[CR] 2 วัน 1 คืน ชีวิตตามความฝันที่ภูกระดึง (ฉบับนักศึกษา) (แบกเป้เที่ยว " คนเดียว " )

กลับมาแล้วครับ
หลังจากห่างหายไปนาน กลับมาคราวนี้เราไปไกลกว่าเดิมแน่นอน

กำลังรีวิวปรากฏเครื่องค้าง นั่งพิมพ์ใหม่ = = เดี๋ยวงอแงไม่พิมพ์ล่ะ 5555

โอเค เรื่มพิมพ์ใหม่ -.-

หลังจากที่หาเวลา เก็บตังได้ใหม่แล้ว ตอนแรกว่าจะไปหัวหิน แต่ปรากฏว่าหลายๆอย่างไม่เอื้ออำนวยเลยงดทริปนั้นไว้ก่อน ในเมื่อทะเลไปไม่ได้ เราก็เที่ยวป่าล่ะกัน สถานที่แรกๆที่นึกขึ้นได้ก็คงจะเป็นดอย เป็นพวกเขื่อน ก็มีความคิดไหลออกมาทั้งภูเรือ เขาสอยดาว เขาช้างเผือก ดอยอินทนนท์ ภูกระดึง ดูจากงบในกระเป๋าอันน้อยนิดของนักศึกษาตัวน้อยๆคนนี้ ประมาณไว้ ก็ได้ " ภูกระดึง " เป็นที่หมาย เกิดมาไม่เคยเที่ยวภู เที่ยวดอยเลยสักครั้ง อุปกรณ์เดินป่าไม่มีสักชิ้น ทำไงดีว่ะ เลยศึกษาข้อมูลว่ามีเต็นให้เช่าไหม แพงไหม หมอน ถุงนอน มีไหม โชคดีที่อุทยานมีทุกอย่างเลยโอเค เตรียมเสื้อผ้าของใช้ไปคงได้ หลังจากนั้นก็ศึกษาข้อมูลอยู่พักนึง แล้วก็เลือกบริษัทขนส่ง ภูกระดึงทัวร์ ความจริงมีทั้งแอร์เมืองเลย บขส ด้วยนะครับ แต่เลือกที่นี่เพราะชื่อบริษัทดูแล้วน่าจะถึงภูกระดึงมากที่สุด 555 ( คิดเองเออเอง อมยิ้ม16 ) และก็ได้ไปที่สถานขนส่งหมอชิตไปจองตั๋ว เพราะกลัวว่าจองวันนั้นแล้วจะไม่มีที่



แล้วก็รอๆๆ รอจนวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. 58 มาถึง หลังเรียนเสร็จ ผมรีบกลับมาห้องเก็บของ เช็คของให้เรียบร้อย แล้วก็กินข้าว อาบน้ำแต่งตัวไปเตรียมขึ้นรถ



ประมาณ 19.30 น. คิดไว้ล่ะว่ายังไงก็ทันเพราะวงศ์สว่างกับหมอชิตใกล้กันนิดเดียว ความประมาทนั่นเองทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นแรงเหมือนเจอคนที่ชอบ เพราะว่า 20.30 น. รถติดทางไปหมอชิตเกือบ ครึ่งชั่วโมงแล้ว T__T เอาไงว่ะ จะลงก็ใช่ที่เพราะกว่าจะเดินถึง ดีไม่ดี ช้ากว่าเดิม เลยบอกกับตัวเองว่า ทำใจสบายๆๆ ต้องทันๆ อีกสักพักพอผ่านตรงที่ก่อสร้างก็มาถึงหมอชิตพอดี 20.45 น. มีเวลาก็เลยแวะซื้อของกินที่ 7-11 ทั้งขนมปัง นม น้ำ ถามว่าที่กินข้าวมาไม่อิ่มเหรอ ( เฉยๆ กินได้เรื่อยๆทั้งวัน 555 ) แล้วก็ไปชั้น 3 ตรงตู้ขายตั๋วช่องสุดท้าย เพื่อไปยืนยันว่าเรามาแล้วนะ แล้วเค้าก็เขียนชานชลาให้ โดยไปรอรถที่ชานชลา 124 ก่อนไปก็ต้องปลดทุกข์ให้เรียบร้อย จะขึ้นไปทำภาระกิจบนรถก็คงไม่ดี ยิ่งรถวิ่งอยู่ด้วย เดี๋ยวจะไม่งาม ทำอะไรเสร็จก็อีกซัก 1 รูปก่อนไปรอรถ



