- ประสบการณ์ใหม่ หลากหลายความรู้สึก ที่ได้สัมผัสพร้อมกับปฏิบัติหน้าที่ความเป็น "ครู"


      สวัสดีครับ ผมเรียนจบคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาดนตรีศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
สมัยเรียนก็เล่นดนตรีกลางคืน เหมือนกับนักศึกษาวิชาดนตรีทั่วไป ซึ่งช่วงนั้นก็เป็นอะไรที่มีชีวิตชีวา สุดๆเหมือนกัน
จบออกมาปีแรกก็ไปเป็นครูสอนดนตรีที่โรงเรียนดนตรีแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งอาจารย์ของผมเป็นคนติดต่อให้ไปสอน
และก็มีผู้ใหญ่ที่ดีกับผมมากๆท่านนึง ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าของโรงเรียนดนตรีที่ผมสอน
พาผมไปสมัครเป็นครูผู้สอนที่โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฏร์ธานี
ผมสอนที่นั่นอยู่หนึ่งปี รวมๆแล้วผมใช้ชีวิตอยู่ที่สุราษฏร์ฯ ปีกว่า ได้รู้จักครูที่นั่นเพื่อนใหม่ๆ และผู้ใหญ่อีกหลายท่านในสุราษฏ์ฯ
ซึ่งดีกับผมมาก แต่ผมรู้สึกว่า ชีวิตในเมือง ไม่ว่าที่ไหน ก็วุ่นวายทั้งนั้น จึงตัดสินใจ มาใช้ชีวิตสงบๆที่บ้านเกิด ปัตตานี (ฟังดูเหมือนพระเอกนิดๆ)
         ผมสอบบรรจุเป็นพนักงานราชการ ครู ปัจจุบันสอนอยู่ที่ โรงเรียนบ้านคอลอมุดอ เป็นโรงเรียนอิสลามแบบเข้ม ขนาดใหญ่(มุสลิม100%)
สังกัด สพป.สข.3 นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ในยุคสมัยของคณะผู้บริหารโรงเรียน นายสมคิด ไฝสุข ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ นัยนา สยามพล และรองผู้อำนวยการ ศิริกาญจน์ ช่วยจันทร์ โรงเรียนตั้งอยู่ที่ ตำบลจะแหน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งห่างจากบ้านประมาณสี่สิบกิโลฯ และที่นี่เอง ทำให้ผมได้ใช้ความรู้ ทุกศาสตร์ที่มีอยู่ในหัวผมและที่อาจารย์สอนมาเลยก็ว่าได้ ความน่าประทับใจ สิ่งใหม่มากมาย เกิดขึ้นที่นี่ ทำให้รู้สึกว่า
เวลาที่นี่เดินเร็วกว่าปกติ อยู่ไปอยู่มา สอนไปสอนมา" 2 ปีแล้วเหรอนี่ "
         ประสบการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เริ่มขึ้นเมื่อเทอมที่แล้ว(1/2558) เป็นกิจกรรมการเยี่ยมบ้านของนักเรียน ซึ่งครูประจำชั้น และครูคู่ชั้นทุกคน
ต้องลงเยี่ยมบ้านนักเรียนให้ครบทุกคน (ไปบ้านนักเรียนโดยมีเข็มทิศนำทางอย่างเดียวคือปากนี่ก็ท้าทายไม่เบานะ)และวันนี้ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 เป็นการเยี่ยมบ้านในเทอมที่2 (2/2558) ผมเองครูประจำชั้น ห้อง ป.2/2 พร้อมด้วยครูคู่ชั้น พร้อมลุยแล้วครับ ^^
        
        เรามาถึงหลังแรกของวันนี้ บ้านของ ด.ช. สุกรียา ยูโซะ

บ้านหลังนี้ อยู่กันหกคนครับ พี่สาวสองคน น้องสาวหนึ่งคน พ่อแม่ และสุกรียา
ขึ้นบ้านเจอแม่ของสุกรียา ครูคู่ชั้นของผม ครูรอฮานี ซึ่งเป็นชาวมุสลิมเหมือนกัน ก็เริ่มทักทาย สนทนา
คนส่วนใหญ่ที่นี่ ใช้ภาษายาวีครับ บางคนนี่พูดภาษายาวี ได้อย่างเดียว แต่ฟังภาษากลางรู้เรื่อง บางคนก็พูดใต้ได้เลย
นักเรียนเราใช้ภาษากลางครับ ส่วนผมก็ฟังพอรู้เรื่องบ้างแล้วครับ แต่พูดได้แค่คำง่ายๆ เพราะภาษายาวีพูดยาก ลิ้นต้องไปด้วย ต้องใช้การฝึกฝนสักนิด
จะเขียนออกมาเป็นภาษาเขียนยังยาก นี่ครับโชคดีของผมแล้ว ที่ครูรอฮานีมาด้วย

