สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์หลอนเบาๆที่เจอมาในชีวิต
ชอบอ่านเรื่องของคนอื่นมาตลอด เลยลองมาแบ่งปันความหลอนเบาๆบ้างดีกว่า
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง 100% สถานที่จริง ชื่อคนจริง(น้องไม่ค่อยเข้ามาอ่าน อิอิ)
อาจจะมีหลายตอน ขอแบ่งเป็นตอนๆไปนะคะ
ปล.บางคำอาจใช้ภาษาไม่ถูกต้อง เน้นอ่านง่ายๆบ้านๆไม่ดราม่ากันเน๊อะ
เรื่องที่ 1 หลานรักของยาย (โดนกะตัวเอง)
ตอนเราอายุ 14-15 ตอนนั้นยายจากพวกเราไปด้วยโรคเบาหวาน
ก่อนยายจะจากไป ยายรบกะโรคเบาหวานอยู่นานหลายปี เริ่มจากมีปัญหาที่นิ้วเท้า
ตัดนิ้วเท้าออก โรคมันไม่พอใจ ตื้อไม่ลดละ โรคมันลามกินเนื้อไปอีกจนต้องตัดไปครึ่งหน้าแข้ง
สุดท้ายตัดขึ้นไปยันขาอ่อนบน ตัดข้างเดียวอีกข้างยังอยู่ (อย่างที่รู้ๆกันโรคเบาหวานแผลหายยาก)
เวลายายจะออกกำลังกายเดินไปไหนมาไหนยายจะใช้ไม้เท้าแบบ 4 ขาแบบสี่เหลี่ยม(เรียกไม่ถูก แหะๆ)
และก็จะมีไม้เท้ากายสิทธิ์เอาไว้เคาะเรียกคนที่อยู่ชั้น 2 (บ้านเป็น 2 ชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างเป็นปูน)
ยายตัดขาเดินขึ้นชั้น 2 ไม่ได้เลยต้องนอนข้างล่าง
ทุกๆวันยายจะต้องตะโกนเรียกเรา(เรียกคนแรกเลยหลานตั้งหลายคนไม่เรียก แม่เราเป็นลูกคนเล็กลูกรักของยายเราเลยกลายเป็นหลานรักไปโดยปริยาย)
ยายเรียกเพื่อใช้ให้เราตักน้ำเอามาให้ยายล้างหน้า / เปิดทีวี / ตั้งกาน้ำร้อน / ซื้อยานัตถุ์ เด็ดสุดคือเทกระโถนฉี่-อึ หึหึ
ยายเดินไม่สะดวกนิ จำเป็นต้องใช้กระโถน กลิ่นนี่แบบตราตรึงมากกกก
พอยายเสียได้ไม่กี่วันแต่จำได้ว่าเลิกใส่ชุดดำกันแล้ว วันนั้นญาติยังอยู่หลายคนกำลังล้อมวงกินข้าวกันอยู่หน้าบ้าน
ส่วนตัวเรายืนหันหลังให้กับบ้าน กินไปคุยกันไปกันอย่างออกรส มีเสียงเรียกที่คุ้นเคยเรียกอยู่ข้างหลัง “ปลาเอ้ยยยย”
น้ำเสียงปกติมากไม่เย็นไม่ยาน เหมือนเรียกไปใช้ปกติเหมือนที่ยายเคยเรียก
เรานี่หน้าซีดยืนนิ่งข้าวไม่เคี้ยวจนแม่ถามว่าเป็นอะไร เราก็เลยกระซิบถามแม่ว่า แม่ๆเมื่อกี้ได้ยินเสียอะไรไหม แม่บอก หึ๊..ไม่ได้ยินอ่ะ
เราเลยบอกว่าเมื่อกี้ยายเรียกหนูอ่ะ เท่านั้นแหละแม่น้ำตาไหลพราก ปากก็บอกว่าอย่ามาให้หนู(แม่)เห็นนะ อยากได้อะไรให้มาเข้าฝัน
หืมมม...สรุปแม่กลัวยายซะงั้น 555
หลังจากวันนั้นเราก็ไม่เคยได้ยินเสียงยายอีกเลย มีแต่ลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คนที่โดน
ตั้งแต่ยายเสีย หลายปีที่ผ่านมาเราสัมผัสได้ว่ายายยังไม่ไปไหนยังอยู่ใกล้ๆเราเพราะทุกๆวันสำคัญ วันครบรอบวันตาย วันพระใหญ่
เราจะได้กลิ่นกระโถนกับกลิ่นยานัตถุ์ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไปอยู่ ตจว.ขนาดอยู่ต่างประเทศยังได้กลิ่น
อันนี้ไม่ได้มโนไปเอง ก่อนได้กลิ่นไม่ได้นึกถึงยายเลย กำลังทำกิจวัตประจำวันปกติอยู่ๆกลิ่นก็โชยเข้าจมูก
อย่างที่บอกกลิ่นกระโถนมันเป็นอะไรที่ตราตรึงจมูกมาก จำได้ไม่มีลืมมมม
ก็ไม่ได้กลัวนะคิดเสมอว่ายายคงจะเป็นห่วง มโนเอาเองว่ายายคงมาดูแลเลยไม่กลัว 555