โอเคพร้อมล่ะ รถเที่ยว 21.30 รถมาถึง ตรงเวลา แต่เลทนิดหน่อย อันนี้พอให้อภัยได้ และออกอีกที เกือบๆ 4 ทุ่มแน่ะ



หลังจากที่ขึ้นรถแล้วนะครับ เค้าก็แจกน้ำ กับ ยูโร่คัสตาสเค้ก ตั้ง 1 ชิ้น !!! 555 ยังดีกว่าน้ำเปล่าขวดเดียวเนอะ ทีแรกว่าจะหลับ ดันไม่หลับ ความอินดี้ก็เกิดขึ้น วันศุกร์กลางคืน . . . ฟัง Club Friday สิครัช 555 ฟังจนกระทั่งสัญญาณหมด แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกที ถึงจุดพักรถประเสริฐชัยแล้ว อยู่ที่ปากช่อง ( คำเตือน ตั๋วรถอย่าทิ้งนะครับ เอาหางตั๋วมาแรกข้าวได้ที่นี่เน้อ ) ก็แวะลงไปกินข้าว อยากจะบอกว่า ข้าวมันไก่อร่อยดีนะครับ ต้องลองๆ อยากจะกินอีกสักจาน ก็เกรงว่าตังที่ต้องใช้ ไม่รู้ว่าต้องกินน้ำกินข้าวข้างบนอีกเท่าไร ก็เลยไม่กินก็ได้ว้าาา ไปกินยูโร่บนรถแล้วรีบๆนอน รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ขนส่งขอนแก่นแล้ว น่าจะใช่เนอะ 5555 อันนี้ไม่มั่นใจแต่เห็นเขียนๆขอนแก่นเลยคิดว่าใช่ ก็ไม่หลับแล้วสิทีนี้เพราะใจมันไปอยู่ที่ภูแล้ว ( หารู้ไม่ใจอยู่บนภู แต่อย่าลืมเอาตัวขึ้นภูให้ไหวนะ 5555 ) และแล้วความสนุกก็มาถึง



รถจอดผานกเค้า เวลาประมาณ 7 โมงนิดๆ พอลงจากรถ รีบจองรถขากลับเลยก็ดีนะครับ ถ้ากะเวลาได้นะ เพราะแต่ล่ะคนลงจากภูใช้เวลาไม่เท่ากัน ผมก็จองไปเที่ยว 17.30 น. ของวันที่ 15 ก็คืออีกวันนึงนั่นเอง โดยค่ารถขากลับ 398 บาท ทีนี้ก็อุ่นใจได้ล่ะ เพราะที่เหลือคือค่ารถโดยสาร ค่าเข้าอุทยาน แล้วก็ค่ากิน ฮี่ๆๆ



แล้วก็ไปแปรงฟันที่ร้านเจ้กิม ล้างหน้าล้างตาแล้วก็มาขึ้นรถโดยสาร เหมาคันล่ะ 300 บาท แต่บนรถมีคนรออยู่แล้ว 6 คน ผมเลยขอติดไปด้วยอีกคน ก็ตกคนล่ะ 43 บาท แล้วกินลมชมวิวไปสักประมาณ 15 นาทีได้



รถก็มาถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง พอผมลงจากรถ ผมนี่รีบวิ่งไปถ่ายรูปกับหลักกิโลอันใหญ่หน้าอุทยานก่อนเลย กลัวคนอื่นไม่รู้ว่ามาถึงแล้วนะ อมยิ้ม16 ( แต่รูปอยู่ในกล้องน่ะครับ ที่ลงคือรูปในโทรศัพท์ทั้งหมดเลย ขออภัยเด้ออ ) หลังจากนั้นก็พร้อมลุยครับ สอบถาม จ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท สำหรับคนไทย ถ้าคนต่างชาติ 400 บาท กลัวเค้าจะเก็บเรา 400 จัง หน้ายิ่งเหมือนต่างด้าวอยู่ด้วย ผิดๆๆ 555 ก็จ่ายเรียบร้อย





แล้วก็เซ็นชื่อก่อนเข้าอุทยาน แล้วก็ลุยครับ 07.34 น. เริ่มออกเดินทาง
( ตรงนี้ก่อนขึ้นถ้าใครไม่อยากแบกเป้ขึ้นก็จ้างเค้าแบกได้ครับ กก. ล่ะ 30 บาท )

ส่วนผมอ่ะเหรอครับ ความจนทำให้คนอดทน 5555 แบกเองจ้า แค่ 12 โลเอง T__T
น้ำหนักตัว+เป้+เสื้อผ้ารองเท้า ประมาณเกือบ 90 โลได้ หูยยยยย สู้โว๊ยย !!