นั่งคุยสักพัก ผมเหลือบไปเห็นในครัว พี่สาวของสุกรียากำลังวุ่นๆเพื่อจะทำอะไรสักอย่าง
ผมเลยเข้าไปแอบถ่ายภาพนี้มาครับ

กลับมานั่งสักแปบก็ได้คำตอบครับ นี่คือสิ่งเธอตั้งใจทำมาเลี้ยงต้อนรับ คุณครูของน้องชาย

ผมจะให้ทุกคนได้เห็นหน้าตาชัดๆนะครับ^^

รสชาตินี่อร่อยไม่เบาเลย แม่ของพวกเขาเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เธอรู้ข่าวว่าครูจะมาในวันพรุ่งนี้
เธอเตรียมหาไม้ฝืน สาคู ข้าวโพดและมะพร้าวสำหรับกระทิ ทันที ผมประทับใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ครอบครัวเล็กๆ กับชีวิตพอเพียง และความมีน้ำใจของพวกเขา ผมคงไม่มีวันลืม


มาต่อที่หลังที่ 2 ครับ
บ้านของ ด.ช.สุไฮมิง ยาลาแม

บ้านหลังนี้อยู่กันสี่คน ตายายน้องสาว และสุไฮมิง พ่อแม่ของสุไฮมิง ไปรับจ้างกรีดยางที่มาเลเซีย
เด็กทั้งสองต้องอยู่กับตายาย ไปถึง ยายและหลานทั้งสองก็มาจากเตรียมของให้คุณครูเหมือนกันครับ
มาจากไร่ พร้อมถือสิ่งนี้มาฝากครู

มาถึงหลังที่สองนี่ทำให้ผมคิดถึงความมีน้ำใจอย่างมากล้นของผู้ปกครอง ผมเริ่มปฏิเสธการให้
แต่เค้าไม่ยอมครับ ผมและครูรอฮานี เลยต้องยอม หลังนี้นั่งคุยไม่นาน เพราะเราเริ่มจำกัดเวลาให้ตัวเอง
เพื่อจะได้ไปให้ได้หลายหลัง เลยขอลาทุกคน เพื่อเดินทางสู่หลังต่อไป

หลังต่อไป เราเริ่มใช้เวลาขับรถหานานขึ้น นานขึ้น นาน และไกลออกไป ออกไป ออกไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ
ขึ้นเขา ลงห้วย ผ่านไป หลายจุด หลายจุด .....หลง.....! เราหลง!
เลยเก็บรูปนี้มาฝาก

เลี้ยวกลับขับมาเจอรถเพื่อนครูจอดอยู่ ร้านก๋วยเตี๋ยว (ก๋วยเตี๋ยวภาษายาวีเรียกมิง ร้านก๋วยเตี๋ยวเรียกว่า "กือดามิง")

จัดบะหมี่ฮายีไปหนึ่งชาม ขอบคุณครูปริศนาด้วยครับ

มีแรงแล้วเดินทางกันต่อ
ในที่สุดก็เจอบ้านนักเรียนอีกหนึ่งหลัง หลังจากเดินทางหลงไปไกล
บ้านของ ด.ช.อาราฟาคร์ แลมันเส็น
อาราฟาคร์ มีพี่น้องสามคน พี่ชายหนึ่งคน น้องชายหนึ่งคน พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับย่า
เพราะพ่อและแม่ ไปทำงานไกลบ้าน พ่อมีอาชีพขับรถบรรทุกไม้ยางพารา ส่วนแม่ทำงานในโรงงานปลากระป๋อง
นอกจากพวกเขาจะอยู่กับย่าแล้วยังมีเพื่อนบ้าน ซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน มาเล่นที่นี่อีกมากมาย เรียกว่าอื้อกันเลยทีเดียว

ใช่...พวกเขาแฮปปี้ดี ^^

และนี่คือวิธีรักษาสัตว์เลี้ยง ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ของพี่ชายอาราฟาคร์ เขาชื่อ อนัสมี
เขาใส่ใบตองแห้งลงไปเพื่อสมานแผล

หลังต่อไปใกล้ๆกัน และเราได้ไกด์นำทาง พวกเขาวิ่งนำ เห็นหลังไวๆ

มาถึงหลังนี้ นักเรียนและผู้ปกครอง ไม่อยู่ครับ

ดูเวลาเที่ยงแล้ว เดินทางมาถึงบ้านหลังต่อไป
บ้านของ ด.ญ. กัสมะห์ ยียูโสะ เข้าบ้านมาเจอภาพนี้เลยครับ...