จบเรื่องหลานรักของยาย
หลานรัก ประสบการณ์หลอนเบาๆ
ชอบอ่านเรื่องของคนอื่นมาตลอด เลยลองมาแบ่งปันความหลอนเบาๆบ้างดีกว่า
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง 100% สถานที่จริง ชื่อคนจริง(น้องไม่ค่อยเข้ามาอ่าน อิอิ)
อาจจะมีหลายตอน ขอแบ่งเป็นตอนๆไปนะคะ
ปล.บางคำอาจใช้ภาษาไม่ถูกต้อง เน้นอ่านง่ายๆบ้านๆไม่ดราม่ากันเน๊อะ
เรื่องที่ 1 หลานรักของยาย (โดนกะตัวเอง)
ตอนเราอายุ 14-15 ตอนนั้นยายจากพวกเราไปด้วยโรคเบาหวาน
ก่อนยายจะจากไป ยายรบกะโรคเบาหวานอยู่นานหลายปี เริ่มจากมีปัญหาที่นิ้วเท้า
ตัดนิ้วเท้าออก โรคมันไม่พอใจ ตื้อไม่ลดละ โรคมันลามกินเนื้อไปอีกจนต้องตัดไปครึ่งหน้าแข้ง
สุดท้ายตัดขึ้นไปยันขาอ่อนบน ตัดข้างเดียวอีกข้างยังอยู่ (อย่างที่รู้ๆกันโรคเบาหวานแผลหายยาก)
เวลายายจะออกกำลังกายเดินไปไหนมาไหนยายจะใช้ไม้เท้าแบบ 4 ขาแบบสี่เหลี่ยม(เรียกไม่ถูก แหะๆ)
และก็จะมีไม้เท้ากายสิทธิ์เอาไว้เคาะเรียกคนที่อยู่ชั้น 2 (บ้านเป็น 2 ชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างเป็นปูน)
ยายตัดขาเดินขึ้นชั้น 2 ไม่ได้เลยต้องนอนข้างล่าง
ทุกๆวันยายจะต้องตะโกนเรียกเรา(เรียกคนแรกเลยหลานตั้งหลายคนไม่เรียก แม่เราเป็นลูกคนเล็กลูกรักของยายเราเลยกลายเป็นหลานรักไปโดยปริยาย)
ยายเรียกเพื่อใช้ให้เราตักน้ำเอามาให้ยายล้างหน้า / เปิดทีวี / ตั้งกาน้ำร้อน / ซื้อยานัตถุ์ เด็ดสุดคือเทกระโถนฉี่-อึ หึหึ
ยายเดินไม่สะดวกนิ จำเป็นต้องใช้กระโถน กลิ่นนี่แบบตราตรึงมากกกก
พอยายเสียได้ไม่กี่วันแต่จำได้ว่าเลิกใส่ชุดดำกันแล้ว วันนั้นญาติยังอยู่หลายคนกำลังล้อมวงกินข้าวกันอยู่หน้าบ้าน
ส่วนตัวเรายืนหันหลังให้กับบ้าน กินไปคุยกันไปกันอย่างออกรส มีเสียงเรียกที่คุ้นเคยเรียกอยู่ข้างหลัง “ปลาเอ้ยยยย”
น้ำเสียงปกติมากไม่เย็นไม่ยาน เหมือนเรียกไปใช้ปกติเหมือนที่ยายเคยเรียก
เรานี่หน้าซีดยืนนิ่งข้าวไม่เคี้ยวจนแม่ถามว่าเป็นอะไร เราก็เลยกระซิบถามแม่ว่า แม่ๆเมื่อกี้ได้ยินเสียอะไรไหม แม่บอก หึ๊..ไม่ได้ยินอ่ะ
เราเลยบอกว่าเมื่อกี้ยายเรียกหนูอ่ะ เท่านั้นแหละแม่น้ำตาไหลพราก ปากก็บอกว่าอย่ามาให้หนู(แม่)เห็นนะ อยากได้อะไรให้มาเข้าฝัน
หืมมม...สรุปแม่กลัวยายซะงั้น 555
หลังจากวันนั้นเราก็ไม่เคยได้ยินเสียงยายอีกเลย มีแต่ลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คนที่โดน
ตั้งแต่ยายเสีย หลายปีที่ผ่านมาเราสัมผัสได้ว่ายายยังไม่ไปไหนยังอยู่ใกล้ๆเราเพราะทุกๆวันสำคัญ วันครบรอบวันตาย วันพระใหญ่
เราจะได้กลิ่นกระโถนกับกลิ่นยานัตถุ์ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไปอยู่ ตจว.ขนาดอยู่ต่างประเทศยังได้กลิ่น
อันนี้ไม่ได้มโนไปเอง ก่อนได้กลิ่นไม่ได้นึกถึงยายเลย กำลังทำกิจวัตประจำวันปกติอยู่ๆกลิ่นก็โชยเข้าจมูก
อย่างที่บอกกลิ่นกระโถนมันเป็นอะไรที่ตราตรึงจมูกมาก จำได้ไม่มีลืมมมม
ก็ไม่ได้กลัวนะคิดเสมอว่ายายคงจะเป็นห่วง มโนเอาเองว่ายายคงมาดูแลเลยไม่กลัว 555
จบเรื่องหลานรักของยาย