้าสังเกตเหมือนกัน อย่าง ISIS เองจะมาสร้างเครือข่าย หรือมาขยายเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเปล่า หรือไปรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเราที่เราต้องขอความร่วมมือประชาชนให้เป็นหูเป็นตา

"ถ้าฐานในภูมิภาคนั้นก็มีข้อสงสัยแล้วนะครับ มันมีกลุ่มที่ฟิลิปปินส์ มันมีการดึงเอาคนในหลายประเทศในภูมิภาคนี้เข้าไปร่วมอยู่ แต่กรณีของไทยนั้นหน่วยงานความมั่นคงก็ยืนยันว่ายังไม่พบ ก็ต้องไม่ประมาท เพราะว่าเราก็เป็นประเทศค่อนข้างเปิด เราก็มีเงื่อนไขความขัดแย้งในบางพื้นที่ เรายังมีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองมาผสมโรงด้วย เพราะฉะนั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายก็ต้องเอาใจใส่กับภัยคุกคามที่จะเกิด ขึ้นจากเรื่องนี้มากขึ้น"

-ฝั่งนึงกลุ่มก่อการร้าย ใช้ความรุนแรง แต่อีกฝ่ายนึงก็เป็นในนามของรัฐ ที่ไปใช้ความรุนแรงกับกลุ่มตรงข้ามรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกลายจะเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหานี้ก็ได้ ทางออกจากนี้ไปในส่วนของซีเรียเอง คุณอภิสิทธิ์คิดว่าจะเป็นอย่างไร

"ผมคิดว่าพวกเราคงเริ่มได้มีคนเขียนกึ่งตลกกันใช่มั้ย พยายามอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดว่าตกลงใครอยู่ฝ่ายไหน ยิ่งอ่านยิ่งงงมั้ยล่ะครับ เพราะว่าอย่างปัญหาของซีเรียนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะบังเอิญสหรัฐฯ ไปมีเป้าหมายในการที่จะโค่นล้มรัฐบาล ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับทาง ISIS มันก็จะเป็นอย่างนี้ แต่ว่ามันก็ไม่แปลกนะครับถ้าเราดูประวัติศาสตร์ อย่าลืมว่ากลุ่มตาลีบัน ก็เริ่มต้นมาจากการที่สหรัฐฯ สนับสนุนเหมือนกัน สุดท้ายกมาเป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ




ปัญหานั้น ผมคิดว่ามันต้องทำอย่างไรให้มันมีเป้าหมายของผู้นำ หรือมหาอำนาจในประชาคมโลกที่มันตรงกันเสียก่อน อะไรๆ คือสิ่งที่มันเป็นความสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นอันนี้คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้รัสเซียเขาเป็นคนขยับก่อนหน้านี้ เพราะรัสเซียก็บอกว่า ก็เพราะคุณมัวแต่กังวลที่จะไปโค่นล้มรัฐบาล คุณเลยปล่อยให้ ISIS มันเติบโต รัสเซียก็อ้างว่าจะต้องเข้าไปกวาดล้าง ISIS เสียก่อน แต่ขณะเดียวกันก็มีคนกล่าวหาว่ารัสเซียเองก็มีความสนิทสนมกับฝ่ายรัฐบาล ก็จึงมีจุดยืนเช่นนี้

เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมบอกครับว่า ถ้าทุกคนสามารถมาตกลงกันได้ว่าตกลงจุดยืนร่วมกัน หรือภัยร่วมกันมันอยู่ตรงไหนมันก็จะง่ายเข้า แต่ถ้ายังมีการเมืองที่ยังขัดๆ กันอยู่ ผมคิดว่าสถานการณ์ก็จะสับสน แล้วก็มีโอกาสที่จะบานปลายไปเรื่อยๆ"

-เริ่มเห็นบางรัฐในอเมริกาปฏิเสธผู้อพยพแล้ว โลกนี้ยุ่งเหยิง

"คือมันมีเชื้ออยู่แล้วครับ ในฤดูกาลซึ่งมีการเมืองเยอะด้วย เช่นพรรค Republican เป็นส่วนใหญ่ก็เล่นกับความกลัวของคนอเมริกันอยู่แล้ว กับปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้ที่เข้ามาอยู่ในอเมริกา ก็ Donald Trump ก็ยังยืนยันหาเสียงจะสร้างกำแพงอยู่ไม่ใช่เหรอ กั้นระหว่างสหรัฐฯ กับเมกซิโก คือมันมีความกลัวเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แล้วทีนี้พอมันมีประเด็นอีกว่า อ้าว แล้วมันจะเป็นไปได้มั้ยที่จะมีผู้ก่อการร้ายแฝงเข้ามา ก็มาเล่นกับความกลัวตรงนี้ ผมคิดว่าก็เหมือนกับเป็นการฉวยโอกาสไปในตัวว่า ถ้าอย่างนั้นก็เรื่องนี้ก็ตัดสินใจง่าย เอาความปลอดภัยของคนของตัวเองไว้อะไรทำนองนั้น"

ที่มา : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ 101 องศาข่าว ช่วงตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางสถานีวิทยุ 101

      http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1447853357          


    https://www.youtube.com/watch?v=72hyBNTWFss    
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่