ในรูปจะเห็นนะครับว่ามีประมาณ 10 ซำ แต่อย่าเชื่อเค้าครับ ไม่มีหรอกครับซำกกไผ่ ซำกกหว้า ซำบอน ความจริงมีแค่ 2 ซำครับ ซำแฮกมาก กับ ซำแฮกน้อย Facepalm คือแบบ มันคำว่าเหนื่อยยังน้อยไป ผมเริ่มเดินแล้วก็หยิบไม้เท้าคู่ชีพมาอันนึงเพราะเห็นมีอยู่ระหว่างทาง แล้วก็เดินๆๆ ๆๆๆ ๆ ๆ

1 ชม. กับซำแฮก ผมนี่แฮกเลย โอ๊ยยย เดินลงกลับบ้านเลยดีไหมเนี่ย เพื่อนร่วมทางไม่มี คงมีแค่ต้นไม้ กับ ก้อนหินที่เข้าใจเรา T__T
แต่พอถึงแล้วก็เริ่มเห็นวิวมองลงไปที่พื้นดิน เริ่มมีกำลังใจล่ะ เพราะมันเริ่มสวยกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย







แล้วก็พักถ่ายรูปสัก 20 นาทีได้ แล้วก็ซื้อน้ำกับสปอนเซอร์ ทั้งหมด 45 บาท ( ในใจคิดทำไมแพงจุง แต่ลองคิดดู เราเดินขึ้นมาว่าเหนื่อยแล้ว คนพวกนี้เค้าแบกขึ้นมานะ ให้เค้าไปเถอะ = = ) แล้วก็ไม่รอช้า เดินไปซำต่อไปโลดด

Next Staion ซำบอน ( ซำแฮก 2 )



Next Station ซำกกกอก ( ซำแฮก 3 )



Next Station ซำกอซาง ( ซำแฮก 4 )



Next Station พร่านพรานแป ( ซำแฮก 5 )



Next Station ซำกกหว้า ( ซำแฮก 6 )



Next Station ซำกกไผ่ ( ซำแฮก 7 )



Next Station ซำกกโดน ( ซำแฮก 8 )



Next Station ซำแคร่ ( ซำแฮก 9  )




อากาศตรงซำแคร่ คือเราจะเห็นหมอกแล้ว หมอกกลางวันแสกๆเลย เย็นสบายยยย ( แต่เหงื่อนี่ท่วมเลยนะครับ -.- )

และก่อนถึงหลังแป ฝนก็ตกลงมา มันใช่เวลาตกไหมเนี่ยยยย ตกไม่เท่าไรยัง มีด่านทดสอบสุดท้าย
คือ . . . ด่านช้าง
แค่ชื่อก็อยากจะขี่พี่วัวลงเขาล่ะ อมยิ้ม20

ด่านช้าง หรือ ซำโคตรแฮก



และก่อนที่จะถึงหลังแป ก็เก็บตกภาพระหว่างทาง
เจอพี่ 2 คนนี้ คือแบบน่ารักมาก เดินช้า แต่ไม่ทิ้งกัน อิจฉาจังเลยแฮะ



ส่วนนี่คือรุ่นเดอะ แบบ 6-7 คนหัวใจพวกลุงนี่ไม่แก่เลย โหยยย ยอมเลย



ถ้า 2 รูปบนยังไม่พีค เรามีรูปนี้มาให้ชมกัน เป้ 12 โลของผมนี่เบาลงไปเลยครับ เจอพี่คนนี้เข้าไป ถังแก๊ส 2 ลูก
แม่เจ้าาาาาา อมยิ้ม24



และผมก็ถึงสักที หลังแป เย้ๆๆๆๆๆ ถึงแล้วโว๊ยยยยยยย . . .
ถึงหลังแปรประมาณ 10.35 น. เพราะหลังจากซำแฮก ผมนี่แฮกตลอดทางเพราะไม่แวะไม่พักอีกเลย
ใช้เวลาไป 3 ชม.