กัสมะห์ มีพี่น้องสี่คน ซึ่งเป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว พ่อของเธอเพิ่งเสียไป ตอนต้นปี
บ้านนี้จึงเหลือเพียงเธอกับแม่สองคน แต่วันนี้ พี่สาวของเธอมาฝากหลานเอาไว้
เพื่อไปทำธุระในอำเภอ และดูเหมือนแม่ของกัสมะห์ จะรู้ใจอะไรบางอย่าง...

ข้าวร้อนๆ ไก่ต้มกระทิร้อนๆ พร้อม น้ำพริก บูดูน้ำใสจากนราฯ มีผักคือ มะเขือลวก แหมช่างลงตัวจริงๆครับ


ถึงตอนนี้ ผมคิดว่า เราคุยถึงเรื่องกินมากเกินไป แต่ต่ออีกนิดนนะครับ

ครับ ต่อด้วยขนม แป้งนิ่มๆ หอมกลิ่นไข่ มีไส้หนึบๆ รสชาติประมาณพวกเบอรี่
ชื่อขนมไม่ทราบนะครับ แต่ อร่อยมาก...

เดินทางกันต่ออย่างรวดเร็ว

มาต่อกันที่บ้านของมือขวาผมเอง ด.ช. บัยฮากี  แลมันเส็น

บ้านหลังนี้อยู่กันสามคนครับ บัยฮากี พ่อ และแม่ใหม่ แม่แท้ๆ ของบัยฮากีเสียชีวิต ตอนคลอดบัยฮากีครับ
บัยฮากี เป็นเด็กร่าเริง สนิทกับผมเพราะคุยง่ายใช้ง่ายไม่ดื้อ มุขเยอะ มาบ้านเขาวันนี้ผมจึงได้เห็นต้นฉบับของเขา

ผมประทับใจหลายๆอย่างในบ้านหลังนี้ แว๊ปแรกที่เดินเข้ามาผมเห็นสิ่งนี้ครับ

ไม่ใช่เสาตกน้ำมันแต่อย่างใด มันทำให้ผมนึกถึงขาตู้กับข้าว ในบ้านยายสมัยเด็กๆ ต่างกันที่มันคือเสาบ้าน
เสาทุกต้นถูกทำแบบนี้ ใส่น้ำมันเครื่องเอาไว้เพื่อกันมด ปลวก ขึ้นบ้าน เป็นภูมิปัญาที่ใช้ได้ผลดีเยี่ยม

พ่อของบัยฮากียังเป็นช่างหัตถกรรม นี่คือพื้นของแคร่ไม้ไผ่ที่เห็นไปเมื่อสักครู่

หลักการต่อไปนี้ เรื่องว่า แท็งค์ น้ำบ้านนี้แรงตลอดเวลา

ไม่ธรรมดาเลยนะบ้านนาย

ลาบ้านบัยฮากี ไปด้วยภาพอุโมงค์ผัก เยี่ยมจริงๆ

เดินทางกันต่อ
คงจะเป็นหลังสุดท้านของวันนี้เพราะเวลาจำกัด
บ้านของ ด.ช. มุคลิศ เระสะอะ บ้านนี้อยู่กันหกคนครับ พี่สาวสองคน น้องสาวหนึ่งคน
มุคลิศ แม่ และ พ่อใหม่ พี่น้องร่วมกันกับมุคลิศ มีสามคนคือพี่สาวสองคน และตัวเขา ส่วนน้องสาวคือพี่น้องต่างพ่อ
พ่อแม่เขาแยกทางกันตั้งแต่เค้ายังเล็กๆ แต่จากการคุยกับพ่อใหม่ ซึ่งพูดภาษาใต้กัน ดูๆแล้วพ่อใหม่ก็รักมุคลิศเหมือนลูกแท้ๆ
ดูแลดี ไปรับไปส่งกันบ่อย มุคลิศ เป็นเด็กที่มีปัญหาเรื่องทำงานช้า ไม่ใช่เพราะมัวแต่คุยหรือเล่นนะครับ ช้าธรรมชาติ แต่อ่านออก เขียนถูก
นั่งคุยสักพัก ก็ต้องขอตัวกลับก่อนครับเพราะกลัวจะมืด

จบการเยี่ยมบ้านของวันนี้
......เดี่ยวผมจะต่อด้วยภาพจากคุณครูท่านอื่น ทั้งจากการเยี่ยมบ้านเทอมนี้และเทอมที่แล้วครับ ซึ่งภาพที่ผมคัดมาแต่ละภาพ สะท้อนอะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว รอติดตามชมนะครับ....
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่