ห๊ะ อะไรนะ เดินอีก 3 กิโลเหรอ T__T
ห๊ะ อะไรนะ เปียกชุ่มไปหมดแล้ว เย็นถึงทรวงใน
แต่ไม่ได้ๆ ถึงป้ายแล้ว ถ่ายรูปก่อน เปียกก็จะถ่าย ฝนตกก็จะถ่าย



แล้วก็เริ่มเดินต่อได้ ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงเลย เออ เอาเลย อยากตกนัก ตกเลย เอาให้ชุ่มไปเล้ยยยยยยยย



อย่าไปท้อครับ เปียกก็สู้ครับ 5555
และแล้วผมก็ถึงที่พักแล้วโว๊ยยยยยยย น้ำตาจะไหล ดีใจยิ่งกว่าเดินถึงหลังแปอีก โดยถึงประมาณ 11.17 น. ใช้เวลาไปทั้งหมด

3 ชม. 43 นาที เหนื่อยสุดๆพอเห็นที่พัก หายเหนื่อยเลย 555



และก็ไปติดต่อที่ศูนย์บบริการนักท่องเที่ยว แล้วก็ทำเรื่องที่เคยจองเต็นไว้ในอินเตอร์เน็ต แล้วก็จองหมอน ถุงนอน ที่ศูนย์ได้เลย



แล้วก็ถามพี่เจ้าหน้าที่ผมจองเต็นที่เท่านี้ๆๆ มันอยู่ตรงไหน พี่เค้าบอกว่า เต็นไหนเปิดอยู่น้องนอนได้เลย คนไม่เยอะ เมื่อวานมีคนแค่ 300-400 คนเอง
หืมมมมมม จริงอ่า ได้เลยพี่ ผมนี่ไปเต็นริมๆ นอนห่างไกลจากผู้คนมาก





แล้วก็ตากเสื้อ ตากถุงเท้า เพราะแบบแฉะมาก แล้วก็ไปกินข้าวที่ร้านค้า
โดยก่อนไป ผมรู้อยู่แล้วว่าอาหารข้างบนจะแพงมาก ผมเลยเตรียมอาหารมาบ้างบางส่วน



น่าจะอยู่ได้อีก มื้อถึงสองมื้อ

โอเค หลังจากคำนวณไว้ล่ะว่าจะกินอาหารที่เตรียมมาตอนไหนยังไง ก็ดิ่งไปร้านทิพวรรณเลย ( ความจริงร้านอื่นก็ได้นะครับ แต่ผมรู้สึกอยากกินร้านนี้ 555 ไม่ได้สปอนเซอร์แต่อย่างใด แค่รู้สึกว่าร้านนี้น่าจะโอเค )

รูปอาหารกับราคาผมไม่ได้ถ่ายมานะครับ เพราะความหิวเข้าครอบงำ
สั่งไข่กระทะ 60 บาท
ข้าวผัดต้มยำหมู 60 บาท
โอวันตินร้อน 25 บาท
น้ำเปล่าเนสเล่ขวด 1.5 ลิตร 50 บาท
รวมทั้งหมด 195 บาท
สะอึกเล็กๆ แต่พร้อมจ่าย เพราะกินไปแล้วดิ้ ไม่จ่ายได้ไง 5555

หลังจากนั้นก็กลับมาเต็น เก็บของอยู่ดีๆ ฝนตกหนักกว่าเดิมอีก = = เอิ่มมม มันใช่เวลาไหมฝน เวลามีแค่ 2 วัน 1 คืนนะ หยุดเถอะคนดี ให้เราไม่เที่ยวเถอะ
เฮ้อออ วัยรุ่นเซ็ง นอนรอก็ได้ว้าาา



รอจนกระทั้ง 2 โมง ฝนเริ่มหยุด แต่ตาจะปิดล่ะ ไม่ได้ๆ มาเที่ยวเดี่ยวค่อยนอนก็เตรียมตัว แล้วก็หยิบเป้ลูกเล็กๆ ไม้เท้า หมวก ขาตั้งกล้อง แล้วก็เปลี่ยนเป็นแตะ พร้อมลุยครับผม !!

ถึงจุดพีคล่ะครับ ไว้มาต่อนะครับเนื้อที่หมด
ชื่อสินค้า:   ภูกระดึง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่